การเรียบเรียงรายงาน ต้องมีเนื่อที่สมบูรณ์ โดยรายงานที่ดี ควรมีลักษณะดังต่อไปนี้
ภาษาที่ใช้ในการเขียนรายงาน ต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการ ไม่ใช้ภาษาพูด ควรระมัดระวังในเรื่องของการสะกดคำ เครื่องหมาย การแบ่งวรรคตอน มีการจัดเรียงรูปประโยคที่ถูกต้องและถูกหลักในการเขียนรายงาน ส่วนประกอบของรายงาน รายงานที่ดี ควรประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนดังนี้ คือ
นอกจากส่วนอ้างอิงแล้ว รายงานบางเล่ม ยังมีภาคผนวก ซึ่งเป็นส่วนที่เพิ่มเติมจากเนื้อหารายงาน ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจเรื่องราวและเนื้อหาของรายงานมากยิ้งขึ้น You may also like...รูปแบบการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ส่วนประกอบรายงานมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 : ส่วนประกอบตอนต้น
ส่วนที่ 2 : ส่วนเนื้อหา
หลักการและเหตุผล วัตถุประสงค์ สมมติฐาน ขอบเขตของการดำเนินงาน ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ นิยามศัพท์เฉพาะ 2. แนวคิด ทฤษฎี และเอกสารที่เกี่ยวข้อง 3. วิธีการดำเนินการ 4. การนำเสนอผลของข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล 5. สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ ส่วนที่ 3 : ส่วนประกอบตอนท้าย
หลักการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ ส่วนประกอบของรายงาน 1. ส่วนนำเรื่อง (Front matter) ประกอบด้วย 1.1 ปกนอก (Cover) มีวิธีการเขียนดังนี้ 1.1.1 ส่วนบน เขียนชื่อรายงานไว้ด้านกลางหน้า 1.1.2 ส่วนกลาง เขียนชื่อ นามสกุล โดยไม่ต้องเขียนคำนำหน้าชื่อ (เด็กหญิง เด็กชาย นาย หรือ นางสาว) อาจเขียนชั้นที่ศึกษาและเลขที่ของผู้ทำรายงานไว้บรรทัดถัดไป กรณีรายงานที่มีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไป ให้เขียนชื่อคนที่มีตัวอักษรนำหน้าเป็นลำดับแรกของชื่อผู้จัดทำทั้งหมด ตามด้วยคำว่าคณะ แล้วให้เขียนชื่อผู้จัดทำทั้งหมดในหน้าปกใน 1.1.3 ส่วนล่าง แบ่งเป็น 3 บรรทัด – บรรทัดแรก เขียนชื่อรายวิชา ตามด้วยในวงเล็บรหัสวิชา โดยใช้คำว่า “รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา………….. (รหัสวิชา)” – บรรทัดที่ 2 เขียนชื่อโรงเรียน “โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์” – บรรทัดที่ 3 เขียนภาคเรียนที่ และปีการศึกษา ที่เขียนรายงาน การเขียนหน้าปก ควรกะระยะตัวอักษรที่เขียนให้อยู่กึ่งกลางหน้ากระดาษ โดยเว้นที่ว่างทางด้านซ้ายและขวาให้เท่ากัน และเว้นช่องว่างส่วนบนและล่างให้เท่าๆกัน 1.2 ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่าหนึ่งแผ่น ต่อจากปกนอก 1.3 ปกใน (Title page) เขียนข้อความเดียวกับปกนอกกรณีรายงานที่มีผู้จัดทำ 3 คนขึ้นไป ให้เขียนชื่อผู้จัดทำทุกคน เรียงตามลำดับตัวอักษรของชื่อ หรือตามลำดับชั้น และเลขที่ 1.4 คำนำ (Preface) ควรแบ่งเป็น 3 ย่อหน้า และควรกล่าวรายละเอียดดังนี้ ย่อหน้าที่ 1 กล่าวถึงจุดมุ่งหมายของการเขียนรายงาน เป็นการเกริ่นนำถึงสาเหตุหรือแรงบันดาลใจที่ศึกษาค้นคว้าในการทำรายงานเรื่องนี้ ย่อหน้าที่ 2 กล่าวถึงขอบเขตของเนื้อหาในรายงานอย่างย่อๆ ว่ากล่าวถึงอะไรบ้าง ย่อหน้าที่ 3 กล่าวขอบคุณผู้ที่ให้ความร่วมมือ ให้ความช่วยเหลือ หรือให้ความสนับสนุน อันมีส่วนทำให้รายงานฉบับนี้สมบูรณ์ (คำว่า “คำนำ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabunขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นย่อหน้าที่ 1” หรือห่างจากขอบบน 2 นิ้ว ) 1.5 สารบัญ (Table of Contents) หมายถึง บัญชีหัวข้อสำคัญและหัวข้อย่อยในรายงานทั้งหมด โดยเขียนเรียงลำดับที่ปรากฏในรายงานตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายพร้อมทั้งบอกเลขหน้าด้วยว่า หัวข้อนั้น ๆ อยู่หน้าใด เพื่อสะดวกในการค้นคว้า กรณีที่มีภาพหรือตารางภายในรายงาน ให้มีสารบัญภาพ (List of Figures) และสารบัญตาราง (List of Tables) ด้วย โดยการกำกับลำดับภาพหรือตารางให้นับตามบท เช่น ถ้าเป็นภาพที่ 1 ของบทที่ 1 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 1.1” หรือ “Figure 1.1” ถ้าเป็นภาพที่ 4 ในบทที่ 2 ให้กำกับว่า “ภาพที่ 2.4”หรือ “Figure 2.4” (คำว่า “สารบัญ” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นย่อหน้าที่ 1” ) 2. ส่วนเนื้อเรื่อง (Text) ประกอบด้วย 2.1 บทนำ (Introduction) เป็นส่วนที่บอกเหตุผลและวัตถุประสงค์ในการทำรายงานเรื่องนั้นชี้แจงขอบเขตของเรื่อง บอกให้ทราบว่าการทำรายงานนั้นมีความมุ่งหมายอย่างไร งานค้นคว้ากว้างหรือแคบเพียงใด ใช้วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้าอย่างไร มีการจัดระเบียบข้อมูลอย่างไรมีสมมติฐานของการศึกษาค้นคว้าอย่างไร บทนำเป็นสิ่งแรกที่จะทำให้ผู้อ่านได้สัมผัสกับความคิดและกลวิธีการเขียนของผู้เขียน มีส่วนสำคัญในการจุดประกายความสนใจของผู้อ่านให้อยากติดตามอ่านต่อไป ถ้าบทนำไม่น่าสนใจ สับสน หรือคลุมเครือ ผู้อ่านจะไม่สนใจอยากอ่าน ดังนั้นบทนำจึงต้องชัดแจ้ง น่าอ่าน และกระตุ้นความสนใจของผู้อ่าน 2.2 เนื้อหา (Body of Paper) คือข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากการเลือกสรร จากการศึกษาค้นคว้าทั้งหมดและได้จัดระเบียบข้อมูลนั้นอย่างดี ถ้ามีเนื้อเรื่องมาก ควรแบ่งเป็นบท ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ ก็แบ่งเป็นหัวข้อเรื่อง ตัวเรื่องจะประกอบด้วยหัวข้อใหญ่ หัวข้อรอง หัวข้อย่อย แต่ละหัวข้อจะมีสารัตถะขยายความ ได้แก่ เรื่องราว ข้อเท็จจริง ข้อมูล ภาพ แผนภูมิ ฯลฯ ในการเขียนเนื้อหา ถ้าผู้เขียนเรียบเรียงจากการค้นคว้าจากแหล่งอื่น เช่น หนังสือ วารสารสัมภาษณ์ ฯลฯ ผู้เขียนควรระบุด้วยว่าข้อความตอนใด ได้มาจากแหล่งใด ตามหลักการเขียนอ้างอิงแบบนาม-ปี เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้อ่านที่ต้องการศึกษาเพิ่มเติมและเพื่อแสดงมารยาทในการเขียนรายงานวิชาการของผู้เขียน 2.3 บทสรุป (Conclusion) มิใช่การย่อความโดยนำเนื้อหาสาระมากล่าวซ้ำ แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลและสาระสำคัญเพื่อประมวลแง่มุมต่างๆ ที่น่าสนใจ แล้วนำเรียบเรียงเป็นบทสรุป ภาษาที่ใช้ในการนำเสนอเรื่องมักเป็นภาษาทางการ ใช้วิธีเขียนด้วยการลำดับความใช้ คำง่าย มีการใช้เหตุผลนำเสนอ นิยมใช้ถ้อยคำสำนวนของผู้เขียนเอง เป็นการเขียนย้ำหรือเน้นประเด็นสำคัญของเนื้อหาหรือสรุปผลของการศึกษาค้นคว้า ในแต่ละบท ให้ระบุเลขที่บทและหัวข้อใหญ่ของแต่ละบท โดยคำว่า“บทที่…” และหัวข้อใหญ่ของแต่ละบท ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา โดยเขียน “บทที่…” ไว้บรรทัดแรก และบรรทัดถัดมาเป็นหัวข้อของบทนั้น แล้วเว้น 1 บรรทัด แล้วจึงขึ้นในส่วนของเนื้อหา 3. ส่วนท้าย (Back matter) ประกอบด้วยเรื่องราวต่างๆ ดังนี้ 3.1 เอกสารอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (References หรือ Bibliography) เป็นบัญชีประมวลรายชื่อหนังสือ วารสารและเอกสารต่างๆที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้า ถ้าเป็นบัญชีที่แสดงเฉพาะเอกสารที่ใช้ในรายงานหรือที่ปรากฏในอ้างอิงแบบนาม-ปี ให้ใช้คำว่า “เอกสารอ้างอิง” แต่ถ้ามีเอกสารอื่นๆ ที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าที่นอกเหนือจากที่ปรากฏในอ้างอิงแบบนาม-ปีในรายงาน ให้ใช้คำว่า “บรรณานุกรม” (คำว่า “เอกสารอ้างอิง” หรือ “บรรณานุกรม” ให้เขียนไว้กลางหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabunขนาด 18 พิมพ์หนา เว้น 1 บรรทัด แล้วจึงเขียนบรรทัดแรกตามรูปแบบการเขียนที่กำหนดในบทที่ 2” 3.2 ภาคผนวก (Appendix) เป็นเรื่องที่นำมาเพิ่มเติมรายงานให้สมบูรณ์ แต่มิใช่เนื้อหาโดยตรงของเรื่อง จัดแยกไว้ท้ายเล่ม ถ้ามีหลายเรื่องก็จัดเป็นภาคผนวก ก ภาคผนวก ข ตามลำดับ ในการเขียนภาคผนวก ให้เขียนไว้ส่วนท้ายสุดของเล่ม โดยให้เขียนคำว่า “ภาคผนวก” ไว้ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา แล้วหน้าถัดไปบรรทัดแรก ให้เขียนคำว่า “ภาคผนวก” ไว้ตรงส่วนกลางของหน้ากระดาษ ไม่ต้องขีดเส้นใต้ ใช้รูปแบบอักษร TH Sarabun 18 พิมพ์หนา แล้วเว้น 1 บรรทัด จึงเริ่มเขียนรายละเอียดของภาคผนวก รูปแบบการเขียนรายงาน
หน้าเดียว (หรือตามความเหมาะสม)
รูปแบบอักษรเป็น TH Sarabun ขนาด 18 พิมพ์หนา และในส่วนของเนื้อหากำหนดให้ใช้รูปแบบตัวอักษร TH Sarabun ขนาด 16 พิมพ์ธรรมดา แต่ในส่วนของหัวข้อย่อยให้ใช้พิมพ์หนา
– กั้นหน้าหรือด้านซ้าย (ส่วนที่เย็บเล่ม) และขอบบน ตั้งค่า 1.5 นิ้ว หรือ 3.81 เซนติเมตร – กั้นหลังหรือด้านขวา และขอบล่างตั้งค่า 1.0 นิ้ว หรือ 2.54 เซนติเมตร
สอง หรือย่อหน้าต่อๆ ไปให้เว้นเข้าไปอีกครั้งละ 3 ช่วงตัวอักษร หรือใช้วิธีการตั้งแท็บเพื่อให้ตัวอักษรตรงกันโดยย่อหน้าแรกตั้งเป็น 0.6 นิ้วและย่อหน้าต่อๆ ไปให้เว้นเข้าไปอีกครั้งละ 3 ช่วงตัวอักษร เลขกำกับหน้า ให้พิมพ์ไว้มุมบนขวา ห่างจากขอบบน 1 นิ้ว โดยแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้ – เลขกำกับหน้าของส่วนนำเรื่อง ซึ่งในการเขียนรายงานภาษาไทยนิยมใช้ ก ข และ ค ตามลำดับ ส่วนในรายงานภาษาอังกฤษ อาจใช้เป็น a, b และ c หรือ ใช้เป็นตัวเลขโรมัน I, II และ III – เลขกำกับหน้าของส่วนเนื้อเรื่องให้ลำดับตัวเลข 1, 2, …
– แบบที่ 1 ถ้าลำดับหัวข้อใหญ่แล้วตามด้วยหัวข้อรองโดยไม่มีข้อความคั่น ให้เขียนหัวข้อ ย่อยลงไปได้แค่ x.x.x เท่านั้น แล้วให้เปลี่ยนรูปแบบ อาจใช้เป็น ก ข ค หรือ 1) 2) 3) ก็ได้ เช่น 1.//หัวข้อใหญ่ 1.1//หัวข้อรอง 1.1.1//หัวข้อย่อย 1)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 2)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 3)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 1.1.2//หัวข้อย่อย 1)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 2)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 3)//ข้อความ………………………………………………………………………………………………. 1.2//หัวข้อรอง ข้อความ……………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………… – แบบที่ 2 ถ้ามีข้อความคั่นระหว่างหัวข้อใหญ่และหัวข้อรอง ให้ตัวเลขของหัวข้อรองตรงกับย่อหน้าแรกของข้อความ (แท็บ 0.6 นิ้ว) และข้อความของหัวข้อรองให้ย่อหน้าตรงกับตัวอักษรตัวแรกของหัวข้อรอง 1. หัวข้อใหญ่ ข้อความ………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.1//หัวข้อรอง ข้อความ………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2//หัวข้อรอง ข้อความ………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2.1//หัวข้อย่อย ข้อความ………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.2.2//หัวข้อย่อย ข้อความ………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. – แบบที่ 3 ถ้าไม่กำกับเลขของหัวข้อใหญ่ ก็ให้นับลำดับของหัวข้อรองเป็น 1, 2,… หัวข้อใหญ่ ข้อความ…………………………………………………………………………………………………………………….. …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.//หัวข้อรอง ข้อความ………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 2.//หัวข้อรอง ข้อความ………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………. หมายเหตุ / หมายถึง จำนวนครั้งการเคาะ space bar การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยเรียน (CAL) วิชาภาษาไทย เรื่อง การวิเคราะห์วรรณคดี สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 The Computer Assisted Learning Lessons in Thai Language Subject on The Topic of “Analysis Literature” For Mathayom 6 โสภิตา สังฆะโณ รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ IS 32201 โรงเรียนพิมานพิทยาสรรค์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 คำนำ (ข้อความ)……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ข้อความ)……………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ข้อความ)……………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… โสภิตา สังฆะโณ 7 มิถุนายน 2555 สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข สารบัญภาพ ค สารบัญตาราง ง บทที่ 1 ชื่อบท 1 1.//หัวข้อใหญ่ 1 1.1//หัวข้อรอง 1 1.2//หัวข้อรอง 2 2.//หัวข้อใหญ่ 3 2.1//หัวข้อรอง 3 2.2//หัวข้อรอง 4 บทที่ 2 ชื่อบท 6 บทที่ 3 ชื่อบท 15 บรรณานุกรม 21 ภาคผนวก ก 24 ภาคผนวก ข 26 ประวัติผู้ค้นคว้า สารบัญภาพ หน้า ภาพที่ 1.1 1 ภาพที่ 1.2 3 . . . . . . . . . . . . . . สารบัญตาราง หน้า ตารางที่ 1.1 2 ตารางที่ 2.1 6 . . . . . . . . บทที่ 1 ชื่อบท (ข้อความ)………………………………………………………………………………………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 1.//หัวข้อใหญ่ . . . . . . . . . . . . . . . . . บรรณานุกรม กอบกาญจน์ ภิญโญมารค. 2547. ภาษากับความคิดและการสื่อสาร. ปัตตานี: มิตรภาพ พูลสุข เอกไทยเจริญ./2550./การเขียนรายงานการค้นคว้า./กรุงเทพฯ:/สุวีริยาสาส์น *ถ้ามีบรรทัดที่สอง ให้เว้นไป 8 ตัวอักษรแล้วจึงเขียนตัวแรกของบรรทัดที่สอง เช่น สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ. 2544. / ////////ความรู้เบื้องต้นด้านวัสดุ. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: งานฝึกอบรม ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและ ////////วัสดุแห่งชาติ. ภาคผนวก ภาคผนวก ก ภาคผนวก ข เอกสารอ้างอิง พูลสุข เอกไทยเจริญ. (2551). การเขียนรายงานการค้นคว้า . กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น. 4.รูปแบบการทำรายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ |