คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

เชื่อว่ามีเด็กๆม.ปลายหลายๆคนที่กำลังจะจบการศึกษาในระดับมัธยมปลายสนใจในอาชีพจิตแพทย์ ซึ่งอาชีพนี้ถือเป็น 1 ในอาชีพยอดฮิตที่เด็กๆ ตั้งใจจะสอบเข้ามาเรียนในระดับอุดมศึกษา เพราะนอกจากจะได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว อาชีพนี้ยังมีรายได้ที่ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามนอกจากการเตรียมตัวอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปเรียนยังสาขาที่ชอบแล้ว รู้หรือไม่ว่าคุณสมบัติหรือลักษณะของนักจิตวิทยานั้นเป็นอย่างไร ในบทความนี้จึงได้ยกตัวอย่างลักษณะของนักจิตวิทยาแบบคร่าวๆ มาให้ทุกๆ ท่านที่กำลังอ่านได้ทราบกัน
คุณสมบัติของนักจิตวิทยา
1.    สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะสังคมศาสตร์, คณะมนุษยศาสตร์ในประเภทสาขาการศึกษาจิตวิทยา
2.    มีความเมตตา มีใจรักที่จะช่วยเหลือผู้ป่วย
3.    ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม จริยธรรม รู้จัดอดทนอดกลั้น
4.    สุขภาพร่างกายแข็งแรง มีบุคลิกที่ร่าเริงแจ่มใส เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย
5.    วิเคราะห์ปัญหาได้ดี ไม่มีความลำเอียงและที่สำคัญต้องสามารถที่จะเก็บความลับของผู้ป่วยไว้เป็นอย่างดี หรือตอบที่ผู้ป่วยตกลงไว้
6.    มีความสนใจพฤติกรรมของมนุษย์ สังคม รวมไปถึงสิ่งแวดล้อรอบๆตัว
7.    มีความพยายามที่จะไขว่คว้าหาความรู้ใหม่ๆ อยู่เสมอ
8.    เป็นคนมีเหตุผล ตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ สามารถที่จะควบคุมอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

นักจิตวิทยา มีนิยามของอาชีพว่า เป็นอาชีพที่ต้องวิจัยและศึกษากระบวนการทางจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ วินิจฉัยพร้อมทั้งให้การบำบัดรักษาหรือป้องกันความผิดปกติ/ความแปรปรวนทางจิต นอกจากเป็นผู้รักษาแล้ว ยังต้องเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยาคอยให้คำแนะนำ เผยแพร่ความรู้ และอีกมากมายเกี่ยวกับผู้ที่ปัญหาทางสุขภาพจิต ปัจจุบันนักจิตวิทยา สามารถแบ่งได้ตามประเภทของสาขาที่สำเร็จการศึกษามาดังนี้
Educational Psychology (จิตวิทยาการศึกษา) เป็นศาสตร์หนึ่งทางด้านพฤติกรรมศาสตร์ ที่ทำหน้าที่ในด้านของการนำหลักการทางด้านจิตวิทยามาศึกษา แล้วสร้างหลักการทางจิตวิทยาขึ้นมาใหม่อย่างเป็นระบบ พูดง่ายๆก็คือ สาขานี้จะเป็นสาขาที่คอยคิดค้นทฤษฏีทางจิตวิทยาขึ้นใหม่ๆ มาเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านจิตวิทยา
Developmental  Psychology (สาขาวิทยาพัฒนาการ) สาขานี้จะศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีความเกี่ยวเนื่องกับจิตใจของมนุษย์อย่างละเอียด เพื่อใช้ข้อมูลที่ได้ในการรักษา บำบัด หรือให้คำปรึกษากับผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ
Social Psychology (สาขาจิตวิทยาสังคม) สาขานี้จะศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม ว่ามีการตอบสนอง การรับรู้ ระหว่างบุคคลอย่างไร รวมไปถึงการศึกษาอิทธิพลของบุคคลที่มีต่อผู้อื่นด้วย
Counseling  Psychology (สาขาจิตวิทยาการปรึกษา) สาขานี้จะช่วยให้คนที่มีปัญหาได้รู้จักและเข้าใจตนเองมากขึ้น รู้จักเลือกและตัดสินใจเรื่องต่างๆได้ ทำให้คนที่มีปัญหาได้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข
Industrial  Psychology (สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม) สาขานี้จะใช้ความรู้ด้านจิตวิทยา ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน ซึ่งเราจะเขียนนักจิตวิทยาเหล่านี้เมื่อเราเข้าสมัครงาน คนที่สัมภาษณ์เราเหล่านี้ คือนักจิตวิทยาที่จบจากสาขานี้
Clinical Psychology (สาขาจิตวิทยาคลินิก) สาขานี้จะเป็นสาขาที่ใช้ความรู้ทางจิตวิทยา มาหาสาเหตุ หาที่มาที่ไปของปัญหาสุขภาพจิตของแต่ละคน แล้วทำการบำบัดรักษา ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติ

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

1. กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลา
     การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องที่ดี ทุกคนก็รู้ แต่ก็มีน้อยคนที่จะยอมเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเอง เพราะความกลัวในเรื่องต่างๆ เช่นกลัวล้มเหลว, กลัวถูกปฏิเสธ และ กลัวเสียหาย เป็นต้น ทำให้เลือกที่จะอยู่ในพื้นที่แห่งความคุ้นเคย (Comfort Zone) จึงเท่ากับย่ำอยู่กับที่ไม่มีความก้าวหน้าในงานเลย ดังนั้นเราต้องกล้าที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทำในสิ่งที่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยคิดว่าถ้าหากไม่สำเร็จก็จะได้ประสบการณ์ชีวิตเองจะทำให้เรากล้าทำมากขึ้นครับ

2. มีเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน
     การจะประสบความสำเร็จ จะต้องกล้าที่จะตั้งเป้าหมายแล้วควรจะชัดเจนด้วย เพราะถ้าเราไม่มีเป้าหมาย ชีวิตของเราก็คงเดินไปเรื่อยๆ ไม่ถึงไหนซักที เพราะเมื่อมีเป้าหมาย เมื่อเราทำถึงแล้วจะได้ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นไปอีก เราจะได้ประสบความสำเร็จเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายในงานก็เช่นเดียวกันหลายคนไม่ค่อยได้ตั้งเป้าหมายว่าเราจะทำอะไรบ้าง ในแต่ละช่วงเวลาหนึ่งๆ เช่น ปีนี้, เดือนนี้, สัปดาห์นี้ หรือ วันนี้ เพราะคิดว่าตัวเองมีงานเยอะอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องตั้ง แต่จริงๆ แล้ว การตั้งเป้าหมายแล้วทำได้ก็จะทำให้เรามีความสุข แล้วอยากจะตั้งอีกเรื่อยๆ หากไม่สำเร็จบ้างก็ลองตั้งใหม่เดี๋ยวก็สำเร็จเอง ผมเจอคนประสบความสำเร็จมาเยอะส่วนใหญ่แล้ว จะเล่าเป้าหมายของเขาได้ชัดเจนจนเราเห็นภาพเลยครับ

3. เผชิญหน้ากับความล้มเหลวแล้วเริ่มใหม่
     คุณลักษณะเด่นข้อนี้มีอยู่ในทุกคนที่ประสบความสำเร็จ เพราะเขาจะลุกขึ้นมาได้ทุกครั้งที่เขาล้มเหลว แล้วมุ่งมั่นต่อไปจนในที่สุดไม่มีอะไรขวางกั้นเขาได้เพราะการทำงานทุกอย่างล้วนมีสิ่งที่เราคาดไม่ถึง ถึงแม้ว่าเราจะเตรียมตัวไว้ดีแค่ไหน ก็อาจจะเจออุปสรรคที่ทำให้ล้มเหลวได้ ดังนั้นหากเราบอกกับตัวเองเสมอๆ ว่า ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่าละอาย แต่การไม่ลุกขึ้นมาทำต่อไปต่างหากที่เป็นเรื่องน่าละอาย ก็จะทำให้เรามุ่งมั่นสู่ความสำเร็จได้ไม่ยากเลยครับ เช่น นักกีฬาที่ชนะเลิศ ทุกคนจะพบกับการแพ้มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เพียงแต่เขาไม่ยอมแพ้นั่นเอง เขาจึงประสบความสำเร็จในที่สุด กรรมการผู้จัดการ หรือเถ้าแก่หลายคนที่ประสบความสำเร็จ ก็จะมีบาดแผลแห่งความล้มเหลวเต็มตัวเช่นกัน กว่าที่จะมาถึงวันนี้ได้

4. มุ่งมั่นในความคิดของตัวเองและทำจนกว่าจะสำเร็จ
     คนเชื่อมั่นในตนเอง จำทำให้เชื่อมั่นในความคิดของตัวเองด้วย แต่ก็ไม่ใช่ในความหมายว่าเป็นคนดื้อนะครับ แต่จะเป็นความหมายว่ามีจุดยืนของตัวเองไม่ว่าผู้อื่นจะคิดอย่างไรในความคิดของเขา เขาก็จะมุ่งมั่นทำมันเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาสามารถทำมันได้ และจะภูมิใจในความคิดของตัวเองไปเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จในที่สุด หัวหน้าหลายคนทำให้ลูกน้องขาดความมั่นใจโดยไม่รู้ตัว เพราะจะคอยทักว่าไม่ดี ไม่ควรทำ เพราะหัวหน้าเห็นข้อจำกัดแต่จริงๆ แล้ว เท่ากับปิดกันไม่ให้ลูกน้องได้คิดเองทำให้สุดท้ายลูกน้องคนนั้น ก็จะไม่มีความคิดเลย แล้วก็จะเป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองในที่สุด หลายคนที่เป็นหัวหน้าคนอยู่ ควรระวัง ข้องนี้ให้ดีนะครับ ต้องคอยยุให้เขาทำตามความคิดของเขาจนกว่าจะสำเร็จ อย่าหยุด!

5. อยู่กับช่วงที่ตัวเองรู้สึกแย่น้อยกว่าช่วงที่ตัวเองรู้สึกดี
     ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง คงไม่มีใครที่จะมีชีวิตที่ดีไปตลอด และก็ไม่มีใครที่มีชีวิตแย่ไปตลอด เพียงแต่ว่าใครจะเผชิญกับความรู้สึกแย่และความรู้สึกดีมากกว่ากัน ซึ่งการเผชิญความรู้สึกนี้ก็คือจิตใจที่เราไปคิดกับเหตุการณ์นั้นๆ เอง หากเราสามารถควบคุมความรู้สึกแย่ให้เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ แล้วพยายามรักษาความรู้สึกดีๆ ให้อยู่ในช่วงนานๆ หน่อย ก็จะทำให้ชีวิตมีความสุข และดำเนินชีวิตการทำงานไปได้อย่างราบรื่นแล้วจะประสบความสำเร็จในที่สุด ประสบการณ์ชีวิตการทำงานของแต่ละคนจะช่วยในเรื่องนี้ ได้ เช่น คนที่ผ่านเหตุการณ์วิกฤตมามากก็จะเข้าใจ และไม่จมอยู่กับเรื่องไร้สาระ เช่นความหดหู่, เบื่อหน่าย, ขี้เกียจ นานนักเพราะรู้ว่าไม่มีประโยชน์ดังนั้นก็จะปล่อยให้ความรู้สึกแย่ๆ อยู่แค่แป็บเดียว แล้วกระตุ้นตัวเองได้ เดินหน้าต่อได้ สำหรับคนที่ประสบการณ์น้อย ก็ต้องค่อยๆ ฝึกฝนไปครับ

6. รับฟังคำวิจารณ์จากผู้อื่นได้ดี
     ความรู้อยู่ในทุกๆ ที่ที่เราผ่านไป ดังนั้นการรับฟังผู้อื่น เป็นหัวใจสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำวิจารณ์จากผู้อื่น ถ้าหากใครสามารถรับฟังได้มากก็จะประสบความสำเร็จได้มาก เพราะสามารถแปลคำวิจารณ์เป็นสิ่งที่เราสามารถนำไปปรับปรุงได้ไม่ใช่ฟังว่าเขาว่าอะไรเรา ดังนั้นถ้าหากเราเป็นคนเปิดกว้าง ก็จะมีสิ่งต่างๆ เข้ามาหาเรามากขึ้น เราก็มีโอกาส เลือกสิ่งดีๆ ได้มากขึ้น ส่วนสิ่งไม่ดีเราก็ไม่ต้องรับเข้ามาแต่การรับฟังคำวิจารณ์ จะให้ผู้อื่นกล้าพูดกับเรามากขึ้น ทั้งหัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง ทำให้เราทำงานผ่านผู้คนได้ดีขึ้น สุดท้าย เราก็จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จแน่นอน

7. มีทัศนคคิเชิงบวกในเรื่องต่างๆ มากกว่า
     ทัศนคติเชิงบวกในที่นี้ หมายความว่า การที่เรามีความเชื่อมั่นในงานที่เราทำและพร้อมที่จะรับผลของความล้มเหลว โดยการให้กำลังใจตัวเอง เพื่อให้ทำอีกจนกว่าจะประสบความสำเร็จ และไม่จินตนาการเรื่องที่เลวร้ายก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นจริง แต่จะคิดในด้านบวกเสมอๆ กับสิ่งที่ทำเพื่อให้อยากทำ และอยากประสบความสำเร็จเพราะจินตนาการผลลัพธ์ในด้านดีไว้แล้ว คนเราสามารถโต้ตอบกับสิ่งต่างๆ ทั้งด้านบวกและด้านลบได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเรา แต่ถ้าเราควบคุมทัศนคติเชิงบวกในเรื่องต่างๆได้มากเท่าไร เราก็จะลงมือทำเรื่องต่างๆ ได้มากเท่านั้น ผลลัพธ์หรือผลงานก็จะยิ่งออกมาดี แล้วก็จะเหมือนกับคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ทำกันอยู่ คือเป็นคนที่มีทัศนคติเชิงบวกมากกว่าคนที่ประสบความล้มเหลว

