วิธีการจัดการความขัดแย้งมีอะไรบ้าง

ข้ามไปยังเนื้อหา

วิธีการจัดการความขัดแย้งมีอะไรบ้าง

#ข้อค้นพบจากวิทยานิพนธ์ คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“วัฒนธรรม เพศ และรูปแบบการจัดการกับความขัดแย้ง : การเปรียบเทียบระหว่างนิสิตนักศึกษาไทยและอเมริกัน”

รูปแบบการจัดการความขัดแย้งมี 5 รูปแบบ ได้แก่

  1. การหลีกหนี (Avoiding/Withdrawing) – เป็นรูปแบบการจัดการที่ไม่ตอบสนองต่อเป้าหมายของใครเลย หลีกหนีต่อปัญหาและละทิ้งความต้องการ อาจเป็นไปโดยชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นหรือถอนตัวอย่างถาวร [คิดถึงตนเองและคิดถึงผู้อื่นน้อย]
  2. การยอมตาม (Obliging/Accommodating) – ยินดีตอบสนองความพึงพอใจของอีกฝ่ายโดยยอมเสียสละความต้องการของตนเอง [คิดถึงตนเองน้อย และคิดถึงผู้อื่นมาก]
  3. การใช้อำนาจ (Dominating/Competing) – เน้นตอบสนองต่อเป้าหมายของตนเองเป็นสำคัญ ใช้อำนาจทุกอย่างที่เห็นว่าเหมาะสมเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนเองต้องการ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการโต้เถียงหรือตำแหน่งที่สูงกว่า [คิดถึงตนเองมาก และคิดถึงผู้อื่นน้อย]
  4. การประนีประนอม (Compromising) – หาทางออกที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ ยอมให้มากกว่าผู้แข่งขัน แต่ไม่ถึงกับเป็นผู้ยอมตาม และเผชิญปัญหามากกว่าผู้หลีกเลี่ยง แต่ไม่ลงลึกในรายละเอียดเท่าผู้ร่วมมือ [คิดถึงตนเองและคิดถึงผู้อื่นปานกลาง]
  5. การบูรณาการ (Integrating/Collaborating) – การพยายามหาทางออกร่วมกับคู่กรณีโดยมุ่งตอบสนองต่อเป้าหมายของทั้งสองฝ่าย ลงลึกในประเด็นปัญหาเพื่อได้ทางออกที่สร้างสรรค์ซึ่งสร้างความพึงพอใจแก่ทั้งคู่ [คิดถึงตนเองและคิดถึงผู้อื่นมาก]

จากการเก็บข้อมูลกับนักศึกษาไทยและอเมริกันจำนวน 575 คน พบว่า กลุ่มตัวอย่างคนไทยและคนอเมริกัน เพศชายและเพศหญิง รายงานถึงการจัดการความขัดแย้งรูปแบบต่าง ๆ แตกต่างกันดังนี้

รูปแบบการจัดการความขัดแย้งที่คนไทยนิยมใช้ เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ

  1. ยอมตาม 2. หลีกหนี 3. บูรณาการ 4. ใช้อำนาจ 5. ประนีประนอม

รูปแบบการจัดการความขัดแย้งที่คนอเมริกันนิยมใช้ เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ

  1. บูรณาการ 2. ใช้อำนาจ 3. หลีกหนี 4. ยอมตาม 5. ประนีประนอม

รูปแบบการจัดการความขัดแย้งที่ผู้ชายนิยมใช้ เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ

  1. บูรณาการ 2. ใช้อำนาจ 3. ยอมตาม 4. หลีกหนี 5. ประนีประนอม

รูปแบบการจัดการความขัดแย้งที่ผู้หญิงนิยมใช้ เรียงลำดับจากมากไปน้อย คือ

  1. บูรณาการ 2. หลีกหนี 3. ยอมตาม 4. ประนีประนอม 5. ใช้อำนาจ

คนไทย VS คนอเมริกัน

เหตุที่กลุ่มตัวอย่างคนไทยใช้กลยุทธ์การจัดการความขัดแย้งแบบหลีกหนีและยอมตามมากกว่าคนอเมริกัน และคนอเมริกันใช้กลยุทธ์การจัดการความขัดแย้งแบบใช้อำนาจ ประนีประนอม และบูรณาการมากกว่าคนไทย นั้นเป็นเพราะ คนไทยส่วนใหญ่มีค่านิยมคติรวมหมู่สูง นั่นหมายถึงการไม่ชอบการแข่งขันภายในกลุ่ม พยายามหลีกเลี่ยงความไม่ลงรอยและการเผชิญหน้า รู้สึกปลอดภัยมากกว่าเมื่อพึ่งพาอาศัยกันและกัน อีกทั้งมีแรงขับที่จะเรียกร้องสิทธิ์ของตนเองน้อย เห็นแก่ความสัมพันธ์มากกว่าเป้าหมายของตน ในทางตรงกันข้าม คนอเมริกันส่วนใหญ่มีค่านิยมแบบปัจเจกนิยมสูง ซึ่งมีลักษณะของการคำนึงถึงตนเองมากกว่าผู้อื่น รับมือกับความขัดแย้งด้วยการลงมือแก้ปัญหา เจรจา และใช้อำนาจ มองการปะทะทางความคิดและการโต้แย้งด้วยเหตุผลเป็นคุณลักษณะทางบวกที่แสดงถึงความเปิดกว้างและเป็นประชาธิปไตย

ผู้ชาย VS ผู้หญิง

สำหรับการเปรียบเทียบระหว่างผู้ชายและผู้หญิง พบว่า กลุ่มตัวอย่างทั้งสองเพศใช้รูปแบบการจัดการความขัดแย้งแบบบูรณาการมากที่สุดไม่แตกต่างกัน แต่ผู้ชายจัดการความขัดแย้งแบบใช้อำนาจมากกว่าผู้หญิง และผู้หญิงจัดการความแย้งแบบหลีกหนี ยอมตาม และประนีประนอมมากกว่าผู้ชาย สาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงมักให้ความสำคัญกับเรื่องความสัมพันธ์สูง มองว่าพฤติกรรมก้าวร้าวเป็นสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ การถอย ยอมตาม หรือประนีประนอมจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ขณะที่ผู้ชายเป็นเพศที่ยืนหยัดในสิทธิ์ชองตน บงการ และใช้อำนาจมากกว่า

*************************************

รายการอ้างอิง

“วัฒนธรรม เพศ และรูปแบบการจัดการกับความขัดแย้ง : การเปรียบเทียบระหว่างนิสิตนักศึกษาไทยและอเมริกัน”

“Culture, gender, and conflict management styles : comparisons between Thai and American students”

วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.) สาขาวิชาจิตวิทยาสังคม คณะจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2549)

โดย นางสาวภิสสรา อุมะวิชนี

อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : รองศาสตราจารย์ ดร.ธีระพร อุวรรณโณ

วิทยานิพนธ์ฉบับเต็ม http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/39802

แนวทางการจัดการความขัดแย้งมีอะไรบ้าง

1. ความขัดแย้งเป็นเรื่องปกติและอาจเกิดขึ้นได้เสมอ 2. ทั้ง 2 ฝ่าย มีทัศนคติในการช่วยกันแก้ปัญหามากกว่ามุ่งเอาชนะกันและกัน 3. มีความจริงใจที่แสดงความต้องการที่แท้จริงออกมา 4. หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อช่วยการตัดสินใจ 5. หลีกเลี่ยงการใช้คะแนนเสียงข้างมากเป็นข้อยุติ 6. เอาใจใส่ซึ่งกันและกันและไม่เห็นแก่ตัว

วิธีการจัดการกับความขัดแย้งข้อใดได้ผลมากที่สุด

โดยทั่วไปการแก้ไขความขัดแย้งด้วยการเผชิญหน้า เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด จากวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด คู่กรณีทั้งสองฝ่ายยินยอมที่จะหันหน้าเข้าหารือกันเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการช่วยกันบริหารความขัดแย้ง การร่วมมือกันเป็นการทำความตกลงกันในลักษณะของการบรรลุถึงข้อยุติโดยวิธีการซึ่งคู่กรณีทั้งสอง ...

วิธีการแก้ไขความขัดแย้งที่เกี่ยวกับบุคคล

คำแนะนำที่จะช่วยทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งเข้าสู่ภาวะปกติได้เร็ว คือ.
อ้าแขนรับปัญหา | เจรจาด้วยเหตุผล ... .
หันหน้าคุยกัน | เลี่ยงคำพูดรุนแรง ... .
ฟังอย่างตั้งใจ | ป้องกันตีความผิด ... .
หาข้อตกลง | ยึดงานเป็นที่ตั้ง ... .
หาคนกลาง | ไกล่เกลี่ยปัญหา ... .
ขอโทษให้เป็น | อภัยให้เร็ว.

พฤติกรรมความขัดแย้งในองค์การมีอะไรบ้าง

ความขัดแย้งในแนวตั้ง เป็นความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ซึ่งมีความขัดแย้งในด้านวิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้งานสำเร็จ.
ความขัดแย้งในแนวนอน เป็นความขัดแย้งระหว่างแผนกในระดับเดียวกันหรือผู้บริหารในระดับเดียวกัน เข่น การแย่งชิงทรัพยากร.
ความขัดแย้งระหว่างสายงาน ... .
ความขัดแย้งทางด้านบทบาท.