Show
การกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชนั้นเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของประวัติศาสตร์ชาติไทยที่น่ายกย่องชื่นชม
เพราะท่านเป็นวีรบุรุษที่ทำให้ประเทศชาติมีถึงทุกวันนี้ได้ 1. หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและกองทัพ ได้กอบกู้เอกราชคืนมาหลังสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 กรุงศรีอยุธยาถูกทำลายจนยากแก่การบูรณะให้ดีดังเดิม 2. เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาเกิดจากการรวมตัวของแคว้นละโว้กับแคว้นสุพรรณภูมิ จึงทำให้มีบริเวณที่กว้างขวางมากเกินกว่าจำนวนกำลังกองทัพที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีอยู่ 3. ก่อนจะเกิดสงครามเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ไทยได้ทำสงครามกับพม่าถึง 6 ครั้ง ทำให้ข้าศึกรู้ลู่ทางภูมิประเทศและจุดอ่อนของกรุงศรีอยุธยาเป็นอย่างดี ทำให้เสียเปรียบและยากในการป้องกันพระนคร 4. ถึงแม้กรุงศรีอยุธยาจะตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมีแม่น้ำอื่นๆอีกมากมายไหลผ่าน แต่อยู่ห่างจากทะเลมากเกินไป ไม่สะดวกต่อการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ 5. กรุงธนบุรีเป็นเมืองขนาดเล็ก พอเหมาะกับกำลังพลของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่จะป้องกันรักษาได้ 6. หากเกิดกรณีที่ข้าศึกมีกำลังที่มากกว่าจะรักษาราชธานีไว้ได้ ก็อาจย้ายไปตั้งมั่นที่เมืองจันทบุรีที่มั่นคงกว่าโดยทางเรือ เพื่อรวบรวมกำลังผู้คน อาวุธ เสบียงอาหาร 7. กรุงธนบุรีมีป้อมปราการที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สามารถใช้ป้องกันข้าศึกได้ 8. กรุงธนบุรีมีทำเลที่ตั้งเหมือนกรุงศรีอยุธยา คือ ตั้งอยู่บนเกาะ และยังมีสภาพเป็นที่ลุ่ม มีบึงน้อย บึงใหญ่อยู่รายล้อมทั่วไป ทำให้ข้าศึกไม่สามารถโอบล้อมพระนครได้โดยง่าย 9. กรุงธนบุรีอยู่ใกล้ปากน้ำ สะดวกแก่การค้าขายกับชาวต่างประเทศ เรือสินค้าต่างๆ สามารถเข้าจอดเทียบท่าได้โดยไม่ต้องขนถ่ายสินค้าลงเรือเล็กอย่างสมัยอยุธยา ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย 10. กรุงธนบุรีเป็นเมืองเก่า มีวัดต่างๆ จำนวนมากที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้ไม่จำเป็นต้องสร้างวัดขึ้นมาใหม่ให้สิ้นเปลือง เพียงแต่บูรณปฏิสังขรณ์บ้างเท่านั้น 11. กรุงธนบุรีเป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสภาพของพื้นที่เป็นที่ลุ่ม มีดินดี มีคลองและแม่น้ำหลายสาย มีน้ำใช้ตลอดปี เหมาะแก่การทำเกษตร ทำนา ปลูกข้าว ทำสวนผักและสวนผลไม้ 12. กรุงธนบุรีมีที่ตั้งที่ไม่ห่างจากกรุงศรีอยุธยามากนัก จึงทำให้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพระราชอำนาจปกครองกรุงศรีอยุธยาแล้ว และยังสามารถป้องกันกรุงศรีอยุธยาจากชุมนุมอื่นๆ และกองทัพพม่าได้ง่าย “ทุกวันนี้ศึกไกลยังไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ไล่ข่มเหง ถ้าคนไทยหันมาฆ่ากันเอง จะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง” ที่มา : รศ. ดร.ไพฑูรย์ มีกุศล และคณะ, หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ประวัติศาสตร์ ม.2 เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
วันที่ 4 ตุลาคม 2313 เมืองธนบุรีได้ถูกสถาปนาเป็นราชธานีแห่งใหม่ หลังจากสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" สามารถกู้เอกราชคืนมาจากพม่า และเมื่อสภาพบ้านเมืองของกรุงศรีอยุธยาทรุดโทรมมากไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นเมืองหลวง เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาถูกทำลายและทรุดโทรมยากแก่การบูรณะ นอกจากนี้กรุงศรีอยุธยายังมีพื้นที่กว้างขวางยากแก่การรักษาบ้านเมือง และอยู่ห่างจากปากแม่น้ำไม่สะดวกในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ สำหรับสาเหตุที่พระเจ้าตากสินมหาราชเลือกที่นี่ เพราะ "กรุงธนบุรี" เป็นเมืองขนาดเล็ก เหมาะสมกับกำลังป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ โดยตั้งอยู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะดวกในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ และยังสะดวกในการควบคุมการลำเลียงอาวุธและเสบียงต่างๆ ไปตามหัวเมืองเมื่อเกิดศึกสงคราม
ดังนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จึงทรงตัดสินใจเลือกเอา "กรุงธนบุรี" เป็นราชธานี ทรงพระราชทานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร" นอกจากนี้ หากข้าศึกยกกำลังมามากเกินกว่ากำลังจะต้านทานก็ยังสามารถย้ายไปตั้งมั่นที่จันทบุรีได้โดยอาศัยทางเรือ อีกทั้งยังมี 2 ป้อมปราการทั้งป้อมวิไชยประสิทธิ์ และป้อมวิไชเยนทร์ อยู่ทั้งสองฟากแม่น้ำที่สร้างไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชใช้ป้องกันข้าศึกที่จะเข้ามารุกรานโดยยกกำลังมาทางเรือ "สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช" ทรงสร้างพระราชวังขึ้นทางทิศใต้ของกรุงธนบุรี ขนาบข้างด้วยวัดแจ้ง หรือวัดมะกอก (ปัจจุบันคือ วัดอรุณราชวรารามราชวรวิหาร) และวัดท้ายตลาด (ปัจจุบันคือวัดโมลีโลกยารามราชวรวิหาร) โดยเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๓๑๓ พระราชทานนามว่า "กรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร"
สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงแสดงความคิดเห็นไว้ว่า..
อย่างไรก็ดี "อาณาจักรธนบุรี" เป็นอาณาจักรเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ระหว่างปี 2310 - 2325 หรือเพียง 15 ปี มีพระมหากษัตริย์ปกครองเพียงพระองค์เดียว คือ "สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี" และต่อมาสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ และทรงย้ายเมืองหลวงไปยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา คือ กรุงเทพมหานครในปัจจุบัน ขอบคุณภาพ-Fb.มูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม พระเจ้าตากสินปฏิบัติภารกิจใดเป็นอันดับแรก หลังจากย้ายราชธานีมาอยู่กรุงธนบุรีภายหลังจากที่ทรงปราบดาภิเษก พระราชภารกิจสำคัญลำดับแรกของพระเจ้าตากสินมหาราชก็คือการสร้างชาติบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่น แต่การกอบกู้ชาติบ้านเมืองของพระองค์ในระยะแรกเริ่มเต็มไปด้วยความยาก ลำบากแสนสาหัส ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวของประชาชนและสภาพบ้านเมืองที่ถูกข้าศึกทำลายจนย่อยยับจนเกิดสภาวะจลาจลไปทั่วทุกหนแห่งในขณะ ...
เพราะเหตุใดหลังจากที่พระตาก(สิน) กู้อิสรภาพได้แล้ว จึงตัดสินใจย้ายราชธานีมาอยู่ที่กรุงธนบุรีสำหรับเหตุที่ทรงเลือกที่นี่ เพราะกรุงธนบุรีเป็นเมืองขนาดเล็ก เหมาะสมกับกำลังป้องกันทั้งทางบกและทางน้ำ โดยตั้งอยู่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา สะดวกในการติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ และยังสะดวกในการควบคุมการลำเลียงอาวุธและเสบียงต่างๆ ไปตามหัวเมืองหรือจากหัวเมืองเข้ามาช่วย เมื่อเกิดศึกสงคราม
เหตุผลในการย้ายราชธานีจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรีมีอะไรบ้างสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงย้ายเมืองหลวงมาอยู่ที่กรุงธนบุรี เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้ ๑.กรุงศรีอยุธยาชำรุดเสียหายมากจนไม่สามารถจะบูรณะปฏิสังขรณืให้ดีเหมือนเดิมได้ กำลังรี้พลของพระองค์มีน้อยจึงไม่สามารถรักษากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองใหญ่ได้ ๒.ทำเลที่ตั้งของกรุงศรีอยุธยาทำให้ข้าศึกโจมตีได้ง่าย
เพราะเหตุใดพระยาตากจึงตัดสินใจหลบหนีออกจากกรุงศรีอยุธยาขณะที่พม่ากำลังล้อมเมืองอยู่มีคำถามเสมอว่า เหตุใดพระเจ้าตากจึงตัดสินใจมุ่งหน้า “หนี” มาทางตะวันออก เหตุผลตรงไปตรงมาที่สุดคือฝากตะวันออกของกรุงศรีอยุธยามีกองกำลังของพม่าน้อยที่สุด ส่วนทางเหนือ ใต้ และตะวันตก เต็มไปด้วยกองทัพขนาดใหญ่ล้อมกรุงศรีอยุธยาไว้ทั้งสิ้น
|