1. สภาพแวดล้อมในการทำงานสถานที่ทำงานมีทั้งสองแบบคือในโรงพยาบาลและคลินิคส่วนตัว มันแตกต่างกันไม่มากตรงที่อยู่ในโรงพยาบาลก็จะเจอผู้คนเยอะทั้งที่มาทำฟันและมาทำการรักษาในด้านอื่นๆ แต่หากมีคลินิกเป็นของตัวเอง คนไข้ก็จะมีแต่มาเพื่อทำฟันเท่านั้น ส่วนใหญ่มาเพราะหมอนัด ทำให้ในแต่ละวันเจอคนไม่มาก แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ การที่ต้องทำงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ซึ่งมีเครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำฟันต่างๆ แต่การทำงานในห้องแคบๆ ไม่ได้ทำให้รู้สึกอึดอัดเพราะเรากำลังทำงาน ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เมื่อทำงานเสร็จก็ออกไปเดินเล่นสูดอากาศ ไม่ได้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลา Show สภาพการทำงานหน้าที่หลักของทันตแพทย์คือการ ตรวจและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากด้วยการศัลยกรรม ซึ่งเป็นการทำงานด้านศิลปะและด้านการแพทย์ควบคู่กัน สภาพการทำงานเกี่ยวกับเรื่องในช่องปากของคนไข้ในห้องตรวจเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน จะมีผู้ช่วยทันตแพทย์คอยช่วนหยิบจับอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ และในบางครั้งผู้ป่วยมีอาการผิดปกติมากเกินกว่าที่จะรักษาได้ในทันที ก็ต้องเอ็กซเรย์ความผิดปกติแล้วส่งให้แพทย์ผู้ชำนาญการหรือหากเป็นกรณีร้ายแรงก็ต้องเข้าที่ประชุมและหาทางแก้ไขไปพร้อมๆกัน ประเภทของลูกค้าลูกค้าจะเป็นผู้ที่มีปัญหาทางช่องปาก เรียกได้ว่ามีลูกค้าทุกเพศทุกวัย แต่จะแบ่งออกได้เป็นสองช่วงวัยหลักๆ ก็คือ
จะสังเกตุได้ว่าไม่ว่าใครก็ต้องมาหาทันตแพทย์เพื่อรักษาฟัน เพราะฟันเป็นอวัยวะที่เราใช้งานอยู่ตลอดเวลา ต้องเสียหาย และเกิดโรคต่างๆได้รวดเร็วกว่าอวัยวะชนิดอื่นๆ เพราะฉะนั้นงานของคุณหมอจึงมีเข้ามาอยู่ตลอดเวลารับรองว่าเป็นหมอฟันไม่ตกงานแน่นอน อาชีพนี้ต้องทำงานร่วมกับอาชีพ/ตำแหน่งงานใดบ้าง
2. คุณลักษณะของงานเป้าหมายของงาน/โจทย์ใหญ่ของงาน/ความท้าทายของงานเป้าหมายคือการทำให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันในเรื่องของช่องปากได้ตามปกติ การเป็น ทันตแพทย์จะแตกต่างจากการรักษาโรคในแบบอื่นๆ คือ สามารถรักษาปัญหาที่เกิดขึ้นกับช่องปากนั้นได้จน หายขาด แต่ต้องหาวิธีการที่จะทำให้คนไข้เจ็บตัวน้อยที่สุด และ ทำให้ช่องปากของคนไข้กลับมาทำงานได้อย่างดีที่สุด เคยเจอเคสที่ฟันซ้อนกันไม่เป็นระเบียบและผุ เกิดปัญหาหลายๆอย่างพร้อมกันในครั้งเดียว ถ้าอย่างกรณีแบบนี้ถ้าเราไม่ได้ชำนาญในเรื่องใดก็จะส่งให้หมอผู้เชี่ยวชาญ คือเวลารักษาคนไข้ก็จะมีหมอหลัก หรือหมอเจ้าของไข้เป็นคนวางแผนภาพรวมทั้งหมด จากนั้นคือคนไข้ต้องทำอะไรบ้างก็จะส่งถึงหมอผู้เชี่ยวชาญ แต่ถ้าเราเป็นคนที่เชี่ยวชาญอยู่แล้วก็จะวางแผนได้เลย Work processขึ้นอยู่กับว่าอาการของคนไข้นั้นจะต้องดำเนินการอย่างไร ให้การรักษาโรค และความผิดปกติของฟัน และช่องปากด้วยการศัลยกรรม ให้ยา ตรวจช่องปากและฟันของผู้ป่วย ใช้เครื่องเอ็กซเรย์และทดสอบตามความจำเป็น เพื่อจะได้ทราบถึงลักษณะของความผิดปกติ พิจารณาผลของการตรวจและการทดสอบ และตกลงใจเลือกวิธีการรักษาหารูฟันผุ ทำความสะอาดและอุดรูฟันผุ และถอนฟันที่เป็นโรคหรือไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์ พิมพ์ปากและจำลองแบบของเหงือก และส่วนอื่นๆ ของปาก เพื่อใช้ในการประดิษฐ์ฟันปลอม และใส่ฟันปลอม ใส่เครื่องยึดเพื่อจัดฟันที่มีลักษณะผิดปกติ หรือเกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง รักษาโรคฟัน ปากหรือเหงือกด้วยการใช้ยาหรือศัลยกรรม ให้ยาชาหรือวางยาสลบตามความจำเป็น อาจทำเฉพาะทางในการรักษาอย่างใดอย่าง หนึ่ง หรือมากกว่า ซึ่งการทำงานในแต่ละวันจะมีความคลายคลึงกัน แต่จะแล้วแต่อาการของคนไข้แต่ละคน Career path/ความก้าวหน้าของสายอาชีพทันตแพทย์เป็นการเรียนที่ต้องใช้ทุนการศึกษาให้กับรัฐบาลในสายงานที่เรียนมา โดยประจำอยู่โรงพยาบาลของรัฐ หรือ สถานพยาบาล ศูนย์อนามัยของกระทรวง ทบวง กรม ต่างๆ ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นเวลา 2 ปี เมื่อใช้ทุนจนครบหมดแล้วจะทำงานประจำต่อในหน่วยงานของรัฐ หรืออาจจะไปศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และ ปริญญาเอก หรือ เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย หรือ ประกอบอาชีพอิสระโดยตั้งคลีนิครักษาเป็นส่วนตัว ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนก็ได้ ถ้ารับราชกาลต่อไปก็จะได้รับการเลื่อนขั้น และเลื่อน ตำแหน่งตามระเบียบของทางราชกาล หรือ เป็นหัวหน้าภาควิชาเป็นต้น โดยที่ในการทำงานเราต้องทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวาน เราต้องพัฒนาความรู้ความสามารถของเราให้ดีขึ้นในทุกๆวัน ต้องสะสมประสบการณ์และรู้จักการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นให้ได้ เพราะยิ่งได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงขึ้นก็ต้องรับผิดชอบงานที่มีความยากและต้องอาศัยประสบการณ์ในการรักษา บุคลิก นิสัยของคนที่เหมาะจะทำอาชีพนี้
3. คุณค่าและผลตอบแทนผลตอบแทนผลตอบแทนและสวัสดิ์การของทันตแพทย์นั้นขึ้นอยู่กับว่าทำงานในส่วนของ ภาครัฐ ภาคเอกชน หรือ คลินิค ซึ่งนอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความรู้ วุฒิการศึกษา และ ประสบการณ์ในการทำงานอีกด้วย โดยจะทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง การทำงานอาจจะต้องทำงานวันเสาร์ อาทิตย์ ด้วย ขึ้นอยู่กับว่าจะได้ตารางการทำงานหรือเข้าเวรในวันใด