อาชีวอนามัยและความปลอดภัย หมายถึง สภาพการทำงานซึ่งปลอดจากเหตุอันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยหรือโรคจากการทำงาน (การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงานอันมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นอันตราย ลักษณะท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม) เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน ต้องได้รับการอบรมหัวข้อต่างๆ แยกเป็น 4 หมวดวิชา ดังนี้ หมวดวิชาที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานและบทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน หมวดวิชาที่ 2 กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานและการนำไปปฏิบัติ หมวดวิชาที่ 3 การค้นหาอันตรายจากการทำงาน หมวดวิชาที่ 4 การป้องกันและควบคุมอันตราย Show เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน โดย นางสาวรุ่งทิพย์ กาวารี นักวิทยาศาสตร์ สังกัด สาขาวิชาเทคโนโลยีชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน มีหัวข้อต่างๆ แยกเป็น 4 หมวดวิชา ดังนี้ หมวดวิชาที่ 1 ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานและบทบาทหน้าที่ของหัวหน้างาน อาชีวอนามัยและความปลอดภัย หมายถึง สภาพการทำงานซึ่งปลอดจากเหตุอันจะทำให้เกิดอุบัติเหตุและความเจ็บป่วยหรือโรคจากการทำงาน (การเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติงานอันมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นอันตราย ลักษณะท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม) บทบาทหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน (ตามกฎหมาย) ได้แก่
หมวดวิชาที่ 2 กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานและการนำไปปฏิบัติ กฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน ถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่กำหนดให้นายจ้างต้องดำเนินการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานในสถานประกอบกิจการของตน ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อลูกจ้าง การตรวจสอบความปลอดภัยตามข้อกำหนดของกฎหมายนั้น ผู้ตรวจสอบต้องมีความเข้าใจในกฎหมายข้อนั้นๆ และต้องคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย ในบางประเด็นต้องนำหลักวิชาการทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมมาพิจารณา วิวัฒนาการของการบริหารกฎหมายของกระทรวงแรงงาน ที่สำคัญๆ - พ.ศ. 2541 กระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมได้ตรา พรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 เพื่อใช้แทนประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มีนาคม 2515 - พรบ.คุ้มครองแรงงาน 2541 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 19 สิงหาคม 2541 เป็นต้นมา - พ.ศ. 2553 กระทรวงแรงงานตรา พรบ.คุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2553 โดยยกเลิกหมวด 8 ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน มาตรา 100 ถึง 107 ยกมาเป็น พรบ.ใน พ.ศ. 2554 - พ.ศ. 2555 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับการป้องกันและระงับอัคคีภัย - พ.ศ. 2556 กฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานในการบริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเกี่ยวกับสารเคมีอันตราย พรบ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 ไม่บังคับ ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น กิจการอื่นทั้งหมดหรือบางส่วนตามที่กำหนดกฎกระทรวง แต่ราชการต้องจัดให้มีมาตรฐานในการบริหารและการจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ ในหน่วยงาน ไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ ตาม พรบ.นี้ สาระสำคัญของกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 - ให้นายจ้างบริหาร จัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดในกฎกระทรวง - บุคคลที่ประสงค์จะให้บริการตรวจวัด ตรวจสอบ ทดสอบ รับรอง ประเมินความเสี่ยง จัดฝึกอบรม ให้คำปรึกษา เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ ตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 จะต้องขึ้นทะเบียนต่อสำนักความปลอดภัยแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน - นิติบุคคลที่ประสงค์จะให้บริการตรวจวัด ตรวจสอบ ทดสอบ รับรอง ประเมินความเสี่ยง จัดฝึกอบรม ให้คำปรึกษา เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ ตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 จะต้องได้รับใบอนุญาตจากอธิบดี - ให้นายจ้างจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคลเพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัย และจะต้องขึ้นทะเบียนต่อกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน - ให้นายจ้างแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน กรณีที่ให้ลูกจ้างทำงานในสภาพการทำงานหรือสภาพแวดล้อมที่อาจทำให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ หรือสุขภาพอนามัย และแจกคู่มือปฏิบัติงานให้ลูกจ้างทุกคนก่อนที่ลูกจ้างจะเข้าทำงาน เปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนสถานที่ทำงาน - ให้นายจ้างจัดให้ผู้บริหาร หัวหน้างาน และลูกจ้างทุกคนได้รับการฝึกอบรม ความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ เพื่อให้บริหารจัดการ และดำเนินการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยฯ - ให้นายจ้างติดประกาศสัญลักษณ์เตือนอันตรายและเครื่องหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมทั้งข้อความแสดงสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้างตามที่อธิบดีประกาศกำหนด - ให้นายจ้างจัดและดูแลให้ลูกจ้างสวมใส่อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล ที่ได้มาตรฐาน - ให้นายจ้างจัดให้มีการประเมินอันตราย กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ได้แก่
กฎหมายที่ออกตาม พรบ. ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มีดังนี้
นอกจากนี้แล้วยังมีกฎกระทรวงซึ่งออกตามความใน พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ที่มีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานอีกหลายฉบับ ดังนี้
การนำกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานไปสู่การปฏิบัติควรคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมาย และปฏิบัติสอดคล้องกับหลักทางวิทยาศาสตร์และวิศวกรรม เพื่อความปลอดภัยของลูกจ้าง การยึดหลักนิติศาสตร์โดยไม่นำหลักการวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมมาประกอบการพิจารณา อาจทำให้เกิดความเสี่ยงภัยมากขึ้น หมวดวิชาที่ 3 การค้นหาอันตรายจากการทำงาน การตรวจสอบความปลอดภัย เป็นวิธีป้องกันอุบัติเหตุโดยการเข้าไปตรวจค้นหาสาเหตุของอุบัติเหตุจากสภาพการทำงาน และวิธีการทำงานที่ไม่ปลอดภัยแล้วหาวิธีป้องกันแก้ไข โดยใช้หลักการ รู้อันตราย ประเมินได้ และความคุมเป็น การตรวจการกระทำที่ไม่ปลอดภัย คือ ความประมาท ขั้นตอนการทำงานไม่เหมาะสม ลัดขั้นตอน ความเมื่อยล้าของร่างกาย และความไม่คุ้นเคยในการปฏิบัติงานของพนักงานใหม่ และการตรวจสภาพการณ์ที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่ ระดับของแสงสว่าง เสียง สารเคมี วัตถุไวไฟ ความไม่ปลอดภัยจากเครื่องชั่งไฟฟ้า โครงสร้างอาคาร และสภาพพื้นที่ การวิเคราะห์งานเพื่อความปลอดภัย (Job Safety Analysis: JSA) เป็นเทคนิคที่ใช้ค้นหาอันตรายหรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนของงานที่ทำอันเป็นการกระทำพื้นฐานที่จะป้องกันอุบัติเหตุมิให้เกิดขึ้น และสิ่งที่ได้จาก JSA จะนำไปทำเป็นขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยขึ้น การสอบสวนอุบัติเหตุจะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีการทำรายงานอุบัติเหตุและเสนอแนะแนวทางแก้ไขป้องกัน เพื่อมิให้เกิดซ้ำแล้วเท่านั้น หมวดวิชาที่ 4 การป้องกันและควบคุมอันตราย - การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสิ่งแวดล้อมในการทำงาน - การป้องกันและระงับอัคคีภัย - การป้องกันและควบคุมอันตรายจากไฟฟ้า - การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสารเคมี - การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสารรังสี - การป้องกันและควบคุมอันตรายจากสารชีวภาพ - การป้องกันและควบคุมปัญหาด้านการยศาสตร์ - การป้องกันและควบคุมอันตรายในงานก่อสร้าง - การใช้อุปกรณ์คุ้มครองความปลอดภัยส่วนบุคคล หลักการป้องกันและควบคุมอันตรายจากการทำงาน ใช้หลัก 3E คือ Engineering: การใช้หลักวิศวกรรมมาป้องกันอันตราย โดยปรับปรุงกระบวนการผลิตให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น Education: การให้ความรู้กับพนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยผ่านการฝึกอบรม Enforcement: การบังคับให้ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติ หรือ มาตรฐานการทำงาน อ้างอิง: จากการเข้าร่วมการอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ระดับหัวหน้างาน ครั้งที่ 1 ในระหว่างวันที่ 14-15 ธันวาคม 2560 ณ ห้องประชุมฝ้ายคำ สำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พนักงานตรวจความปลอดภัยคือใคร และทำหน้าที่อะไรมาตรา ๓๕ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานตรวจความปลอดภัยมีอำนาจดังต่อไปนี้ (๑) เข้าไปในสถานประกอบกิจการหรือสำนักงานของนายจ้างในเวลาทำการหรือเมื่อเกิดอุบัติภัย (๒) ตรวจสอบหรือบันทึกภาพและเสียงเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
พนักงานตรวจสอบความปลอดภัยสังกัดหน่วยงานใด๑.๑ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งประเภทบริหารทุกระดับ ตำแหน่งประเภทวิชาการ ตั้งแต่ระดับเชี่ยวชาญขึ้นไป ตำแหน่งประเภทอำนวยการทุกระดับ ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในราชการส่วนกลาง กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นพนักงานตรวจความปลอดภัย ในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
หน้าที่ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัย มีอะไรบ้างเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ 1) ตรวจสอบและเสนอแนะให้นายจ้างปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน 2) วิเคราะห์งานเพื่อชี้บ่งอันตราย รวมทั้งกำหนดมาตรการป้องกันหรือขั้นตอนการทำงานอย่างปลอดภัยเสนอต่อนายจ้าง
ข้อใดเป็นหน้าที่ของนายจ้างตามพระราชบัญญัติ ความปลอดภัย(1) นายจ้างและลูกจ้างมีหน้าที่ในการปฏิบัติตาม พรบ. อาชีวอนามัย 2554. (2) นายจ้างมีหน้าที่จัดและดูแลสถานประกอบกิจการและลูกจ้างให้มีสภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของลูกจ้าง มิให้ลูกจ้างได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย จิตใจ และสุขภาพอนามัย
|