โตโยต้า วีออส (อังกฤษ: Toyota Vios , Yaris Sedan ) เป็นรถรุ่นตระกูลที่โตโยต้า ออกแบบมาเพื่อมาแทนที่รถรุ่นโซลูน่า (Soluna) เริ่มผลิตรุ่นแรกใน พ.ศ. 2545 โดยจัดเป็นรถขนาดเล็กมาก (Subcompact Car) โดยทั่วไปจะนิยมนำรถวีออสไปใช้งานเป็นรถยนต์ส่วนตัวและเชิงพาณิชย์(บางบริษัท) แต่มีการนำไปใช้เป็นรถแท็กซี่ในบางประเทศ เช่นในอินโดนีเซีย จะมีรถวีออสสำหรับทำเป็นแท็กซี่จำหน่ายในชื่อ "โตโยต้า ลิโม่" (ต่างจากในประเทศไทย ที่รถโตโยต้า ลิโม่ คือรุ่นโคโรลล่าที่มีการตัด Option ต่างๆ ออก เพื่อให้รถมีราคาถูก เหมาะกับการซื้อไปเป็นแท็กซี่เช่า) และมีการนำไปปรับแต่งและใช้เป็นรถแข่ง วีออส เป็นคู่แข่งทางธุรกิจกับรถยนต์หลายรุ่น ที่สำคัญๆ คือ ฮอนด้า ซิตี้, เชฟโรเลต อาวีโอ ด้วยความที่ถูกออกแบบมาให้เป็นรถส่วนบุคคลขนาดเล็กราคาถูก รุ่นที่ 1 (XP40: พ.ศ. 2545-2550)[แก้]โตโยต้า วีออส โฉมแรกนี้ ผลิตในประเทศไทยที่ โรงงานโตโยต้าเกตเวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา โรงงานในประเทศฟิลิปปินส์ และในประเทศจีน โดยส่งออกไปขายยัง อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, บรูไน, สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยรถวีออสโฉมที่ 1 ในประเทศเหล่านี้จะใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE ความจุ 1.5 ลิตร สำหรับรถวีออสโฉมนี้ในประเทศฟิลิปปินส์จะใช้เครื่องยนต์ 2NZ-FE ความจุ 1.3 ลิตร ส่วนรถวีออสโฉมนี้ในประเทศจีนจะใช้เครื่องยนต์แบบ 8A-FE โดยโฉมแรกนี้ เริ่มขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2546 มีตัวถังแบบเดียว คือ แบบซีดาน 4 ประตู โดยในระยะแรกในประเทศไทยจะจำหน่ายในชื่อ โตโยต้า โซลูน่า วีออส (Toyota Soluna Vios) เพื่อแสดงว่าเป็นโฉมใหม่ของโตโยต้า โซลูน่า และยังได้บริตนีย์ สเปียส์มาเป็นพรีเซ็นเตอร์แต่ต่อมาจึงได้ยกเลิกชื่อโซลูน่า เพื่อทำการตลาดในชื่อรุ่นชื่อใหม่ คือ "วีออส" รุ่นย่อยในประเทศไทยได้แก่ 1.5 S, 1.5 E และ 1.5 J
ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ได้มีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์มาตรฐานเล็กน้อยในรุ่น 1.5 J โดยมีการเปลี่ยนกระจกมองข้างและมือจับประตูด้านนอกเป็นสีเดียวกับตัวรถ โดยกระจกมองข้างยังคงปรับด้วยมือ ส่วนภายในมีการเปลี่ยนกระจกหน้าต่างจากแบบมือหมุนทั้ง 4 บาน เป็นแบบไฟฟ้าทั้ง 4 บาน พร้อมระบบเลื่อนขึ้นและลงด้านคนขับแบบอัตโนมัติ ส่วนอุปกรณ์มาตรฐานอื่นๆยังเหมือนเดิม และเมื่อต้นปี พ.ศ. 2549 ได้มีการปรับโฉม (Minor Change) วีออส เทอร์โบ[แก้]โตโยต้า วีออส โฉมแรกนี้ เคยมีการผลิตและจำหน่ายรุ่นพิเศษ คือโตโยต้า วีออส เทอร์โบ (อังกฤษ: Toyota Vios Turbo) โดยมีการจัดทำรถรุ่นนี้ขึ้นในจำนวน 600 คัน และจำหน่ายเฉพาะในประเทศไทย โดยรุ่นพิเศษนี้ ยังคงเป็นเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรแบบเดิม แต่มีการติดตั้งเทอร์โบ และระบบอินเตอร์คูลเลอร์โดยสำนักแต่งรถ TRD หรือ Toyota Racing Development ซึ่งเป็นสำนักแต่งรถที่ขึ้นกับโตโยต้า ประเทศญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้มีแรงม้าเพิ่มขึ้นเป็น 143 แรงม้า นอกจากนี้ยังได้เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่งตัวรถ ทำให้ดูแตกต่างไปจากรุ่นปกติ รายละเอียดทางเทคนิค[แก้]
