อาการเวียนหัว หรือมึนงง ต่างกันอย่างไร และเกิดจากสาเหตุใดได้บ้างอาการมีนงงจะเป็นลม (Lightheadedness) ข้อมูล ณ วันที่ 29 กันยายน 2563 Share:
คลื่นไส้ (Nausea) คืออาการอึดอัดมวนภายในท้อง ทำให้รู้สึกอยากอาเจียน
ซึ่งอาจอาเจียนออกมาหรือไม่ก็ได้ โดยอาการคลื่นไส้สามารถเกิดขึ้นเฉียบพลันหรือเกิดอาการเรื้อรัง หากรู้สึกคลื่นไส้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลียตามมาด้วย ทั้งนี้ คลื่นไส้คืออาการอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพ สามารถเกิดได้จากปัญหาสุขภาพกาย เช่น โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ระบบประสาทสมอง ความสมดุลของหูชั้นใน และเกิดได้จากปัญหาทางด้านจิตใจ อาการคลื่นไส้ ผู้ที่เกิดอาการคลื่นไส้จะรู้สึกไม่สบายหรือพะอืดพะอมอยู่ข้างในท้องส่วนบน หน้าอก หรือลำคอ นอกจากนี้ อาจรู้สึกเอียนหรือเบื่ออาหาร หรืออยากอาเจียนออกมา หากเกิดอาการคลื่นไส้และรู้สึกอยากอาเจียน อวัยวะต่างๆ ในร่างกายอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้
เมื่อเกิดอาเจียนออกมา อาหารหรือสิ่งที่รับประทานเข้าไปถูกขับออกมาผ่านหลอดอาหารและปาก ส่งผลให้เกิดอาการสะอึกเมื่อรู้สึกคลื่นไส้ โดยอาการสะอึกนี้เกิดจากกล้ามเนื้อท้องและระบบทางเดินหายใจหดเกร็งเป็นจังหวะซ้ำ ๆ กัน บางครั้งอาจมีเหงื่อออกมาก นอกจากนี้ อาการคลื่นไส้อาจเกิดร่วมกับอาการป่วยอย่างอื่น เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดท้อง มีแก๊สในกระเพาะอาหาร หรือท้องร่วง สาเหตุของการคลื่นไส้ คลื่นไส้เป็นอาการที่เกิดจากหลายสาเหตุ โดยปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดอาการนี้อาจมาจากอาการเมารถ การแพ้อาหารหรือยาบางอย่าง หรืออาการอันเนื่องมาจากปัญหาสุขภาพบางโรค โดยสาเหตุของอาการคลื่นไส้ สามารถแบ่งเป็นสาเหตุที่มาจากปัญหาสุขภาพในร่างกาย และผลข้างเคียงจากการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในร่างกาย ดังนี้
จากปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับช่องท้องที่ยกมานี้ โรคกรดไหลย้อนเกิดจากการที่อาหารหรือสิ่งที่รับประทานเข้าไปในกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับมาทางหลอดอาหาร ส่งผลให้เกิดอาการแสบร้อนกลางทรวงอกและรู้สึกคลื่นไส้ สำหรับการอักเสบที่ตับอ่อนหรือไต และปัญหานิ่วถุงน้ำดีนั้น จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเจ็บปวดมากและ เกิดอาการคลื่นไส้ได้เช่นกัน ส่วนแผลในกระเพาะอาหารหรือผนังลำไส้ก็ก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้อันเป็นผลจากอาการแสบร้อนเมื่อรับประทานอาหารเข้าไป
การวินิจฉัยอาการคลื่นไส้ อาการคลื่นไส้เกิดจากหลายสาเหตุ การวินิจฉัยอาการดังกล่าวจึงต้องพิจารณาร่วมกับอาการอื่นที่เกิดขึ้นร่วมด้วย แพทย์จะเริ่มวินิจฉัยสาเหตุของอาการคลื่นไส้จากประวัติการรักษาและการใช้ยาของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยอาจบอกอาการอื่น ๆ ที่มี อาหารที่รับประทาน หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้แก่แพทย์เพิ่มเติม รวมทั้งความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ ช่วงของรอบเดือน หรือวิธีคุมกำเนิดที่ใช้ เพื่อช่วยให้แพทย์ตรวจการตั้งครรภ์อันอาจเป็นสาเหตุของอาการคลื่นไส้ นอกจากนี้ แพทย์จะตรวจอย่างอื่นเพิ่มเติม ได้แก่ ตรวจเลือด ตรวจท้อง ตรวจระบบประสาท และการตรวจต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการอื่น ๆ ที่ปรากฏขึ้นและประวัติการใช้ยาของผู้ป่วย หากผู้ป่วยเพิ่งประสบอุบัติเหตุและได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ อาจต้องตรวจสแกนศีรษะร่วมด้วย การรักษาอาการคลื่นไส้ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะรักษาอาการคลื่นไส้ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยดีขึ้น ผู้ป่วยที่เกิดอาการน้อยอาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา โดยเบื้องต้นสามารถดูแลอาการคลื่นไส้ได้ด้วยตัวเอง ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เกิดอาการคลื่นไส้บางรายอาจต้องรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที หากรู้สึกคลื่นไส้และเกิดอาการต่อไปนี้
การป้องกันอาการคลื่นไส้ การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสาเหตุของอาการคลื่นไส้ จะช่วยป้องกันผู้ป่วยไม่ให้เกิดอาการดังกล่าวได้ดีที่สุด โดยทั่วไป อาการคลื่นไส้สามารถป้องกันได้ โดยปฏิบัติตามวิธีต่อไปนี้
|