ในทุกๆ 28-30 วัน จะมีค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งก็คือคืนที่เราจะเห็นพระจันทร์ดวงโตสุกสว่าง ในทางโหราศาสตร์จะถือว่าวันพระจันทร์เต็มดวงนั้นมีพลังดึงดูดจากดวงจันทร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มักขอพรจากดวงจันทร์กันในวันพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งในวันพระจันทร์เต็มดวงนั้นมีสิ่งต้องห้ามที่ไม่แนะนำให้ทำอยู่ 3 เรื่องดังต่อไปนี้ การเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ อย่าทำอะไรเกินกำลัง ชะลอการตัดสินใจ ดวงจันทร์เผยให้เห็นเต็มดวงเดือนละหนึ่งครั้ง ความจริงคือว่า ดวงจันทร์จะหันหน้ามายังโลกเพียงข้างเดียวตลอดเวลา แต่ส่วนหนึ่งของมันอยู่ในเงามืด และในความเป็นจริงตลอดเวลาที่ “ดวงจันทร์เต็มดวง” ไม่เคยปรากฏเต็มดวงอย่างสมบูรณ์เลย เพียงในขณะที่ดวงจันทร์ โลก และดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งตรงกันนั่นคือดวงจันทร์เต็มดวง 100 เปอร์เซ็นต์ และการอยู่ในระนาบตรงกันนั้นก่อให้เกิดจันทรุปราคา และในบางครั้งหรือนานๆครั้ง –
ดวงจันทร์เต็มดวงสองครั้งในหนึ่งเดือน (หรือสี่ครั้งในหนึ่งฤดูกาล ขึ้นอยู่กับคำจำกัดความที่คุณต้องการ ดวงจันทร์: ข้อเท็จจริงอันน่าทึ่งสิบประการ ดวงจันทร์เต็มดวงครั้งต่อไปคือตลอดคืนในวันพุธและวันพฤหัสฯของวันที่ 27และ 28 มิถุนายน สัปดาห์นี้ นั่นเป็นเพราะว่าดวงจันทร์เต็มดวงเกิดขึ้นตอนเวลา เที่ยงคืนห้าสิบสามนาทีเวลาตะวันออก (ตีสี่ห้าสิบสามนาที เวลามาตรฐานสากล) ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่าคุณอยู่ในเขตเวลาไหน ดวงจันทร์เต็มดวงจะช้าสุดในวันพุธที่ (27 มิถุนายน)
หรือช่วงเวลาไม่กี่ชั่วโมงของวันพฤหัสฯที่ (28 มิถุนายน) สำหรับผู้สังเกตการณ์อย่างไม่เป็นทางการ ดวงจันทร์จะปรากฏเต็มดวงสว่างสุกใสมากสุดในวันก่อนและหลัง ดังนั้นคุณจะมีเวลามากมายที่จะชื่นชมดวงจันทร์เมื่อสภาพอากาศอำนวย ดวงจันทร์เดือนมิถุนายนจึงเป็นที่รู้กันว่าเป็นดวงจันทร์เต็มดวง Strawberry Moon หรือดวงจันทร์เต็มดวง Rose Moon และ Lotus Moon คุณจะพบกับสิ่งอื่นๆอีกที่มองเห็นได้ในท้องฟ้าอันมืดระหว่าง Strawberry Full Moon สามารถสำรวจดวงจันทร์ด้วยกล้องส่องทางไกลได้ด้วยวิธีใด ถ่ายภาพดวงจันทร์
: วิธีการถ่ายภาพดวงจันทร์ สำรวจความมหัศจรรย์ของดวงจันทร์ (ภาพกราฟฟิก) Moon Quiz: Test Your Lunar Smarts ดวงจันทร์เต็มดวงในปี พ.ศ. 2561 ในหลายวัฒนธรรมต่างๆได้กำหนดชื่อที่แตกต่างกันไปกับดวงจันทร์เต็มดวงในแต่ละครั้ง ชื่อต่างๆถูกนำมาใช้กันทั้งเดือนในแต่ละครั้งที่เกิดขึ้น รายชื่อหลายๆชื่อของ Farmer Almanac ซึ่งใช้กันทั่วไปในสหรัฐอเมริกา Almanac อธิบายว่ามีการเปลี่ยนแปลงชื่อต่างๆของดวงจันทร์บ้าง แต่โดยทั่วไปแล้ว
บางชื่อถูกใช้ในบรรดาชนเผ่า Algonquin จาก New England ทางตะวันตกสู่ Lake Superior ที่ตั้งถิ่นฐานตามธรรมเนียมของพวกเขาและสร้างชื่อตามชื่อของพวกเขาเอง ตารางข้างล่างนี้คือเมื่อดวงจันทร์จะเต็มดวงในปี พ.ศ. 2561 ตามที่องค์การนาซ่าระบุไว้ วันที่ ชื่อ เวลาสหรัฐฯตะวันออก เวลาสากลเชิงพิกัด 1 มกราคม Wolf Moon 9:24 p.m. 02:24 31 มกราคม Snow Moon 8:27 a.m. 13:27 1 มีนาคม Worm Moon 7:51 p.m. 00:51 (3/2) 31 มีนาคม Sap Moon 8:37 a.m. 13:37 29 เมษายน Pink Moon 8:58 p.m. 00:58 (4/30) 29 พฤษภาคม Flower Moon 10:20 a.m. 14:20 28 มิถุนายน Strawberry Moon 12:53 a.m. 04:53 27 กรกฎาคม Buck Moon 4:21 p.m. 20:21 26 สิงหาคม Sturgeon Moon 7:56 a.m. 11:56 24 กันยายน Harvest Moon 10:53 p.m. 02:53 (9/25) 24 ตุลาคม Hunter’s Moon 12:45 p.m. 16:45 23 พฤศจิกายน Beaver Moon 12:39 a.m. 05:39 22 ธันวาคม Cold Moon 12:49 p.m. 17:49 รายชื่อดวงจันทร์เต็มดวงเพิ่มเติม ประชาชนชาวอเมริกันโดยกำเนิดก็มีชื่อที่แตกต่างกันออกไป ในหนังสือ “This Day in North American Indian History” (Da Capo Press, 2002) บรรณาธิการ Phil Konstantin ได้ให้รายชื่อดวงจันทร์เต็มดวงมากกว่า 50 รายชื่อตามประชาชนที่ถือกำเนิดในสหรัฐของพวกเขา เขายังให้รายชื่อเหล่านั้นในเว็บไซด์ของเขาอีกด้วย AmericanIndian.net นักดาราศาสตร์มือสมัครเล่น Keith Cooley ได้สรุปรายชื่อเกี่ยวกับชื่อดวงจันทร์ในวัฒนธรรมอื่นๆ รวมทั้งชาวจีนและเซลติก
ในเว็บไซด์ของเขา ยกตัวอย่าง รายชื่อดวงจันทร์ตามชาวจีน บ่อยครั้งดวงจันทร์เต็มดวงตรงกับสัญลักษณ์ตามฤดูกาล ดังนั้น Harvest Moon จึงเกิดขึ้นในตอนสิ้นสุดฤดูการเพาะปลูกในเดือนกันยายนหรือเดือนตุลาคม และ Cold Moon เกิดขึ้นในเดือนธันวาคมอันหนาวเหน็บ และนั่นก็คือวิธีการทำงานในซีกโลกเหนือ ในซีกโลกใต้ ฤดูกาลต่างๆเปลี่ยนไป Harvest Moon เกิดขึ้นในเดือนมีนาคมและ Cold Moon จะอยู่ในเดือนมิถุนายน ตามที่ Earthsky.org ระบุไว้ มีชื่อที่ใช้เรียกทั่วไปสำหรับดวงจันทร์เต็มดวงทางใต้ของเส้นศูนย์สูตร มกราคม:Hay Moon, Buck Moon, Thunder
Moon, Mead Moon กุมภาพันธ์ (ช่วงกลางฤดูร้อน): Grain Moon, Sturgeon Moon, Red Moon, Wyrt Moon, Corn Moon, Dog Moon, Barley Moon มีนาคม: Harvest Moon, Corn Moon เมษายน: Harvest Moon, Hunter’s Moon, Blood Moon พฤษภาคม: Hunter’s Moon, Beaver Moon, Frost Moon มิถุนายน: Oak Moon, Cold Moon, Long Night’s Moon กรกฎาคม: Wolf Moon, Old Moon, Ice Moon สิงหาคม: Snow Moon, Storm Moon, Hanger Moon, Wolf Moon กันยายน: Worm Moon, Lenten Moon, Crow Moon, Sugar Moon, Chaste Moon, Sap Moon ตุลาคม: Egg Moon, Fish Moon, Seed Moon, Pink Moon, Waking Moon พฤษจิกายน: Corn Moon, Milk Moon, Flower Moon, Hare Moon ธันวาคม: Strawberry Moon, Honey Moon, Rose Moon เพียงแค่ช่วงระยะหนึ่ง นี่คือช่วงระยะของดวงจันทร์เต็มดวงดวงจันทร์คือรูปทรงกลมที่โคจรรอบโลกทุกๆ 27.3วัน ดวงจันทร์ยังใช้เวลาประมาณ27วันในการหมุนรอบตัวเอง ดังนั้นดวงจันทร์จึงหันหน้ามายังโลกเพียงข้างเดียว จึงไม่มีใครเห็น “ด้านมืด” ของดวงจันทร์ เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก มันจึงเปล่งประกายจากมุมที่แสดงแดดแตกต่างกัน – อะไรที่เรามองเห็นในขณะที่เรามองดูดวงจันทร์สะท้อนแสงอาทิตย์ ถัวเฉลี่ยแล้วดวงจันทร์ขึ้นช้าประมาณ 50 นาทีในแต่ละวัน ซึ่งหมายถึงว่าบางครั้งมันขึ้นในช่วงเวลากลางวันและบางที่ก็ในชั่วโมงต่างๆของเวลากลางคืน ตรงนี้อธิบายถึงช่วงระยะของดวงจันทร์ดำเนินไปอย่างไร ข้างขึ้น ดวงจันทร์อยู่ในตำแหน่งระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์ ดังนั้นข้างที่ดวงจันทร์หันหน้าหาเราจึงไม่ได้รับแสงอาทิตย์โดยตรง และมันเป็นเพียงแสงสลัวที่โลกสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์เท่านั้น สองสามวันต่อมา เนื่องจากดวงจันทร์โคจรรอบโลก ด้านที่เราเห็นนั้นค่อยๆเรืองแสงมาจากแสงอาทิตย์โดยตรง ส่วนบางๆนี้เรียกว่าดวงจันทร์เสี้ยว อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ดวงจันทร์ทำมุม 90 องศา ห่างออกไปจากดวงอาทิตย์ในท้องฟ้าและเป็นดวงจันทร์ครึ่งเสี้ยวจากจุดที่เรามองเห็น เราจึงเรียกว่า ไตรมาสแรก เพราะว่ามันเป็นช่วงเวลาประมาณหนึ่งในสี่ที่โคจรรอบโลก ไม่กี่วันต่อมา พื้นที่การส่องสว่างดำเนินเพิ่มขึ้นต่อไป พื้นที่ของดวงจันทร์ได้รับแสงดวงอาทิตย์มากกว่าครึ่งหนึ่ง ช่วงระยะนี้เรียกว่าข้างขึ้นแก่ๆ( ดวงจันทร์จะปรากฏด้านสว่างค่อนข้างใหญ่ มองเห็นได้ในตอนกลางวันทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกตั้งแต่หลังเที่ยงวันไปแล้ว) เมื่อดวงจันทร์เคลื่อนไปที่ 180 องศา จากตำแหน่งข้างขึ้น ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจันทร์ตั้งแนวตรง จานของดวงจันทร์ ใกล้เคียงกับที่จะสามารถสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์เต็มที่จึงเรียกปรากฏการณ์นี้ว่าดวงจันทร์เต็มดวง ถัดมา ดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปจนกระทั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของด้านที่ปรากฏรับแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ แต่แสงลดลง ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าข้างแรม วันต่อมา ดวงจันทร์เคลื่อนไปอีกเป็นระยะหนึ่งในสี่ที่ห่างออกจากโลกสู่ตำแหน่งสามในสี่ ถึงตอนนี้แสงของดวงอาทิตย์ส่องไปยังอีกครึ่งด้านของดวงจันทร์ที่มองเห็นได้ ถัดมา ดวงจันทร์เคลื่อนที่ไปสู่ดวงจันทร์เสี้ยวเนื่องจากด้านของดวงจันทร์น้อยกว่าครึ่งหนึ่งได้รับแสงอาทิตย์ และทำให้ขนาดของดวงจันทร์ลดลง ระยะสุดท้าย ดวงจันทร์เคลื่อนที่กลับไปสู่ตำแหน่งข้างขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าการโคจรของดวงจันทร์ไม่ได้อยู่ในระนาบเดียวกันเนื่องจากการโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ แนวโคจรไม่ค่อยจะสม่ำเสมอ โดยปกติแล้วช่วงระยะดวงจันทร์ที่ผ่านเหนือหรือใต้ดวงอาทิตย์จากจุดที่เราดู แต่ในบางครั้งบางคราวดวงจันทร์ก็โคจรผ่านหน้าดวงอาทิตย์เลย และปรากฏการณ์นี้เราเรียกว่า สุริยคราส ในแต่ละช่วงของดวงจันทร์เต็มดวงที่เกิดขึ้นสามารถคำนวณได้ตรง ซึ่งอาจหรืออาจจะไม่ใกล้เคียงกับเวลาที่ดวงจันทร์ขึ้นตรงที่คุณอยู่ก็ได้ ดังนั้นในขณะที่ดวงจันทร์เต็มดวง โดยปกติที่เป็นเช่นนี้บางทีก็ผิดไปบ้างจากเวลาจริงในขณะที่เต็มรูปแบบทางเทคนิคของมัน แต่นักดูดาวสมัครเล่นจะไม่สังเกตถึงความแตกต่าง แต่ความจริง บ่อยครั้งดวงจันทร์ก็ดูไม่ค่อยเหมือนกันในคืนดวงจันทร์เต็มดวงสองคืนติดกัน
|