รุ่นที่ 2 (XP90: พ.ศ. 2550-2555)[แก้]โฉมที่สองของวีออสเปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ในปี 2549 โดยใช้ชื่อว่า "โตโยต้า เบลต้า" และเปิดตัวในตลาดอเมริกาเหนือ, ตะวันออกกลาง, อเมริกาใต้, ลาตินอเมริกา, ออสเตรเลีย ช่วงต้นปี 2550 โดยใช้ชื่อ "โตโยต้า ยาริส ซีดาน" ส่วนในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้ชื่อว่า "โตโยต้า วีออส" เปิดตัวในประเทศไทยครั้งแรกวันที่ 8 และ 9 มีนาคม พ.ศ. 2550 ที่สยามพารากอน นอกเหนือจากการใช้เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลแล้ว ยังมีการนำไปปรับแต่งและใช้เป็นรถแข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขัน โตโยต้า วีออส วันเมคเรซ ซึ่งเป็นการแข่งรถในประเทศไทยที่ทางโตโยต้าจัดขึ้น การแข่งรถมี 2 รุ่นได้แก่ Toyota Vios One Make Race Class C Toyota Vios One Make Race Lady Cup นักแข่งดาราในนามของ Toyota Team Star. (2010 - 2012) รุ่น Vios One Make Race Class C อธิกิตติ์ พริ้งพร้อม , วริษฐ์ ทิพโกมุท , ศิริศิลป์ โชติวิจิตร (กวาง เอบีนอร์มอล) , รุ่น Vios One Make Race Lady Cup ชัชฎาภรณ์ ธนันทา , สุคนธวา เกิดนิมิตร , เฟี้ยวฟ้าว สุดสวิงริงโก้ , ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ , นาตาลี เดวิส , แอริณ ยุกตะทัต , อารยา เอ ฮาร์เก็ต ในปี 2550 - 2551 ในเมืองไทยมีการแบ่งการผลิตวีออสออกเป็น 3 รุ่นมาตรฐาน ได้แก่
และเพิ่ม 3 รุ่นพิเศษ ได้แก่
ความปลอดภัย[แก้]ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) แบบ 4 channel 4 Sensor ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) จะช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกโดยการแปรผันตามน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อและควบคุมแรงเบรกขณะเข้าโค้งอย่างอิสระ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุล ป้องกันการไถลของล้อขณะเข้าโค้งและเหยียบเบรกกะทันหัน ในกรณีบรรทุกเต็มพิกัด ระบบ EBD จะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อคู่หลังขณะบรรทุก และ ควบคุมแรงเบรกของล้อทั้งหมดขณะเข้าโค้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการหยุดให้สูงที่สุด ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกในระบบ โดยคอมพิวเตอร์จะอ่านค่าจากการเหยียบของผู้ขับว่ามีแรงกระทำมากและนานเท่าไร ช่วยเสริมการหยุดรถได้ในระยะที่สั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบปกป้องเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พัฒนาการล่าสุดของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน ให้ถ่ายเทไปสู่ส่วนต่างๆ ของตัวถัง เพื่อให้ลดความเสียหายห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยระบบดูดซับแรงกระแทกที่สามารถดูดซับแรงกระแทกลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างเพิ่มความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอก จากแรงปะทะซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า (ในรุ่น E Safety, G, G-Limited, S-Limited) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL Concept ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง
ผลทดสอบ
ส่วนรุ่น G / G Limited / S Limited ยังคงสเปคเดิมทุกประการเหมือนปี 2007
ต่อมาในช่วงปลายปี 2555 ต้นปี 2556 ได้มีการปรับอุปกรณ์อีกครั้ง โดยให้มีแอร์แบคคู่หน้าในทุกรุ่นย่อย ไฟหน้ารมดำในทุกรุ่นย่อย กลับมาใช้พวงมาลัยทรงเดียวกับปี 2007 (แต่รุ่น G และ G Ltd. ยังคงสเปคเดิมคือพวงมาลัยทรงสปอร์ต) และสำหรับรุ่นที่มีล้อแม็ก จะเป็นแม็กอัลลอย 12 ก้านขนาด 15 นิ้ว (ลายเดียวกับปี 2553) รมดำให้ความสปอร์ตมากขึ้น
มีระบบ Hill Sensing Control สำหรับการปีนป่ายขึ้นที่สูงและลงทางลาดชันได้อย่างไร้กังวล ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหามุมองศาของการปีนป่ายที่สูงและลงทางชัน ระบบคอมพิวเตอร์จะป้องกันไม่ให้เปลี่ยนไปที่เกียร์สูงสุดโดยไม่จำเป็น หรือไม่ลดลงไปเกียร์ต่ำสุดเพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อกรณีปีนป่ายที่สูงและไม่ลาดชันจนเกินไป และในขาลง ก็จะคงที่ไว้ที่เกียร์สามเพื่อการขับขี่ที่มั่นคง และเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเรียนรู้การขับขี่ในแต่ละสภาพถนน เพื่อปรับเปลื่ยนจังหวะเกียร์ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
รายละเอียดทางเทคนิค[แก้]
รุ่นที่ 3 (XP150: พ.ศ. 2556-ปัจจุบัน)[แก้]โฉมที่ 3 ของวีออสเปิดตัวครั้งแรกของโลกที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556 โดยมีสโลแกนว่า Have It All โดยรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ได้รับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจากรุ่นที่ 2 แต่ยังคงใช้เครื่องยนต์ 1 NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก./ม. เหมือนรุ่นแรก พร้อมทั้งมีพรีเซนเตอร์คนใหม่ จิรายุ ตั้งศรีสุข และ จรินทร์พร จุนเกียรติ มีให้เลือกทั้งหมด 7 สีซึ่งได้แก่ 1. สีขาว 2. สีเบจ 3. สีเงิน 4. สีดำ 5. สีน้ำตาล 6. สีเทา 7. สีแดง โดยมีให้เลือก 4 รุ่นดังนี้ รุ่น J
(เฉพาะรุ่น S และ G จะได้กระจกบังลมหน้ากันเสียงรบกวน Acoustic Glass )
เพิ่มไฟเลี้ยวที่กรอบกระจกมองข้าง และ กระจกมองข้างสามารถพับเก็บด้วยไฟฟ้า
รุ่น TRD Sportivo IV แต่เปลื่ยนล้ออัลลอย 15 นิ้วลายใหม่ ไฟหน้าโปรเจกต์เตอร์รมดำ กระจังหน้าสีดำ สติ๊กเกอร์ด้านข้างลายใหม่ ไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ฝังในสเกิร์ตหน้าใต้ไฟตัดหมอก พร้อมชุดสเกิร์ตและสปอยเลอร์ TRD แบบใหม่รอบคัน เบาะนั่งโดยสารปักเย็บลายใหม่พร้อมสลักตัวอักษร TRD จอเครื่องเสียงแบบใหม่หลักการทำงานคล้าย Ui ของ ANDROID ขนาด 7 นิ้วพร้อมกล้องมองหลังรองรับ Dolby Digital CD DVD การฟังเพลงผ่าน Bluetooth การโทรศัพท์และยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียง (รุ่น TRD Sportivo V นี้ ไม่มี ระบบ ABS ป้องกันล้อล็อกและดิสเบรกหลังยังเป็นดรัมเบรกเพราะพื้นฐานมาจากตัว J ) ราคาอย่างเป็นทางการของโตโยต้า วีออส ปี 2556 - 2558
ทุกแบบใช้เครื่องยนต์ 1NZ-FE 1.5 ลิตร 109 แรงม้า และแรงบิด 14.4 กก./ม. เหมือนวีออสโฉมปี 2550 - 2556 โดยมีการปรับเปลื่ยนคือ
และยังคงใช้ชุดเกียร์อัตโนมัติแบบร่องหยัก รหัสเกียร์ U341E เหมือนโฉมที่แล้ว ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ Super ECT มีระบบ Hill Sensing Control สำหรับการปีนป่ายขึ้นที่สูงและลงทางลาดชันได้อย่างไร้กังวล ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อหามุมองศาของการปีนป่ายที่สูงและลงทางชัน โดยคอมพิวเตอร์จะป้องกันไม่ให้เปลี่ยนไปที่เกียร์สูงสุดโดยไม่จำเป็น หรือไม่ลดลงไปเกียร์ต่ำสุดเพื่อป้องกันการลื่นไถลของล้อกรณีปีนป่ายที่สูงและไม่ลาดชันจนเกินไป และในขาลง ก็จะคงที่ไว้ที่เกียร์สามเพื่อการขับขี่ที่มั่นคง และเบรกอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเรียนรู้การขับขี่ในแต่ละสภาพถนน เพื่อปรับเปลื่ยนจังหวะเกียร์ให้ขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ความปลอดภัย[แก้]ระบบป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ระบบเบรก ABS (Anti-lock Braking System) แบบ 4 channel 4 Sensor ป้องกันล้อล็อกขณะเบรกกะทันหัน หรือเบรกบนถนนลื่น ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake-Force Distribution) จะช่วยกระจายแรงดันน้ำมันเบรกโดยการแปรผันตามน้ำหนักที่กดลงในแต่ละล้อและควบคุมแรงเบรกขณะเข้าโค้งอย่างอิสระ ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเบรกให้มีความสมดุล ป้องกันการไถลของล้อขณะเข้าโค้งและเหยียบเบรกกะทันหัน ในกรณีบรรทุกเต็มพิกัด ระบบ EBD จะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกที่ล้อคู่หลังขณะบรรทุก และ ควบคุมแรงเบรกของล้อทั้งหมดขณะเข้าโค้งเพื่อเสริมประสิทธิภาพการหยุดให้สูงที่สุด ระบบเสริมแรงเบรก BA (Brake Assist) ในกรณีเบรกแบบกะทันหัน ระบบ BA จะช่วยเพิ่มแรงเบรกในระบบ โดยคอมพิวเตอร์จะอ่านค่าจากการเหยียบของผู้ขับว่ามีแรงกระทำมากและนานเท่าไร ช่วยเสริมการหยุดรถได้ในระยะที่สั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA พัฒนาการล่าสุดของโครงสร้างตัวถังนิรภัย GOA ที่ให้ความปลอดภัยมาตรฐานระดับโลกด้วยโครงสร้างห้องโดยสารที่แข็งแกร่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซับแรงกระแทกจากการชน ให้ถ่ายเทไปสู่ส่วนต่างๆของตัวถัง เพื่อให้เกิดความเสียหายต่อห้องโดยสารน้อยที่สุด โดยระบบดูดซับแรงกระแทกที่สามารถดูดซับแรงกระแทกลดความรุนแรงจากการชนด้วยการกระจายแรงสู่ตัวถัง พร้อมคานนิรภัยด้านหน้าและด้านข้างเพิ่มความแข็งแกร่ง และความปลอดภัยให้กับห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน ระบบลดแรงกระแทกศีรษะด้านข้าง ออกแบบเพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ศีรษะของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS AIRBAG 2 ตำแหน่งปกป้องทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ช่วยลดการบาดเจ็บของศีรษะและหน้าอก จากแรงปะทะซึ่งเกิดจากการชนด้านหน้า เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าพร้อมระบบกลไกดึงกลับ และผ่อนแรงดึงอัตโนมัติ (Pretensioner & Force Limiter) ช่วยรั้งร่างกายผู้ขับขี่และผู้โดยสารให้แนบกับเบาะเมื่อเกิดการชน ป้องกันการบาดเจ็บจากแรงกระแทก เบาะนั่งคู่หน้าแบบ WIL Concept ป้องกันการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอเมื่อเกิดการชนจากด้านหลัง (โฉมปี 2013 1NZ-FE ไม่มีระบบการทรงตัว VSC ทุกรุ่น ใน ปี 2013 ) (เฉพาะโฉมเครื่อง 2NR-FBE ในปี 2559 ได้ระบบการทรงตัว VSC ทุกรุ่นในปี 2016) รายละเอียดทางเทคนิค[แก้]
ในปี พ.ศ. 2559 ได้มีการออกตัวถัง MY2016 เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ใหม่ รหัส 2NR-FBE พร้อมเกียร์ CVT และยกระดับความปลอดภัยมากขึ้น สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนไปใช้เครื่องใหม่เนื่องจากเทคโนโลยีของ 1NZ-FE เก่าแล้วทำให้เกิดการปล่อยไอเสียเยอะกว่าและอัตราการประหยัดน้ำมันแย่กว่าเดิม Toyota จึงได้วิจัยเครื่องใหม่ มีชื่อว่า 2NR-FBE เครื่องนี้มีความจุ 1496cc จับคู่กับเกียร์อัตราทดแปรผันเป็น CVT 7 สปีดแล้วซึ่งการวิจัยเครื่องนี้เน้นการเร่งอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและประหยัดน้ำมันได้อีก 70% จากเครื่อง 1NZ-FE ที่เป็นเทคโนโลยีเก่าเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด รายละเอียดทางเทคนิค[แก้]
วีออส ปี 2559 ได้มีการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 2NR-FBE และอิงออปชั่นจากตอนเปิดตัวปี 2556 และภายในทุกรุ่นเปลี่ยนแค่ฐานเกียร์ใหม่แบบ +/- โดยยังคงรูปแบบร่องหยัก (Gate Type) พร้อม Shift Lock เหมือนเดิม โดยมีราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้
โดยรุ่นย่อยใหม่ 1.5 Exclusive CVT โดยพื้นฐานมาจากรุ่น E มีอุปกรณ์ที่แตกต่างดังนี้ ภายนอก
ภายในห้องโดยสาร
วีออส โฉมปี 2559 ที่ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE มีระบบความปลอดภัยในทุกรุ่นย่อยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงาน เช่น ระบบ ABS, EBD, BA, VSC พร้อมสวิตช์ เปิด - ปิด การทำงาน อยู่บริเวณฝั่งคนขับ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และถุงลมนิรภัยคู่หน้า โตโยต้าได้ยกเลิกเกียร์ธรรมดาในวีออส ทำให้รุ่นย่อย 1.5 E M/T และ 1.5 J M/T ถูกยกเลิกไปในช่วงของการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งนั่นแสดงว่าโตโยต้าไม่มีรถยนต์นั่งขนาดเล็กเกียร์ธรรมดาในไทยในช่วงเวลานี้ เพราะ โตโยต้า ยาริส เครื่องยนต์ 1.2 ลิตรก็เปิดตัวด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ทั้งหมด เหลือเพียงรถยนต์นั่งขนาดกลางอย่าง "โคโรลล่า อัลติส ไมเนอร์เชนจ์" รุ่นย่อย J M/T ในราคา 799,000 เพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น รุ่นปรับปรุงปี 2560[แก้]
โตโยต้า วีออส รุ่นปรับโฉมปี 2560 โตโยต้า ยาริส เอทีฟ คู่หูของ โตโยต้า วีออส รุ่นปรับปรุงปี 2560 ของโตโยต้า วีออส เปิดตัวเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ตามหลังประเทศจีน โดยมีกระจังหน้าแบบใหม่ที่เหมือนโตโยต้า วีออส โฉมจีน และโตโยต้า คัมรี่โฉม XV60 ที่เปิดตัวไปก่อนหน้า ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE เหมือนรุ่นปรับโฉมปี 2559 และมีระบบความปลอดภัย เช่น กระจกมองข้างปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยว, ABS, EBD, BA, VSC พร้อมสวิตช์ เปิด - ปิด การทำงาน อยู่บริเวณฝั่งคนขับ, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC และถุงลมนิรภัยคู่หน้า ในทุกรุ่นย่อย ซึ่งตั้งแต่รุ่น E ขึ้นไปจะมีไฟตัดหมอกหน้าและเซนเซอร์กะระยะด้านท้ายเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และตั้งแต่รุ่น G ขึ้นไปจะมีจอสัมผัสขนาด 7 นิ้วเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน มีราคาเปลี่ยนแปลงดังนี้
จนถึงทุกวันนี้ทำยอดขายที่เริ่มจะน้อยลง เนื่องจาก โตโยต้า ยาริส เอทีฟ มียอดขายสูงกว่า Toyota ส่ง Vios MY2019 “ Super SPEC ” ด้วยการเปลื่ยนชื่อรุ่นย่อยเช่น Entry, Mid และ High พร้อมกับปรับอุปกรณ์มากขึ้นเช่น กล้องติดหน้ารถยนต์,ไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED,รุ่น Mid เพิ่มออฟชั่นให้กับรุ่น High เช่น ไฟหน้า LED,หน้าจอสัมผัส 7 นิ้ว และอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา อีกทั้ง ยกเลิกทำตลาดรุ่นย่อย 1.5 E CVT และ ภายในห้องโดยสารสีเบจ
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปใน VIOS MY2019
รุ่นที่ 4 (AC100; พ.ศ. 2565-ปัจจุบัน)[แก้]
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2565 บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์ ALL NEW TOYOTA YARIS ATIV ที่ TOYOTA ALIVE บางนา กม.3 โดยได้ทำโครงสร้างตัวถังใหม่ ภายใต้แพลตฟอร์ม Daihatsu New Global Architechture (DNGA) จากความร่วมมือของทั้งโตโยต้า และไดฮัทสุ[2] และออกแบบสไตล์ ”Fastback style” ส่งผลให้ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศต่ำเพียง 0.284 ทุกรุ่นของรุ่นนี้ จะมาพร้อมกับ Push start , ชุดไฟหน้า Full LED , ล้ออัลลอยด์ Two tone ขนาด 16 นิ้ว , พวงมาลัยปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มเลือกโหมดการขับขี่ ECO / Normal / Power บนพวงมาลัย และวิทยุหน้าจอสัมผัส พร้อมรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ในแง่ความปลอดภัย ทุกรุ่น จะมาพร้อมกับอุปกรณ์ความปลอดภัยมาตรฐาน แต่ในรุ่น Smart ขึ้นไป จะมี Toyota Safety Sense 2.5+ มาให้ด้วย ส่วนในรุ่น PREMIUM ขึ้นไป จะมาพร้อมกับระบบห้ามล้อแบบดิสเบรก ทั้ง 4 ล้อ ซึ่งในประเทศไทย จะมาพร้อมกับสเปคพิเศษ เช่น ไฟสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร 64 เฉดสี , เบาะหนังสีแดง , ชิ้นส่วนตกแต่งภายนอกสีเทาเมทัลลิก และลำโพงระดับ Premium จาก Pioneer จำนวน 6 ตำแหน่ง ส่วนเครื่องยนต์ ในประเทศไทย จะใช้ เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว ขนาด 1.2 ลิตร Dual VVT-iE รหัส 3NR-VE กำลังสูงสุด 94 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตัน-เมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i และระบบล็อกเกียร์ 7 จังหวะ โดยในการเปิดตัวในประเทศไทยนี้ มีเป้าหมายการขายที่ 3,500 คันต่อเดือน โดยการทำตลาดนั้น ได้นำคุณ กันต์พิมุกต์ ภูวกุล หรือแบมแบม อดีต K-POP จากวง GOT7 มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ภายใต้สโลแกน Our Beloved นี่แหละ...รถของเรา[3] หลังจากนั้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้เผยยอดจองรถคันนี้ โดยใน 12 วันนับตั้งแต่วันที่เปิดตัว มียอดจองมากกว่า 8,000 คัน[4] และใน 1 เดือนนับตั้งแต่วันที่เปิดตัว มียอดจองมากกว่า 21,300 คัน[5] รุ่นย่อย[แก้]
ราคายังไม่รวมชุดอุปกรณ์ตกแต่ง LUSSO (ลูสโซ่) , CHIARO (เคียโร่) และ PRESTO (เพรสโต้) มีทั้งหมด 7 สี คือสีเงิน Metal Stream , สีเทา Urban Metal , สีแดง Red Mica Metallic , สีดำ Attitude Black Mica , สีขาว Super White , สีส้ม Spicy Scarlet และสีขาวมุก Platinum White Pearl สีส้ม Spicy Scarlet และสีขาวมุก Platinum White Pearl เป็นสีพิเศษ , สีขาว Super White จะมีในรุ่น SPORT และ SMART , สีขาวมุก Platinum White Pearl จะมีในรุ่น PREMIUM และ PREMIUM LUXURY[3] การยุติจำหน่าย โตโยต้า วีออส ในประเทศไทย[แก้]หลังการเปิดตัวรถยนต์ ALL NEW TOYOTA YARIS ATIV ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้ประกาศการยุติสายพานการผลิตรถยนต์นั่งขนาดเล็กในกลุ่ม 4 ประตู (ซีดาน) ในรุ่น โตโยต้า วีออส (Toyota VIOS) ในโรงงานประกอบรถยนต์ของ โตโยต้า ในตลอดระยะเวลา 19 ปี เนื่องจากโตโยต้า วีออส และ โตโยต้า ยาริส เอทีฟ เป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม 4 ประตูซีดานเช่นเดียวกัน และในด้านภาษีสรรพสามิต โตโยต้า ยาริส เอทีฟ จะมีอัตราเสียภาษีสรรพสามิต น้อยกว่า โตโยต้า วีออส ถึง 8 เปอร์เซ็นต์[6][7] เปิดตลาดต่างประเทศ[แก้]สปป.ลาว[แก้]ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า วีออส โดยตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขาย Toyota Laothani (โตโยต้าลาวธานี) ขุมพลังสเปกลาวต่างจากไทย ตรงที่ลาวได้เครื่องยนต์ใหญ่กว่าไทยและยังยกมาจาก Toyota Vios เจนเนอเรชันที่แล้ว คือใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร Dual VVT-I รหัส 1NR-VE 99 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 123 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบ/นาที พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT โหมดการขับขี่ ECO / Normal / Power บนพวงมาลัย ระบบช่วงล่างด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง โดยรุ่นที่ขายในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จะมีรุ่น 1.3 High เพียงรุ่นเดียว[8] กลุ่มประเทศ GCC (คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ)[แก้]ในเวอร์ชันตะวันนออกกลาง (มีทั้งประเทศ บาห์เรน, ซาอุดีอาระเบีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) โดยสเปคในแต่ละประเทศ จะมีอุปกรณ์ระบบความปลอดภัยที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่นย่อย ในเครื่องยนต์ ที่ทำตลาดในซาอุดีอาระเบีย จะได้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.3 ลิตร รหัส 1NR-VE กำลังสูงสุดที่ 97 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 122 นิวตันเมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยนำเข้าจากประเทศ ไทย ส่วนเครื่องยนต์ ที่ทำตลาดในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ บาห์เรน จะได้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE กำลังสูงสุดที่ 104 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT โดยนำเข้าจากประเทศ อินโดนีเซีย โดยสเปคบาห์เรน มี 2 รุ่น คือ 1.5 Mid กับ 1.5 High, สเปคสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มี 2 รุ่น คือ 1.5 E และ 1.5 G และ สเปคซาอุดีอาระเบีย มี 3 รุ่น คือ 1.3 Y, 1.3 Y Plus และ 1.3 YX[9] อินโดนีเซีย[แก้]ในประเทศสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า วีออส ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 