การรังแกกัน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานในสังคมรั้วโรงเรียน จนบางครั้ง คนที่อยู่ในสังคมโรงเรียน อย่างเราเอง ก็อาจคิดไม่ถึงว่า การกระทำบางครั้งของเพื่อนร่วมชั้น ร่วมห้อง หรือแม้แต่เพื่อนสนิทที่ใกล้ชิดกับตัวเราเองนั้น ก็เป็นการรังแกด้วย Show แล้วรู้หรือไม่ว่า ยังมีนักเรียนในโรงเรียนบางคน ได้รับผลกระทบเพราะการรังแก จนไม่สามารถมาโรงเรียนได้อย่างมีความสุขเหมือนคนอื่นๆ ชึ่งในบทความนี้เลิฟแคร์จะพาไปรู้จักว่า การรังแกกันคืออะไร พร้อมแล้วไปกันเลย พฤติกรรมการรังแก หมายถึง การแสดงออก หรือการกระทำในลักษณะที่รุนแรง โดยมีจุดมุ่งหมายในการทำร้ายจิตใจ โดยวิธีต่างๆ เช่น บังคบ ขู่เข็ญ คุกคาม ทุบตี ล้อเลียน กีดกันออกจากสังคม หรือจำกัดเสรีภาพ จิตใจ เนื่องจากผู้รังแกมีเจตนาทำร้ายทั้งทางร่างกาย หรือจิตใจ ทำให้พฤติกรรมการรังแก ถือเป็นความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง การรังแกต่างจาก หยอกเล่น และ การทะเลาะยังไง??? การรังแก เป็นการกระทำที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือกว่าอีกฝ่าย โดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถตอบโต้ได้ และเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำๆ กระทำต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน จึงจะเรียกว่าเป็นการรังแก หรือในบางกรณีการกระทำครั้งเดียวแต่มีผลกระทบกับผู้ถูกกระทำ ก็ถือว่าเป็นการรังแก สำหรับการหยอกเล่น อันนี้อาจจะดูยากไปนิด ต้องใช้การสังเกตความรู้สึกของคนถูกหยอกเล่น รวมถึงความสนิทสนมพวกเขาด้วยนะ เล่น คือ ต้องสนุกทั้งสองฝ่าย (แต่ถ้าฝ่ายใดผ่ายหนึ่งไม่สนุกด้วย ก็ถือเป็นการรังแก โดยใช้ความรู้สึกของคนถูกกระทำเป็นตัววัด) ส่วนการทะเลาะ ทั้งสองฝ่ายจะอยู่ในสถานะที่ตอบโต้กันได้ การรังแก สามารถแยกออกมาได้เป็น 4 รูปแบบ ได้แก่
ทีนี้พอรู้กันบ้างแล้วว่าการรังแกคืออะไร ลองสังเกตดูว่า ที่เราเล่นกับพื่อนทุกวันเนี่ย ใช่การรังแกกันรึเปล่า ติดตามเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับการรังแกได้ที่ เลิฟแคร์สเตชั่น ขอบคุณข้อมูลจาก นวิยา นิยมธรรม.ศึกษาพฤติกรรมการรังแกของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลายถึงระดับชั้นมัถธยมศึกษาตอนต้นในประเทศญี่ปุ่นกรณีศึกษาผู้ถูกรังแก.ปริญญานิพนธ์,สาขาภาษาญี่ปุ่น ภาควิชาตะวันออก คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่,2558. คณะผู้วิจัย.การรังแกต่อกลุ่มนักเรียนที่เป็นหรือถูกมองว่าเป้นคนข้ามเพสหรือคนรักเพสเดียวกัน ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา : รูปแบบ ความชุก ผลกระทบ แรงจูงใจ และมาตรการการป้องกัน ใน 5 จังหวัดของประเทศไทย. องค์การยูเสโก Plan International และมหาวิทยาลัยมหิดล. ราชบัณฑิตสภา ให้คำนิยาม Cyber Bully ว่าคือ "การระรานทางไซเบอร์" หมายถึง การกลั่นแกล้ง การให้ร้าย การด่าว่า การข่มเหง หรือการรังแกผู้อื่นทางสื่อสังคมต่าง ๆ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ สมัยก่อน โดนล้อว่า “อ้วนดำ” ก็จบตรงนั้น ในห้องเรียน ในโรงเรียน กับเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ ไม่กี่สิบคน แต่สมัยนี้ มีการใช้ภาพประกอบ ตัดต่อ แต่งภาพ ให้ดูน่าเกลียดหรือดูตลกกว่าเดิม มีการก๊อปปี้ถ้อยคำกลั่นแกล้งเป็นพัน ๆ ครั้ง มีคนมาเขียนคอมเมนต์ซ้ำเติม แล้วแชร์วนไปในโซเชียลมีเดีย เรียกว่าเป็น Cyberbullying เหมือนถูกทำร้ายจากคนเป็นพันเป็นหมื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอาจแพร่กระจายไปได้เป็นล้านคนในเวลาไม่นาน โดยการทำร้ายยังคงอยู่อย่างนั้น เปิดไปเมื่อไรก็เจอ ปัญหาการระรานในโรงเรียนบ้านเรา ปัจจุบันนี้สูงถึงร้อยละ 40 ติดอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศญี่ปุ่น* โดยเฉพาะ Cyberbullying ซึ่งใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ทำร้ายจิตใจและอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายของเหยื่อ ที่แย่คือคนทำสามารถปกปิดตัวตนบนโลกออนไลน์ ทำให้ไม่รู้ว่าจะจัดการแก้ปัญหากับใครได้อย่างไร เนื้อหาที่โดนระราน กลั่นแกล้ง รังแก ไม่ว่าจะเป็น การดูถูกเหยียดหยาม ทำให้กลายเป็นตัวตลก เสียชื่อเสียง คอยจับผิด แฉ ประจาน ทำให้อับอาย จนถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสี จะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ มีคนมาช่วยแชร์ มาเขียนคอมเมนต์ในด้านลบ กลายเป็นวงจรการระรานทางไซเบอร์ที่ทำร้ายเหยื่อไม่สิ้นสุด สาเหตุของการระรานออนไลน์Cyberbullying เกิดขึ้นได้ทั้งจากการแกล้งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ล้อกันเล่นขำ ๆ แล้วบานปลายไปด้วยความไม่ตั้งใจ หรืออาจเกิดจากความขัดแย้งกันในโรงเรียน ความเกลียดชัง ทั้งที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผล อาจแค่ไม่ชอบหน้า หรือความคิดเห็นบางอย่างไม่ตรงกัน แล้วใช้พื้นที่ในโลกออนไลน์โจมตีกัน รูปแบบของ Cyberbullying ที่พบบ่อย ๆ ได้แก่
Cyberbullying กับผลกระทบCyberbullying ทำให้เหยื่อได้รับผลกระทบทางจิตใจ เช่น
สำหรับผู้ที่กลั่นแกล้งคนอื่น อาจจะได้รับผลกระทบในภายหลังได้เช่นกัน เช่น เกิดความรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยทำกับผู้อื่น ลงโทษตัวเอง หรืออาจจะเป็นอีกด้านหนึ่งคือ เสพติดความรุนแรงจนกลายเป็นอาชญากรในอนาคต ซึ่งผลกระทบกับเหยื่อและผู้กระทำจะมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระรานและทักษะในการรับมือกับการระราน รวมทั้งการสนับสนุนด้านกำลังใจและความช่วยเหลือจากคนรอบข้างด้วย หากเพื่อนหรือบุตรหลานมีอาการเครียด ซึมเศร้า วิตกกังวล เก็บตัว หวาดระแวง ตกใจง่าย ประสิทธิภาพในการทำงานหรือเรียนลดลง หมกมุ่นกับหน้าจอ ข้อความในโทรศัพท์ หรือโซเชียลมีเดีย ใช้ยานอนหลับหรือแอลกอฮอล์ และหากได้ยินผู้อื่นพูดถึงเรื่องที่ถูกกลั่นแกล้งจะมีอาการเครียดมากขึ้น หรือกดดันมากกว่าปกติ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเขากำลังตกเป็นเหยื่อของ Cyberbullying ที่จะต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือโดยเร็ว เด็ก ๆ จะรับมือ Cyberbullying อย่างไร?
