ปลดล็อค ไอ โฟน ข้อมูลไม่หาย

เชื่อเหอะ ว่าแทบจะไม่มีอะไรน่าเซ็งไปกว่าเวลาลืมรหัสผ่าน เวลาคุณเข้าสารพัดอุปกรณ์ iOS (iPhone, iPad, iPod) ไม่ได้ วิธีเดียวที่จะปลดล็อคเครื่องได้คือการตั้งกลับเป็นค่าโรงงานซึ่งจะล้างข้อมูลหายไปทั้งหมด ทำไงได้ มันเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยที่มีไว้ป้องกันไม่ให้คนที่ไม่ได้รับอนุญาตมาแอบใช้เครื่องและข้อมูลของคุณเวลาคุณเผลอทำหายหรือถูกขโมยไป แต่ข่าวดีคือถ้าคุณเคยซิงค์เครื่องกับคอมพิวเตอร์มาก่อน คุณจะสามารถ backup แล้วถ่ายข้อมูลกลับมาในเครื่องใหม่ได้อย่างสะดวกสบายหายกังวล

1. 

   1

   เสียบอุปกรณ์ iOS ของคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่เคยซิงค์ข้อมูลก่อนหน้านี้. ถ้าไม่เคยซิงค์ข้อมูลมาก่อน ให้ข้ามไปดูที่ขั้นตอนถัดไป

   • ถ้าคุณเคยซิงค์อุปกรณ์ iOS กับคอมพิวเตอร์มาก่อน คุณจะสามารถ backup ข้อมูลได้เลยโดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่อง ซึ่งจะทำให้คุณรีเซ็ตรหัสผ่านได้โดยไม่ต้องเสียข้อมูลในเครื่องไป

2. 

   2

   รอจนขั้นตอนการซิงค์และ backup ข้อมูลอัตโนมัติเสร็จสิ้น. คุณติดตามความคืบหน้าได้ผ่านหน้าจอ iTunes Status

   • ถ้าขั้นตอนการซิงค์และ backup ข้อมูลไม่เริ่มต้นขึ้นโดยอัตโนมัติ ให้คลิกขวาที่อุปกรณ์ของคุณแล้วเลือก "Sync"
   • การซิงค์และ backup ข้อมูลในอุปกรณ์ iOS จะทำให้คุณสามารถรีเซ็ตเครื่องได้โดยไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลจะหายไป แถมยังทำได้โดยไม่ต้องปลดล็อคเครื่องถ้าเคยซิงค์อุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกันมาก่อน

3. 

   3

   คลิก.Restore iPhone/iPad/iPod.... แล้วรอจนขั้นตอนการรีเซ็ตเครื่องเสร็จสิ้น ปกติจะใช้เวลาหลายนาทีอยู่เหมือนกัน

   • อุปกรณ์ iOS ของคุณต้องถูกรีเซ็ตกลับเป็นค่าโรงงานซะก่อนถึงจะล้างรหัสผ่านเก่าได้

4. 

   4

   เลือก "Restore from iTunes backup" ระหว่างขั้นตอน Setup Assistant. ให้เลือก backup ข้อมูลล่าสุดใน iTunes

5. 

   5

   รอให้ข้อมูลที่ backup ไว้โหลดจนเสร็จ. พอโหลดข้อมูลที่ backup ไว้ลงเครื่องเรียบร้อยแล้ว คุณก็จะสามารถใช้งานอุปกรณ์นั้นได้ตามปกติ

   • การรีเซ็ตเครื่องนั้นจะเป็นการล้างรหัสผ่านให้คุณปลดล็อคเครื่องได้ แล้วถ้าอยากให้ปลอดภัยหายห่วง ก็ตั้งรหัสผ่านใหม่ได้เลย

   โฆษณา

1. 

   1

   ปิดเครื่องก่อน. กดปุ่ม Power ค้างไว้ แล้วเลื่อนหน้าจอเพื่อปิดเครื่อง

   • ถ้าไม่เคยซิงค์อุปกรณ์กับคอมพิวเตอร์มาก่อน หรือคอมพิวเตอร์บังคับใส่รหัสผ่าน ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ
   • แต่เสียใจด้วยว่าเวลารีเซ็ตรหัสผ่านด้วยวิธีนี้ ข้อมูลใน iPhone ทั้งหมดจะหายไป เพราะถือเป็นการป้องกันไม่ให้คนอื่นมาแอบใช้เครื่องของคุณ ถ้าไม่ได้ backup ข้อมูลไว้ใน iTunes หรือ iCloud ละก็ ต้องเริ่มกันใหม่จากศูนย์เลย ถ้าไม่หมดหนทางจริงๆ ก็อย่าเพิ่งรีบใช้วิธีนี้เลยนะ

2. 

   2

   เสียบอุปกรณ์ iOS เข้ากับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB. โดยทิ้งสายฝั่งอุปกรณ์ iOS ไว้โดยไม่เชื่อมต่อ

3. 

   3

   เปิด iTunes ในคอมพิวเตอร์ขึ้นมา.

4. 

   4

   กดปุ่ม Home ค้างไว้แล้วค่อยเสียบสายอีกฝั่งเข้ากับอุปกรณ์ iOS. พอเสียบสายแล้วอุปกรณ์ iOS จะเปิดเครื่องขึ้นมา ให้กดปุ่ม Home ค้างไว้ก่อน

   • กดปุ่ม Home ค้างไว้แบบนั้นจนกว่าจะมีหน้าต่างโผล่ขึ้นมาใน iTunes ซึ่งจะเป็นข้อความขึ้นเตือนว่าพบอุปกรณ์ที่กำลังอยู่ใน Recovery Mode

5. 

   5

   รีเซ็ตเครื่องด้วย iTunes. ให้คลิก OK ในหน้าต่างที่โผล่ขึ้นมา จากนั้นเลือกแถบ Summary ใน iTunes แล้วคลิกที่ปุ่ม Restore

   • นี่จะเป็นการล้างข้อมูลและการตั้งค่า ทั้งหมด ในโทรศัพท์ของคุณ ถือเป็นการตั้งกลับเป็นค่าโรงงาน

6. 

   6

   โหลดข้อมูลที่ backup ไว้กลับลงเครื่อง. ถ้าคุณอยากเอาข้อมูลกลับลงโทรศัพท์ ก็เลือกได้ว่าจะโหลดข้อมูลที่ backup ไว้จากใน iCloud หรือ iTunes

   • ถ้าจะโหลดจาก iCloud คุณต้องใช้ Apple ID กับรหัสผ่าน รวมถึงไฟล์ที่เคย backup ไว้ก่อนหน้าใน iCloud แต่ถ้าจะโหลดจาก iTunes คุณต้องใช้ไฟล์ที่เคย backup ไว้ก่อนหน้านี้ในคอมพิวเตอร์ของคุณ

   โฆษณา

1. 

   1

   ให้ไปที่เว็บไซต์ Apple ID. Apple มีเว็บพิเศษที่เรียกว่า iForgot เป็นเว็บสำหรับเปลี่ยนหรือตั้งรหัสผ่านใหม่โดยเฉพาะ แถมเว็บนี้ยังช่วยคุณได้ด้วยเวลาลืม Apple ID

2. 

   2

   ใส่ ID ของคุณ. ปกติก็คืออีเมลที่คุณใช้ลงทะเบียนนั่นแหละ จากนั้นให้คลิก Next แต่ถ้าคุณลืม ID ให้คลิกที่ลิงค์ข้างล่างช่องกรอกข้อมูล แล้วทำตามขั้นตอนที่ปรากฏได้เลย

3. 

   3

   ยืนยันตัวตนซะก่อน. Apple จะส่งอีเมลพร้อมลิงค์ยืนยันตัวตน ไม่ก็ให้คุณตอบคำถามรักษาความปลอดภัยเพื่อยืนยันว่าเป็นคุณจริงๆ นอกจากนี้คุณต้องใส่วันเดือนปีเกิดเพิ่มเติมด้วยนะ

4. 

   4

   เปลี่ยนหรือรีเซ็ตรหัสผ่าน. เอาแบบที่ปลอดภัยแต่จำได้ด้วยนะ ต้องประกอบไปด้วยตัวพิมพ์ใหญ่ หมายเลข และสัญลักษณ์เพื่อให้รหัสผ่านของคุณแน่นหนามากยิ่งขึ้น

   โฆษณา

สิ่งของที่ใช้

• iPhone, iPod Touch หรือ iPad ตัวปัญหา
• สาย USB ที่ใช้ต่อกับอุปกรณ์ iOS ของคุณ
• เครื่อง PC ไม่ก็เครื่อง Mac
• แน่นอนว่าต้องมีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
• สุดท้ายคือ iTunes เวอร์ชั่นล่าสุด

เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้

มีการเข้าถึงหน้านี้ 3,812 ครั้ง

บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม