อาชีพอะไรที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร

ในปัจจุบันเป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับ 'ข้อมูล' เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการรวบรวมสิ่งต่างๆ อาทิ พฤติกรรม รสนิยม ความคิดเห็น ที่สามารถนำไปใช้หรืออ้างอิงได้ - อาชีพ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

ในปัจจุบันเป็นยุคที่ให้ความสำคัญกับ ‘ข้อมูล‘ เป็นอย่างมาก เพราะข้อมูลเป็นการรวบรวมสิ่งต่างๆ อาทิ พฤติกรรม รสนิยม รวมถึงความคิดเห็นของผู้คน เป็นข้อมูลที่สามารถนำไปใช้หรืออ้างอิงได้ ทั้งในการต่อยอดหรือแข่งขันทางธุรกิจ เชิงวิชาการ หรือนำไปใช้เพื่อออกแบบนโยบายของภาครัฐและเอกชน เป็นต้น ดังนั้นหากมีการจัดการข้อมูลที่ดี เป็นระเบียบ สะดวกในการค้นหาและสามารถหยิบมาใช้ได้เมื่อต้องการ ก็เสมือนกับเรามีอาวุธที่แข็งแรงอยู่ในมือ

Show

อาชีพ สายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ

โดยเมื่อข้อมูลได้ถูกวิเคราะห์ ประมวลผลและจัดเก็บเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ข้อมูลชุดนั้นจะถูกเรียกว่า ‘สารสนเทศ’ ซึ่งการจัดการข้อมูลนั้นมีหลายวิธี หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ ‘เทคโนโลยี’ ด้วยเหตุนี้ทำให้หลายองค์กรต้องการบุคลากรที่มีความรู้ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อจัดการข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อองค์กร วันนี้แคมปัส-สตาร์จะมาแนะนำ 3 อาชีพสายเทคโนโลยีสารสนเทศและทักษะที่ต้องมี มากฝากน้องๆ และเพื่อนๆ ที่ต้องการทำงานในสายนี้กันค่ะ

อาชีพอะไรที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร

นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist)

นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล หรือ Data Scientist เป็นหนึ่งในอาชีพที่มาแรงในปัจจุบัน ทำหน้าที่นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นอาชีพที่ค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะไม่เจาะจงว่าต้องจบจากสาขาไหนหรือคณะอะไร แต่ส่วนใหญ่คนทำงานสายนี้จะจบจากด้านวิทยาศาสตร์และสถิติ เพราะมีทักษะทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับข้อมูลอื่นได้

ทักษะทางตรง

  • การนำเสนอข้อมูลเชิงภาพ เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลมาแล้วจะต้องสามารถถ่ายทอดข้อมูลเหล่านั้นให้กับคนที่ต้องการจะสื่อสาร เข้าใจและเห็นภาพมากที่สุด ซึ่งอาจจะทำออกมาเป็นรูปแบบของกราฟหรือภาพก็ได้ แล้วแต่ความเหมาะสม
  • การเขียนโค้ด ถือเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับอาชีพนี้ เพราะต้องใช้ในการสร้างโมเดลให้สามารถเก็บและดึงข้อมูลตามที่ต้องการได้ เพื่อนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวิเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ

ทักษะทางอ้อม

  • การสื่อสาร นอกจากทักษะการนำเสนอข้อมูลแล้ว ยังต้องอาศัยทักษะในการสื่อสารเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้คนทั่วไปที่ไม่มีความรู้สามารถเข้าใจได้
  • ความรู้ด้านธุรกิจ เป็นทักษะที่ช่วยให้เข้าใจเป้าหมายหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นๆ ว่ามีผลตอบรับเป็นอย่างไร หรือจะเพิ่มผลลัพธ์ให้กับธุรกิจได้อย่างไร

อาชีพอะไรที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร

นักภาษาศาสตร์คอมพิวเตอร์ (Computational Linguistics)

เป็นอาชีพที่ต้องนำทฤษฎีทางภาษาศาสตร์มารวมกับวิทยาการคอมพิวเตอร์ หรือเป็นการทำให้คอมพิวเตอร์สามารถวิเคราะห์ข้อมูล เข้าใจภาษาและทำหน้าที่ทางด้านภาษาต่างๆ แทนมนุษย์ได้ เช่น เครื่องแปลภาษาอัตโนมัติ (Machine Translation) หรือหุ่นยนต์นักสนทนา (Chatbot) ที่สามารถรับคำสั่งจากมนุษย์ได้ เป็นต้น

ทักษะทางตรง 

  • ด้านภาษาศาสตร์ เป็นทักษะที่จำเป็น เพราะข้อมูลทางภาษามีความเฉพาะเจาะจง จึงต้องใช้ทักษะในการวิเคราะห์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น การแปลภาษาอัตโนมัติ (Machine Translation) ให้ความหมายออกมาในรูปแบบต่างๆ ตามที่ผู้ใช้งานต้องการ หรือโปรแกรมในการค้นหา (Search Engines)
  • การเขียนโปรแกรม เป็นทักษะที่ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้ว่ามนุษย์ต้องการอะไร เช่น การทำให้หุ่นยนต์นักสนทนา (Chatbot) สามารถตอบคำถามได้ โดยที่เข้าใจได้ว่านี่คือคำถามชนิดใด จะไปหาคำตอบมาได้จากที่ไหน หรือสิ่งที่ต้องการเป็นประโยคคำสั่งหรือไม่ ซึ่งในปัจจุบัน Chatbot สามารถรับคำสั่งจากมนุษย์ได้ไม่ว่าจะเป็นการเปิดไฟ ปรับแอร์ เปิดตู้เย็น เป็นต้น
  • ด้านสถิติ เป็นการใช้ทักษะพื้นฐานทางด้านคณิตศาสตร์และสถิติ เพื่อศึกษาข้อมูลทางภาษาศาสตร์ที่มีจำนวนมาก เช่น สถิติการใช้คำและประโยคเพื่อวิเคราะห์ความเป็นธรรมชาติในการใช้งานและความถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ การใช้ความน่าจะเป็นในการแก้คำกำกวม ซึ่งทักษะเชิงคณิตศาสตร์และสถิติจะช่วยให้เข้าใจถึงกลไกของภาษาหรือเข้าใจธรรมชาติของภาษาได้ดีขึ้น

ทักษะทางอ้อม 

  • การคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา ต้องอาศัยทักษะนี้ในการวิเคราะห์ข้อมูลทางภาษา เพื่อพัฒนาให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจภาษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางภาษาในลักษณะต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น การพัฒนาเครื่องแปลภาษาอัตโนมัติ (Machine Translation) โดยวิเคราะห์ว่าความหมายที่ต้องแสดงผลออกมานั้นจะเป็นรูปแบบไหน ต้องใช้โมเดลอะไร เป็นต้น

อาชีพอะไรที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร

นักพัฒนาด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence Engineer)

ปัจจุบัน AI หรือเทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ ได้รับความนิยมและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาชีพนี้มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง AI Engineer จะนำเอาความรู้ด้านปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์ โดยการเขียนโปรแกรมหรือชุดคำสั่งด้วยเทคนิคต่างๆ เพื่อทำให้ AI สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถตัดสินใจในเรื่องที่ซับซ้อนได้อย่างถูกต้องแม่นยำขึ้นเรื่อยๆ

5 สายงานด้านเทคโนโลยีที่นายจ้างต้องการตัวมากที่สุดในช่วงเวลานี้
อาชีพอะไรที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร
 
นี่คืองานด้านเทคโนโลยีสำหรับพนักงานระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level) ที่จะนำคุณเข้าสู่สายอาชีพสุดไฮเทคที่ได้รับความนิยมสูงสุดในขณะนี้
 
คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าอาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นเปิดโอกาสมากมายให้กับบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ ไม่ว่าคุณจะสำเร็จการศึกษาในระดับอนุปริญญาตรีหรือระดับปริญญาตรีก็ตาม การเข้าสู่สายงานด้านไอทีก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถสร้างรายได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันมันก็ยังเป็นอาชีพในฝันของใครอีกหลายๆ คน
 
สำหรับผู้ที่ต้องการก้าวไปสู่อาชีพที่ยิ่งใหญ่ นี่คือ 5 ตำแหน่งที่ดีที่สุดของงานด้านเทคโนโลยี ที่เปิดรับสำหรับพนักงานในระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level)
 

อาชีพ: ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ (Computer Support Specialist)

เงินเดือนเฉลี่ย: $53,470
อัตราการเติบโตในสายงาน: 10%

หากคุณเคยต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณอาจจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ (Computer Support Specialist) เพื่อช่วยเหลือคุณ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเหล่านี้จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่พนักงานด้านไอทีในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์จำนวนมากก็ยังคงให้ความช่วยเหลือผู้ใช้จากระยะไกล และมีผู้ใช้งานอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการการสนับสนุนแบบตัวต่อตัว (One-on-One Support)
 
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้คุณได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบัญชีอีเมลหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไอที รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องการเชื่อมต่อของเครือข่าย
 
เมื่อพูดถึงข้อกำหนดด้านการศึกษาสำหรับอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ในระดับพนักงานทั่วไป พบว่าข้อกำหนดเหล่านี้อาจจะแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละบริษัท แม้ว่างานทั้งหมดนั้นจะต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทจะต้องการเฉพาะวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีเท่านั้น
 
ไม่ว่าคุณจะมีวุฒิการศึกษาระดับใด บุคคลที่ต้องการสมัครงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level) นั้น ควรที่จะต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคและได้รับการฝึกอบรมมาก่อน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านไอทีที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ขณะเดียวกันเงินเดือนของพวกเขาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานที่ตั้ง จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ (Bureau of Labor Statistics: BLS) ณ เดือนพฤษภาคม 2018 พบว่าอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์นั้นจะได้รับค่าจ้างรายปีเฉลี่ยที่ $53,470
 
เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและบริการสนับสนุนด้านไอทีเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น กระทรวงแรงงานของสหรัฐ (BLS) จึงได้มีการประเมินโอกาสสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็พบว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเติบโตขึ้น 10% ในอีก 10 ปี ข้างหน้า
 

อาชีพ: นักพัฒนาเว็บ (Web Developer)

เงินเดือนเฉลี่ย: $69,430
อัตราการเติบโตในสายงาน: 13%

ถ้าคุณเป็นบุคคลประเภทที่มีความคิดสร้างสรรค์ เราขอแนะนำให้คุณอีกหนึ่งอาชีพ นั่นก็คือ Web Developer หรือนักพัฒนาเว็บนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วนักพัฒนาเว็บจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการนำวิสัยทัศน์ของลูกค้าไปสู่เป้าหมาย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึง การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซระดับไฮเอนด์หรือแม้แต่เว็บไซต์เกมอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive Gaming)
 
คุณอาจจะพอนึกภาพออกว่าเว็บไซต์ประเภทต่างๆ นั้นต้องการแอพพลิเคชั่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาเว็บ (Web Developer) ก็ควรที่จะสามารถจัดการงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาได้หลายประเภท ตั้งแต่การพัฒนาอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (User Interface) โดยใช้มาตรฐาน HTML/CSS เป็นแนวทางปฏิบัติ ไปจนถึงการรวมแอพพลิเคชั่นการประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งงานของนักพัฒนาเว็บก็คือการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
 
ด้วยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตำแหน่งนักพัฒนาเว็บ สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจในงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ คุณควรที่จะต้องทราบข้อกำหนดด้านการศึกษาที่แตกต่างกันออกไปสำหรับงานนี้ ในขณะที่บางบริษัทก็จำเป็นที่จะต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับอนุปริญญาหรือปริญญาตรี แต่ผู้ว่าจ้างจำนวนมากก็มักจะจ้างนักพัฒนาเว็บที่มีความรู้ด้าน HTML, JavaScript และ SQL โดยที่ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญา นอกจากนี้จงระลึกอยู่เสมอว่า การที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักพัฒนาเว็บนั้น คุณจะต้องมุ่งมั่นในการติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer languages) อยู่เสมอ
 
จากข้อมูลของเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ที่ได้จากกระทรวงแรงงานของสหรัฐ เราพบว่านักพัฒนาเว็บจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเฉลี่ยต่อปีที่ $69,430 และยังพบว่า 10% ของรายได้ที่ต่ำที่สุดของนักพัฒนาเว็บนั้นคือที่ $37,930 ในขณะที่ 10%ของรายได้สูงสุดนั้นอยู่ที่ประมาณ $124,480
 
โดยในระหว่างนี้ไปจนถึงปี 2028 นั้น กระทรวงแรงงานของสหรัฐได้มีการประเมินว่าโอกาสก้าวหน้าสำหรับอาชีพนักพัฒนาเว็บจะเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งก็ถือว่าเร็วกว่าอาชีพอื่นๆ มาก
 

อาชีพ: ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (Database Administrator)

เงินเดือนเฉลี่ย: $90,070
อัตราการเติบโตในสายงาน: 9%

อาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (Database Administrator) หรือที่เรียกว่า DBA นั้น มีหน้าที่สร้างระบบฐานข้อมูลคุณภาพสูงที่ถูกปรับให้เหมาะกับบทบาทและความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานจริง (End User)
 
นอกจากนี้ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลก็ยังต้องรับประกันความสมบูรณ์และประสิทธิภาพโดยรวมของฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา โดยที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลจำนวนมากก็ยังคงต้องพัฒนาฐานข้อมูลใหม่ๆ, วัดประสิทธิภาพและยืนยันว่าฐานข้อมูลสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
 
สำหรับใครที่สนใจงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล คุณสมบัติที่คุณควรจะต้องมีก็คือ วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาคอมพิวเตอร์หรือสาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีความสามารถในอันดับที่เท่าไหร่ สิ่งที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลควรจะต้องมีก็คือ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับภาษาฐานข้อมูล (Database Language) ที่เป็นมาตรฐานทั่วไป และที่พบโดยมากก็คือ Structured Query Language หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าภาษา SQL ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานที่ใช้สำหรับจัดการฐานข้อมูล
 
จากข้อมูลในเดือนพฤษภาคม 2018 ของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ พบว่า 10% ของค่าจ้างที่ต่ำที่สุดที่อาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลได้รับคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อปีที่ $50,340 ในขณะที่ 10% ของค่าจ้างที่แพงที่สุดที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลได้รับนั้นเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง $138,320
 
กระทรวงแรงงานของสหรัฐยังได้ทำการประเมินโอกาสสำหรับอาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลด้วยว่า อาชีพนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 9% นับตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไปจนถึงปี 2028 ซึ่งก็ถือว่าเป็นสายงานที่เติบโตได้เร็วกว่าอีกหลายอาชีพ
 

อาชีพ: นักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูล (Information Security Analyst)

เงินเดือนเฉลี่ย: $98,350
อัตราการเติบโตในสายงาน: 32%

หากคุณเคยพบว่าตัวเองมีเรื่องที่ทำให้ต้องนึกถึงความหลังเกี่ยวกับภาพยนตร์ชื่อดังในยุค 80 อย่าง Wargames หรือคุณอาจจะเคยฝันกลางวันกับการได้เป็นมือขวาของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่าง John McClane ใน Live Free หรือ Die Hard แล้วล่ะก็! ลองพิจารณาอาชีพนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลดูอีกหนึ่งอาชีพ เชื่อว่าก็คงจะไม่เสียหายอะไร?
 
ลองนึกภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ในฐานะผู้เฝ้าประตูที่ได้รับมอบความไว้วางใจในการปกป้ององค์กรของพวกเขาจากผู้โจมตีทางไซเบอร์ที่ไม่ประสงค์ดี นักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลเหล่านี้จึงต้องมีหน้าที่ในการค้นคว้าและใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านไอทีที่ทันสมัย
 
ในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องการนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังมีบริษัทต่างๆ อีกมากมายที่เลือกที่จะพิจารณาจากใบประกาศนียบัตรรับรองความรู้ด้านความปลอดภัย (Security Certification) สำหรับผู้ที่สนใจที่จะทำงานด้านเทคโนโลยีระดับพนักงานทั่วไปโดยที่ไม่ต้องมีใบปริญญา ทักษะที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีมีความสำคัญต่อตำแหน่งนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การทำให้คอมพิวเตอร์แข็งแกร่ง นอกจากนี้การแก้ปัญหาและความสามารถในการวิเคราะห์ก็ยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับตำแหน่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน
 
ตามรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ ณ เดือนพฤษภาคม 2018 พบว่านักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยทางข้อมูลได้รับค่าจ้างเฉลี่ยต่อปีที่ $98,350 โดย 10% ของรายได้ที่ต่ำที่สุดนั้นเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่า $56,750 ในขณะที่ 10% ของรายได้สูงสุดของอาชีพนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลนั้น พวกเขามีรายได้มากกว่า $156,580
 
โอกาสที่จะเติบโตในงานด้านเทคโนโลยีระดับเจ้าหน้าที่นี้กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตามที่กระทรวงแรงงานของสหรัฐคาดการณ์ไว้ก็คือ อาชีพนี้มีโอกาสที่จะเติบโตถึง 32% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
 

อาชีพ: นักพัฒนาซอฟต์แวร์ (Software Developer)

เงินเดือนเฉลี่ย: $105,590
อัตราการเติบโตในสายงาน: 21%

นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับพนักงานทั่วไป (Entry-Level) นั้น จะต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการสร้างโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การระบุความต้องการด้านการใช้งานของผู้ใช้งานจริง ไปจนถึงการสร้างซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานเฉพาะได้ นอกจากนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังต้องพิถีพิถันในการพิจารณาความต้องการของผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันของซอฟต์แวร์ที่พวกเขากำลังสร้างขึ้น
 
สำหรับนักแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์และนักคิดเชิงกลยุทธ์ นี่คือตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีสำหรับพนักงานระดับเจ้าหน้าที่ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาชีพที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมไอที
 
อย่างไรก็ตามเราจะสังเกตได้ว่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือและภาษาคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ในขณะที่วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาเมื่อเข้าสู่สายงานนี้ นอกจากนี้ หลายๆ คนที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังได้รับการฝึกหัดอย่างเต็มที่ในขณะที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมหรือสาขาที่คล้ายๆ กันนี้
 
ตามรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ ณ เดือนพฤษภาคม ปี 2018 พบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รับค่าจ้างรายปีเฉลี่ยที่ $105,590 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะต้องระลึกไว้เสมอก็คือ รายได้เฉลี่ยสำหรับงานด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้ที่จบใหม่หรือยังไม่มีประสบการณ์นั้น จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรม
 
นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถคาดหวังถึงโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่มีอยู่มากมายได้เช่นเดียวกับงานด้านเทคโนโลยีและไอทีอื่นๆ สำหรับพนักงานระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level)  โดยจากรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐพบว่าโอกาสในการเติบโตของอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะเพิ่มขึ้นถึง 21% ในอีก 10 ปีข้างหน้า

ที่มา: 
https://bit.ly/2E27h0h


อาชีพอะไรบ้างที่ต้องใช้เทคโนโลยี

สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ.
เรียนจบแล้วทำงานอะไร.
1) นักเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) นักวิเคราะห์และออกแบบระบบงานสารสนเทศ 3) นักพัฒนาเว็บไซต์ 4) นักวิชาชีพในสถานประกอบการที่มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 5) นักบริหารฐานข้อมูล 6) ประกอบอาชีพอิสระทางด้านคอมพิวเตอร์.

ข้อใดเป็นอาชีพที่บริหารด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศ

1.6 ตัวอย่างอาชีพทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร.
1. นักเขียนโปรมแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmer) ... .
2. นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) ... .
3. ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator) ... .
4. ผู้ดูแลและบริหารระบบ(system administrator) ... .
5. ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator).

อาชีพใดที่มีความเสี่ยงต่อผลกระทบของเทคโนโลยีกับอาชีพมากที่สุด

อาชีพที่น่าจะสูญหายไปมากที่สุดคือ ผู้จัดการที่เป็นตัวกลางของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ เพราะงานของพวกเขาถูกคุกคามจากเทคโนโลยีโดยทั่วไปที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับสายงานด้านบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศมีใครบ้าง

ซึ่งผู้ที่ทำงานดูแลระบบและเครือข่าย มีชื่อตำแหน่ง เช่น Software Engineer, Software Tester, Software QA, Hardware Engineer, Solution Architect, Program Analyst, Network Engineer, Network Administrator, System Administrator, Business System Analyst เป็นต้น