"สำนักงานประกันสังคม" พารู้จักกองทุน 3 มาตรา สำหรับผู้ประกันตน ม.33 ม.39 ม.40 สวัสดิการคนทำงานแต่ละกลุ่มแตกต่างกันอย่างไร คุ้มครองอะไรบ้าง
วันที่ 20 ธ.ค. 2564 เฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน โพสต์ข้อความเรื่อง "มารู้กองทุนประกันสังคม 3 มาตรา มาตราไหน คุ้มครองอะไรบ้าง" โดยระบุว่า เพราะประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุมแค่กลุ่มมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น แต่แบ่งออกเป็น 3 มาตราหลักที่มอบสวัสดิการให้คนทำงานแต่ละกลุ่ม แตกต่างกันดังนี้
- มาตรา 33 คือ ลูกจ้างผู้ซึ่งทำงานให้กับนายจ้างที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ ว่างงาน
- มาตรา 39 คือ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ โดยเป็นบุคคลที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบก่อนออกจากงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนแล้วลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคม โดยได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ
- มาตรา 40 คือ บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพ หรือแรงงานอิสระ ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยได้รับความคุ้มครองมากที่สุด 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร ตามเงื่อนไขการเกิดสิทธิ
อย่างไรก็ตาม สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง.
ขอบคุณเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม
//www.accprotax.com/wp-content/uploads/2021/02/ความแตกต่างของประกันตนมาตรา-33และ39.mp4
ประกันสังคมมาตรา 33
เป็นพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไปเป็นลูกจ้าง โดยอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และไม่เกิน 60 ปี
โดยอัตราเงินสมทบที่ต้องจ่ายจะแบ่งเป็นส่วนของลูกจ้าง 5% และนายจ้าง 5% ซึ่งคิดจากค่าจ้าง 1,650 – 15,000 บาท (ยึดตามยอดที่จ่ายจริง หากต่ำกว่า 1,650 บาท ให้คิดที่ 1,650 บาท แต่หากเงินเดือนมากกว่า 15,000 บาท ก็จะคิดที่ 15,000 บาทเท่านั้น) แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID19 อัตราสมทบของเดือนก.ย.-พ.ย. 63 จะลดลงเหลือฝ่ายละ 2% เท่านั้น
ประกันสังคมมาตรา 39
คือ บุคคลที่เคยทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนในมาตรา 33 มาก่อนแล้วลาออก แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคมไว้ จึงสมัครเข้าใช้สิทธิประกันสังคมในมาตรา 39 แทน โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 มาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 เดือน และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน และต้องไม่เป็นผู้ทุพพลภาพ เงินสมทบที่จะต้องนำส่งคือเดือนละ 432 บาท (คิดจากฐานเงินเดือน 4,800 บาท*9%) แต่เนื่องจากสถานการณ์ COVID19 อัตราสมทบของเดือนก.ย.-พ.ย. 63 จะลดลงเหลือเดือนละ 96 บาท เท่านั้น
ในส่วนของสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันทั้งสองแบบนี้จะได้รับเรียกว่าเหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็น
- กรณีเจ็บป่วย
- คลอดบุตร
- สงเคราะห์บุตร
- ทุพพลภาพ
- เสียชีวิต
- ชราภาพ
ยกเว้นแต่กรณีที่ 7.ว่างงาน ที่ผู้ประกันตนมาตรา 33 เท่านั้นที่จะมีสิทธิได้รับ
แต่เงินที่จะได้รับในส่วนของมาตรา 33 และ 39 สำหรับกรณีที่ต้องใช้ฐานเงินเดือนมาคำนวณ เช่น กรณีเสียชีวิต หรือชราภาพ หากเป็นมาตรา 33 จะดูที่ฐานเงินเดือนที่จ่ายจริงคือขั้นต่ำที่ 1,650 บาทและสูงสุดที่ 15,000 บาท ในขณะที่มาตรา 39 จะมีฐานเงินเดือนเดียวที่ 4,800 บาท
เกร็ดความรู้กับธรรมนิติ : ประกันสังคมมาตรา 33 กับ 39 ต่างกันอย่างไร
อ้างอิง : //www.facebook.com/actaxweknow
Post Views: 11
ทั่วไป
06 ก.ย. 2564 เวลา 15:13 น.187.6k
แจ้งข่าวเล่าความ.. "ประกันสังคม" มาตรา 33 มาตรา 39 มาตรา 40 คุ้มครองอะไรบ้าง
สำนักงานประกันสังคม ชี้แจง 3 มาตรา…มาตราไหน คุ้มครองอะไรบ้าง? เพราะประกันสังคมไม่ได้ครอบคลุมแค่กลุ่มมนุษย์เงินเดือนเท่านั้น แต่แบ่งออกเป็น 3 มาตราหลักที่มอบสวัสดิการให้คนทำงานแต่ละกลุ่ม แตกต่างกันดังนี้
มาตรา 33 คือ ลูกจ้างผู้ซึ่งทำงานให้กับนายจ้าง ที่อยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ได้รับความคุ้มครอง 7 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ ว่างงาน
มาตรา 39คือ ผู้ประกันตนโดยสมัครใจ โดยเป็นบุคคลที่เคยเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 จ่ายเงินสมทบก่อนออกจากงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนแล้วลาออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน แต่ต้องการรักษาสิทธิประกันสังคม โดยได้รับความคุ้มครอง 6 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ ตาย สงเคราะห์บุตร ชราภาพ
มาตรา 40คือ บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพ หรือแรงงานอิสระ ไม่เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือผู้ประกันตนมาตรา 39 โดยได้รับความคุ้มครองมากที่สุด 5 กรณี ได้แก่ ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ทุพพลภาพ ตาย ชราภาพ และสงเคราะห์บุตร ตามเงื่อนไขการเกิดสิทธิ
2 กองทุนของประกันสังคมที่คุ้มครองชีวิตคนทำงาน
เงินที่ประกันสังคมใช้จ่ายเพื่อสิทธิประโยชน์ มาจากกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน ซึ่งทั้ง 2 กองทุน คือ
หลักประกันแก่ผู้ประกันตนให้ได้รับประโยชน์ทดแทน ต่างกันที่ที่มาของเงินและความครอบคลุมในการคุ้มครองเท่านั้น
กองทุนประกันสังคม นายจ้าง ลูกจ้าง ต้องนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน โดยคำนวณจากค่าจ้างที่ลูกจ้างได้รับ กำหนดฐานค่าจ้างขั้นต่ำที่ 1,650 บาท และสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท โดยรัฐบาลจะออกเงินสมทบเข้ากองทุนด้วยส่วนหนึ่ง สิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคมที่ลูกจ้างจะได้รับจะมี 7 กรณี ได้แก่
(1) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
(2) คลอดบุตร
(3) ทุพพลภาพ
(4) ตาย
(5) สงเคราะห์บุตร
(6) ชราภาพ
(7) ว่างงาน
กองทุนเงินทดแทน คือ กองทุนที่จ่ายเงินทดแทนให้แก่ลูกจ้างแทนนายจ้าง
เมื่อลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยอันเนื่องมาจากการทำงานให้แก่นายจ้าง โดยนายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทนแต่เพียงฝ่ายเดียว สิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทนที่ลูกจ้างจะได้รับจะมี 4 กรณีได้แก่
(1) ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
(2) ทุพพลภาพ
(3) ตายหรือสูญหาย
(4) สูญเสียอวัยวะ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม www.sso.go.th หรือโทรสายด่วน 1506 ให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง