เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

การเลือกหมวกกันน็อคให้ตรงใจไม่ตกเทรนด์ ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการเลือกเสื้อผ้าซึ่งเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า หมวกกันน็อคก็คือ แฟชั่น! อีกแขนงหนึ่วที่เหล่าไบค์เกอร์ตัวจริงควรใส่ใจและให้ความสำคัญ โดยเฉพาะการเลือกซื้อซึ่งไม่ใช่จะอะไรก็ได้ ซึ่งวันนี้เราก็มีวิธีการมีแนะนำว่าหมวกกันน็อครูปแบบใดเหมาะสมกับการใช้ใส่ขี่มอเตอร์ไซค์สไตล์ไหน รับรองว่าเมื่อรู้แล้วก็สามารถใส่ออกไปเท่ได้อย่างไม่อายใครแน่นอน

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

หมวกกันน็อคแบบเต็มหน้า (Full Face) แต่ส่วนใหญ่ในบ้านเรามักเรียกว่า ‘หมวกเต็มใบ’ หมวกแบบนี้จริงๆ แล้วสามารถใส่ได้กับรถหลายๆ ประเภท ไม่ว่าจะเป็นสปอร์ต เน็คเก็ต หรือมอเตอร์ไซค์ทั่วไป แต่อาจไม่เข้ากับมอเตอร์ไซค์ประเภท ช็อบเปอร์ โมโตรครอสหรือเอนดูโร่ โดยออกแบบมาให้ครอบคลุมศีรษะได้ทั้งหมด ตั้งแต่ด้านบนศีรษะจนปิดคางและท้ายทอย โดยด้านในถูกบุนวมให้รับกับกะโหลกและห่อหุ้มศีรษะแบบไม่มีช่องว่าง ส่วนบริเวณตาและจมูกมีช่องเปิดให้สามารถมองเห็นและหายใจ ซึ่งปิดด้วยกระจกบังลมหรือชิลด์หน้า ในขณะที่แผ่นชิลด์ก็มีมาตรฐานแตกต่างกัน มีหลายเฉดสีหลายความเข้ม รวมถึงสามารถรับแรงกระแทก รอยขีดข่วนหรือหินกระเด็นใส่ได้ดีแค่ไหน โดยหมวกประเภทเต็มหน้าหรือเต็มใบนี้ นับเป็นหมวกที่ได้รับความนิยมและถูกยอมรับว่าสามารถปกป้องอวัยวะได้ดีที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับบรรดาหมวกกันน็อครูปแบบอื่น

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

หมวกกันน็อคแบบออฟโรดหรือโมโตรครอส (Off Road, Motorcross) หมวกกันน็อคประเภทนี้คล้ายกับแบบเต็มหน้ามากความปลอดภัยทัดเทียมกัน เพียงแค่ดัดแปลงเล็กน้อยให้เหมาะกับการขับขี่แบบออฟโรดโดยเฉพาะ ด้วยส่วนหน้าด้านบนยื่นออกมาเพื่อบังแสงแดดและส่วนคางที่ยืดออกมาเพื่อป้องกันโคลนหรือเศษดินกระเด็นใส่ขณะขับขี่ แต่หมวกประเภทนี้จะไม่มีกระจกบังลม ซึ่งผู้ขับขี่นิยมใส่แว่นกันลมเองเสียมากกว่า

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

หมวกกันน็อคแบบเต็มใบ-เปิดหน้า (Open Face) เป็นหมวกยอดฮิตสำหรับไบค์เกอร์ที่มักขี่ระยะใกล้ๆ หรือขับขี่ในเมืองที่ไม่เร็วมากนัก ซึ่งเหมาะกับรถสไตล์ทัวร์ริ่ง-เน็กไบค์-สกู๊ตเตอร์ และคลาสสิค จุดเด่นคือไม่มีที่ป้องกันตรงคางแต่มีกระจกบังลมที่ครอบปิดลงมาถึงคาง ซึ่งสามารถกันลมและฝุ่นได้ดี โดยหมวกชนิดนี้จะคลุมเพียงสามในสี่ของศีรษะเท่านั้น

