อันนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจมาก นึกเร็วๆ เราคงเรียกว่า Level 2 รึเปล่าคะ จริงๆ แล้ว ฝรั่งเค้ามีชื่อเรียกของแต่ละปีค่ะ ปี 1 = Freshman (เฟรช-แมน) ปี 2 = Sophomore (โซ-โฟ-มอร์) ปี 3 = Junior (จู-เหนี่ยร์) ปี 4 = Senior (ซี-เหนี่ยร์) เวลาใช้ก็ง่ายๆ ค่ะ I’m a freshman at AAA University. I’m a sophomore at AAA University. I’m a junior at AAA University. I’m a senior at AAA University. ส่วนถ้าเรียนเกินกว่านั้น หรือบางคณะเรียน 5 ปี เราเรียกว่า Super Senior ดูเก๋เหมือน Super Junior มั้ยคะ ^^ เมื่อเข้าสู่ช่วงเปิดเทอมของมหาวิทยาลัย เด็กๆปีหนึ่งก็คงผ่านช่วงปฐมนิเทศนักศึกษา (student orientation) และกำลังเข้าร่วมกิจกรรมรับน้อง (welcoming ceremony) ใช่รึเปล่าเอ่ย? วันนี้ทาง DailyEnglish ก็มีคำศัพท์น่ารู้เกี่ยวกับชั้นปีในมหาวิทยาลัยมาฝากกันครับ เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกรุ่นพี่ หรือเรียกตัวเองเป็นภาษาอังกฤษได้ 1. freshman – เฟรช-แม็น แปลว่า นักศึกษาปี 1 (first-year) 2. sophomore – ซอฟ-ฟะ-มอร์ แปลว่า นักศึกษาปี 2 (second-year) 3. junior – จู-เนียร์
แปลว่า นักศึกษาปี 3 (third-year) 4. senior – ซี-เนียร์ แปลว่า นักศึกษาปี 4(fourth-year) ถ้าเราตั้งใจเรียน ทำคะแนนมาดีก็สามารถเรียนจบได้ภายในเวลาที่กำหนด (4 ปี) ถึงเวลานี้แล้วก็เตรียมตัวรับใบปริญญาบัตร (Bachelor’s Degree) ตามคณะที่เรียนมากันได้เลย ลองอ่านเกี่ยวกับเกียรตินิยมได้ที่นี่เลยนะครับ 5. super senior – ซู-เพอะ-ซีเนียร์ แปลว่า
นักศึกษาที่เรียนมากกว่าที่หลักสูตรกำหนด เพิ่มเติมเล็กน้อย สำหรับนักศึกษาที่ต้องการจะลาออกจากคณะตนเองเพื่อมาสมัครเข้าคณะอื่นใหม่ หรือที่เรียกกันว่า “เด็กซิ่ล” (sil) นั้น ในภาษาอังกฤษก็มาจากคำว่า fossilที่แปลว่า เก่า แก่นั่นเอง เด็กซิ่ลเลยต้องอยู่ต่อยาวไปอีกหน่อยครับ รู้รึเปล่าว่า freshman, sophomore, junior, seniorสามารถนำมาใช้กับโรงเรียนมัธยมศึกษาในต่างประเทศได้ด้วย โดย freshman
คือ นักเรียนชั้น ม.3 ช่วงเปิดเทอมนี้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆทุกคนสนุกกับชีวิตมหาวิทยาลัยนะครับ พยายามเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด ทั้งผ่านการทำกิจกรรม แล้วก็การเรียนหนังสือด้วย ขอยกข้อคิดจากคณะมาให้ดูกันอีกทีครับ “เกรดเฉลี่ยทำให้คนได้งานทำ กิจกรรมทำให้คนทำงานได้” ติดตามคำศัพท์น่าสนใจใกล้ตัวเราได้ที่ DailyEnglish สามารถเข้ามาชมทั้งทางเว็บไซต์ และแฟนเพจของเราได้เลยครับ แล้วจะรู้ว่าภาษาอังกฤษมีเรื่องน่าสนใจอีกมากมายเลย ขอบคุณภาพประกอบ: Cambridge University |