หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

หนังสือใน ชุดเดียวกัน

ข้อมูลเพิ่มเติม

ISBN

9786160408719

บ้านไร่สามัคคี EF

นิทานส่งเสริมให้เด็กรู้จักการให้อภัยและมีความสามัคคี
แย่แล้ว ๆ บ้านไร่ที่เคยสงบสุข ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน วันนี้เกิดทะเลาะกันเสียยกใหญ่ ซ้ำแม่ไก่ยังถูกหมาป่าขโมยไป แล้วแบบนี้จะทำอย่างไรดีล่ะ!
มาช่วยแก้ปัญหาด้วยความร่วมมือร่วมใจกันเถอะ!


วิธีการสั่งซื้อสินค้า

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

1

เลือกสินค้าที่ต้องการ

โดยคลิกปุ่มสั่งซื้อ / หยิบลงตะกร้า

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

2

คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้า

เมื่อเลือกสินค้าครบแล้วให้ คลิกปุ่มสั่งซื้อสินค้าใน ตะกร้าสินค้า

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

3

กรอกรายละเอียด

กรอกรายละเอียดให้ครบถ้วน จากนั้นคลิกปุ่มยืนยันการสั่งซื้อ

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

6

รอรับสินค้าได้เลย!

เมื่อทางร้านตรวจสอบรายการ ชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะจัดส่งสินค้าให้คุณทันที

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

5

แจ้งชำระเงิน

แจ้งชำระเงินผ่านทางหน้าเว็บไซต์ แจ้งชำระเงิน

หนังสือเล่มเล็กเรื่องความสามัคคี

4

ชำระค่าสินค้าและบริการ

ชำระค่าสินค้าและบริการ สามารถดู วิธีการชำระเงินได้ที่นี่

หนังสือเล่ม ล่ เล็ก ล็ รวบรวมนิทาน สามัค มั คี จัดทำ โดย นางสาวณฐพร วงษ์ดี เลขที่ ๓๒ นางสาวณิชารีย์ รีย์ใจดี เลขที่ ๓๔ เสนอ คุณครูเจริญ ริ ผลฉัตร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖/๒

ณ ป่าป่แห่งหนึ่งแบ่งเป็นป่าป่เหนือป่าป่ ใต้ มีลำ ธารใสเย็นไหลผ่าน และมีฝูงลิงอาศัยเล่นน้ำ อย่างสำ ราญ ลิงมักจะไปท้าทายให้สัตว์ ต่างๆ ในป่าป่มาแข่งพายเรือกับพวกตน จนสัตว์ป่าป่พากันระอา เมื่อสิงโตรู้ข่าวจึงรับคำ ท้าของลิง ได้รวบรวมสัตว์ป่าป่เหนือฝึกฝน พายเรือโดยมีช้างอยู่ท้าย ควายอยู่หน้าน้และตรงกลางคือหมูป่าป่ แต่ทางฝ่าฝ่ยลิงนั้นกับคิดว่าเป็นเรื่องน่าขันที่พวกสัตว์ซ้อมพาย เรือกัน ในขณะที่พวกลิงไม่ฝึกซ้อม วันๆเอาแต่ทะเลาะกัน เมื่อ เวลาแข่งขันมาถึง สัตว์ป่าป่ทางเหนือสามัคคีพายเรือพร้อมเพรียง กันเป็นจังหวะ ส่วนลิงนั้นขาดความพร้อมเพรียง จนเรือคว่ำ ล้ม เหลวสร้างความอับอายเพราะไม่สามัคคีกั ข้อคิด ความสามัคคีทำ ให้ประสบผลสำ เร็จ ลิง ลิ แข่งเรือ รื

เรื่องราวของอีกา 2 ตัว แห่งเกริงกาเวีย ที่ต่อสู้ชีวิตเพื่ออิสรภาพ อีกาหนุ่มนุ่และอีกาแก่ถูกจับมาขังไว้ด้วยกัน เริ่มแรกอีกา 2 ตัวมีแต่ ความไม่เข้าใจกันและขุ่นเคืองกัน ต่อมาเกิดไมตรีกันต่างช่วย เหลือกันออกจากกรงขัง เพื่อกลับไปสู่ถิ่นกำ เนิดอันมีอิสรภาพที่ใฝ่ หา จนสุดท้ายอีกาแก่ต้องสละชีพเพื่อให้อีกาหนุ่มนุ่ไปถึงเกริงกาเวี ยอย่างปลอดภัย ข้อคิด ความสามัคคีทำ ให้ประสบผลสำ เร็จ บินสุดขอบฟ้า

นกกระจาบฝูงหนึ่งถูกนายพรานใช้ตาข่ายจับไป หัวหน้า น้ นกกระจาบและนกที่เหลือได้หาวิธีเพื่อให้รอดพ้นจากตาข่าย เมื่อฝูงนกถูกนายพรานดักจับ ได้ใช้กลวิธีความสามัคคี ทำ ให้ รอดพ้นจากตาข่ายนายพรานได้อย่างปลอดภัย ข้อคิด คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย สามคนกลับบ้านได้ นกกระจาบ

เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกรุงศรีอยุธยาตอนปลายที่มี การแก่งแย่งราชบัลลังค์ พม่าจึงยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา แต่มีคนไทยกลุ่มหนึ่งซึ่งมีนายแท่น นายโชติ นายอิน นายคอก นายเสวง และนายทองแก้วที่ช่วยล่อลวงพม่าไป ฆ่าและหลบหนีไปอยู่ที่บางระจันจึงทำ ให้เกิดเป็นวีรกรรม และประวัติของชาวบางระจันขึ้น ข้อคิด สามัคคี คือพลัง บางระจัน จั

ครั้งหนึ่งยังมีวัวอยู่สามตัว เป็นเพื่อนที่ดีมีความเกี่ยวข้องที่สามัคคีต่อ กัน มันทั้งสามอาศัยอยู่ในทุ่งกว้างที่ป่าป่ ใหญ่อัฟริกา มันทั้งสาม ตัว จะไปไหนมาไหนไม่ว่าจะเป็นเวลากินหญ้าหรือแม้แต่ในเวลานอน ก็จะอยู่ในที่ที่ใกล้ ๆ กันอยู่ตลอดเวลา มีอยู่ในวันหนึ่ง ในขณะที่ วัวทั้งสามตัวกำ ลังรวมกลุ่มกันยืนกินหญ้าอยู่นั้น ก็เกิดได้มีสิงโตหิวโซตัวหนึ่งเดินผ่านมาและได้เห็น มันหมายที่จะบุกเข้าจับกินเป็น เหยื่อ " ว้าว! พวกมันดูน่าอร่อยมากเลยทีเดียว " แต่วัวทั้งสามตัวได้ร่วมพลังกันกางเขายืนจังก้าหันหน้าน้เข้าปะทะกับสิงโตอย่างไม่มี ทีท่าว่าจะกลัวเกรงแต่ อย่างใด " ม่อๆๆ กางเขาหันหน้าน้สู้กับสิงโต ห้ามแยกจากกันเป็นอันขาด " สิงโตจึงไม่สามารถที่จะเข้าไปใน ที่ที่ใกล้ ๆ และทำ อะไรพวกมันได้เลยสักนิด เพราะฉะนั้นสิงโตจึงทำ ได้ก็แต่แค่เพียงเดินเมียงมองอยู่ห่าง ๆ มันเฝ้าฝ้รอคอยเพื่อหา โอกาสที่จะบุกเข้าโจมตี แต่แล้วก็ต้องถอยห่างออกไปในที่สุด " ถ้าพวกเราร่วมมือสามัคคีกันแล้ว ก็ไม่จำ เป็นที่จะต้องกลัวอ้ายสิงโต ตัวนั้นเลยสักนิด " สิงโตรู้สึกอับอาย เป็นอย่างมาก ที่ไม่สามารถที่จะกินวัวทั้งสามตัวพวกนั้นได้ " มันน่าที่จะมีหนทางอะไรที่ ดี ๆ อยู่บ้างนะ " สิงโตพยายามใช้ความคิด "อ้อ ข้ารู้แล้ว.. ! ว่าด้วยเหตุใดข้าถึงได้บุกเข้าไปจับกินพวกมันไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น...ก็เป็นเพราะ ว่าพวกมันมีความสามัคคีกันนั่นเอง,,, ดังนั้นก่อนอื่นใด ข้าก็จำ เป็นที่จะต้องจัดการทำ ให้พวกมันแตกแยกขาดความ สามัคคีต่อ กัน...แล้วตอนนั้นแหละ ข้าก็จะกินพวกมันได้ทีละตัว ๆ ง่าย ๆ " และเมื่อมันคิดได้ดังนั้น แล้ว สิงโตก็ได้ย้อนกลับมาปรากฏตัวในที่ ทุ่งกว้างที่พวกวัวทั้งสามอยู่อีกครั้งหนึ่ง "ดีจังเลย...ดูสิ..นั่นพวกมันกำ ลังแยกกันออก ไปยืนกินหญ้าอยู่ในที่ที่ห่าง ๆ อยู่พอดีเลยทีเดียวเชียว " สิงโตรีบเดินไปในที่ที่ใกล้ ๆ กับวัวตัวสีแดงก่อนอื่นใด แล้วกระซิบด้วย เสียงที่อ่อนหวานที่สุดว่า " นี่นี่..นายสีแดง เราต้องขอยอมแพ้ในความเก่งกาจของ พวกท่านแล้วล่ะ เพราะพวกท่านนั้น ทั้งเก่งทั้งแข็งแรง..เราขอนับถือ..แต่ว่านะ..เราอยาก รู้จังเลยว่าท่านทั้งสามนั้นใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูงล่ะ" วัว ตัวสีแดงจึงพูดว่า " พวกเรานั้นทั้งเก่งและแข็งแรงด้วยกันทั้งสามนั่นแหละ " สิงโตทำ ท่าทีเป็นตกใจ " จริงน่ะ... แต่ที่ข้า ได้ยินมาจากวัวตัวอื่นนั้น..มันไม่ใช่อย่างเช่นที่ท่านพูดนี่ ! " วัวตัวสีแดงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จึงได้ถามไปว่า " แล้วพวกนั้นพูด ว่าอย่างไร" สิงโตจึงได้ทีพูดว่า " วัวตัวสีดำ นั้นบอกว่ามันนั้นทั้งเก่งและ แข็งแรงที่สุดในฝูง แล้วยังได้บอกอีกด้วยว่าถ้าไม่มีมันแล้ว รับรองว่า วัวตัวสีแดงกับวัวตัวสีน้ำ ตาลจะต้องโดนสิงโตกินไปนานนมแล้วเสียด้วยนะ.." " อะไรนะ? ทำ ไมมันถึงได้พูด ในสิ่งที่ห่วยและแย่มาก ๆ อย่างเช่นนี้ได้ ยังไง ! "วัวตัวสีแดงเมื่อได้ฟังดังนั้นก็ให้รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก... สิงโตก็ได้ไปพูดบอก หลอกลวงแบบเช่นนี้กับวัวตัวสีน้ำ ตาล และวัวตัวสีดำ อีกด้วย... " นี่ นี่ วัวตัวสีน้ำ ตาลท่านได้ ฟังแล้วหรือยัง? ว่าวัวตัวสีดำ พูดว่า มันนั้น ต้องมีหน้าน้ที่ดูแลป้อป้งกันภัย ให้กับวัวทั้งสอง เพราะว่าวัวทั้งสองตัวนั้นทั้งอ่อนแอและทำ อะไรที่เป็น ประโยชน์ไน์ม่ได้เสียเลย.. " " ม่อๆๆๆโอ้ยนี่ข้าโกรธแล้วด้วยนะ ! " สิงโต พูดหลอกลวงแบบนี้กับวัวทั้งสามตัวตามแผนการณ์ไณ์ด้อย่างแนบเนียนมากเสียด้วยสิ ในที่สุด..ที่ทุ่งกว้างของป่าป่ ใหญ่ก็เป็นสนามของการต่อสู้เสียแล้ว...เริ่มต้นจากวัวตัวสีดำ ก่อนเลย มันตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า " มา เลย เราจะต้องมาสู้กัน เพื่อให้รู้ให้แน่ชัดว่าใครคือผู้ที่เก่งและแข็งแรงที่สุดในฝูง " "วัวตัวสีแดงก็เหมือนกันก็พูดขึ้นด้วยความโมโห ว่า "ตัวที่เก่งและแข็งแรงที่สุดก็คือข้า!" มันทั้งสามตัวจึงเริ่มต่อสู้กัน..โดยใช้เขาอันแหลมคมของพวกมันนั้นเอง..เสียบแทง ซึ่งกัน และกันอย่างไม่ยอมลดละให้กันและกันเลยสักน้อน้ยนิดเสียด้วย " ม่อๆๆม่อๆๆ..ม่องเท่งสิ" สัตว์ทั้งสามตัวจึงมีอันต้องนองและเต็มไป ด้วยเลือด มันทั้งสามตัวได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างมากและอ่อนแรงลงอย่างไม่ได้สติ จากการต่อสู้ "ม่อๆๆ..ข้าไม่ปรารถนาที่จะอยู่กับ พวกเจ้าอีกต่อไป " ทั้ง ๆ ที่เคยมีความสามัคคีและเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แต่เพราะเชื่อคำ ยุยง สามตัวจึงเกลียดชังกัน ขาดความสามัคคี ขาดความเป็นมิตรที่ดีต่อกันและกันไปในที่สุด ในตอนนั้นสิงโตก็ยิ้มด้วยความพอใจ เพราะสามารถเข้าไปจับพวกวัวที่อ่อนแรงใกล้ ตายได้ทีละตัว ทีละตัว สมใจสบายโก๋ไปตั้งสามวันเต็ม ๆ เลยทีเดียว ข้อคิด ได้เล่าถึงวัวที่คือผู้ที่ได้รับการหลอกลวง จากสิงโตที่กุข่าวลือขึ้นมา...จนทำ ให้ต้องมาแตกขาดความสามัคคีและความ มี มิตรภาพที่ดีต่อกัน " จงให้ความสำ คัญและให้ความเชื่อใจ กับคนหรือ เพื่อนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน " วัว วัสามสหาย

ชายแก่คนหนึ่งมีลูกชาย 3 คน ลูกชายทั้งสามคนของเขาเป็นคนที่ขยันขันแข็งมาก แต่พวกเขามักทะเลาะเบาะแวงกันอยู่เป็นประจำ ผู้เป็นพ่อพยายามตักเตือนให้พวก เขารักสามัคคีกัน แต่แล้วก็ต้องล้มเหลวไปทุกครั้ง …ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจจะแสดงตัวอย่างให้เห็นถึงผลร้ายของความไม่สามัคคี …วันหนึ่งเขาบอกให้ลูกๆ ไปหากิ่งไม้มาหลายๆ กิ่ง เมื่อลูกๆ นำ มาให้แล้ว เขาได้มัด กิ่งไม้รวมกันเป็นมัดใหญ่ แล้วบอกให้ลูกชายแต่ละคนลองหักไม้ออกเป็น 2 ท่อน ทุกคนพยายามหักกิ่งไม้จนสุดแรงแต่ก็ไม่สำ เร็จ …ต่อจากนั้น ผู้เป็นพ่อได้แก้มัดกิ่งไม้ออก แล้ววางกิ่งไม้ลงบนมือของลูกชายทุกคน คนละ 1 กิ่ง แล้วบอกให้ลูกๆ ลองหักกิ่งไม้ดู ลูกๆ ทุกคนก็หักกิ่งไม้ออกเป็นสองท่อน ได้อย่างง่ายดาย …ผู้เป็นพ่อ จึงพูดว่า “นี่แหละลูก ถ้าพวกเจ้ารู้รักสามัคคีและช่วยเหลือกัน พวกเจ้าจะ เป็นเหมือนกิ่งไม้มัดนี้ ที่ศัตรูไม่อาจทำ ร้ายได้ แต่ถ้าพวกเจ้าแบ่งแยกทะเลาะกันเอง ศัตรูจะสามารถเอาชนะพวกเจ้าได้อย่างง่ายดาย เหมือนกิ่งไม้ที่แยกออกจากกัน เหล่านี้แล” …หลังจากนั้นเป็นต้นมา ลูกชายทั้งสามคนก็เข้าใจถึงพลังของความสามัคคี และให้ สัญญากับพ่อไปว่า “ต่อจากนี้ไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเราก็จะรักและสามัคคีกัน ตลอดไปครับ” ข้อคิด “สามัคคี คือ พลัง” เรื่อง สามพี่น้องกับกิ่ง กิ่ไม้

ณ.ป่าป่แห่งหนึ่งมีสัตย์อาศัยอยู่ในป่าป่มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระต่าย ช้าง ม้าลาย และเสืออาศัยอยู่ในป่าป่แห่งนี้และมีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง มีบรรดามดน้อน้ย อาศัยอยู่กลุ่มหนึ่ง วันหนึ่งมดน้อน้ยได้คุยว่าอาหารของเราเริ่มจะหมดแล้วเราจะทำ ยัง ไงกันดี มดน้อน้ยตัวที่หนึ่งพูดขึ้นว่า "เราก็ต้องออกหาอาหารสิ" มดน้อน้ยตัวที่สองพูด ขึ้นว่า "เราไม่ไปหรอกเราขี้เกียจ" มดน้อน้ยตัวที่สามก็เลยพูดขึ้นว่าเรา"ขี้เกียจไม่ได้ หรอกเราต้องช่วยกันออกหาอาหารสิเพราะเราต้องดูแลมดอีกหลายตัวที่เดินไม่ได้ "บรรดามดน้อน้ยจึงออกเดินทางไปหาอาหาร มดน้อน้ยเดินทางไปเรื่อยๆไปพบ ทุ่ง หญ้าแม่นำ้ และสวนดอกไม้บรรดามดน้อน้ยต่างเดินทางแล้วชื่นชมกับธรรมชาติไป เรื่อยๆ มดน้อน้ยตัวที่สามจยวิ่งเพลินจนไม่ทันสังเกตพลัดตกลงไปติดอยู่กับกิ่งไม้จึง ร้องเรียกเสียงดัง ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วยบรรดามดน้อน้ยได้ยินจึงรีบวิ่งแล้ว จับมือกันต่อแถวยาวแล้วยื่นมือลงไปช่วยมดตัวที่สามได้ทันพอดี บรรดามดน้อน้ยก็ เดินทางต่อไปอีก พบผลไม้หลายชนิดหล่นอยู่บนพื้นดิน บรรดามดน้อน้ยดีใจร้อง เสียงดัง เย้ เย้ เย้ บรรดามดน้อน้ยรีบวิ่งจะเข้าไปเอาผลไม้นั้น มีมดยักต์ตัวหนึ่งยืน ขวางอยู่แล้วพูดขึ้นว่านี่คือผลไม้ของข้า ห้ามยุ่ง มดน้อน้ยตัวที่สามวิ่งเข้าไปหามดยักษ์ เพื่อที่ขอผลไม้จากมดยักษ์ มดยักษ์ไม่ยอมจึงทำ ร้ายมดตัวที่สามบรรดามดน้อน้ยจึง วิ่งเข้าไปช่วย แล้วพูดว่าเราก็เป็นสัตว์เหมือนกันทำ ไมไม่แบ่งปันช่วยเหลือกันล่ะ เรา ขอแบ่งผลไม้เพียงเล็กน้อน้ยแค่นี้เองมดยักษ์จึงยอมให้ผลไม้กับบรรดามดน้อน้ย บรรดามดน้อน้ยต่างดีใจรีบขอบคุณมดยักษ์แล้วช่วยขนผลไม้กลับรังแม้ว่าผลไม้ที่ เขาช่วยกันขนนั้นมันจะหนักมากแต่บรรดามดน้อน้ยก็อดทนและพยายามจนมาถึงรัง แล้วก็เรียกบรรดามดทั้งหลายมากินผลไม้ด้วยกันอย่างอร่อยและมีความสุข ข้อคิด ความสามัคคี และความอดทนพยามนำ มาซึ่งความสำ เร็จ ความสามัค มั คีของมดน้อย

นานมาแล้ว…ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีพ่อผู้ที่ขยันขันแข็งทำ งาน เป็นอย่างมากอยู่ผู้หนึ่ง อาศัยอยู่กับพวก ลูกชายที่แสนที่จะขี้เกียจเป็นอย่างมาก ของเขา ผู้เป็นพ่อจะตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่ และก็จะลงมือทำ ไร่ซึ่งก็ เป็นไร่องุ่นเพื่อนำ มาทำ เหล้าไวน์ จนถึงเวลาค่ำ มืดอยู่เป็นประจำ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ลูกชายคนโตสุดของ เขาก็ชอบแต่ที่จะกินอย่างเดียวเพราะเป็นคนที่ตะกละ, ลูกชาย คนที่สองก็เป็นคนที่ออกจะขี้เกียจวัน ๆจะ เอาแต่นอนโดยไม่คิดที่จะช่วยทำ อะไรเลย สักอย่าง…ส่วนลูกชายคนที่สามก็เป็นคนที่ชอบที่จะเที่ยวเล่นเป็น อย่างมาก ลูกชายคนที่สี่ก็เช่นกัน เป็นพวกขี้เมาจะชอบแอบดื่มเหล้าไวน์ที่น์ ที่พ่อของเขาผลิต ขึ้นนั้นอยู่เป็นประจำ ผู้เป็น พ่อต้องได้รับแต่ความเสียใจเป็นอันมาก ” ทำ ไมพวกเจ้าถึงได้ขี้เกียจไม่ชอบ ทำ งานกันอย่างนี้เล่า?? ตอนนี้ที่ ไร่องุ่นของพวกเรานั้นกำ ลังเ่ยวเฉาและโรยรา แม้แต่ ผลองุ่นสักผลเล็กๆ ก็ไม่มีออกมาให้เห็นอยู่อย่างเช่นนี้ แล้วทำ ไม พวกเจ้าจึงได้นิ่งดูดาย เปลี่ยนหัวใจหันกลับมาขยันทำ งานกันสักทีสิ! ” แต่ว่าไม่ว่าพ่อของพวกเขาจะ พูดตักเตือนขอร้อง ดุด่าว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังเป็นอยู่เหมือนเดิมไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลง แล้ววันหนึ่งในที่สุด…ผู้เป็นพ่อซึ่งแก่ ชรามากแล้วของพวกเขาก็เกิดล้มป่วป่ยลง เจ็บคราวนี้แกรู้ตัวว่า กำ ลังใกล้ จะตายเต็มทีแน่แล้ว และก่อนที่ แกใกล้จะหมดลมหายใจ แกก็ยังห่วงลูก ๆจอม ขี้เกียจทั้งสี่ของแก เป็นอย่าง มากและได้เรียกเข้ามาสั่งเสียที่ข้างเตียงนอนว่า ” พ่อคงอยู่ ต่อไปได้อีกไม่นาน เพราะฉะนั้นพ่อจะบอกสิ่งที่ สำ คัญที่สุดเกี่ยวกับที่ซ่อน สมบัติมหาศาลกับพวกเจ้า ” ” สมบัติอะไรหรือพ่อ??” ลูกชายทั้งสี่ทั้งตกใจและแปลกใจ…จึงได้ถามซ้ำ อีกครั้งว่า “บ้านเรา มีสมบัติซ่อนไว้ด้วยหรือพ่อ??”” ใช่ แล้ว..มันเป็นสมบัติของพวกเจ้า พ่อได้แอบซ่อนเพชร,ทองและเงินเอาไว้ที่ในไร่องุ่น..โอ้! แต่ตอนนี้พ่อช่าง ทุกข์ทรมานเหลือเกิน…” ” พ่อ!!อย่าเพิ่งตายสิ ไหนกรุณารีบ ๆ บอกพวกเรา เร็ว ๆด้วยว่าพ่อซ่อนสมบัติพวก นั้นไว้ในที่จุดไหนของไร่องุ่นล่ะ..พ่อ” แต่พ่อ ด้วยหมดกำ ลังลงเสียแล้ว และได้ขาดใจตายไปเสียแต่ตอนนั้น ” พ่อ โธ่ พ่อ… อย่าเพิ่งจากพวกเราไปเลย..ฮื่อๆๆๆ”” อ้า…พ่อได้ตายลงไปเสียแล้วโดยไม่ทันได้บอกพวกเรา ถึงที่ซ่อน สมบัติเสียด้วย..มันเป็นสิ่งที่ช่วยอะไรไม่ได้ ดังนั้นพวกเราต้อง ไปที่ไร่องุ่นแล้วขุดพลิกแผ่นดินหา เอาเอง…”เมื่อ งานศพของพ่อได้ผ่านไปแล้ว…ลูกชายทั้ง 4 ก็ลงมือและตั้งหน้าน้ตั้งตาขุดดินในไร่องุ่นเพื่อหา สมบัติตามที่พ่อได้บอกไว้ ก่อนตาย ในทุก ๆวัน ” ว๊อย..วันนี้ก็ไม่พบสมบัติอีกตามเคย!” ทั้งสี่ตั้งหน้าน้ตั้งตา ขุดและขุด อย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อหาสมบัติจนเกือบจะทั่วทุกหนทุกแห่งที่มีในไร่องุ่นนั้นเลยทีเดียว เมื่อเวลาผ่านไป…ผืนแผ่นดินในไร่องุ่น ที่พวกเข้าตั้งหน้าน้ตั้งตาขุดเพื่อหาสมบัตินั้น ก็เปรียบเสมือนกับได้ โดนขุดไถและพรวนดินเป็นอย่างดี ดังนั้นต้นองุ่น ที่มีอยู่มากมายในไร่ ก็บรรดาลให้ออกดอกออกผลออกมา ให้กับพวกเขา อย่างมากมาย …ลูกชายทั้งสี่จึงหันมาผลิตเหล้าไวน์ขน์ายตามพ่อของเขา และได้กลับ กลายเป็น ผู้ที่ร่ำ รวยขึ้นมาหลังจากนั้น…และพวกเขาก็เพิ่งจะมารู้ดีเอาตอนนี้ แล้วแหละว่า” สมบัติที่พ่อ พูดถึงนั้น มัน มิได้หมายถึงสมบัติที่มีจริง ๆ หากแต่มันหมายถึง ความสามัคคี,ความขยันขันแข็งเอาหยาดเหงื่อแรงงานเข้า แรก ในผืนแผ่นดินที่พ่อ ของพวกเขาได้เหลือทิ้งเอาไว้ให้เป็นสมบัติที่จะทำ ให้มีกินมีใช้ไม่มีวันหมด มากกว่า นั่นเอง ” ข้อคิด “หากเราขยันตั้งหน้าน้ตั้งตาทำ งานเป็นอย่างดีแล้วละก็ สิ่งที่จะได้มาก็คือความสุข,ความสมหวัง” ขุมทรัพ รั ย์ใย์ นไร่อ ร่ งุ่น งุ่

วันหนึ่งมีมะพร้าวต้นหนึ่งที่ขึ้นอยู่ริมคลองฝั่งนี้ เกิดมีลูกดกมาก ลำ ต้นของมันทานน้ำ หนักลูกไม่ไหวก็เลยค่อย ๆ เอนไป จนยอดมะพร้าวไปจด คลองฝั่งโน้นน้กระรอกฝูงหนึ่งเห็นมะพร้าวเอนลงมายังฝั่งของตนหัวหน้าน้กระรอกจึงพูดขึ้นว่า โอ้โฮ ! วันนี้พวกเราช่างโชคดีเหลือเกิน ลาภปากแท้ ๆ เลย โชคดีอย่างไรล่ะท่านหัวหน้าน้ช่วยบอกหน่อยซิ บริวารกระรอกถาม ก็โน่นไงเห็นมั้ย มะพร้าวลูกดกเอนมาทางฝั่งเรา หัวหน้าน้กระรอกพูดพลางชี้ให้ดู อย่างนั้นพวกเราก็ไปกินมะพร้าวกันได้นะซีท่านหัวหน้าน้ ได้เลย ไปชวนกันมากินเยอะ ๆ นาน ๆ จะมีอาหารอันโอชะมาถึงที่อย่างสักที หัวหน้าน้อนุญนุาต ว่าแล้วบรรดากระรอกทั้งหลายก็ชวนกันปีนขึ้นไปเจาะกินน้ำ มะพร้าว กินกันอย่างเพลิดเพลินอยู่หลายวัน วันละลูกสองลูก โดยไม่ได้ลงมาจาก ต้นมะพร้าวเลย และไม่ได้สังเกตถึงความผิดปรกติของต้นมะพร้าวด้วย กินกันจนหมดต้นเมื่อไรไม่รู้ตัว เมื่อน้ำ มะพร้าวแห้งหมดทุกลูกแล้ว ต้นมะพร้าวก็เอนกลับไปยังที่เดิม พวกกระรอกทั้งหลายก็ติดอยู่บนต้นมะพร้าวนั้น ไม่สามารถกลับไปยังฝั่ง เดิมของตนเองได้ ครั้นจะว่ายน้ำ ข้ามไปก็ว่ายไม่เป็น กระรอกทั้งหลายต่างเศร้าโศกเสียใจ นั่งร้องไห้กันอยู่บนต้นมะพร้าวนั้น หัวหน้าน้กระรอกเห็นดังนั้นก็ไม่สบายใจ จึงเรียกบริวารกระรอกมาประชุม ปรึกษาหารือกัน ว่าจะทำ อย่างไรกันดี จึงจะกลับไปยังฝั่งของตนได้ ต่างแสดงความคิดเห็นกันหลากหลายวิธี แต่ก็ติดขัดตรงที่ทำ ตามที่คิดไม่ได้ ในที่สุดมีกระรอกตัวหนึ่งเสนอความคิดว่า พวกเราน่าจะช่วยกันลงไปอมน้ำ ในแม่น้ำ แล้วนำ มากรอกใส่ในลูกมะพร้าวทุกลูก เมื่อมะพร้าวมีน้ำ เต็มทุกลูก ต้นมะพร้าวก็จะเอนไปยังฝั่งของเราดังเดิม ความคิดนี้กระรอกทุกตัวต่างเห็นด้วยว่าน่าจะทดลองทำ ดู เพราะทำ ไม่ยาก เพียงแต่ กระรอกทุกตัวต้องช่วยกันอย่างเต็มที่เท่านั้น และแล้วการลำ เลียงน้ำ ของกระรอกทุกตัวโดยการอมน้ำ จากแม่น้ำ ไปกรอกลงในลูกมะพร้าวก็เริ่มขึ้น ในไม่ช้าน้ำ ในลูกมะพร้าวก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ๆ ทีละน้อน้ย ทำ ให้ต้นมะพร้าวค่อย ๆ โน้มน้เอนลงไปทีละน้อน้ยเช่นเดียวกัน พวกกระรอกทุกตัวต่างไม่ลดละความพยายาม จนในที่สุดผลของความเพียรพยายามและความสามัคคีก็มาถึง เมื่อกระรอกช่วยกันอมน้ำ ไปกรอกในลูกมะพร้าวจนเต็มทุกลูก ต้นมะพร้าวก็ โน้มน้เอนลงไปยังฝั่งที่อยู่ของกระรอกตามเดิม กระรอกทุกตัวต่างก็ดีใจที่ได้กลับมายังฝั่งของตนเองได้อย่างปลอดภัย ข้อคิด ๑. อย่าเป็นคนเห็นแก่กินมากจนเกินไป เพราะอาจทำ ให้เรา ได้รับความเดือดร้อน ๒. เมื่อเกิดปัญหาขึ้น จะต้องหาทางแก้ปัญหาด้วยปัญญา ๓.ความเพียรพยายามและความสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในการทำ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง จะทำ ให้งานนั้นสำ เร็จสมความตั้งใจ กระรอกเจาะมะพร้า ร้ ว

ครั้งหนึ่ง มีดินสอ ที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง และ มียางลบ ที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง ดินสอเป็นเพื่อนกับยางลบก้อนนั้น ทั้งคู่ไปไหนมาไหน ด้วยกันทำ อะไรด้วยกัน หน้าน้ที่ของดินสอคือ เขียนมันจึงเขียนทุกที่ทุกอย่าง ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ หน้าน้ที่ของยางลบ คือมันจึงลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลา เวลาผ่านไปนานหลายสิบปี ทุกอย่างก็…ยังดำ เนินเหมือนเดิมเรื่อยมา จนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า “เรากับนายคง อยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว” ยางลบจึงถามว่า “ทำ ไมล่ะ” ดินสอจึงตอบกลับไปว่า “ก็เราเขียน…นายลบแล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย” ยางลบจึงเถียงว่า “เราทำ ตามหน้าน้ที่ของเรา…เราไม่ผิด” ทั้งคู่จึงแยกทางกัน ดินสอพอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจ ที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจมัน แต่พอเวลาผ่านไป มันเริ่มเขียนผิด ข้อความที่เคยเขียนสวยงาม ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรอยสกปรก มีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด เพราะไม่มีใครลบให้ ดินสอ…”คิดถึงยางลบจับใจ” ฝ่าฝ่ยยางลบพอแยกทางกับดินสอ มันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรให้ลบ ยางลบ…”คิดถึงดินสอจับใจ” ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อน้ยลง เขียนแต่สิ่งที่ดี ส่วนยางลบก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด…เท่านั้น ถ้าเปรียบการเขียนเป็นการจำ ดินสอ ในตอนแรกก็จำ ทุกเรื่อง…ทั้งดีและไม่ดี แต่พอเปลี่ยนไป…มันก็หัดเลือกจำ แต่สิ่งดีๆเท่านั้น ส่วนการลบเปรียบเหมือนการลืม ยางลบ ในตอนแรก ก็ลืมทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี แต่ทุกครั้งที่ลืม ตัวมันก็จะสกปรก แต่ตอนหลัง มันเลือกลืม…แต่เรื่องไม่ดี ซึ่งก็คือ…การให้อภัย…นั่นเอง ข้อคิด เปรียบการเดินทางของดินสอและยางลบได้ดั่ง…”มิตรภาพ”… “เราควรเลือกจำ แต่สิ่งดีดีที่มีให้กัน…และลืมในสิ่งที่อาจผิดพลาดบ้าง” ที่สุดแล้ว…ขอให้ทุกคนเป็นอย่างดินสอกับอย่างลบในตอนหลัง ดิน ดิ สอกับ กั ยางลบ

http://www.tup.ac.th/virtue/tale8.html https://nitanstory.com/the-pencil-aขnd-theeraser/ https://wbscport.dusit.ac.th/view/view.php?id=1692 https://sites.google.com/site/suthathinikhxhxmklang/nith an-xisp/khumthraphy-ni-ri-xngun https://www.nithan.in.th/วัวสามสหาย https://www.kroobannok.com/9016 หนังสืออ้า อ้ งอิง อิ (ค้นหาวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) (ค้นหาวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) (ค้นหาวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) (ค้นหาวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) (ค้นหาวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕) (ค้นหาวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๕)