8. มีภาวะความเป็นผู้นำสูง
     ผู้นำ คือ ผู้ที่มีผู้อื่นปฏิบัติตามในสิ่งที่เราอยากให้ทำด้วยความเต็มใจ ดังนั้นผู้นำจะต่างจากผู้จัดการค่อนข้างมาก เพราะผู้จัดการทำให้ผู้อื่นทำตามด้วยคำสั่ง แต่ผู้นำทำให้ผู้อื่นทำตามด้วยการจูงใจ ในชีวิตการทำงานเราคงต้องมีทั้งความเป็นผู้จัดการและความเป็นผู้นำ แต่ถ้าผู้จัดการคนใดมีภาวะความเป็นผู้นำสูง ก็ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เรื่องของผู้นำคงต้องขอยกไปพูดในหัวข้ออื่นๆ เพราะเป็นเรื่องที่เยอะมาก เพียงแต่อยากชี้ให้เห็นว่า ผู้ประสบความสำเร็จ จะมีภาวะความเป็นผู้นำภายในตัวเองสูง และผู้ตามก็อยากตามด้วยความเต็มใจ

9. ให้ความสำคัญกับผู้อื่น
     ผู้ประสบความสำเร็จทุกคนไม่สามารถทำอะไรโดยลำพังได้เลย ต้องมีผู้อื่นร่วมอยู่ในงานนั้นๆ อยู่เสมอ ถ้าผู้ใดบอกว่าประสบความสำเร็จได้โดยลำพัง แสดงว่าผู้นั้นคงเข้าใจอะไรผิด บางอย่างแน่ๆ เลย เพราะไม่มีผู้ยิ่งใหญ่คนใดทำงานสำเร็จได้เอง ดังนั้นการให้ความสำคัญกับผู้อื่นอย่างจริงใจจึงเป็นคุณลักษณะเด่นที่สำคัญ จะเห็นว่า ผู้ใดมีทีมงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นทีมเวิร์คผู้นั้นจะประสบความสำเร็จสูง การให้ความสำคัญผู้อื่นหมายถึง การทำให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในวิสัยทัศน์ , ค่านิยม และแผนงานของเรา ส่งเสริมให้เขาได้แสดงความสามารถของเขาให้เต็มที่ ยอมรับในคุณค่าของเขา และปฎิบัติต่อผู้อื่นดังนี้ จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ

10. ดำเนินเรื่องด้วยความไม่ประมาท
     ผู้ประสบความสำเร็จ จะไม่กลัวความล้มเหลว คิดอะไรได้ก็จะลงมือทำทันที แต่เขาก็ไม่ได้ประมาท เพราะก่อนที่เขาจะลงมือทำนั้น ต้องมีข้อมูล และแผนงานที่ชัดเจนก่อน มิเช่นนั้น เขาก็ยังไม่ทำ หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ เขามีขั้นตอนในการดำเนินชีวิตที่แน่นอน ไม่ยืนอยู่บนความเสี่ยงเด็ดขาดแต่ก็ไม่กลัวความล้มเหลว เมื่อลงมือทำแล้วก็จะทำให้ตลาดจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จ

     แนวคิดในวันนี้เป็นการรวบรวมจากประสบการณ์ของผม ที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกับคนจำนวนมาก แล้วบันทึก จุดเด่น หรือ แนวการดำเนินชีวิตของบุคคล ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน ขอย้ำนะครับ ว่าความสำเร็จของผมไม่ใช่ความร่ำรวยเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงการที่คนเราตั้งเป้าหมาย แล้วทำได้ด้วย ผมคาดหวังว่าแง่คิดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่อ่านแล้วรู้สึกว่าน่าจะลองนำไปปฏิบัติดู จริงๆๆ แล้วคุณลักษณะเด่นเหล่านี้มีอยู่ในพวกเราทุกๆ คน เพียงแต่ว่าจะมีใครนำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเองเท่านั้น

     การฝึกฝนคุณลักษณะเด่นเหล่านี้ จนเป็นนิสัยของเรา และทำให้เรานำไปปฏิบัติจนเป็นธรรมชาติ ของตัวเรา เมื่อไร เชื่อแน่เลยว่าคุณจะประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่องที่คุณตั้งใจไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัว ขอให้โชคดีทุกๆคนครับ หากมีโอกาสคงได้อ่รแนวคิดของผมอีก ขอบคุณครับ

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร

คนที่มีความรู้มีลักษณะ อย่างไร