งานของทันตแพทย์จะมีเวลาเลิกงานตามระบบราชกาล ไม่มีการเข้าเวรในตอนกลางคืนเหมือนกับแพทย์รักษาโรคอื่นๆ นอกเสียจากจะทำในคลินิคที่มีการทำงาน 24 ชั่วโมง ในระบบราชกาลนอกจากจะได้เงินเดือนแล้ว ยังมีสวัสดิการตามระเบียบที่ทางราชกาล ส่วนผู้ที่ทำงานในภาครัฐวิสาหกิจ และ เอกชนอาจได้รับประโยชน์ในด้านอื่นๆ สำหรับทันตแพทย์ที่ประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วยการเปิดคลีนิครักษาฟัน มีรายได้ขึ้นอยู่กับความสามารถ และความอุตสาหะ เพราะเป็นเจ้านายตัวเอง หากขยันและทำงานดีจนลูกค้าติดใจและมีการบอกต่อก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีก คุณค่าของอาชีพนี้ต่อคนรอบข้างและสังคมอาชีพทันตแพทย์เป็นแพทย์เฉพาะทางที่ไม่ใช่ใครก็สามารถรักษาได้ ต้องใช้ความชำนาญกาและประสบการณ์ในการรักษา มีหลายกรณีที่คนไข้มาหาทันตแพทย์เพราะไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดของอาการได้ เพราะฉะนั้นทันตแพทย์จึงถือว่าเป็นอาชีพที่สำคัญมากอีกอาชีพหนึ่งในสังคม ถึงแม้ว่าเรื่องของฟันจะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้เนินนานอาการก็จะลุกลาม เนื่องจากฟันเป็นจุดรวมของเส้นประสาทอาจทำให้ถึงชีวิตได้หากไม่รีบรักษา คำว่าแพทย์นั้นไม่ว่าจะแขนงใดก็แล้วแต่ล้วนมีความสำคัญและคุณค่าในสังคมอย่างมาก เพราะได้ช่วยเหลือชีวิตคนให้ยังคงอยู่และใช้ชีวิตในสังคมอยู่ได้ตามปกติ 4. ทักษะ ความรู้ ความสามารถในการเรียนคณะ แพทย์ศาสตร์ จะต้องใช้ระยะเวลามากกว่าคนเรียนในสาขาวิชาอื่นๆ และทันตแพทย์ต้องเรียนพื้นฐานของแพทย์ให้จบเสียก่อน จึงจะสามารถเข้ามาสู้เรื่องของทันตแพทย์ได้ โดยที่หากแบ่งเป็นการเรียนตามชั้นปีคร่าวๆได้ดังนี้ ปี 1 มักจะเป็นการเรียนวิชาพื้นฐาน ได้แก่ ฟิสิกส์ ชีววิทยา(Bio) เคมี ภาษาอังกฤษ และอื่นๆ โดยที่ การเรียนเคมี ฟิสิกสื ,BIOในระดับมหาวิทยาลัยนั้นจะถึงพริกถึงขิงมากกว่ามัธยม มี lab ให้ทำสมจริง ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการเรียนทันตแพทย์มาก ในที่สุดเรื่อง vector เรื่อง young modulus หรือแม้แต่ เรื่อง wave length แรงตึงผิวก็เข้ามาเกี่ยวข้องกับศาสตร์ของทันตแพทย์ด้วย ปี 2 จะเริ่มได้เรียนเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์สุขภาพมากขึ้น ทั้งกายวิภาคศาสตร์ ประสาทวิทยา Histology(ส่องกล้องจุลทรรศน์ดูcell) Embryology(หลังปฏิสนธิแล้วมนุษย์จะเริ่มพัฒนาเป็นรูปร่างคนได้อย่างไร) เรียกว่า ระบบการทำงานของร่างกายมนุษย์ รวมถึง เภสัชวิทยาด้วยแต่ไม่ละเอียดเท่าแพทย์ เมื่อเรียนวิชาเหล่านี้ที่เป็นสิ่งที่เกิดกับคนที่ปกติแล้ว ก็ยังต้องเรียนส่องดูcell และเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่ผิดปกติของมันด้วย เรียกว่า Pathology เรียนเกี่ยวกับเชื้อโรคต่างๆ และเรียน dental anatomyด้วย ปี3 หลังจากที่เราเริ่มมีความรู้เกี่ยวกับร่างกายมนุษย์แล้ว ปี3 จะเริ่มนำน้องเข้าสู่วิชาทางทันตแพทย์ศาสตร์มากขึ้น เรียนเกี่ยวกับความผิดปกติในช่องปาก เรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องมือของหมอฟัน วัสดุที่หมอฟันใช้ การอุดฟัน การถอนฟันทำอย่างไร การผ่าฟันคุด การฉีดยาชา การทำฟันเด็ก การจัดการพฤติกรรมเด็ก การทำฟันปลอมทำ มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ฟันปลอมมีกี่แบบ การถ่ายเอ็กซเรย์ท่าต่างๆทั้งนอกช่องปากและถ่ายในช่องปาก การขูดหินปูน ทั้งหมดนี้มีทั้งภาคทฤษฎี และมี lab น้องจะได้ลองกรอฟันพลาสติก น้องจะได้หัดทำฟันปลอม หัดผสมปูน ผสมวัสดุพิมพ์ปาก ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ให้เอาขวดโหลไปขอฟันที่ถูกถอนออกมาจาก รพ. หรือคลินิกต่างๆ เพื่อนำมาศึกษานำมาหัดกรอฟัน บางคนจะได้เริ่มจับคู่ผลัดกันฉีดยาชาแล้ว แต่บางที่ก็จะเริ่มกันตอนปี 4 จับคู่ผลัดกันถ่ายเอ็กซเรย์ และสุดท้ายเรียนทัตสาธารณสุขชุมชน พอปี 4 เทอม 2 น้องจะเริ่มขึ้นคลินิก เริ่มรักษาผู้ป่วยกันจริงๆภายใต้การดูแล และวางแผนการรักษาของอาจารย์ทันตแพทย์อย่างใกล้ชิดและอบอุ่นมาก ก่อนจะเริ่มอุดฟันกัน 1 ซี่ ต้องผ่านการถูกซักตั้งแต่ ฟันซี่นี้เป็นอะไร จะกรอแบบไหน ใช้หัวกรออะไร ถ่ายเอ็กซเรย์แล้วรึยัง ใช้วัสดุอะไรอุดฟัน กว่าวัสดุนั้นจะแข็งเต็มที่นานเท่าไหร่ ต้องให้ทันตสุขศึกษากับคนไข้อย่างไร และอื่นๆอีกมากกว่าจะได้เริ่มกรอฟันสักซี่ พออยู่ปี 6 (ปีสุดท้าย) น้องจะต้องออกจากคณะ เพื่อไปตามชุมชนต่างๆ ไป ต่างจังหวัด เรียนรู้งานส่งเสริมป้องกัน การเข้าถึงชุมชน นำความรู้ที่น้องได้เรียนทั้งหมดไปใช้กับชุมชน ส่งเสริมให้คนในชุมชนมีสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ นอกจากนี้ น้องจะถูกส่งไปอยู่ โรงพยาบาลเรียกทันตกรรมโรงพยาบาล เขาทำกันอย่างไรการทำงานในห้องผ่าตัด การทำงานร่วมกับแพทย์ เภสัชกร พยาบาล นั้นต้องทำอย่างไร 5. เครื่องมือที่ใช้ในอาชีพนั้นถ้าเครื่องมือที่เป็นสัญลักษณ์ของทันตแพทย์เขาเรียกว่า “สามเกรอ” คือกระจกส่องในช่องปากเอ็กซ์พอเล่อ (ที่ตรวจฟัน) ที่เป็นแท่งแหลมๆที่หมอจะเอาไว้เขี่ยตามซอกตามมุม และก็ที่คีบสำลี ส่วนอย่างอื่นก็ต้องมียูนิต หรือเครื่องทำฟัน เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้ เราก็จะทำอะไรให้คนไข้ได้น้อยมาก แต่เดี๋ยวนี้ยูนิตก็มีทั้งแบบเคลื่อนที่ ติดอยู่ในรถก็มี สามารถไปได้ทุกซอกทุกมุมต่อไปอาจจะมีแบบนี้เยอะขึ้น แต่โดยทั่วไปแล้วหมอฟันก็ต้องมี และก็มีเครื่องมือชิ้นเล็กน้อยอีกเยอะแยะมากมายก็จะจำไม่ไหวขนาดตอนนี้ถ้าใครคิดจะเปิดคลีนิกก็จะสงสัยว่าตัวเองจะลืมเครื่องมืออะไรหรือเปล่า *ข้อมูลจากการสัมภาษณ์ ในปี พ.ศ. 2557 |