Parent Zone องค์กรด้านสังคมหรือ Social Enterprise ของสหราชอาณาจักรในด้านการส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัยให้แก่พ่อแม่ เด็ก ๆ และโรงเรียน ชี้ให้เห็นว่า การเลี้ยงดูและอนุญาตที่ดีพอ โดยให้เด็กเผชิญความเสี่ยงและพัฒนาวิธีการรับมือที่เรียกว่า "Digital Resilience" คือแนวทางที่สำคัญที่จะทำให้เด็กสามารถรับมือกับภัยไซเบอร์ต่าง ๆ รวมทั้งเรื่อง Cyberbullying ประกอบด้วย ทั้ง "เข้าใจ" ว่ามีความเสี่ยง "รู้" ว่าต้องทำอย่างไร หากต้องขอความช่วยเหลือ "เรียนรู้" จากประสบการณ์ของพวกเขาเอง เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดได้ และ "ฟื้นฟู" ถ้าเกิดพลาดไปแล้ว โดยมีระดับการให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสม การรังแกแบบใดยากต่อการตรวจสอบ2. การกลั่นแกล้งโดยคำพูด นักวิจัยระบุว่าเป็นการกลั่นแกล้งที่มีผลกระทบร้ายแรงทำให้เกิดบาดแผล ลึกในใจ การกลั่นแกล้งด้วยคำพูดอาจตรวจพบได้ยากมาก ผู้กระทำมักโจมตีเหยื่อเมื่อผู้ใหญ่ไม่อยู่แถวนั้น ผลคือ เป็นการพูดต่อกันมาแบบปากต่อปาก และยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใหญ่หลายคนก็รู้สึกว่าสิ่งที่เด็กพูดมักไม่ค่อย มีความสำคัญ พวกเขาจึงมัก ...
การรังแกมีกี่ประเภทอะไรบ้างการรังแก สามารถแยกออกมาได้เป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ การรังแกทางร่างกาย (Physical stopbullying) เช่น การต่อย ตี ผลัก สัมผัสบริเวณที่ไม่เหมาะสม การรังแกทางวาจา(Verbal stopbullying) เช่น การพูดเสียดสี การพูดจาล่วงละเมิด การล้อเลียน การแสดงความคิดเห็นในเชิงลบต่อบุคคลอื่นๆ เช่น้เรื่องรูปร่างหน้าตา
การกลั่นแกล้งมีอะไรบ้างประเภทของการกลั่นแกล้ง การกลั่นแกล้งทางร่างกาย เป็นลักษณะของการทำร้ายร่างกาย การชกต่อย การผลัก การตบตี การกลั่นแกล้งทางสังคมหรือด้านอารมณ์ เป็นลักษณะของการใช้กลุ่มเพื่อนหรือสังคมกดดันและทำให้บุคคลแยกออกจากกลุ่ม เป็นผลทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดหรือเสียใจจากการกระทำดังกล่าว
การรังแกคืออะไรการข่มเหงรังแก (Bullying) หมายถึง พฤติกรรมที่สังคมไม่ยอมรับ โดยความตั้งใจกระทาให้ ผู้อื่นได้รับความทุกข์ ความเจ็บปวดจากผู้ข่มเหงรังแกที่ รู้สึกว่าตนเองมีอ านาจหรือพลังเหนือกว่าผู้ถูกข่มเหง รังแก อีกทั้งการกระท าดังกล่าวจะเกิดขึ้นซ ้าๆ อย่าง ต่อเนื่อง และมีระยะเวลายาวนาน ดังภาพประกอบ 1.
|