แหล่งอารยธรรมในทวีปยุโรปคืออะไร

สมัยกลางอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 – 15 ในช่วงเวลานี้ที่ยุโรปได้รับอิทธิพลจากศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิกอย่างมาก โดยมีศาสนจักรโรมันคาทอลิก เป็นองค์กรสำคัญที่นำศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาททั้งทางการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรม และ การดำเนินชีวิต ชาวยุโรปในช่วงเวลาดังกล่าวต่างถูกครอบงำโดยศาสนาจนไม่สนใจความเจริญและศิลปวิทยาการเหมือนในสมัยจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ การกระทำทุกอย่างถูกครอบงำโดยศาสนา อีกทั้งการกระทำนอกเหนือจากคำสอนของศาสนา ถือว่าเป็นโทษอย่างรุนแรง และจะถูกลงโทษโดยการ "บัพพาชนียกรรม" (Excommunication) อีกทั้งบรรดาวิทยาการจากสมัยกรีก - โรมัน ได้หายสาบสญไปอีกด้วย สมัยกลางจึงถูกเรียกโดยนักประวัติศาสตร์บางท่านว่า "ยุคมืด" (Dark Age)
      สำหรับจุดสิ้นสุดของสมัยกลาง นักประวัติศาสตร์แต่ละท่านได้ยึดถือเหตุการณ์แตกต่างกัน ถึง 3 เหตุการณ์ ได้แก่ 
      1) การล่มสลายของกรุงคอนสแตนติโนเปิล (Fall of Constantinople) 
      นักประวัติกลุ่มนี้เชื่อว่า สมัยกลางสิ้นสุดลงเมื่อจักรวรรดิไบแซนไทน์ หรือจักรวรรดิโรมันตะวันออกเดิมได้ล่มสลายลงด้วยฝีมือของพวกเติร์ก ในปีค.ศ.1453 หลังจากนั้นพวกเติร์กได้มีการสถาปนาจักรวรรดิออตโตมาน (Ottoman Empire) ขึ้นแทนที่ พร้อมทั้งเปลี่ยนนามกรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) เป็นกรุงอิสตันบูล (Istanbul) 
      2) การประดิษฐ์เครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลก (Invention of Printer) 
      นักประวัติศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อว่า 
สมัยกลางสิ้นสุดลงเมื่อโยฮานเนส กูเทนแบร์ก (Johannes Gutenberg) นักประดิษฐ์ชาวเยอรมัน สามารถประดิษฐ์เครื่องพิมพ์เครื่องแรกของโลกได้สำเร็จ และสามารถพิมพ์พระคัมภีร์ไบเบิลออกมาได้เป็นจำนวนมาก ในปีค.ศ. 1568
แหล่งอารยธรรมในทวีปยุโรปคืออะไร
                                                             ภาพที่ 3  เครื่องพิมพ์ของกูเทนแบร์ก
                              ที่มา: https://en.wikipedia.org/wiki/Printing_press#/media/File:PrintMus_038.jpg


  
ภาพที่ 4 เครื่องพิมพ์ของกูเทนแบร์ก

      3) การค้นพบทวีปอเมริกาของโคลัมบัส (Discovery of America by Columbus)
     นักประวัติศาสตร์กลุ่มนี้เชื่อว่า สมัยกลางสิ้นสุดลงเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ได้ค้นพบทวีปอเมริกา ในปี ค.ศ.1492 และในช่วงเวลาดังกล่าวยังนับว่าเป็นจุดเริ่มต้น ของยุคการสำรวจทางทะเล (Age of Exploration)
     เหตุการณ์ที่สำคัญในยุคนี้ เช่น
     "สงครามครูเสด" (The Crusades War) คือ สงครามระหว่างศาสนาโดยส่วนใหญ่มักหมายถึง สงครามครั้งใหญ่ระหว่างชาวมุสลิมและชาวคริสต์  ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ถึง 13
3.  ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ (New Age)
     เริ่มต้นราวคริสต์ศตวรรษที่ 15 หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ" (Renaissances) เนื่องจากมีการนำความรู้ และบรรดาศิลปวิทยาการจากสมัยกรีก - โรมันกลับมาใช้พัฒนาความเจริญอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังเป็น ยุคแห่งการค้นพบและการสำรวจทางทะเ (Age of Exploration) สืบเนื่องจากเส้นทางการติดต่อค้าขายระหว่างยุโรปและเอเชียแต่เดิมคือ การเดินทางด้วยเรือจากบรรดาเมืองท่าบนคาบสมุทรอิตาลี ล่องผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และขึ้นฝั่งบนดินแดนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้
     ต่อมาภายหลังเมื่อพวกเติร์กสามารถสถาปนาจักรวรรดิออตโตมาน และขยายอิทธิพลครอบคลุมดินแดนเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ กอปรกับบรรดาเมืองท่าบนคาบสมุทรอิตาลีที่ผูกขาดการค้าสินค้าสำคัญจากเอเชีย และเส้นทางการค้าเกือบทั้งหมดเพื่อหวังผลกำไร ทำให้อาณาจักรอื่น ๆ ในยุโรปต่างพยายามเสาะหางเส้นทางการเดินเรือไปยังดินแดนอื่นด้วยตนเอง ได้แก่ โปรตุเกส สเปน อังกฤษ และฝรั่งเศส ตามลำดับ ซึ่งยุคแห่งการค้นพบและสำรวจทางทะเลนี้จะนำไปสู่การล่าอาณานิคม ภายหลัง "การปฏิวัติอุตสาหกรรม" (Industial Revolution) ในที่สุด
      หลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป กอปรกับการแข่งขันกันระหว่างมหาอำนาจยุโรปทั้งหลาย เพื่อแย่งชิงอาณานิคมเพื่อหาแหล่งวัตถุดิบและเป็นตลาดในการระบายสินค้า ส่งผลให้ความขัดแย้งเหล่านั้น ลุกลามจนกลายเป็น "สงครามโลกครั้งที่ 1" (The Great War) ในที่สุด สำหรับการสิ้นสุดของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ เกิดขึ้นภายหลังการสิ้นสุดของ "สงครามโลกครั้งที่ 2" (World War II)