โดยนำเข้าจากประเทศไทยเข้ามา ซึ่งอินโดนีเซียเป็นประเทศแห่งที่ 3 ของเอเชีย ที่ได้สัมผัส Toyota Yaris Ativ รุ่นล่าสุด หลังการเปิดตัวที่ไทยและลาว โดยบางออพชั่นจะเหนือกว่าไทย เช่นล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 104 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT ในรุ่นท็อปจะมีแพคเกจช่วยเหลือผู้ขับขี่ Toyota Safety Sense มาให้ โดยการทำตลาด จะมี 3 รุ่นให้เลือก คือ 1.5 E MT, 1.5 G CVT และ 1.5 G TSS CVT[10] กัมพูชา[แก้]ในราชอาณาจักรกัมพูชา ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า วีออส โดยตัวแทนจำหน่ายและให้บริการหลังการขาย ในวันที่ 7 ตุลาคม 2565 โดยนำเข้าจากประเทศไทยเข้ามา เหมือนกับลาวและอินโดนีเซีย ซึ่งกัมพูชาเป็นประเทศแห่งที่ 4 ของเอเชีย ตรงที่กัมพูชาได้เครื่องยนต์ใหญ่กว่าไทยและยังยกมาจาก Toyota Vios เจนเนอเรชันที่แล้ว คือใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร Dual VVT-I รหัส 1NR-VE 96 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 122 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบ/นาที พร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งจะมีกำลังน้อยกว่าสเปคลาวเล็กน้อย โหมดการขับขี่ ECO / Normal / Power บนพวงมาลัย ระบบช่วงล่างด้านหน้า แม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมและคอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง โดยรุ่นที่ขายในราชอาณาจักรกัมพูชา จะมีเพียงรุ่นเดียวเหมือน สปป.ลาว คือ 1.3 High[11] ละตินอเมริกา (LATAM)[แก้]คอสตาริกา[แก้]ในประเทศสาธารณรัฐ คอสตาริกา ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า ยาริส ซีดาน ในวันที่ 10 ตุลาคม 2565 มาพร้อม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 104 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT และ 3 รุ่นให้เลือก ทั้ง New Line และ Highline[12] เม็กซิโก[แก้]ในเวอร์ชันสหรัฐ เม็กซิโก ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า ยาริส ซีดาน ในวันที่ 12 ตุลาคม 2565 มาพร้อม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.5 ลิตร รหัส 2NR-VE ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 104 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 136 นิวตันเมตร เหมือนกับสเปคคอสตาริกา มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT และ 5 รุ่นให้เลือก ทั้ง Base, S และ S Hi[13] เปรู[แก้]ในประเทศสาธารณรัฐ เปรู ได้เปิดตัวในฐานะรุ่นเปลี่ยนโฉม (Full Model change) ของ โตโยต้า ยาริส ซีดาน ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 มาพร้อม เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1.3 ลิตร รหัส 1NR-VE ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 94 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 113 นิวตันเมตร (11.5 กิโลกรัม-เมตร) มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 จังหวะ และ 5 รุ่นให้เลือก ทั้ง Base และ GLi มาพร้อมรุ่น GLP (ติดตั้งแก๊ส LPG และ CNG) มีเฉพาะเกียร์ธรรมดาเท่านั้น อ้างอิง[แก้]
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
|