เมมโมรี่การ์ดนับว่าเป็นอุปกรณ์สำคัญชิ้นหนึ่งที่ใครหลายคนมีความจำเป็นต้องหาซื้อมาใช้ ไม่ว่าจะเอามาใส่เพิ่มหน่วยความจำมือถือ กล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ เครื่องเล่นเกมพกพา ตลอดจนอุปกรณ์ไอทีอื่น ๆ เป็นต้น โดยที่นิยมใช้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเมมชนิด SD และ microSD Show ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันเมมเหล่านี้ ก็มีสินค้าลอกเลียนแบบหรือของปลอมวางขายอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะแบรนด์ดัง ๆ อย่าง SanDisk, Samsung หรือ Kingston ที่มักจะล่อตาล่อใจให้เราหลงซื้อเนื่องจากมีราคาที่ถูกกว่าปกติทั่วไป แถมบางอันยังทำออกมาได้เนียนจนแทบจะแยกไม่ออกเลยด้วย และด้วยความอยากรู้ ทางทีมงาน mxphone จึงได้ลองหาซื้อเมมmicroSD ของปลอม เพื่อเอามาทดสอบและเทียบกับของแท้ให้ได้ดูว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร? ใช้งานได้จริงไหม? ทนแค่ไหน? พร้อมกับคำแนะนำและวิธีเช็คให้ได้รู้กันไปเลยว่าเมมที่เราซื้อมานั้นจะโดนต้มให้เสียเงินฟรีหรือเปล่า งั้นตามมาดูกันเลยครับ (บทความนี้จะพูดถึงเมมชนิด microSD เท่านั้น แต่สำหรับวิธีเช็คเมมว่าเป็นของแท้หรือปลอม เมมชนิด SD ก็สามารถใช้วิธีเดียวกันได้ครับ) บรรจุภัณฑ์ อาจเหมือนกันจนแยกไม่ออกและนี่ก็คือเมม microSD ของปลอมจำนวน 2 อัน ที่เราลองสั่งซื้อมาจากร้านค้าในออนไลน์ชื่อดัง โดยทั้ง 2 อันนี้จะมีบรรจุภัณฑ์ไม่เหมือนกันคือเป็นแบบขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งก็ลอกเลียนมาจากของแท้ทั้งหมดนั่นแหละ (ซ้าย) แท้ / (กลาง) ปลอม / (ขวา) ปลอมสำหรับบรรจุภัณฑ์อันที่เป็นขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับของแท้ หากมองผ่าน ๆ จะดูค่อนข้างคล้ายกันมาก มีรายละเอียดครบ ส่วนอะแดปเตอร์แปลงเป็น SD ที่แถมนั้นไม่เกี่ยวกันนะครับว่าเป็นของแท้หรือของปลอม เพราะอาจจะเป็นคนละล็อตการผลิตหรือคนละรุ่นกัน ขณะที่บรรจุภัณฑ์อันที่เป็นขนาดเล็ก จะค่อนข้างดูออกชัดเจนเพราะว่าทำมาไม่ค่อยเนียน รายละเอียดไม่ครบ ไม่มีบอกแม้กระทั่งความจุของตัวเมม ที่ตลกก็คือเราสั่งความจุ 256GB ไป และทางร้านใจดีส่งความจุ 512GB มาให้ซะด้วย (เหมือนให้เราดีใจว่าสั่งของราคาถูก แต่ได้ของแพงกว่าเท่าตัวมาใช้เลยนะ ฮ่า ๆๆ) ทั้งนี้ การดูที่ตัวบรรจุภัณฑ์อาจจะทำให้ใครหลายคนไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นของแท้หรือปลอมเพราะอาจจะมีอันที่ลอกเลียนแบบมาได้เนียนระดับเหมือนแท้ทุกจุด ตัวเมม ก็อาจเหมือนกันจนแยกไม่ออกอีกนั่นแหละ(ซ้าย) แท้ / (กลาง) ปลอม / (ขวา) ปลอมลองมาดูที่ตัวเมมกันบ้าง เท่าที่เราลองสังเกตดูบอกได้เลยว่าของปลอมเดี๋ยวนี้ทำมาได้ค่อนข้างเนียนมาก ๆ ครับ เก็บรายละเอียดครบ พิมพ์ลายชัด แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ดูเหมือนว่าของปลอมจะมีสีที่เข้มกว่าอยู่นิด ๆ ครับ โดยเราลองเอาของแท้ความจุ 128GB ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เทียบกับของแท้ความจุ 64GB ที่ซื้อมาเมื่อปีที่แล้ว ก็ยังเห็นว่าของแท้ทั้ง 2 อัน (คู่บน) มีสีเดียวกันเป๊ะ ๆ ส่วนของปลอมทั้ง 2 อัน (คู่ล่าง) นอกจากสีจะไม่เหมือนกับของแท้แล้ว ของปลอมด้วยกันเองยังแตกต่างกันเลยครับ (สงสัยคนละโรงงาน) (3 อันบน) แท้ / (2 อันล่าง) ปลอมลองไปค้นเมมของแท้อันเก่า ๆ ที่เคยมีอยู่ และเป็นของแบรนด์เดียวกัน (3 อันด้านบน) ที่น่าสังเกตคือด้านหลังเมมมีการพิมพ์โค้ดสินค้าที่คล้ายกัน ต่างจากเมมของปลอม (2 อันด้านล่าง) ที่ไปแบบคนละทิศคนละทาง (สงสัยคนละโรงงานจริง ๆ นั่นแหละ)
ลองตรวจสอบตัวเลขความจุจริงของตัวเมม ทั้งการตรวจสอบในคอมพิวเตอร์และมือถือ ซึ่งตัวเลขความจุที่ได้คือ
ถึงตรงนี้หลายคนก็อาจมองว่าตัวเลขความจุก็ได้เต็มนี่นา คงใช้งานได้ไม่มีปัญหาอะไร ใช่ครับ มันอาจจะใช้งานได้ แต่จะใช้ได้นานหรือทนไหมอันนี้ยังไม่รู้ และหน้าตาของตัวเมมหากดูแบบผิวเผินหลายคนก็อาจจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าเป็นของแท้หรือปลอมอีกเช่นกัน แล้วทีนี้เราจะเช็คยังไงดีล่ะว่าเป็นของแท้หรือปลอมกันแน่ รู้จักกับรายละเอียดที่ระบุบนเมมก่อนที่เราจะไปเช็คว่าเมมที่เราซื้อมานั้นเป็นของแท้หรือปลอม อยากขออธิบายรายละเอียดที่ระบุอยู่บน microSD สักเล็กน้อย เพื่อที่จะได้เข้าใจกันมากขึ้น แต่ข้อมูลตรงนี้จะค่อนข้างเป็นเรื่องเชิงเทคนิค หากใครไม่อยากอ่านก็กดข้ามไปดู วิธีเช็คเมมว่าเป็นของแท้หรือปลอม กันได้เลย โดยเมม microSD ที่เราเห็นกันทุกวันนี้ แม้จะมีรูปร่างและขนาดเท่ากัน แต่ก็ใช่ว่าจะนำไปใช้ได้กับทุกอุปกรณ์นะครับ อย่าง microSD รุ่นใหม่ ๆ เราอาจจะไม่สามารถเอาไปใส่ในอุปกรณ์ที่รองรับเฉพาะเมมรูปแบบเก่า ซึ่งชนิดของ microSD ในปัจจุบัน ประกอบด้วย
แล้วรายละเอียดที่ระบุบน microSD บอกอะไรเราบ้าง มาดูกัน คลาสความเร็ว (Speed Class)คือความเร็วในการเขียนขั้นต่ำของ microSD ในหน่วยเมกะไบต์ต่อวินาที (MB/s) โดยปัจจุบันมี 4 คลาส ประกอบด้วย
คลาสความเร็ว UHS (UHS Speed Class)คือความเร็วในการเขียนขั้นต่ำของ microSD ที่รองรับความเร็วบัสสูงพิเศษ โดยมี 3 เวอร์ชัน คือ UHS-I (ความเร็วสูงสุด 104MB/s), UHS-II (ความเร็วสูงสุด 312MB/s) และ UHS-III (ความเร็วสูงสุด 624MB/s) โดยปัจจุบันมี 2 คลาส ประกอบด้วย
คลาสประสิทธิภาพแอปพลิเคชัน (Application Performance Class)คือความเร็วในการเขียนต่อเนื่องขั้นต่ำที่ 10MB/s พร้อมกับความเร็วในการอ่านและเขียนแบบสุ่มขั้นต่ำที่วัดในการดำเนินการอินพุตและเอาต์พุตต่อวินาที (IOPS) สิ่งนี้รับประกันประสิทธิภาพในระดับที่ยอมรับได้เมื่อจัดเก็บและเรียกใช้แอปฯ Android บน microSD โดยปัจจุบันมี 2 คลาส ประกอบด้วย
คลาสความเร็ววิดีโอ (Video Speed Class)คือความเร็วในการเขียนตามลำดับขั้นต่ำ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อถ่ายวิดีโอ ยิ่งความละเอียดของวิดีโอสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการความเร็วมากขึ้นเท่านั้น โดยปัจจุบันมี 5 คลาส ประกอบด้วย
วิธีเช็คเมมว่าเป็นของแท้หรือปลอมสำหรับวิธีเช็คเมมว่าเป็นของแท้หรือปลอม ส่วนใหญ่ก็จะใช้ตัวช่วยที่เป็นโปรแกรมหรือแอปพลิเคชันในการทดสอบความเร็วการอ่านและเขียนของเมมนั้น ๆ เพราะถ้าผลที่ได้ออกมาดูต่ำกว่ามาตรฐานก็มีโอกาสสูงที่เมมนั้นจะเป็นของปลอมนั่นเอง โดยวิธีเช็คก็ไม่ยากครับ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช็คด้วยโทรศัพท์มือถือ (Android)แอปพลิเคชันสำหรับทดสอบบนมือถือเฉพาะของ Android เท่าที่ลองหาดูก็มีเยอะอยู่เหมือนกันครับ แต่บางอันอาจจะค่อนข้างใช้งานยากหรือมีข้อมูลทางเทคนิคมากเกินไป เราเลยเลือกแอปฯ ที่ใช้งานง่าย ๆ ฟีเจอร์ไม่ซับซ้อนมาแนะนำให้ครับ ซึ่งประกอบด้วย
แอปฯ นี้ใช้งานง่าย สแกนเร็ว เมนูไม่ซับซ้อน
เห็นความเร็วไหมครับ ว่าของแท้กับของปลอมต่างกันแค่ไหน
แอปฯ นี้ทางทีมงานชอบมากที่สุด (แถมกดซื้อเวอร์ชัน Pro มาลองเลยด้วย) เพราะฟีเจอร์เยอะและครอบคลุมดีครับ เมนูซับซ้อนปานกลาง แต่ก็ใช้ไม่ยากครับ ที่สำคัญผลทดสอบยังบอกคลาสที่แท้จริงของเมมนั้น ๆ ด้วย แท้ 128GB ปลอม 128GB สรุปของปลอม 128GB อันนี้แท้ที่จริงเป็นแค่คลาส 4 เท่านั้น ความเร็วในการอ่านและเขียนก็ช้ามาก ๆ เมื่อเทียบกับของแท้ แหม…หลอกกันได้ ปลอม 512GB ของปลอม 512GB อันนี้ แอปฯ บอกว่าเป็นคลาส 10 แต่ความเร็วทั้งการอ่านและเขียน ก็ยังค่อนข้างต่ำกว่ามาตรฐาน น่าจะเป็นของปลอมเกรดดีกว่าอัน 128GB ครับ
แอปฯ นี้ก็ใช้งานง่าย สแกนเร็ว เมนูไม่ซับซ้อนคล้าย ๆ อันแรกครับ แต่ผลปรากฏว่าทดสอบเมมปลอม 128GB ไม่สำเร็จ (สงสัยเมมไม่ดีจริง ๆ)
ผลทดสอบที่ออกมา ตัวเลขความเร็วในการอ่านเขียนค่อนข้างตรงกันทุกแอปฯ ครับ
แอปฯ นี้ก็ใช้งานง่าย เมนูไม่ซับซ้อน ดูตัวเลขความจุจริงของตัวเมมระดับไบต์ได้ แต่ข้อเสียคือสแกนช้ามากกกก แม้จะเลือกทดสอบเฉพาะการเขียนอย่างเดียวแล้วก็ตาม
เช็คด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำหรับทดสอบบนเครื่องคอมพิวเตอร์ เท่าที่ลองทดสอบดู สแกนค่อนข้างช้าทุกอันครับ ใช้แอปฯ บนมือถือเร็วกว่าเยอะ แต่ถ้าใครอยากลอง โปรแกรมที่นิยมใช้กันส่วนใหญ่จะมีอยู่ 2-3 โปรแกรม ซึ่งประกอบด้วย
ทดลอง Copy ไฟล์ใส่ในเมมเราทำการทดสอบโดยการ Copy ไฟล์วิดีโอ MP4 ขนาดประมาณ 4.25GB ใส่ในเมมทั้ง 3 อัน ลองมาดูกันว่าแต่ละอันจะใช้เวลานานแค่ไหน แท้ 128GB ถ่ายโอนไฟล์ได้รวดเร็ว ไม่มีปัญหา ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีเท่านั้น ปลอม 128GB อันนี้อาการค่อนข้างหนัก ถ่ายโอนไฟล์ได้ช้ามาก ๆ ความเร็วในการเขียนต่ำสุด ๆ เดินไปต้มมาม่ากลับมาแถมกินจนอิ่ม ก็ยัง Copy ไฟล์แค่ 4.25GB ไม่เสร็จ ปลอม 512GB อันนี้ อย่างที่บอกว่าน่าจะเป็นของปลอมเกรดดีกว่าอัน 128GB มีความเร็วในกาารถ่ายโอนไฟล์ได้ดีกว่าของปลอม 128GB แต่ก็ช้ากว่าของแท้เป็นเท่าตัว สรุปสุดท้ายแล้ว ยังไงสินค้าลอกเลียนแบบหรือของปลอมก็ไม่มีทางสู้ของแท้ได้อยู่ดีครับ บางคนอาจจะเห็นว่ามันถูกดีและอาจจะใช้งานได้จริง แต่เชื่อเถอะครับว่าใช้ได้ไม่นานหรอกเดี๋ยวมันก็เสีย แล้วเราก็ต้องไปหาซื้อใหม่เสียเงินวนไป ยิ่งถ้าเอามาเก็บรูปถ่ายหรือไฟล์อะไรที่สำคัญ ๆ ระวังจะเสียใจภายหลังนะครับ ซึ่งเราขอแนะนำว่าควรหาซื้อจากร้านค้าที่เชื่อถือได้ ร้านค้าตัวแทนจำหน่าย หรือร้านค้า Official ต่าง ๆ เพราะการันตีได้ว่าสินค้าเป็นของแท้แน่นอน รวมทั้งยังสบายใจกว่าเพราะมีการรับประกันสินค้าให้ โดยพวกเมมเหล่านี้ปกติแล้วจะมีการรับประกันตั้งแต่ 5 ปี, 7 ปี, 10 ปี หรือตลอดอายุการใช้งาน แล้วแต่รุ่นหรือแบรนด์ครับ นอกจากนี้ การดูรีวิวจากหลาย ๆ คนที่ซื้อไปแล้วก่อนหน้า ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำหรับการตัดสินใจที่ดีด้วยเช่นกันครับ รีวิวจากร้านค้า Officialรีวิวจากร้านขายของปลอม |