       เหตุการณ์สำคัญในยุคนี้ เช่น
       เกิดการปฏิรูปศาสนาคริสต์ (Reformation) เกิดจากการที่พระชาวเยอรมันชื่อมาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) ได้ยื่นข้อโต้แย้ง 95 ข้อ (95 Theses) ต่อศาสนจักรคาทอลิก การกระทำดังกล่าวส่งผลให้มีการแบ่งศาสนาคริสต์ออกเป็น 2 นิกายใหญ่ ในเวลาต่อมา คือ นิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic) มีศูนย์กลางที่กรุงโรม มีพระสันตะปาปา (Pope) เป็นประมุข และเป็นที่นิยมของบรรดารัฐในยุโรปตอนใต้ อีกนิกายหนึ่งคือ นิกายโปรแตสแตนท์ (Protestant) อันเป็นที่นิยมของบรรดารัฐในยุโรปตอนเหนือ

แหล่งอารยธรรมในทวีปยุโรปหมายถึงอะไร

ของทวีปยุโรปมีรากฐานมาจากแหล่งอารยธรรม สมัยโบราณในพื้นที่ทวีปยุโรปแหล่ง คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน ซึ่งมีพัฒนาการต่อเนื่องมา และเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตก ในหลายด้าน เช่น ด้านการเมืองการปกครอง ด้านศิลปกรรม ด้านแนวคิดทางปรัชญา ด้านวิทยาการ

อารยธรรมใดเป็นรากฐานอารยธรรมยุโรป

พัฒนาการทางด้านประวัติศาสตร์และอารยธรรมของทวีปยุโรปมีรากฐานมาจากแหล่งอารยธรรมสมัยโบราณในพื้นที่ทวีปยุโรป ๒ แหล่ง คือ อารยธรรมกรีกและโรมัน ซึ่งมีพัฒนาการต่อเนื่องมา และเป็นรากฐานของอารยธรรมตะวันตกในหลาย ด้าน เช่น ด้านการเมืองการปกครอง ด้านศิลปกรรม ด้านแนวคิดทางปรัชญา ด้านวิทยาการ เป็นต้น

อารยธรรมที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ยุโรปเจริญคืออารยธรรมใด

“กรีก” เป็นชื่ออู่อารยธรรมที่สำคัญที่สุดในโลกตะวันตก เพราะเป็นรากเหง้าของความคิด และวิทยาการที่เจริญต่อมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ “กรีก” เป็นคำที่ชาวโรมันเรียก ส่วนชาวกรีกจะเรียกตัวเองว่า “เฮลลีน” (Hellene) และเรียกดินแดนของตัวเองว่า “เฮลลาส” (Hellas)

แหล่งอารยธรรมในทวีปเอเชีย มีอะไรบ้าง

พื้นที่ชายฝั่งทวีปเอเชียคือพื้นที่ที่อารยธรรมยุคแรก ๆ ก่อกำเนิดขึ้น ทั้ง 3 ภูมิภาคพัฒนาอู่อารยธรรมของตนขึ้นมาบนพื้นที่บริเวณดินแดนลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ 3 สาย คือ อารยธรรมลุ่มแม่น้ำเมโสโปเตเมีย ในตะวันออกกลาง อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ ในเอเชียใต้ และ อารยธรรมลุ่มแม่น้ำฮวงโห ในเอเชียตะวันออก