นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่อะไรบ้าง

ผมมักได้รับคำถามกลับอยู่เสมอเมื่อเชิญชวนให้ออกไปเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในวันที่ 20 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ว่า “เลือกไปทำไม ไม่รู้ว่า อบจ.ทำอะไร” นอกเหนือจากคำบ่นที่ว่า “เลือกไปก็เหมือนเดิม”

ผมจึงจะขอนำบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ อบจ.มาเสนอเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมว่าจริงๆ แล้ว อบจ.มีความสำคัญมาก เพราะว่ากันจริงๆ แล้วนายก อบจ.เองมีงบประมาณที่จะริเริ่มโครงการมากกว่าผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งแทบจะไม่มีงบประมาณเป็นของตนเองเสียด้วยซ้ำไป

1.อบจ.มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีความเป็นอิสระ/ไม่ใช่ส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย/ไม่สังกัดจังหวัด และ อบจ.ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลเทศบาล หรือ อบต.แต่อย่างใด

2.มีอำนาจหน้าที่จัดบริการสาธารณะ ครอบคลุมเต็มพื้นที่ทั้งจังหวัด จะเห็นว่า อบจ.มีพื้นที่ทับซ้อนกับพื้นที่ของ เทศบาลและ อบต. อย่างไรก็ตาม “แม้ว่าพื้นที่ทับซ้อนแต่อำนาจหน้าที่ไม่ทับซ้อน” แต่อยู่ในลักษณะของการแบ่งหน้าที่กันทำ

3.ระหว่างเทศบาลและ อบต. กับ อบจ.เป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน/เป็นคนละหน่วยงาน/ไม่ได้สังกัดซึ่งกันและกัน/บทบาทตามกฎหมายกำหนดให้บูรณาการร่วมกัน โดยให้ อบจ.มีอำนาจในลักษณะ

- ในลักษณะเล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ คือให้ อบจ.ทำโครงการที่เป็นภาพรวมทั้งจังหวัด หรือมีความคาบเกี่ยวหลายเทศบาล หรือหลาย อบต. เช่น ถนนสายที่พาดผ่าน อบต.หลาย อบต.

- กรณีไม่คาบเกี่ยว หรือมิใช่ภาพรวมทั้งจังหวัด อบจ.ก็อาจเข้าทำได้เมื่อเทศบาล หรือ อบต.ในพื้นที่ร้องขอ เช่น เทศบาล หรือ อบต.แห่งนั้นๆ อ้างว่างบประมาณไม่เพียงพอหรือเกินศักยภาพ

4.มาตรา 17 ของ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ซึ่งบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ อบจ.ได้เริ่มต้นด้วยคำว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 16” (มาตรา 16 เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่เทศบาล และ อบต.) นั่นหมายความว่า กรณีกฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ อบจ.เรื่องใดซ้ำกับเทศบาล หรือ อบต. ก็ให้เทศบาล หรือ อบต.แห่งนั้นๆ เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินการก่อน

กฎหมายที่กำหนดอำนาจหน้าที่ อบจ.มีบทบัญญัติตามกฎกระทรวงฯ (พ.ศ.2541) ออกตามความใน พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 คือ

(1) จัดให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภคและการเกษตร

(2) กำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูล

(3) บำบัดน้ำเสีย

(4) บำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(5) วางผังเมือง

(6) จัดให้มีและบำรุงรักษาทางบก ซึ่งอย่างน้อยต้องเป็นทางหลวงชนบทตามกฎหมายว่าด้วยทางหลวง

(7) จัดให้มีและบำรุงรักษาทางน้ำ

(8) จัดให้มีท่าเทียบเรือ ท่าข้าม ที่จอดรถและตลาด

(9) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

(10) รักษาความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน

(11) จัดการศึกษา ทำนุบำรุงศาสนาและบำรุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น หรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น

(12) จัดให้มีและบำรุงสถานที่สำหรับการกีฬา สถานพักผ่อนหย่อนใจ สวนสาธารณะและสวนสัตว์ ตลอดจนสถานที่ประชุมอบรมสำหรับราษฎร

(13) จัดให้มีการสังคมสงเคราะห์และการสาธารณูปการ

(14) ป้องกันและบำบัดรักษาโรค

(15) จัดตั้งและการบำรุงสถานพยาบาล

(16) ส่งเสริมการท่องเที่ยว

(17) ส่งเสริมและแก้ไขปัญหาการประกอบอาชีพ

(18) กิจการที่ได้กำหนดไว้ในแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และอำนาจหน้าที่ตาม พ.ร.บ.องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ.2540 และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 

  • ผมนำมาเสนอในส่วนที่สำคัญๆ รวมกัน คือ

(1) สนับสนุนสภาตำบลและราชการส่วนท้องถิ่นอื่นในการพัฒนาท้องถิ่น เช่น การอุดหนุนงบประมาณให้ อบต./เทศบาลนำไปใช้จัดบริการสาธารณะ เช่น ถนน สะพาน ทางปฏิบัติมีเยอะมาก โดยเฉพาะ อบต.เล็กๆ ที่มีรายได้น้อย กลไกที่ให้ อบจ.มีอำนาจหน้าที่ลักษณะนี้ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำการพัฒนาในพื้นที่จังหวัด

(2) อบจ.อาจให้บริการแก่เอกชน ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่นอื่น สามารถเรียกค่าบริการได้ โดยตราเป็นข้อบัญญัติ เช่น อบจ.พระนครศรีอยุธยา มีหอประชุม อบจ.ขอใช้จัดงานแต่งได้ มีค่าบริการ, รถสุขาเคลื่อนที่ สนามกีฬา บริการศูนย์ฟิตเนส บริการสระว่ายน้ำ ซึ่งมีการเรียกเก็บค่าบริการ

(3) อบจ.อาจมอบให้เอกชนกระทำกิจการ ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.และเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เกี่ยวข้องแทน อบจ.ได้ แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดและผู้ว่าราชการจังหวัดก่อน เช่น ห้องสุขาในตลาด อาจให้เอกชนเข้าไปดูแลโดยให้เรียกเก็บค่าบริการได้ กำกับดูแลโดยกรอบกว้าง เช่น เรียกเก็บค่าบริการจากประชาชนที่มาใช้บริการได้ไม่เกินรายละ 5 บาท

(4) การดำเนินกิจการของ อบจ.ที่มีลักษณะเป็นการพาณิชย์อาจทำได้โดยการตราเป็นข้อบัญญัติ ทั้งนี้ ตามระเบียบที่กระทรวงมหาดไทยกำหนด โดยอาจทำในรูปแบบบริษัทได้ แต่ปัจจุบันนี้เท่าที่ทราบมีเพียง อบจ.ระยอง แห่งเดียวที่ทำเป็นบริษัทในเรื่องการกำจัดขยะ แต่กฎหมายออกมาหลายสิบปี ปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มีระเบียบกระทรวงมหาดไทยเรื่องนี้เป็นการเฉพาะเลย

(5) การดำเนินการพาณิชย์ของ อบจ.ตามมาตรา เช่น กรณี อบจ.พังงา ซึ่งมีโรงแรมด้วย

(6) การจัดให้มีระบบรักษาความสงบเรียบร้อยในจังหวัด เช่น ปัจจุบันมีการจัดซื้อกล้องวงจรปิดติดตั้งตามจุดสำคัญต่างๆ หน้าที่นี้โดยทางปฏิบัติจึงทำเพียงสนับสนุนวัสดุครุภัณฑ์ให้แก่ตำรวจ

(7) การให้บริการแก่เอกชน ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น เช่น หอประชุมของ อบจ.พระนครศรีอยุธยา นอกจากบริการเอกชนแล้ว ยังบริการแก่หน่วยงานของราชการส่วนภูมิภาค โดยเก็บค่าธรรมเนียมด้วย แต่อัตราค่าธรรมเนียมน้อยกว่าเอกชน 

กรณี อบจ.พระนครศรีอยุธยา ปัจจุบันยังบริการกำจัดขยะให้แก่ อบต.เทศบาลในเขตจังหวัดเรียกเก็บอัตราค่าธรรมเนียมอัตราตันละ 150 บาท

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าบทบาทและอำนาจหน้าที่ของ อบจ.นั้นเกี่ยวพันกันคนไทย 76 จังหวัด (ยกเว้น กทม.ซึ่งไม่ได้เป็น อบจ.แต่เป็นรูปแบบพิเศษต่างหาก) ตั้งแต่เกิดจนตาย ตั้งแต่ตื่นจนหลับ เราจึงควรให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง อบจ.ที่จะถึงนี้ เพื่อที่จะลบล้างคำกล่าวที่ว่า “เลือกไปก็เหมือนเดิม” ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นเอง

อบจ. มีหน้าที่อะไรบ้าง

องค์การบริหารส่วนจังหวัดมีหน้าที่พัฒนาจังหวัด ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข การอาชีพ สาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น จัดสร้างระบบสาธารณูปโภคที่เทศบาลและ อบต. ทำไม่ได้ เพราะขาดงบประมาณ เช่น สร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย จัดทำโครงการที่เกี่ยวข้องทั้งเทศบาลและ อบต. เช่น การก่อสร้างถนนสายหลัก

อบจ.มีอะไรบ้าง

โครสร้างและองค์ประกอบของ อบจ. ประกอบด้วย สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฝ่าย นิติบัญญัติ) และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ฝ่ายบริหาร) สภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในจังหวัดหนึ่งให้มีสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดอันประกอบด้วยสมาชิกซึ่งราษฎร เลือกตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด

ปลัดอบตมีหน้าที่อะไรบ้าง

2. ปลัด อบต. เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานส่วนตำบลและลูกจ้างของ อบต. รองนายก อบต. และรับผิดชอบควบคุมดูแลราชการประจำของ อบต. ให้เป็นไปตามนโยบาย และมีอำนาจหน้าที่อื่นตามที่กฎหมายกำหนด หรือตามที่นายก อบต. มอบหมาย