เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นใยชนิดใดดูแลยากที่สุด เพราะเหตุได

ผ้าในโลกนี้มีหลากหลายประเภท ซึ่งการดูแลผ้าในแต่ละประเภทก็ดูแลแตกต่างกันไปตามความเหมาะสมของเนื้อผ้า

Show

โดยการแบ่งประเภทผ้า สามารถแบ่งเป็นหลักๆ ได้ 3 ประเภทด้วยกัน

  1. เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fiber)

  2. เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี (Chemical Synthetic Fiber)

  3. เส้นใยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ (Natural Synthetic Fiber)

เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นใยชนิดใดดูแลยากที่สุด เพราะเหตุได

เส้นใยจากธรรมชาติ

เส้นใยฝ้าย (Cotton)

เป็นผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติจากพืช สามารถซักด้วย สบู่ หรือผงซักฟอกได้ มนต่อแสงแดดและความร้อนได้ดี ในการดูแลรักษา ควรรีดในขณะที่ยังชื้นอยู่ หรือควรพรมน้ำก่อนรีด ควรรีดให้แห้งสนิท ถ้ารีดไม่แห้งสนิทเมื่อเก็บไว้อาจจะทำให้เกิดราได้

เส้นใยไหม (Silk)

เป็นผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติจากสัตว์ ผ้าไหมไม่ทนแสงแดด ซึ่งจะทำให้ผ้าไหมขาดเร็ว ก่อนนำผ้าไหมไปตัดชุดควรนำไปอบไอน้ำก่อนเพื่อไม่ให้เนื้อผ้าหดและสีไม่ตกง่ายในภายหลัง วิธีการดูแล ไม่ควรใช้น้ำยาซักแห้ง หรือผงซักฟอก เพราะจะทำให้สีตก และเก่าเร็ว ควรใช้สบุ่อ่อน แชมพูเด็ก หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผ้าไหมโดยเฉพาะ ผสมน้ำอุ่นตีเป็นฟอง น้ำเสื้อผ้าไหมจุ่มลง และใช้มือขยำและซักตรงที่มีรอยสกปรก เช่น ที่คอ ปลายแขน ปลายขา ปลายกระโปรง นำขึ้นบีบให้น้ำสบุ่ไหลออกแล้วนำไปซักน้ำอุ่น อีกอย่างย้อย 2 ครั้ง หรือจนกว่าจะหมดฟอง แล้วใช้ผ้าขนหนูซับน้ำออกโดยการปูชุดผ้าไหมลงบนผ้าขนหนูแล้วค่อยๆม้วนผ้าตามขวาง โดยทิ้งไว้ 5-10 นาทีโดยไม่ต้องบิด แล้วนำไปแขวนผึ่งลม พอหมาดๆแล้วนำไปรีด

เส้นใยลินิน (Linen)

เป็นผ้าที่ได้จากเส้นใยธรรมชาติจากพืชเช่นเดียวกับฝ้าย แต่มีข้อแตกต่างกันอยู่นิดหน่อยคือ ลินิน จะแข็งและดูดซับน้ำได้ดีกว่า ฝ้าย แต่จะไม่ยืดหยุ่นเท่ากับฝ้าย การดูแลรักษา คล้ายกัน ผ้าลินินจะยับง่ายกว่าจึงควรใช้การม้วนเก็บมากกว่าการพับ

เส้นใยขนสัตว์ (Wool)

เป็นผ้าที่ทำมาจากขนของสัตว์เช่น แกะ เฟอร์ กระต่าย เป็นต้น ถ้ามีรอบเปื้อนให้รีบใช้แปรงแปรงออกโดยเร็ว หากเปื้อนน้ำให้รีบสบัดออก หรือใช้ผ้าแห้งเช็ดออก ผ้าขนสัตว์ต้องแปรงทุกครั้งหลังจากสวมใส่ ให้ใช้แปรงที่มีขนนุ่มและแน่น จะทำให้รอยเปื้อนหรือคราบสกปรกหลุดออกได้ดีแล้ว ยังทำให้เส้นขนไม่จับตัวเป็นก้อน ข้อสำคัญคือห้ามแปรงตอนผ้าเปียกให้แปรงตอนแห้งเท่านั้น

เส้นใยสังเคราะห์จากสารเคมี

ผ้าโพลีเอสเตอร์ (Polyester)

หากใครเป็นคนที่ชื่นชอบการใส่เสื้อยืดเอามากๆ อาจจะต้องเคยใส่เสื้อยืดที่ผลิตจากผ้าโพลีเอสเตอร์ 100% เพราะผ้าโพลีเอสเตอร์มีคุณสมบัติที่คล้ายกับผ้าคอตตอนหรือผ้าฝ้ายอย่างมาก เป็นเส้นใยที่มีความยาวนุ่ม เงามัน เบาบาง ยับยาก แต่สามารถดูดความชื้นได้น้อย และเมื่อใส่ไปนานๆ เนื้อผ้าอาจจะเป็นขุยได้

ผ้าไนลอน (Nylon)

โดยส่วนมากผ้าไนลอนจะไม่ค่อยนิยมนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้า เพราะเวลาสวมใส่จะไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก แต่ถ้าหากนำมาผลิตเป็นเสื้อผ้าก็จะมีราคาที่ไม่สูง ส่วนมากจะผลิตเป็นกระเป๋า ร่ม ถุงผ้าไนลอน มากกว่า เพราะคุณสมบัติของผ้าไนลอนมีความแข็งแรง ทนทานมาก ไม่ยับง่าย เนื้อผ้าสามารถทรงตัวได้ดี ทนต่อเชื้อราและการถูกขัดสีได้ดี

ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex)

ใครที่นึกไม่ออกว่าผ้าสแปนเด็กซ์เป็นยังไง ให้นึกถึงกางเกงเลกกิ้งหรือเสื้อที่ผ้ามีลักษณะยืดหยุ่นมากๆ เพราะคุณสมบัติของผ้าสแปนเด็กซ์คือมีความยืดหยุ่นสูงมาก เมื่อยืดออกแล้วปล่อยกลับก็จะคงอยู่ในรูปทรงเดิม และแถมยังมีน้ำหนักที่เบาสบายอีกด้วย

เส้นใยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ

ผ้าเรยอน (Rayon)

ผ้าเรยอนไม่ได้ผลิตมาจากเส้นใยสังเคราะห์สารเคมี แต่ผลิตมาจากวัสดุธรรมชาติ และได้ผ่านกระบวนการทางเคมี ถักทอจนเกิดเป็นผืน ผ้าเรยอนถูกผลิตขึ้นมาให้มีคุณสมบัติที่เหมือนกับผ้าฝ้าย คือเนื้อผ้านุ่ม มันเงา สามารถระบายความร้อนได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสู้ผ้าฝ้ายได้ ส่วนมากคนจะนิยมมาใช้ทดแทนเสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าฝ้าย เพื่อลดต้นทุนการผลิต ราคาจึงถูกกว่า

.

.

และหากสนใจสินค้าจากทางบริษัทฯ สามารถติดต่อได้ทาง

เบอร์โทร : 02-514-3263

Line : @paspand

ที่มา

- https://www.smartprintfabric.co.th/fabric-care-by-type/

- https://www.mcshop.com

ความหมายและความสำคัญของการดูแลเสื้อผ้า

การดูแลเสื้อผ้า หมายถึง การทำความสะอาดและเก็บรักษา โดยวิธีขจัดรอยเปื้อน ซัก ตาก รีด เก็บ พับ หรือแขวนในถุงเก็บเสื้อหรือในตู้

               การดูแลเสื้อผ้ามีความสำคัญ ดังนี้

1. เสื้อผ้าสะอาด ไม่มีคราบสกปรก หรือมีกลิ่นเหม็นจากเหงื่อไคล

2. ป้องกันไม่ให้เกิดโรคผิวหนังอันเนื่องมาจากเสื้อผ้าสกปรก เช่น หิด กลาก เกลื้อน ผมผื่นคัน

3. ถนอมเนื้อผ้าให้ทนทาน ไม่เสื่อมสภาพ และมีอายุการใช้งานยาวนาน

4. ส่งเสริมบุคลิคภาพของผู้ใส่ให้ดูดี สง่างาม เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น

5. ผู้สวมใส่เกิดความมั่นใจ และความภาคภูมิใจ

     

6. ปลูกฝังลักษณะนิสัยให้เป็นคนรักความสะอาด

ประเภทของเสื้อผ้า

     เสื้อผ้าแบ่งตามชนิดของเส้นใยที่นำมาเป็นผืนผ้าเป็น 3 ประเภท ดังนี้
     1. เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ซึ่งเป้นเส้นใยที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ สวมใส่สบาย แต่การซักรีดต้องใช้ความประณีต เพราะยับง่าย
     2. เสื้อผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งเป็นเส้นใยที่มนุษย์สร้างขึ้นมาจากสารเคมี แล้วผลิตเป็นผืนผ้า เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ดูแลรักษาง่าย เพราะไม่ยับ ยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี แต่ไม่ค่อยดูดซึมน้ำ และไม่ระบายความร้อน จึงเหมาะที่จะสวมใส่ในห้องปรับอากาศ

ใยสังเคราะห์ที่นิยมนำมาตัดเย็บเสื้อผ้า เช่น ไนลอน พอลิเอสเทอร์ อไครลิก สแปนเด็กซ์

     3. เสื้อผ้าจากเส้นใยกึ่งสังเคราะห์ ซึ่งเป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่มีส่วนผสมของเส้นใยธรรมชาติ ผ้าจะมีเนื้อนุ่ม เป็นมันเงา ดูดซึมน้ำได้ดี แต่ไม่ค่อยมีความเหนียว เสียรูปทรงเมื่อถูกน้ำ ไม่ทนกรดเข้มข้น ใยกึ่งสังเคราะห์ที่นิยมนำมาตัดเย็บเสื้อผ้า เช่น เรยอน อะซิเตต

หลักการดูแลเสื้อผ้า

     การดูแลเสื้อผ้าให้ทนทาน ใช้งานได้นานมีหลักการ ดังนี้

1. ขณะสวมใส่เสื้อผ้าต้องระมัดระวังไม่ให้เปรอะเปลื้อน และถูกของแหลมคมเกี่บวขาด

     2. ไม่ควรใส่ของหนักหรือของมีคนในกระเป่าเสื้อ กระเป๋ากระโปรง กระเป๋ากางเกง เพราะจะทำให้กระเป๋าขาดได้ 

     3. เสื้อผ้าเมื่อถอดแล้วจะสวมใส่อีก เช่น เสื้อกันหนาว สูท ไม่ควรแขวนไว้ที่่ตะปู เพราะจะเสียรูปทรง ควรแขวนด้วยไม้แขวน เก้บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี

     4. สำรวจสัญลักษณ์บนป้ายผ้าที่ติดมากับเสื้อผ้า และดูแลให้ถูกวิธี
     5. สำรวจชนิดของเส้นใยผ้าเพื่อให้เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่อมือในการดุแลรักษาได้เหมาะสม
     6. หยิบสิ่งของออกจากกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง กระเป๋ากระโปรงออกก่อนขจัดรอยเปื้อนและซัก
     7. ชจัดรอบเปื้อนทันทีที่พบ จะช่วยประหยัดแรงงานและเวลาในการซักเสื้อผ้า
     8. ซ่อมแซมเสื้อผ้าที่ชำรุดก่อนทำความสะอาด
     9. แยกผ้าสีผ้าขาว และผ้าสีตกไว้ เพื่อความสะดวกในการซักและป้องกันเสื้อผ้าสีหม่นหรือสีตกใส่กัน
   10. ศึกษาวิธีใช้งานวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการดุแลเสื้อผ้าให้เข้าใจ จากการอ่านฉลากหรือข้อความบนบรรจุภัณฑ์ และคู่มือแนะนำการใช้งาน แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
   11. จัดเก็บเสื้อผ้าอย่างถูกวิธีโดยไม่ให้ยับหรือเสียรูปทรง หยิบใช้สะดวก ปราศจากฝุ่นและแมลง

วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการดูแลรักษาเสื้อผ้า 

     การดูแลเสื้อผ้า จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับวัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือในการดูแลเสื้อผ้า เพื่อให้เลือกใช้ได้เหมาะสมกับลักษณะงานดังนี้ 

-สารซักฟอก เช่น น้ำยาซักผ้า ผงซักผ้า น้ำยาซักแห้ง ใช้ซักผ้าให้ขาวสะอาด

-สารฟอกขาว ใช้ขจัดรอยเปื้อนให้ผ้าขาวสะอาด 

-สารปรับผ้านุ่ม ใช้ลดความกระด้างของผ้า และช่วยลดการดุดซึมของน้ำ


     -สารตกแต่งผ้าขาว เช่น คราม ใช้ตกแต่งผ้าสีขาว ให้ขาวสดใส 

     -สารตกแต่งผ้าให้คงรูป เช่น แป้งลงผ้า เจลลี่ ใช้ทำให้ผ้าคงรูปเมื่อใช้งาน

     -สารที่ทำให้ผ้าเรียบ ใช้ฉีดพรมลงบนผ้า เพื่อให้ผ้าเรียบอยุ่ทรงนาน และมีกลิ่นหอม 


     -กะละมัง ใช้ใส่น้ำเพื่อซักผ้า 

     -แปรงซักผ้า ใช้ขัดถูเสื้อผ้าบริเวณที่มีคราบซักออกได้ยาก

     -ตะกร้าใส่ผ้า ใช้ใส่ผ้าที่จะซัก หรือผ้าที่ซักแล้วเตรียมจะตาก

     -เครื่องซักผ้าอัตโนมัติและกึ่งอัตโนมัติ ใช้ซักผ้าเพื่อประหยัดเวลาและแรงงานในการซักผ้า 

     -เตารีดไฟฟ้าแบบธรรมดา เตารีดไอน้ำและเตารีดแบบทับ ใช้รีดผ้าให้่เรียบ

     -ขวดใส่สารให้ผ้าเรียบ หรือน้ำยารีดผ้าเรียบ ใช้ใส่น้ำยารีดผ้าเรียบ 
    
     -ที่รองรีด ใช้รองรีดเสื้อผ้าทุกชนิด

     -หมอนรองรีด ใช้รองรีดเสื้อผ้าในส่วนที่เข้าถึงได้ยาก เช่น ปกเสื้อ แขนเสื้อ 

     -ไม้แขวนเสื้อ ใข้แขวนเสื้อที่ตากและรีดแล้ว

     -ที่หนีบผ้า ใช้หนีบผ้าที่ตากบนราวตากผ้า

 วิธีการดูแลเสื้อผ้าประเภทต่างๆ

การดูแลเสื้อผ้าแต่ละประเภทให้สะอาด คงสภาพดี ใช้งานได้นาน ต้องรู้จักวิธีขจัดคราบรอยเปื้อน ซัก ตาก รีดและเก็บรักษาที่ถูกต้อง ดังนี้

การขจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า

การทำกิจกรรมต่างๆหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น เล่นกีฬา ขึ้นรถ ลงเรือ ทำงาน รับประทานอาหาร เกิดอุบัติเหตุ อาจทำให้เสื้อผ้าที่เราสวมใส่เปรอะเปื้อนจากคราบสกปรกต่างๆได้ ซึ่งหากไม่ขจัดทันทีที่พบ จะทำให้คราบสกปรกฝังแน่นในเส้นใยเสื้อผ้าจนกระทั่ง ไม่สามารถซักออกได้ 

รอยเปื้อนบนเสื้อผ้าที่พบประจำมีวิธีการขจัด ดังนี้

รอยเปื้อนชา กาแฟ   -   ใช้น้ำร้อนราดบนรอยเปื้อนให้จางลง จากนั้นนำไปซักในน้ำอุ่นกับสบู่ ถ้ายังซัก                                          ไม่ออกให้ใช้น้ำยาฟอกขาวเช็ดแล้วจึงนำไปซักกับสารซักฟอก 

รอยเปื้อนเลือด          -   ให้นำนมข้นหวานทาบริเวณรอยเปื้อน หรือใช้แป้งมันผสมน้ำให้เข้มข้นเหมือน                                           แป้งเปียก ทาบริเวณรอยเปื้อนทิ้งไว้ซักครู่แล้วจึงนำไปซักตามปกติ ถ้ารอย                                               เปื้อนเป็นคราบฝังแน่น ให้ใช้ฟองน้ำจุ่มน้ำเย็นที่ผสมเกลือ ถูเบาๆจนรอยจาง

รอยเปื้อนหมากฝรั่ง  -   ให้ใช้น้ำแข็งถูให้หมากฝรั่งแข็งตัวแล้วใช้สันมีดขูดออก จากนั้นใช้สำลีชุบ

แอลกอฮอลล์เช็ด นำไปซักในสบู่ 

รอยเปื้อนยาแดง       -   เช็ดรอยเปื้อนด้วยแอมโมเนีย หรือซักด้วยน้ำส้มสายชูผสมน้ำ 

รอยเปื้อนน้ำหมึก      -   ถ้าเป้นรอยเปื้อนใหม่ๆ ให้ขยี้น้ำผสมสารซักฟอก ถ้ายังมีรอยเปื้อน ให้นำเกลือ                                           ป่นโรยตรงรอยเปื้อน แล้วบีบน้ำมะนาวลงไปให้ชุ่ม นำไปผึ่งแดดแล้วนำไปซัก

รอยเปื้อนรา               -   บีบน้ำมะนาวลงบนเสื้อผ้าที่มีราขึ้น แล้วแช่ผ้าในสารซักฟอกสักครู่ จากนั้นนำ     (เล็กน้อย)                     ไปซักตามปกติ

รอยเปื้อน                   -   ให้ใช้ฟองน้ำชุบแอลกอฮอล์เช็ดจนรอยจางแล้วจึงนำไปซักตามปกติ

ปากกาลูกลื่น

รอยเปื้อนครีม           -   ให้นำแป้งฝุ่นทาตัวมาโรยบริเวณรอยเปื้อน แล้วใช้กระดาษชำระวางทับ จากนั้น เนย น้ำมัน                      นำเตารีดที่มีระดับความร้อนพอสมควรวางทับกระดาษ จนแป้งดูดคราบมันออก                                         จนหมด จึงนำไปซัก

รอยเปื้อน                   -   ใช้สารส้มถูบริเวณรอยเปื้อน แล้วนำไปซักด้วยสารซักฟอก

ยางผลไม้

รอยเปื้อนดินสอ        -   ใช้ยาสีฟันป้ายลงบนรอยดินสอแล้วขยี้ จากนั้นนำไปซักตามปกติ

รอยเปื้อนโคลน         -   ปล่อยให้โคลนแห้ง แล้วใช้แปรงปัดออก ซักด้วยน้ำเย็นหลาย ๆ ครั้ง จนไม่มีน้ำ                                         โคลนออกมา จึงซักด้วยสารซักฟอก

รอยเปื้อนสนิม           -   นำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้ว                                           จึงนำไปซักตามปกติ

รอยเปื้อนเหงื่อไคล  -   ซักด้วยน้ำผสมน้ำส้มสายชูเล็กน้อย แล้วจึงซักตามปกติ

การซัก ตาก รีดและเก้บเสื้อผ้า

     การซัก ตาก รีด และเก็บเสื้อผ้าประเภทต่าง ๆ ที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีวิธีการ ดังนี้

1. เสื้อผ้าไหม

        1.1) การซักเสื้อผ้าไหม ควรซักด้วยมือ ไม่ควรซักด้วยเครื่องซักผ้า เพราะแรงเสียดสีของเครื่องซักผ้า   จะทำให้เส้นใยชำรุด โดยการซักเสื้อผ้าไหมมีขั้นตอนดังนี้

                1.)ใส่น้ำลงในกะละมังกะพอท่วมผ้าที่จะซัก เกือบครึ่งกะละมัง โดยนำยาซักแห้งเทใส่น้ำในอ่าง   ใช้มือแกว่งน้ำ จนยาซักแห้งแตกฟอง

                2.)นำผ้าไหมลงแช่ในน้ำสักครู ใช้มือกดผ้าให้เปียกและจมน้ำ ใช้มือขยี้เบา ๆ ตรงที่สกปรก เช่นปกเสื้อ ปลายแขนเสื้อ และส่วนอื่น ๆ ขยี้จนคราบเหงื่อไคล ขี้ฝุ่น และสิ่งสกปรกออกจนหมด อย่าใช้แปรงขัดถูผ้าไหมเด็ดขาด นอกจากนี้ผ้าไหมบางชนิดห้ามซักด้วยสารซักฟอก เพราะจะทำลายความมันของเส้นไหม

                3.)นำผ้าไหมที่ซักสะอาดแล้วขึ้นจากน้ำ ใช้มือบีบเบา ๆ ให้น้ำและน้ำยาซักแห้งออกจนหมด

                4.) นำผ้าที่ยกขึ้นจากน้ำแล้ว ไปล้างในน้ำสะอาด 2 ครั้ง จากนั้นแช่ในอ่างน้ำที่ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มไว้สักครู่ ปริมาณการใช้น้ำยาซักแห้งและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ให้ดูตามคำแนะนำในฉลากบนผลิตภัณฑ์

        1.2) การตากผ้าไหม ทำได้ดังนี้

                1.) ยกผ้าไหมขึ้นจากน้ำยาปรับผ้านุ่ม แล้วบีบเบา ๆ ไล่น้ำออก ห้ามบิดผ้า จะทำให้ผ้าเป็นรอยยับ เสียรูปทรง

                2.)สลัดผ้าเบา ๆ คลี่ออกใส่ไม้แขวน

                3.)นำเสื้อผ้าใส่ไม้แขวน ไปแขวนกับราวตากผ้าในที่ร่ม ที่มีลมพัดผ่าน

        1.3) การรีดเสื้อผ้าไหม มีขั้นตอนดังนี้

                1.)นำผ้าไหมที่ซักตากแห้งพอหมาด ๆ มาพรมน้ำหรือฉีดพ่นน้ำยารีดผ้าเรียบให้ทั่ว ม้วนพับเก็บไว้ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น นานประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้น้ำหรือน้ำยาที่ฉีดไว้กระจายเข้าเนื้อผ้าจนทั่วดี ไม่ควรนำไปรีดหลังพรมน้ำหรือฉีดพ่นน้ำยารีดผ้าเรียบทันที จะทำให้ผ้าด่างและไม่เรียบ

                2.)นำผ้าไหมที่ม้วนเก็บไว้ในตู้เย็นมารีด โดยใช้ผ้าฝ้ายขนาดผ้าเช็ดหน้าวางทับบนผ้าไหม แล้ว   จึงใช้เตารีด รีดบนผ้าฝ้าย หากไม่วางผ้าฝ้ายทับบนผ้าไหมก่อน ความร้อนจากเตารีดจะทำให้ผ้าไหมสูญเสียคุณสมบัติ คือ สีผ้าจะไม่สดใส อาจทำให้ผ้าเป็นรอยเหลืองและเก่าเร็ว ถ้าไม่รีดบนผ้าฝ้ายให้รีดด้วยไฟอ่อน ๆ หรือใช้เตารีดไอน้ำ ถ้ารีดแห้ง ๆ ผ้าจะแข็งกระด้างเป็นมันลื่น

   1.4) การเก็บรักษาผ้าไหม ทำได้ดังนี้

          1.) หลังจากรีดผ้าไหมเรียบร้อยแล้ว ควรแขวนไว้กับไม้แขวนเสื้อ แล้วนำไปแขวนเก็บไว้ในตู้ที่     แห้ง ไม่อับชื้น

          2.) ถ้าเป็นเสื้อผ้าไหมที่ใช้แล้ว และยังไม่สกปรก ควรแขวนกับไม้แขวนและนำไปผึ่งไว้ในที่ร่ม ที่ มีอากาศถ่ายเทดี หากเสื้อผ้าไหมสกปรกเล็กน้อย ควรทำความสะอาดเฉพาะจุดนั้นทันทีใส่ไม้แขวนนำไปผึ่งให้แห้ง รีดให้เรียบก่อนนำไปเก็บในตู้เสื้อผ้า

2.  เสื้อผ้าฝ้าย

   2.1) การซักเสื้อผ้าฝ้าย เสื้อผ้าฝ้ายซักได้ด้วยมือและใช้เครื่องซักผ้า แต่การซักด้วยมือจะถนอมเนื้อผ้ามากกว่า นอกจานี้การซักผ้าอย่างถูกวิธีจะช่วยป้องกันราขึ้นเสื้อผ้าได้โดยมีขั้นตอนดังนี้

           1.) แช่ผ้าฝ้ายในน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชู 1 คืนแล้วนำขึ้นบีบน้ำออก

           2.) ใส่สารซักฟอก 1 ช้อน ต่อ น้ำ 1 กะละมัง ใช้มือแกว่งจนเกิดฟอง นำผ้าลงซัก ขยี้เบา ๆ ยกขึ้น บีบน้ำออกเบา ๆ นำไปล้างน้ำสะอาด 2 ครั้ง

           3.) แช่ผ้าฝ้ายในอ่างน้ำที่ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มไว้สักครู ยกขึ้นบีบน้ำออก

           4.) ถ้าเป็นผ้าฝ้ายสีขาวให้ซักในน้ำสบู่ร้อน ๆ ถ้าจะใช้น้ำยาฟอกขาว ต้องเป็นน้ำยาอ่อน ๆ ล้างด้วยน้ำสะอาด จะปั่นให้แห้งด้วยเครื่องซักผ้าก็ได้

   2.2) การตากเสื้อผ้าฝ้าย ทำได้โดยนำเสื้อผ้าฝ้ายที่ซักเสร็จแล้ว ผึ่งและสะบัดให้คลี่ออก ใส่ไม้แขวน             ตากแดดจัดได้แต่ไม่ควรนานเกินไป เพราะจะทำให้เส้นใยเสื่อมคุณภาพ ถ้าเป็นผ้าสีนำไปไม้                 แขวน ตากแดดจัดได้แต่ไม่ควรนานเกินไป เพราะจะทำให้เส้นใยเสื่อมคุณภาพ ถ้าเป็นผ้าสีนำ                 ไปแขวนในที่ร่ม มีลมพัดผ่าน ใช้มือดึงผ้าให้ตึง อย่าให้มีรอยยับ จะช่วยให้รีดง่าย

   2.3) การรีดผ้าฝ้าย ทำได้โดยน้ำผ้าที่ตากไว้พอหมาด ๆ นำไปรีด ไม่ต้องพรมน้ำ และฉีดน้ำยาหรือไม่               ฉีดน้ำยารีดผ้าเรียบก็ได้ รีดด้วยความร้อนสูง ผ้าจะเรียบ

   2.4) การเก็บรักษาผ้าฝ้าย ผ้าฝ้ายจะขึ้นราได้ง่ายเมื่ออยู่ในที่อับชื้น การดูแลรักษาเสื้อผ้าฝ้ายหลังจาก             ซักแล้วควรใส่ไม้แขวนแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า ซึ่งวางไว้ในที่มีอากาศถ่ายเทดี แห้งและเย็น ไม่ควร               แขวนเสื้อผ้าให้แน่นมากนัก อีกทั้งก่อนเก็บไว้ในตู้ควรให้เสื้อผ้าแห้งสนิทก่อน

3.  เสื้อผ้าลินิน

  3.1) การซักเสื้อผ้าลินิน ควรซักด้วยมือ เพราะไม่ทำให้ผ้ายับ รีดง่าย และการซักผ้าลินินสีขาว ควรซักในน้ำอุ่น ผ้าลินินสีอื่นให้ซักในน้ำเย็น และใช้สารซักฟอกที่มีส่วนผสมของเอนไซม์เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรก การซักผ้าลินินด้วยมือ มีขั้นตอนดังนี้

           1.) นำผ้าลินินแช่น้ำสักครู่ยกขึ้นบีบเบา ๆ แล้วนำผ้าไปแช่ในน้ำสารซักฟอกที่เตรียมไว้ แช่ไว้สัก ครู่เพื่อให้สารซักฟอกขจัดสิ่งสกปรก จากนั้นใช้มือขยี้ให้สิ่งสกปรกออกให้หมดแล้วยกขึ้น บีบน้ำออกเบา ๆ ไม่ควรบิดผ้าแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยยับ นอกจากนี้ยังใช้สารฟอกขาว คลอรีนกับผ้าขาวได้

           2.) นำผ้าไปล้างในน้ำสะอาด 2-3 ครั้งจนหมดสารซักฟอก นำไปแช่ในอ่างน้ำผสมน้ำยาปรับผ้า   นุ่ม สักครู่ ยกขึ้นบีบน้ำออก

   3.2) การตากเสื้อผ้าลินิน ทำได้โดยนำผ้าลินินที่ซักเสร็จแล้วใส่ไม้แขวน ตากแดดจัดแต่ไม่นานเกินไป แล้วผึ่งลมไว้พอหมาดจึงนำไปรีด หรือนำผ้าลินินหมาด ๆ ไปม้วนห่อไว้ในผ้าขนหนูสักครู่ เพื่อไม่ให้ผ้าแห้งแข็งเกินไป จึงนำไปรีด

   3.3) การรีดเสื้อผ้าลินิน ทำได้โดยนำเสื้อผ้าลินินที่ผึ่งลมพอหมาดหรือผ้าลินินที่ห่อผ้าขนหนูไว้ไปรีด   โดยใช้ความร้อนสูง และให้รีดด้านใน เพื่อให้ด้านนอกเป็นมัน

   3.4) การเก็บรักษาเสื้อผ้าลินิน หลังจากรีดเสร็จแล้วให้แขวนกับไม้แขวน แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า

4. เสื้อผ้าขนสัตว์

     เสื้อผ้าขนสัตว์ เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก จึงควรส่งร้านซักรีดที่มีความชำนาญในการซักรีดให้จะดีกว่า สำหรับวิธีการดูแลรักษาเสื้อผ้าขนสัตว์อย่างง่ายที่สามารถทำได้ด้วยตนเองมีดังนี้

          1.)ใช้แปรงนุ่ม ๆ แรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สะบัดออก

2.)แขวนเสื้อผ้าขนสัตว์ในที่อากาศโปร่ง แห้ง และเย็น มีถุงพลาสติกหุ้ม

3.)ห้ามใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันนานหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์มีการเสียดสีหรือถูกันไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุด

5. เสื้อผ้าใยสังเคราะห์

   5.1) การซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ สามารถซักได้ด้วยมือ และเครื่องซักผ้า แต่ซักมือจะถนอมเนื้อผ้ามากกว่า โดยการซักเสื้อผ้าใยสังเคราะห์มีวิธีการ ดังนี้

          1.)  ควรแยกผ้าสีและผ้าขาวออกจากกัน ไม่ควรซักรวมกันเพื่อป้องกันสีตก

          2.)  ซักในน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ด้วยสารซักฟอกชนิดอ่อนอย่างเบามือ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด     2 - 3 ครั้ง จากนั้นบีบไล่น้ำออกให้ผ้าหมาด

          3.)  ถ้ามีความจำเป็นต้องฟอกขาว ควรใช้สารฟอกขาวอย่างอ่อน

   5.2)  การตากเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ตากแดดได้แต่ต้องกลับเอาด้านในออก เพื่อป้อมกันไม่ให้สีซีดจาง และไม่ควรตากนาน พอหมาดเก็บเข้าที่ร่ม

   5.3)  การรีดเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ไม่ยับ จึงไม่จำเป็นต้องรีด แต่หากรีด ควรใช้ความร้อนต่ำ

   5.4)  การเก็บเสื้อผ้าใยสังเคราะห์ ควรแขวนด้วยไม่แขวนแล้วเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า

6. เสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์

   6.1)  การซักเสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราห์ เสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์เมื่อถูกน้ำจะลดความเหนียวและความ         ทนทาน ไม่ทนกรด ถ้าเปื้อนยางหรือน้ำผลไม้ต้องซักทันที ควรซักแห้งหรืออาจซักน้ำได้ แต่ผ้าจะยับมาก เสียเวลาซักนาน อย่าแช่น้ำหรือทิ้งไว้ในน้ำนาน และควรใช้สารซักฟอกชนิดอ่อนขณะซักไม่ควรขยี้หรือบิดมาก จากนั้นล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง แล้วบีบน้ำให้หมาด

   6.2)  การตากเสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์ คววรแขวนตากในที่ร่ม

   6.3)  การรีดเสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราะห์ ควรรีดด้วยความร้อนต่ำ เพราระไม่ทนความร้อน ถ้าความร้อนสูงจะ ละลาย

   6.4)  การเก็บเสื้อผ้าใยกึ่งสังเคราห์ ควรแขวนด้วยไม้แขวนแล้วเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่แห้ง และเย็น

นอกจากเสื้อผ้าใยธรรมชาติ ใยสังเคราะห์ และใยกึ่งสังเคราะห์แล้ว ยังมีเสื้อผ้าไหมพรมและเสื้อผ้าที่ตกแต่งด้วยเลื่อมและลูกปัด ซึ่งต้องมีวิธีการดูแลอย่างประณีต ดังนี้

7. เสื้อผ้าไหมพรม

    เสื้อผ้าไหมพรม เป็นผ้าที่ถักทอจากเส้นไหมพรม มีลักษณะนุ่ม ไม่ยับ ยืดหยุ่นได้ดี สวมใส่อบอุ่น   ป้องกันความหนาวได้ดี

   7.1)  การซักเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยซักมือหรือซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ทั้งสองวิธี ควรใช้น้ำยา         ซักแห้งซัก ขยำเบา ๆ เมื่อสะอาด หมดสิ่งสกปรก นำไปล้างน้ำสะอาด 2-3 ครั้ง แล้วแช่น้ำยาปรับผ้านุ่มสักครู่ ไม่ควรนำเสื้อผ้าไหมพรมต่างสีซักรวมกัน เพราะสีจะตกได้

            เสื้อผ้าไหมพรมที่เปื้อนน้ำมัน มีวิธีซักโดยใช้น้ำอุ่น ๆ ผสมน้ำสบู่หรือสารซักฟอก ตีจนขึ้นฟอง นำเสื้อผ้าไหมพรมลงแช่ตรงรอยเปื้อนประมาณ 30 นาที แล้วขยำเบา ๆ จนน้ำมันหลุดออกหมด นำไปล้างในน้ำอุ่น 2-3 ครั้ง จนสะอาด

           
           หลังจากซักเสื้อผ้าไหมพรมแล้ว ปูเสื้อไหมพรมลงบนพื้นโต๊ะ นำผ้าขนหนูแห้ง ๆ ปูทาบกับตัว     เสื้อ ม้วนไปพร้อม ๆ กัน ผ้าขนหนูจะซับน้ำในเสื้อไหมพรมให้แห้งโดยไม่ต้องบิด เพราะถ้าบิดจะทำให้เส้นไหมพรมยับและยืด

    7.2) การตากเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยนำเสื้อผ้าไหมพรมที่ซับน้ำจนแห้งแล้ว วางราบบนแผ่นกระดาษยาว ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม ไม่ควรนำเสื้อไหมพรมตากบนราวตากผ้า เพราะผ้าไหมพรมเป็นผ้าที่มีน้ำหนักและทิ้งตัว จะทำให้ยืดย้วย เสียรูปทรง
    7.3) การเก็บรักษาเสื้อผ้าไหมพรม ทำได้โดยพับใส่ตู้เสื้อผ้าเก็บไว้ ไม่ควรแขวนเพราะจะทำให้ยืดย้วย เสียรูปทรง

    8.  เสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด

        เสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ส่วนมากจะตัดเย็บโดยใช้ผ้าไหม ผ้าป่านหรือผ้าลินิน ซึ่งซักรีดได้ยาก และต้องระวังไม่ให้เลื่อมหรือลูกปัดหลุดอีกด้วย จึงต้องดูแลอย่างถูกวิธี ดังนี้

        8.1 การซักเสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ทำได้โดยบีบน้ำออกโดยไม่บิด จากนั้นนำไปซักในกะละมังที่มีน้ำสารซักฟอกที่ตีจนขึ้นฟอง ขยี้ตรงส่วนสกปรกออกให้หมด ถ้าจุดที่สกปรกเป็นส่วนที่ปักเลื่อมหรือลูกปัด ให้ขยี้เบา ๆ แล้วยกขึ้น นำเสื้อผ้าลงแช่ในอ่างน้ำที่ผสมน้ำยาซักแห้งสักครู่ และขยี้ตรงที่ไม่มีลูกปัด ล้างน้ำ 1-2 ครั้ง ยกขึ้นบีบไล่น้ำออก ห้ามบิด จากนั้นนำเสื้อผ้าลงแช่ในอ่างน้ำ ผสมน้ำยาปรับผ้านุ่มสักครู่ ยกขึ้นบีบไล่น้ำออกโดยไม่บิด

        8.2 การตากเสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ทำได้โดยนำไปใส่ไม้แขวน ผึ่งในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทดี อย่านำไปตากแดด เพราะจะทำให้ลูกปัดบิดและแตกหักง่าย

        8.3 การรีดเสื้อผ้าปักเลื่อมและลูกปัด ทำได้ดังนี้

              1.)  ฉีดพ่นน้ำให้ทั่วพอหมาด ๆ ม้วนพักไว้สักครู นำไปฉีดน้ำยาเพื่อให้ผ้าเรียบและไม่อ่อนตัวอีกครั้งหนึ่ง ม้วนให้น้ำซึมซับจนทั่วจึงนำไปรีด

              2.)  การรีดผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ให้กลับด้านในออกนอก วางลงบนโต๊ะรีด ใช้ผ้าสาลูหรือผ้า ลินินขนาดเท่าผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำออกจนทั่วพอหมาด วางทาบตรงปักเลื่อมและลูกปัดรีดเบา ๆ จนเสื้อผ้าปักเลื่อมและลูกปัดแห้ง ต่อจากนั้นให้กลับด้านใช้ปลายเตารีดค่อย ๆ รีดผ้าที่อยู่ใกล้กับเลื่อมและลูกปัด เพื่อให้เรียบยิ่งขึ้น ตรงส่วนอื่น ๆ ก็ใช้ผ้าสาลูหรือผ้าลินินชุบน้ำ พอหมาด วางทับและรีดจนทั่วทั้งตัว โดยรีดตรงปกและตัวเสื้อ สำหรับแขนเสื้อรีดเป็นส่วนสุดท้าย

        8.4 การเก็บเสื้อผ้าที่ปักเลื่อมและลูกปัด ควรกลับเสื้อผ้าด้านในออกเพื่อไม่ให้เลื่อมไปเกี่ยวสิ่งอื่นใด หลุดออกโดยง่าย แล้วแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย

เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นใยชนิดใดดูแลง่ายที่สุด เพราะเหตุได

๒. เสื้อผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ซึ่งเป็นใยที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมีแล้วผลิตเป็นผืนผ้า เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ดูแลรักษาง่าย เพราะไม่ยับยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดีแต่ไม่ค่อยดูดซึมนํ้าและไม่ระบายความร้อนจึงเหมาะที่จะสวมใส่ในห้องปรับอากาศ ผ้าใยสังเคราะห์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติและการนำ ไปใช้ประโยชน์ดังนี้

เส้นใยชนิดใดซักแล้วไม่ต้องรีด

ชื่อผ้าและลักษณะเนื้อผ้า.

เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นใยชนิดใดดูแลง่ายที่สุด เส้นใยธรรมชาติ, เส้นใยสังเคราะห์, เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ เพราะเหตุใด *

2.เสื้อผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ ซึ่งเป็นใยที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นจากสารเคมีแล้วผลิต เป็นผืนผ้า เสื้อผ้าใยสังเคราะห์ดูแลรักษาง่ายเพราะไม่ยับ ยืดหยุ่นและคืนตัวได้ดี

เสื้อผ้าตัดเย็บชนิดใดที่ซักแล้วไม่ต้องรีด

Q. เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากผ้าชนิดใดที่ซักแล้วไม่ต้องรีด answer choices. ผ้าลินิน