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

หมวกกันน็อคแบบโมดูล่า (Modular) เหมาะกับมอเตอร์ไซค์แบบทัวร์ริ่ง-แอดเวนเจอร์ โดยรูปทรงแบบหมวกเป็นแบบเดียวกับแบบเต็มหน้า โดยมีความแตกต่างกันตรงที่สามารถดันยกคางขึ้นได้ สะดวกในการพูดคุยขณะแวะพักหรือจอดรถโดยไม่ต้องถอดหมวก แต่อย่างไรก็ดีหากเทียบความปลอดภัยสูงสุด หมวกชนิดนี้ก็ยังเป็นรองจากหมวกกันน็อคแบบเต็มหน้า เพราะหมวกประเภทนี้มี 2 มาตรฐาน ได้แก่ –P หมายถึง ออกแบบมาเพื่อปกป้องบริเวณคาง และแบบ –NP ออกแบบไม่รองรับบริเวณคาง

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบ หมวกกันน็อคประเภทนี้เรียกว่าได้รับความนิยมอย่างมากในไทย เพราะมีหลายทรง สามารถใส่ได้กับมอเตอร์ไซค์แบบช็อปเปอร์ มอเตอร์ไซค์คลาสสิค สกู๊ตเตอร์ รวมไปถึงมอเตอร์ไซค์ทั่วๆ ไป แต่มีความปลอดภัยน้อยที่สุดเพราะออกแบบมาครอบศีรษะได้เพียงครึ่งบนเท่านั้น ไม่สามารถปกป้องบริเวณท้ายทอย ซึ่งมีความสำคัญมากเช่นกันได้

เมื่อรู้ประเภทของหมวกกันน็อคแล้ว เพื่อนๆ พี่ๆ ชาวไบค์เกอร์ ก็อย่าลืมเลือกให้ถูกกับประเภทของมอเตอร์ไซค์คู่ใจกันนะครับจะได้ไม่ตกเทรนด์

สุดท้ายก็อย่าลืมเพิ่มความอุ่นใจในการเดินทาง ด้วยประกันรถที่รู้ใจคุณที่สุด กับ Roojai.com ประกันรถออนไลน์ พร้อมบริการคุณตลอดเวลา เช็คเบี้ยออนไลน์ได้ราคาทันทีผ่านเว็บไซต์ กับราคาที่แฟร์กว่า คำนวณตามลักษณะการขับขี่ของคุณโดยเฉพาะ สามารถเคลมสบายผ่านแอป ถึงไวใน 30 นาที ผ่อนนาน 10 งวด ไม่บล็อควงเงินบัตรเครดิต หรือเลือกผ่อนผ่านบัตรเดบิตได้

  • ประเภทของหมวกกันน็อกที่นิยมในปัจจุบัน หมวกกันน็อกเต็มใบ หมวกกันน็อกครึ่งใบ หรือแบบเปิดหน้า แบบไหนเหมาะกับใคร วันนี้เรามีบอกละเอียด
  • ข้อดีของการสวมหมวกกันน็อก คือ ลดอาการบาดเจ็บจากแรงกระแทกได้สูงถึง 69%
  • แอบดูเทคโนโลยีหมวกกันน็อกยุคดิจิทัล ที่ทำได้มากกว่าแค่เชื่อมต่อบลูทูธแล้ว

สิงห์นักบิดทั้งหลายคงเซ็งอยู่เหมือนกันที่แม้อากาศร้อนสักแค่ไหน แต่ต้องใส่หมวกกันน็อกกัน เพราะช่วยป้องกันทั้งการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและป้องกันตำรวจเขียนใบสั่ง ตามราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 พ.ศ.2563 ใครที่ไม่สวมหมวกกันน็อกปรับ 400 บาท คนซ้อนปรับ 800 บาท เจอแบบนี้แล้วหาซื้อหมวกกันน็อกมาใส่กันดีกว่า

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

บอกให้ชื่นใจอยากใส่หมวกกันน็อกกันถ้วนหน้า เพราะจากตัวเลของค์การอนามัยโลก (WHO) เผยรายงาน GLOBAL STATUS REPORT ON ROAD SAFETY การที่ใส่หมวกกันน็อกแบบมาตรฐานที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ช่วยดูดซับและกระจายแรงกระแทกต่อศีรษะของเรา สามารถลดอัตราการเสียชีวิตได้ถึง 42% และลดอาการบาดเจ็บบริเวณศีรษะได้ถึง 69% อ่านสถิติแบบนี้แล้วเริ่มสนใจจะควักเงินซื้อหมวกกันน็อกสักใบหรือยัง ลองมาดูประเภทของหมวกกันน็อกแบบที่เป็นที่นิยมกัน มีดังนี้

1.หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ

ออกแบบมาครอบคลุมทั้งศรีษะ ตั้งแต่คางไปจนถึงท้ายทอย ภายในบุนวมหนาจนแทบไม่มีช่องว่างเมื่อสวมใส่ คุณสมบัติป้องกันแรงกระแทกดีเยี่ยม เหมาะสำหรับนักแข่งและผู้ที่ต้องขับทางไกล

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

2.หมวกกันน็อกครึ่งใบ

ป๊อปปูลาร์ในหมู่นักบิดโดยแท้ เพราะสวมใส่ง่าย ราคาหลักร้อยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนไม่ช่วยเรื่องลดแรงกระแทกหากเกิดอุบัติเหตุ แต่ช่วยเรื่องค่าปรับจากคุณตำรวจอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงไม่แนะนำสำหรับผู้ที่จะขับมอเตอร์ไซค์ทางไกลหรือขับขี่เร็วโดยเด็ดขาด

3. หมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า

ปกคลุมเพียง 3 ใน 4 ส่วนของศีรษะ ไม่ป้องกันที่บริเวณคาง มีกระจกเพื่อบังลมและป้องกันเศษฝุ่นไม่ให้เข้าตา เหมาะกับการขับขี่ระยะทางไม่ไกล หรือการขับขี่ในเมือง รุ่นนี้เป็นที่นิยมของวินมอเตอร์ไซค์ ผู้ที่ใช้มอเตอร์ไซค์ในการเดินทางแบบทั่วไป ระดับการป้องกันการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุมีน้อย

4. หมวกกันน็อกออฟโรดหรือมอเตอร์ครอส

ลักษณะภายนอกคล้ายหมวกเต็มใบ คุณสมบัติและความปลอดภัยใกล้เคียงกันมาก จึงเหมาะสมกับการขับขี่แบบวิบาก มีการเพิ่มส่วนหน้าด้านบนและส่วนคางให้ยื่นออกมา เพื่อช่วยบังแดดและป้องกันโคลนหรือเศษหิน เหมาะกับกลุ่มมอเตอร์ไซค์วิบาก

5. หมวกกันน็อกยกคาง

มองเผินๆ เหมือนหมวกเต็มใบ แต่ขณะที่สวมใส่จะสามารถยกหมวกที่คลุมตรงคางขึ้นได้ เป็นส่วนผสมระหว่างหมวกเต็มใบและหมวกกันน็อกเปิดหน้า จึงสะดวกสำหรับพนักงานส่งของเวลาจะพูดคุย ก็ไม่ต้องถอดหมวกออกทั้งใบ แค่ยกขึ้นก็เห็นหน้าแล้ว และที่สำคัญหมวกกันน็อกรุ่นนี้ สามารถใส่แว่นตาได้ขณะใส่หมวกกันน็อกไปด้วย

6. หมวกกันน็อกแฟชั่น

ข้อดี คือ สวยและราคาไม่แพง ใส่แล้วเก๋มีสารพัดสีสารพัดลาย แถมคุณตำรวจยังไม่เรียกมาปรับ ซึ่งหมวกกันน็อกแฟชั่นก็มีคุณสมบัติเหมือนหมวกนิรภัย แต่ป้องกันแค่ด้านบนเพียงอย่างเดียว ในส่วนของด้านหลัง ด้านข้างและด้านหน้าของศีรษะ แทบจะปกป้องอะไรไม่ได้เลย

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด


เพราะฉะนั้น การเลือกซื้อหมวกกันน็อกต้องเลือกที่ได้มาตราฐาน มี มอก. รับรอง และตรงกับประเภทของการใช้งาน สมมติเราขับบิ๊กไบค์ แต่ไปเลือกแบบครึ่งใบ อันตรายแน่นอน ต่อมาดูที่ความกระชับและพอดีกับขนาดศีรษะของเรา ดูที่น้ำหนักของหมวก วัสดุต้องแข็งแรง ถอดทำความสะอาดได้ โดยทั่วไปหมวกกันน็อกจะมีอายุการใช้งานเต็มที่คือ 3 ปี เพราะหมวกกันน็อกใช้วัสดุในการผลิตคือพลาสติก ย่อมเกิดการเสื่อมสภาพง่าย ยิ่งเกิดการกระแทกก็จะยิ่งเสื่อมสภาพ หากครบ 3 ปี ควรเปลี่ยนใหม่

วิธีการดูแลรักษาหมวกกันน็อก

ไม่แขวนหมวกกันน็อก ในขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ และไม่แขวนหมวกกันน็อกที่บนกระจกมองหลัง อันนี้จะเกิดอุบัติเหตุกับผู้ขับขี่และรถข้างๆ ได้ อีกทั้งไม่ควรนั่งบนหมวกกันน็อก หรือนำมาขว้างเล่น จะเป็นการทำลายเปลือกหมวก ซึ่งเป็นส่วนรับแรงกระแทกที่สำคัญอาจมีคุณสมบัติในการปกป้องศีรษะจากอุบัติเหตุลดลงได้

เราควรเลือกหมวกกันน็อคลักษณะใด

จบเรื่องคุณสมบัติของหมวกกันน็อกกันไปแล้ว เครื่องยนต์คนขยันก็มีหมวกกันน็อกเอาใจสายไอทีมาฝาก เอาที่ราคาได้ยินต้องร้องว้าว เริ่มต้นที่ห้าหลัก แต่คุณสมบัติเองก็อัดแน่นเทคโนโลยีแบบที่ใส่แล้วนึกว่าตัวฉันเป็นไอรอนแมนหรือเปล่านะ เพราะปัจจุบันมีหมวกกันน็อกที่เรียกว่าเป็น Smart Helmet หมวกกันน็อกอัจฉริยะ เชื่อมต่อ AI สั่งงานด้วยเสียง ช่วยค้นหาเส้นทาง แจ้งเตือนโทรเข้าโทรออก สั่งได้เลยว่าอยากรับหรือจะยกเลิกสาย ทั้งหมดแสดงผลบนหน้าจอดิจิทัลบนบนกระจกหน้า แต่ไม่รบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ มีกล้องบันทึกภาพและเสียง Full HD นี่ยังไม่ได้บรรยายถึงวัสดุที่ใส่ทำหมวกกันน็อก ใช้คาร์บอนไฟเบอร์เป็นวัสดุคอมโพสิท คุณสมบัติ เหนียว ต้านทานแรงดึงสูง น้ำหนักเบา ทนต่อสารเคมี ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล หากมีกำลังทรัพย์อยากสนุกทั้งขับขี่และเล่นเทคโนโลยี นี่ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย

ผู้เขียน : เครื่องยนต์คนขยัน