เมื่อมีอาการคันหรือมีตกขาวปริมาณมาก ผู้หญิงทั่วไปมักจะนึกถึงการติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นสาเหตุแรกๆ ทำให้ไปหาซื้อยามาใช้เอง ใช้ครบบ้างไม่ครบบ้างจนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังขึ้นมา อันที่จริงแล้วอาการคันและตกขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือแม้กระทั่งไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ความเป็นกรดของตกขาวในช่องคลอด สิ่งแปลกปลอมที่ตกค้างในช่องคลอด เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่จะซื้อยามาใช้เอง ควรได้รับการประเมินจากสูติ-นรีแพทย์ก่อน โดยเฉพาะในการเป็นครั้งแรก Show ช่องทางของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงเป็นบริเวณที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีพของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ บางชนิด การพบเชื้อดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเป็นโรค พบร้อยละ 41 ของเพศหญิงจะมีเชื้อราในช่องคลอดโดยไม่มีอาการ ทั้งนี้ขึ้นกับอายุ ภูมิภาคที่อยู่อาศัย เชื้อราชนิดที่สัมพันธ์กับการเกิดอาการช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราส่วนใหญ่ คือ เชื้อ Candida albicans เพราะเป็นเชื้อที่สามารถยึดติดกับเซลล์เยื่อบุช่องคลอดได้ดี นอกจากนี้เชื้อตัวนี้ยังสามารถอยู่ในระบบทางเดินอาหารได้โดยไม่ก่อโรคอีกด้วย โดยสามารถตรวจพบเชื้อรานี้ในอุจจาระของประชากรร้อยละ 65 เชื้อ Candida albicans เป็นเชื้อราที่มีสองรูปแบบคือ ยีสต์ และสายรายาว สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งบนพื้นผิวและในสารคัดหลั่งของร่างกาย โดยขณะที่เจริญเติบโตสามารถแทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อจะมีการเปลี่ยนรูปร่างเป็นเส้นใยที่ไม่มีผนังกั้นได้ ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเชื้อราในช่องคลอด การอักเสบในช่องคลอดจากเชื้อราพบได้น้อยในเด็กหญิงก่อนวัยมีประจำเดือน และสตรีวัยหมดประจำเดือน ภาวะนี้พบได้มากในสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภูมิประเทศที่อากาศร้อนและมีความชื้นสูง ผู้ที่ได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังพบบ่อยในผู้ที่มีการทำหน้าที่ของ T-cell เสื่อมลง ได้แก่ โรคเบาหวานที่คุมได้ไม่ดี ผู้ที่ต้องรับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่พบได้บ่อย คือ การรับประทานอาหารรสหวาน มากเกินไป อาการและอาการแสดงของภาวะเชื้อราในช่องคลอด อาการแสดงที่เด่นชัดที่สุด คือ อาการคัน ซึ่งมักจะคันค่อนข้างมาก อาการมักจะดีขึ้นเมื่อมีประจำเดือน เชื่อว่าเกิดจากความเป็นด่างของเลือดประจำเดือน โดยอาการคันจะครอบคลุมบริเวณฝีเย็บด้วย หากคันเฉพาะบริเวณแคมใหญ่ควรคิดถึงการติดเชื้อราที่ผิวหนัง หากคันทั้งที่ในช่องคลอดและฝีเย็บอาจเกิดจากเชื้อ T.vaginalis, Human papilloma virus ซึ่งควรเข้ารับการตรวจแยกโรคที่ สถานพยาบาล อาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์หรือแสบเมื่อปัสสาวะโดนบริเวณอักเสบก็สามารถพบได้บ่อย สำหรับอาการตกขาวจะไม่ชัดเจนในบางรายโดยหากมีตกขาวผู้ป่วยมักจะมีอาการคันนำมาก่อน การวินิจฉัยภาวะเชื้อราในช่องคลอด การวินิจฉัยจะทำเมื่อผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของช่องคลอดอักเสบร่วมกับผลการตรวจข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
โดยการตรวจเหล่านี้จำเป็นต้องทำโดยบุคลากรที่มีความชำนาญ สำหรับการเป็นครั้งหลังๆ ผู้ป่วยอาจลองซื้อยามาใช้เองได้ แต่จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและครบตามจำนวน การรักษาภาวะเชื้อราในช่องคลอด
สามีต้องรักษาด้วยหรือไม่ ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงยังไม่มีข้อสรุปให้รักษาในทุกราย หากคู่นอนมีอาการก็ควรที่จะรักษาร่วมกันไปด้วย กรณีที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ 1. อาการไม่ดีขึ้น หรือกลับเป็นซ้ำในสองเดือนหลังการรักษา 2. การมีอาการอย่างน้อย 4 ครั้งใน 1 ปี พบได้ในน้อยกว่าร้อยละ 5 ของสตรีทั่วไป 3. อาการรุนแรง คือ อวัยวะเพศบวมแดงมาก มีผิวเป็นขุย จนถึงอาจมีรอยแตกของผิวหนัง กลุ่มนี้มักจะตอบสนองต่อยาระยะสั้นทั้งรูป รับประทานหรือทายาเฉพาะที่ระยะสั้นได้ไม่ดี 4. ตั้งครรภ์ 5. ผู้ที่มีการทำหน้าที่ของ T-cell เสื่อมลง ได้แก่ โรคเบาหวานที่คุมได้ไม่ดี ผู้ที่ต้องรับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสภูมิต้านทานบกพร่อง หากท่านมีภาวะใดภาวะหนึ่งข้างต้น ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรมารับการตรวจวินิจฉัย และดูแลจากแพทย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์นรีเวช ชั้น 2 โซน E เมื่อมีอาการคันหรือมีตกขาวปริมาณมาก ผู้หญิงทั่วไปมักจะนึกถึงการติดเชื้อราในช่องคลอดเป็นสาเหตุแรกๆ ทำให้ไปหาซื้อยามาใช้เอง ใช้ครบบ้างไม่ครบบ้างจนเกิดเป็นปัญหาเรื้อรังขึ้นมา อันที่จริงแล้วอาการคันและตกขาวเกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากการติดเชื้อรา แบคทีเรีย หรือไวรัส หรือแม้กระทั่งไม่เกี่ยวกับการติดเชื้อ เช่น ความเป็นกรดของตกขาวในช่องคลอด สิ่งแปลกปลอมที่ตกค้างในช่องคลอด เป็นต้น ดังนั้นก่อนที่จะซื้อยามาใช้เอง ควรได้รับการประเมินจากสูติ-นรีแพทย์ก่อน โดยเฉพาะในการเป็นครั้งแรก ช่องทางของอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงเป็นบริเวณที่เหมาะสมสำหรับการดำรงชีพของเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ บางชนิด การพบเชื้อดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าคนนั้นเป็นโรค พบร้อยละ 41 ของเพศหญิงจะมีเชื้อราในช่องคลอดโดยไม่มีอาการ ทั้งนี้ขึ้นกับอายุ ภูมิภาคที่อยู่อาศัย เชื้อราชนิดที่สัมพันธ์กับการเกิดอาการช่องคลอดอักเสบจากเชื้อราส่วนใหญ่ คือ เชื้อ Candida albicans เพราะเป็นเชื้อที่สามารถยึดติดกับเซลล์เยื่อบุช่องคลอดได้ดี นอกจากนี้เชื้อตัวนี้ยังสามารถอยู่ในระบบทางเดินอาหารได้โดยไม่ก่อโรคอีกด้วย โดยสามารถตรวจพบเชื้อรานี้ในอุจจาระของประชากรร้อยละ 65 เชื้อ Candida albicans เป็นเชื้อราที่มีสองรูปแบบคือ ยีสต์ และสายรายาว สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งบนพื้นผิวและในสารคัดหลั่งของร่างกาย โดยขณะที่เจริญเติบโตสามารถแทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อจะมีการเปลี่ยนรูปร่างเป็นเส้นใยที่ไม่มีผนังกั้นได้ ใครบ้างที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเชื้อราในช่องคลอด การอักเสบในช่องคลอดจากเชื้อราพบได้น้อยในเด็กหญิงก่อนวัยมีประจำเดือน และสตรีวัยหมดประจำเดือน ภาวะนี้พบได้มากในสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภูมิประเทศที่อากาศร้อนและมีความชื้นสูง ผู้ที่ได้รับยาปฏิชีวนะต่อเนื่องเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังพบบ่อยในผู้ที่มีการทำหน้าที่ของ T-cell เสื่อมลง ได้แก่ โรคเบาหวานที่คุมได้ไม่ดี ผู้ที่ต้องรับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่พบได้บ่อย คือ การรับประทานอาหารรสหวาน มากเกินไป อาการและอาการแสดงของภาวะเชื้อราในช่องคลอด อาการแสดงที่เด่นชัดที่สุด คือ อาการคัน ซึ่งมักจะคันค่อนข้างมาก อาการมักจะดีขึ้นเมื่อมีประจำเดือน เชื่อว่าเกิดจากความเป็นด่างของเลือดประจำเดือน โดยอาการคันจะครอบคลุมบริเวณฝีเย็บด้วย หากคันเฉพาะบริเวณแคมใหญ่ควรคิดถึงการติดเชื้อราที่ผิวหนัง หากคันทั้งที่ในช่องคลอดและฝีเย็บอาจเกิดจากเชื้อ T.vaginalis, Human papilloma virus ซึ่งควรเข้ารับการตรวจแยกโรคที่ สถานพยาบาล อาการเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์หรือแสบเมื่อปัสสาวะโดนบริเวณอักเสบก็สามารถพบได้บ่อย สำหรับอาการตกขาวจะไม่ชัดเจนในบางรายโดยหากมีตกขาวผู้ป่วยมักจะมีอาการคันนำมาก่อน การวินิจฉัยภาวะเชื้อราในช่องคลอด การวินิจฉัยจะทำเมื่อผู้ป่วยมีอาการและอาการแสดงของช่องคลอดอักเสบร่วมกับผลการตรวจข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
โดยการตรวจเหล่านี้จำเป็นต้องทำโดยบุคลากรที่มีความชำนาญ สำหรับการเป็นครั้งหลังๆ ผู้ป่วยอาจลองซื้อยามาใช้เองได้ แต่จะต้องใช้อย่างถูกวิธีและครบตามจำนวน การรักษาภาวะเชื้อราในช่องคลอด
สามีต้องรักษาด้วยหรือไม่ ภาวะนี้ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงยังไม่มีข้อสรุปให้รักษาในทุกราย หากคู่นอนมีอาการก็ควรที่จะรักษาร่วมกันไปด้วย กรณีที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษ 1. อาการไม่ดีขึ้น หรือกลับเป็นซ้ำในสองเดือนหลังการรักษา 2. การมีอาการอย่างน้อย 4 ครั้งใน 1 ปี พบได้ในน้อยกว่าร้อยละ 5 ของสตรีทั่วไป 3. อาการรุนแรง คือ อวัยวะเพศบวมแดงมาก มีผิวเป็นขุย จนถึงอาจมีรอยแตกของผิวหนัง กลุ่มนี้มักจะตอบสนองต่อยาระยะสั้นทั้งรูป รับประทานหรือทายาเฉพาะที่ระยะสั้นได้ไม่ดี 4. ตั้งครรภ์ 5. ผู้ที่มีการทำหน้าที่ของ T-cell เสื่อมลง ได้แก่ โรคเบาหวานที่คุมได้ไม่ดี ผู้ที่ต้องรับยาสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือผู้ที่ติดเชื้อไวรัสภูมิต้านทานบกพร่อง หากท่านมีภาวะใดภาวะหนึ่งข้างต้น ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรมารับการตรวจวินิจฉัย และดูแลจากแพทย์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์นรีเวช ชั้น 2 โซน E ช่องคลอดอักเสบเป็นยังไงการรักษา มาพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยการใช้ยา ยารับประทานกลุ่ม metronidazole หรือ clindamycin ซึ่งต้องรับประทานหลังอาหารทันที เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้คลื่นไส้อาเจียน และต้องงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์ระหว่างรับการรักษา ยาชนิดครีมสำหรับทาภายนอกร่วมด้วยเพื่อลดอาการแสบและอักเสบบริเวณผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศภายนอก
ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น เกิดจากอะไรเนื่องจากความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดเปลี่ยนแปลงไป โดยปกติในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียหลายกลุ่ม กลุ่มดีคือกลุ่มแลคโตแบซิลไล ซึ่งสร้างสภาวะกรดในช่องคลอด เพื่อควบคุม ไม่ให้แบคทีเรียกลุ่มไม่ดีคือกลุ่มที่ไม่ใช้ออกซิเจนเพิ่มจำนวนขึ้น ภาวะใดก็ตามที่ทำให้แบคทีเรียกลุ่ม ไม่ดีเพิ่มจำนวนขึ้น ก็จะทำให้มีภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นเกิด ...
ช่องคลอดมีกลิ่นทํายังไงดีควรอาบน้ำเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังออกกำลังกาย และต้องไม่ลืมล้างหรือเช็ดทำความสะอาดบริเวณภายนอกของช่องคลอดด้วยผ้าเปียก หรือน้ำสบู่อ่อน ๆ เพื่อขจัดเหงื่อ สิ่งสกปรก รวมไปถึงเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ไม่ให้ตกค้างและหมักหมม หลีกเลี่ยงการใช้สบู่หรือครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของน้ำหอมหรือสารเคมีรุนแรง เพราะอาจทำให้สภาพความเป็นกรดด่าง ...
เชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดอันตรายไหมตามปกติ BV ไม่ใช่โรคที่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่ก็ควรได้รับการรักษา เนื่องจากการเป็นโรคนี้ทำให้ผู้หญิงมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะได้รับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และเกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ หากสตรีมีครรภ์เป็นโรคนี้ ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกําหนด
|