ช่วงนี้หลายคนอาจมีภาระมากมายที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งการผ่อนซื้อบ้านก็นับเป็นภาระชึ้นหนึ่งที่ค่อนข้างหนัก ด้วยวงเงินก้อนโตที่ต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่อนหมด แถมระหว่างการผ่อนบ้านก็ใช่ว่าการเงินจะคงที่เสมอไป ฉะนั้น การรีไฟแนนซ์บ้านจึงเป็นตัวช่วยที่จะทำให้หนี้ก้อนโตนี้หมดเร็วขึ้น และช่วยยืดเวลาการผ่อนบ้านออกไปได้อีกหน่อย Show
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะไม่รู้แน่ชัด และเกิดคำถามมากมายว่า "การรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร, รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินได้ไหม, ควรจะรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมหรือเปล่า รวมถึงเราจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปีได้ไหม" ซึ่งวันนี้ ESTO เองก็พร้อมจะหาคำตอบไปด้วยกัน... 1. รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร?ความจริงแล้วคำว่า "รีไฟแนนซ์" ไม่ได้ใช้กับบ้านเพียงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถรีไฟแนนซ์สิ่งที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ หรือสังหาริมทรัพย์บางชนิดได้ด้วย ซึ่งการรีไฟแนนซ์บ้านกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบันนี้
เนื่องจากเป็นการกู้ยืมเงินจากบรรดาสถาบันการเงินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงินเดิมที่กำลังผ่อนชำระบ้านอยู่ หรือจะเป็นสถาบันการเงินแห่งใหม่ที่น่าสนใจกว่าก็ได้เช่นกัน โดยนำกู้เงินก้อนใหม่ไปใช้หนี้เงินกู้ก้อนเก่า เพื่อเป็นการยืดระยะเวลาในการผ่อนชำระให้ยาวออกไป หรือแง่หนึ่งก็เป็นการลดดอกเบี้ยในการผ่อนบ้านให้ลดน้อยลง ช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถผ่อนบ้านได้สบายขึ้นนั่นเอง 2. รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินกู้ได้ไหม?หลายคนอาจคิดว่า... การรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องย้ายไปกู้ธนาคารใหม่เท่านั้น แต่ความจริงแล้ว "เรายังสามารถเพิ่มวงเงินกู้ได้" โดยใช้ส่วนต่างของราคาบ้านกับยอดหนี้คงเหลือ ซึ่งจะทำให้เราได้วงเงินสินเชื่ออเนกประสงค์ออกมาถึงหลักล้านเลย และโดยปกติแล้ว หากเราผ่อนบ้านไปสักช่วงระยะหนึ่ง ยอดหนี้ของเราก็จะลดลงในขณะที่ราคาบ้านจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตามธนาคารส่วนใหญ่จะกำหนดวงเงินกู้ไม่เกิน 90% ของราคาประเมิน สมมติว่า... ถ้าปัจจุบันราคาประเมินอยู่ที่ 5 ล้าน ก็แสดงว่าเราจะสามารถกู้เงินได้สูงสุด 4.5 ล้านบาท สรุปคือ "เราจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินกู้ได้ถึง 90%
ของราคาประเมินเลยทีเดียว" 3. รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมดีไหม?สำหรับคนที่กำลังจะรีไฟแนนซ์บ้าน อาจเกิดข้อสงสัยว่า "เราจำเป็นต้องรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารอื่นด้วยเหรอ หากต้องการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมจะแตกต่างกันอย่างไร"
พอถึงช่วงเวลานั้น เราค่อยมานั่งตัดสินใจทีหลังว่าจะรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ก็ยังไม่สาย เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปีในการผ่อนบ้านก็อาจจะมีโปรโมชันดี ๆ จากหลายธนาคารมาเป็นตัวเลือกในกาตัดสินใจของเราก็ได้
4. รีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปีได้ไหม?แน่นอนว่า "การรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปีสามารถทำได้" แต่เราอาจจะต้องเสียค่าปรับให้กับธนาคารเจ้าหนี้รายเดิมตามเงื่อนไขที่ระบุเอาไว้ในสัญญา โดยแต่ละธนาคารจะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ซึ่งความจริงแล้ว แทบจะทุกธนาคารมักมีช่วงโปรโมชันดอกเบี้ยต่ำในช่วงแรก และมีดอกเบี้ยสูงขึ้นในช่วงปีที่ 2 - 3 โดยจะระบุไว้ในสัญญาว่า... คุณไม่สามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้หากชำระค่างวดไม่ถึง 3 ปี และหากคุณทำการรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปีจะต้องจ่ายค่าปรับให้แก่ธนาคาร (แต่ละธนาคารจะระบุไว้ต่างกัน)
หรือบางธนาคารอาจกำหนดระยะเวลานานกว่านั้นเป็น 5 – 7 ปี เราจึงแนะนำว่า...ควรรอให้ครบ 3 ปีก่อนค่อยรีไฟแนนซ์บ้านจะดีกว่า ซึ่งวันนี้ ESTO ก็ได้นำข้อสงสัยเบื้องต้นเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์บ้าน อาทิ การรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร. รีไฟแนนซ์บ้านเพิ่มวงเงินกู้ได้ไหม, รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมได้หรือเปล่า และเราจะสามารถรีไฟแนนซ์บ้านก่อน 3 ปีได้ไหม มาอยู่ในบทความนี้แล้ว หวังว่าจะช่วยคลายข้อสงสัยคร่าว ๆ ให้กับผู้ที่กำลังสนใจอยากจะรีไฟแนนซ์บ้านได้ เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม หรือรีไฟแนนซ์ไปที่ใหม่ ควรเลือกแบบไหนกันแน่ สำหรับใครที่อยาก ลดดอกเบี้ยบ้าน ให้คุ้มที่สุด การเปรียบเทียบว่า “วิธีแบบไหนเหมาะกับคุณ” ถือว่าจำเป็นมาก เนื่องจากดอกเบี้ยบ้านเกือบทุกเจ้าจะมีดอกเบี้ยต่ำแค่ประมาณ สามปีแรก หลังจากนั้นดอกเบี้ยก็จะสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า (ขึ้นอยู่กับ MRR ตอนนั้น) ซึ่งหากคุณจ่ายดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย ก็มีโอกาสที่จะเสียดอกเบี้ยเป็นแสนฟรีๆ รีไฟแนนซ์บ้าน กับธนาคารเดิม (retention)เวลาเข้าไปเจรจาขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม หลายคนมักจะเรียกวิธีการนี้ว่า “รีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม” ซึ่งจริงๆแล้ววิธีการนี้ ไม่ใช่การรีไฟแนนซ์นะครับ แต่มันเรียกว่า รีเทนชั่น (retention) สำหรับการ retention ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการลดดอกเบี้ย ที่เหมาะสำหรับลูกหนี้ที่มี ประวัติชำระหนี้ดี มาตลอด (ตรงเวลาทุกงวดไม่มีเบี้ยว) แต่ยังไงก็ต้องลองถามก่อนนะครับ เพราะบางธนาคารไม่มีนโยบายลดดอกเบี้ย โดยรีเทนชั่นจะมีขั้นตอนการดำเนินงานที่ไม่ยุ่งยาก และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการไม่สูงมาก ส่วนระยะเวลาที่สามารถเข้าไปขอ retention ได้ จะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งส่วนใหญ่คือจะต้องผ่อนมาแล้วเกิน 3 ปี รีไฟแนนซ์บ้าน กับธนาคารใหม่คงเคยได้ยินกันอยู่บ่อยๆ ใช่ไหมครับว่า “ต้องรีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี” สาเหตุที่ต้อง รีไฟแนนซ์บ้าน กับธนาคารใหม่ทุกๆ 3 ปี ก็เพราะจะทำให้ ดอกเบี้ยต่ำอยู่เสมอ เหมือนผ่อนช่วงแรกๆ เพราะโดยปกติแล้วธนาคารมักจะมี โปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ 3 ปีแรก มาแข่งกันอยู่แล้ว เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าย้ายมากู้สินเชื่อกับธนาคารใหม่ ทำให้ลูกหนี้อย่างเราได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ซึ่งการรีไฟแนนซ์ไปกู้ธนาคารใหม่ จะทำให้คุณประหยัดดอกเบี้ยไปได้ หลักแสนถึงหลักล้าน เลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนสินเชื่อไปธนาคารใหม่นั้น ก็มักจะมีขั้นตอนยุ่งยาก และมีค่าใช่จ่ายพอสมควร
ควรเลือก ‘ลดดอกเบี้ย’ แบบไหนดี?การ retention และการรีไฟแนนซ์บ้านนั้นมีจุดเด่นที่ต่างกัน เราควรเลือกใช้ให้เหมาะสม ซึ่งก่อนเลือกลดดอกเบี้ยทุกครั้ง จะต้องพิจารณาปัจจัยเหล่านี้ด้วย 1.ค่าใช้จ่ายดำเนินการRetention กับธนาคารเดิม จะมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ประมาณ 1-2 % จากยอดกู้เดิม เช่น กู้มาเริ่มต้น 2 ล้านอาจเสียค่าธรรมเนียมรีเทนชั่นประมาณ 10,000 – 20,000 บาท ส่วนรีไฟแนนซ์บ้าน มีค่าธรรมเนียมจัดการสินเชื่อ 0-1 % ของวงเงินกู้ใหม่, ค่าจดจำนอง 1% ของราคาประเมิน, ค่าประเมิน 2,000 – 3,000 บาท, ค่าประกันอัคคีภัยประมาณ 2,000 บาท และค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงินกู้ เช่น ยอดหนี้คงเหลือ 2 ล้าน ราคาประเมิน 2.5 ล้านบาท รีไฟแนนซ์จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 10,000 – 40,000 บาท เนื่องจากบางเจ้าอาจมี โปรโมชั่นรีไฟแนนซ์ ฟรีค่าจดจำนอง ฟรีค่าประเมิน หรือฟรีค่าประกันอัคคีภัย 2.ยอดหนี้คงเหลือเนื่องจากดอกเบี้ยบ้านจะคิดจากยอดหนี้คงเหลือ กรณียอดหนี้เหลือน้อยแล้ว ก็อาจไม่ต้องขอลดอัตราดอกเบี้ย หรือรีไฟแนนซ์บ้าน เนื่องจากดอกเบี้ยที่ประหยัดไปอาจไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายดำเนินการที่ต้องเสีย 3.อัตราดอกเบี้ยสำหรับการ retention ดอกเบี้ยจะลดค่อนข้างน้อย ซึ่งส่วนใหญ่จะลดอยู่ที่ประมาณ 1-2% แต่รีไฟแนนซ์จะลดดอกเบี้ยถึง 3-4% กรณียอดหนี้คงเหลือน้อยๆ ดอกเบี้ยที่ประหยัดอาจไม่ต่างกันมาก แต่ถ้ายอดหนี้หลักล้านขึ้นไป ดอกเบี้ยที่ประหยัดได้จะ ต่างกันเป็นแสน เลยครับ พี่โอกาสแนะนำว่า ช่วงแรกๆที่ยอดหนี้มากกว่าล้านให้ “รีไฟแนนซ์ทุกๆ 3 ปี” แต่เมื่อผ่อนจนยอดหนี้เหลือหลักแสนแล้ว แนะนำให้ลองขอ retention ดูครับ เพราะช่วงแรกยอดกู้เดิม กับราคาประเมินจะพอๆกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายรีเทนชั่น กับรีไฟแนนซ์ใกล้เคียงกัน “รีไฟแนนซ์เลยคุ้มกว่า” แต่เมื่อผ่อนไปจนราคาประเมินสูงกว่ายอดหนี้มากๆ แล้ว การรีไฟแนนซ์ก็อาจไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ สรุปไม่ว่าจะรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม หรือธนาคารใหม่ ก็ประหยัดดอกเบี้ยทั้งนั้น แต่อาจจะประหยัดไม่เท่ากัน ช่วงแรกๆรีไฟแนนซ์จะประหยัดกว่าเยอะมาก แต่ช่วงหลังๆที่ยอดหนี้เหลือน้อย รีเทนชั่นอาจคุ้มกว่า ยังไงก็ลองไปคำนวณค่าใช้จ่ายแต่ละแบบกันดูนะครับ เพราะยอดหนี้กับดอกเบี้ยบ้านแต่ละคนไม่เหมือนกัน และอย่าลืมเปรียบเทียบโปรโมชั่นกันให้ดี เพราะจะทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์ไปได้เยอะ |