เมื่อกว่า 5,000 ปีที่แล้ว จีนเป็นแหล่งกำเนิดหนึ่งของอารยธรรมสำคัญยุคเริ่มแรกของโลก และมีการสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ผ่านยุคที่ยิ่งใหญ่ดุจพญามังกรมาหลายครั้ง ดังที่ปรากฏให้เห็นในหน้าประวัติศาสตร์ และยุคเสื่อมโทรมซึ่งเกิดจากสงครามการต่อสู้ ความขัดแย้ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์ หรือการปกครอง จนถึงยุคศตวรรษที่ 21 นี้ ที่จีนกำลังพลิกฟื้นประเทศให้กลับมาเป็นพญามังกรแห่งเอเชียอีกครั้ง ที่จะทรงอิทธิพล ในด้านเศรษฐกิจ เทคโนโลยี การเมือง และการทหาร ซึ่งโลกก็ต้องจับตาให้ความสำคัญกันต่อไป ซึ่งตอนแรกนี้เราจะมาสรุปโดยย่อเกี่ยวกับทองคำและชาวจีนตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ จีนเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มระบบเงินตราของโลกในอดีตกว่า 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งอยู่ในยุคสมัยโบราณ ราชวงศ์เซี่ย ที่เรียกว่า ฮั่วเป้ย เป็นหอยทะเลชนิดหนึ่งมีร่องเหมือนฟันกราม ใช้ในการแลกเปลี่ยนเพื่อชำระค่าสินค้า แตกต่างจากอาณาจักรบาบิโลนที่ใช้โลหะเงินแท่ง แต่หากจะกล่าวถึงเงินกระดาษ (Paper Money) หรือตั๋วแลกเงินตามที่เราได้เห็นมาในนวนิยายกำลังภายในนั้นมีจริง และเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลกเมื่อกว่า 1,000 ปี มาแล้วในยุคสมัยของราชวงศ์ถัง ซึ่งต่อมาก็มีการนำกลับไปเผยแพร่ต่อในยุโรปโดย มาร์โคโปโล พ่อค้าชาวเมือง เวนิส ประเทศอิตาลี ความนิยมทองคำในอดีตนั้นมีให้เห็นจากหลายอารยธรรมเช่น ยุโรป อียิปต์โบราณ เอเชียตะวันตก และอินเดีย เพราะถือว่าเป็นโลหะที่มีค่าสูงและใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความมีฐานะ ความสมบูรณ์พูนสุข และความยิ่งใหญ่ ส่วนอารยธรรมจีนโบราณนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับทองคำมากไปกว่าเพื่อการตกแต่ง เครื่องใช้เพื่อความสวยงามเท่านั้น ส่วนหยกหรือสัมฤทธิ์เป็นของมีค่ามาก เพราะชาวจีนเชื่อว่าหยกหรือสัมฤทธิ์ในเชิงสัญลักษณ์นั้นทำให้เกิดความเป็นสิริมงคล ความสุขสงบ ความกล้าหาญ นิยมใช้เป็นเครื่องประดับล้ำค่าของชนชั้นสูงในสังคมจีน รวมถึงเป็นเครื่องใช้สำคัญของจักรพรรดิในแต่ละราชวงศ์ ส่วนทองคำนั้นเพียงใช้เป็นแค่เครื่องประดับเพื่อความสวยงามทั่วไปหรือเป็นส่วนประกอบในงานศิลปะเท่านั้น จากบันทึกในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่นกว่า 2,000 ปีที่ผ่านมา ดังคำที่ใช้เรียกในภาษาจีน ว่า จีน ซึ่งแปลว่าวัตถุหรือโลหะที่มีสีเหลือง เหรียญทองที่ขุดพบได้จากสุสานของราชวงศ์ฮั่น นอกจากนี้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ระบุว่า เหรียญทองคำ (Gold Coin) เหรียญแรกที่มีการหล่อขึ้นในประวัติศาสตร์จีนเกิดขึ้นในแคว้นฉู่ของเล่าปี่ เรียกว่า Chu Gold Block Money มีการใช้ทองคำมากขึ้นในยุคสงครามที่เรียกว่า Six Dynasties of China คือในช่วงของสมัยสามก๊ก จนถึงสมัยราชวงศ์เหนือ-ใต้ เพราะว่ามีการเผยแพร่พุทธศาสนาในจีน จึงใช้ทองคำสร้างเจดีย์ทองคำ พระพุทธรูปทองคำ เพื่อกราบไหว้บูชาในสมัยนั้น หากไม่นับอารยธรรมจีนก่อนสมัยประวัติศาสตร์แล้ว จีนสามารถแบ่งได้เป็น 4 ช่วง คือ 1. ยุคสมัยโบราณ เริ่มตั้งแต่ราชวงศ์ซางจนถึงราชวงศ์โจว 2. ยุคสมัยจักรวรรดิเริ่มตั้งแต่ สมัยราชวงศ์ฉินจนถึงปลาย ราชวงศ์ชิง 3. ยุคสมัยใหม่เริ่มจากปลายราชวงศ์ชิงจนถึงการปฏิวัติเข้าสู่ระบอบสังคมนิยม 4. ยุคประวัติศาสตร์ร่วมสมัยในปัจจุบัน ในบทความนี้เรามาดูวิวัฒนาการของการครอบครองทองคำในจีนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนที่จะมาส่องดูรายละเอียดของตลาดทองคำในจีน ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อไป จารึกกระดองเต่าสมัยราชวงศ์ซาง ยุคสมัยโบราณ จริงๆ แล้ว
ราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์ที่อยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ สือจี้ เซี่ยเปิ่นจี้ โดยซือหม่าเซียน คือราชวงศ์เซี่ย แต่สำหรับนักประวัติศาสตร์ตะวันตกนั้นถือว่าข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์นี้มีน้อยมาก และสรุปไม่ได้แน่นอนว่ามีราชวงศ์นี้จริงหรือไม่ จึงนับราชวงศ์ซางหรือซัง (สถาปนาเมื่อกว่า 3,000 ปีล่วงมาแล้ว) เป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์ของจีน มีการค้นพบตัวอักษรจีนเกี่ยวกับคำทำนายโชคชะตาเป็นครั้งแรกในยุคนี้ เครื่องทองสัมฤทธิ์สมัยราชวงศ์ซาง ราชวงศ์โจวนี้นับว่าเป็นราชวงศ์ที่ปกครองจีนได้ยาวนานที่สุดคือกว่า 800 ปี และอาศัยแนวความคิดด้านการปกครองโดยใช้ความเชื่อเรื่องกษัตริย์เป็นโอรสแห่งสวรรค์ และได้รับมอบอำนาจมาให้ปกครองมนุษย์ ที่เรียกว่า อาณัติแห่งสวรรค์ประเทศจีนในยุคนี้ มีการทำสงครามระหว่างรัฐหรือแคว้นต่างๆ เป็นเวลานานหลายร้อยปีจนเป็นที่เรียกกันว่า ชุนชิวจ้านกั๊ว จนมีการนำเรื่องราวไปแต่งเป็นนิยายกำลังภายในเช่น นาจา เทพประยุทธ์พิชิตฟ้า เป็นต้น และหนังสือพงศาวดารจีนที่ชื่อว่า ห้องสิน มีการกำเนิดบุคคลสำคัญ และลัทธิมากมายเช่น ขงจื๊อ (ลัทธิขงจื๊อที่มีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองของจีนมากที่สุด) เล่าจื๊อ (ลัทธิเต๋าที่มีแนวคิดในเรื่องหยินและหยาง) เมิ่งจื๊อ จวงจื๊อ และซุนวู เป็นต้น และปลายราชวงศ์โจวก็เกิดลัทธินิติธรรม (หรือนิตินิยม) หรือฟาเฉีย ที่ได้รวมสิ่งละอันพันละน้อยจากปรัชญาต่างๆ จนเป็นต้นกำเนิดของกฎหมายจีนในเวลาต่อมา ธนบัตร หรือ เงินกระดาษ (paper
money) ของจีน เนื่องจากสงครามชุนชิวจ้านกั๊วกินเวลานานกว่า 500 ปี ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติ และการพัฒนาในหลายๆ ด้าน เช่นการเกิดระบอบศักดินา และการเจริญรุ่งเรืองทางอุดมการณ์ความคิดและวัฒนธรรม เพราะแต่ละรัฐหรือแคว้นไม่ขึ้นแก่กัน และต่างก็พัฒนากันอย่างอิสระ และเป็นยุคที่ทองคำเริ่มกระจายลงไปสู่ อารยธรรมของชาวจีนมากขึ้น เพื่อใช้ประดับตบแต่งผิวให้สวยงาม เทคนิคการขุดแร่ร่อนทอง และทำเหมือง หลังจากยุคโบราณนี้ก็มีการถ่ายทอดและพัฒนาต่อไป จวบจนประมาณ พ.ศ. 323 ฉินหวางเจิ้งจากรัฐฉิน ได้รวมประเทศจีนเป็นจักรวรรดิและสถาปนาเป็นจักรพรรดิ ฉินสื่อหวงตี่ หรือ จิ๋นซีฮ่องเต้ ที่คนไทยรู้จักดี เป็นการขึ้นต้นยุคสมัยจักรวรรดิของราชวงศ์ฉิน (จิ๋น) ในตอนต่อไปเราจะกล่าวถึงยุคสมัยจักรวรรดิที่เป็นช่วงเวลาของการสร้างชาติที่แท้จริง และเริ่มมีการบันทึกเกี่ยวกับทองคำมากขึ้น มาสู่ยุคสมัยใหม่ของจีนที่ผ่านสงครามกลางเมือง จนถึงการล่มสลายของราชวงศ์สุดท้ายของจีน ไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นยุคของความแตกแยกในแนวความคิดอย่างรุนแรงอีกครั้ง ก่อนจะมาถึงยุคประวัติศาสตร์ร่วมสมัยในปัจจุบันนี้ หอยเบี้ยใช้แทนเงินตรา พบที่เมือง Shang Zhou อายุราว 1,400-900 B.C. เอกสารอ้างอิง วีระชัย โชคมุกดา. (2558). ประวัติศาสตร์จีน มหาอำนาจผู้กุมชะตาโลกจากโบราณถึงปัจจุบัน. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ยิปซี สำนักพิมพ์. Carolie Boeykens. Musuem of the National Bank of Belgium. (2007, September 5). Paper money, a Chinese invention? Retrieved March 20,2018, from www.nbbmuseum.be/en/2007/09/chinese-invention.htm Laura He and Maggie Zhang. (2017, January
25). China retains crown as world’s top gold consumer, amid softening yuan and financial market volatility. South China Morning Post . Retrieved March 19, 2018, from ที่มา : วารสารทองคำฉบับที่ 54 เดือน มกราคม - เมษายน พ.ศ. 2561 |