จุดมุ่งหมายการฟัง Show จุดมุ่งหมายของการฟัง ความมุ่งหมายในการฟัง การฟังเป็นการรับรู้ความหมายของเสียงที่ได้ยิน ผู้ฟังจะต้องตั้งใจฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจ เกิดความคิด จึงจะถือว่าเป็นการฟังที่สมบูรณ์ ผู้ที่ฟังมากจะเกิดความรู้กว้างขวางจะได้ชื่อว่าเป็นพหูสูต ในสังคมปัจจุบันนอกจากเราจะฟังผู้พูดพูดเพื่อการติดต่อสื่อสารหรือเพื่อกิจธุระในชีวิตประจำวันแล้ว เราควรฟังเพื่อจุดมุ่งหมายอื่นๆ ดังนี้ · ฟังเพื่อจับใจความสำคัญ · ฟังเพื่อจับใจความอย่างละเอียด · ฟังเพื่อหาเหตุผลมาโต้แย้งหรือสนับสนุน · ฟังเพื่อให้เกิดความซาบซึ้งในวรรณคดี เกิดสุนทรียภาพ · ฟังเพื่อให้เกิดความรู้ ส่งเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ · ฟังเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน การฟังที่ได้ผลดีต้องอาศัยการฝึกอยู่เสมอ เมื่อฟังแล้วต้องคิดไปพร้อมๆ กัน การฟังมากจะทำให้เป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวาง สิ่งสำคัญที่สุดของการฟังก็คือ ผู้ฟังต้องฟังด้วยความตั้งใจ สนใจและเข้าใจเรื่องที่ฟังตรงกับจุดประสงค์ของผู้พูด ผู้ฟังพิจารณาว่าผู้พูดมีจุดมุ่งหมายในการพูดครั้งนั้นอย่างไรบ้าง? · เรื่องที่ได้ฟังมีสารประโยชน์ให้แง่คิด ก่อให้เกิดความเจริญงอกงามและความคิดสร้างสรรค์อย่างไรบ้าง · เรื่องที่ได้ฟังมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด · เรื่องที่ได้ฟังน่าเชื่อถือหรือไม่เพียงใด · ผู้ฟังวินิจว่าผู้พูดมีความจริงใจ อย่างไร เพียงไร · ผู้ฟังพิจารณาได้ว่าผู้พูดใช้วิธีการพูดหรือวิธีการถ่ายทอดความเจริญงอกงามและความคิดสร้างสรรค์อย่างไร ขั้นตอนของการฟัง
มนุษย์มีกระบวนการฟัง 6 ขั้น คือ เป็นขั้นที่อยู่กับความสามารถของผู้ฟัง ที่จะตัดสินว่าประโยคหรือสิ่งที่ฟังมานั้นมีความจริงเพียงใด เชื่อถือได้เพียงใด และยอมรับได้หรือไม่ คนเรามีประสิทธิภาพในการฟังเมื่อมีกระบวนการฟังครบทุกตอน แต่กระบวนการฟังของคนเรามีไม่เท่ากัน บางคนมีกระบวนการฟังเพียงขั้นเดียว บางคนมีกระบวนการฟังถึงขั้นที่ห้านอกจากนี้อาจอธิบายได้อีกแง่หนึ่งว่า การฟังสารที่มีประสิทธิภาพตลอดจนได้รับประสิทธิผลจากการฟังเป็นอย่างดี ผู้ฟังฟังอย่างเข้าใจฟังแล้วจับประเด็นของเรื่องได้ ตีความสารได้ประเมินค่าสารได้ เป็นต้น ลักษณะการฟังที่มีประสิทธิภาพ ประโยชน์ของการฟัง ประโยชน์ต่อตนเอง · การฟังที่ดีเป็นพฤติกรรมของผู้มีมารยาทในการเข้าสังคม ในวงสนทนาหรือในสถานที่และโอกาสต่างๆ ไม่มีผู้พูดคนใดที่ชอบให้คนอื่นแย่งพูดหรือไม่ยอมฟังคำพูดของตนเอง การฟังจึงเป็นพฤติกรรมที่ช่วยสร้างบรรยากาศของความเป็นมิตรทำให้เกิดความเข้าใจ การยอมรับและความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน · การฟังที่ดีทำให้เราได้รู้เรื่องราวที่ฟังโดยตลอด สามารถเข้าใจข้อความสำคัญของเรื่องที่ฟังและจุดมุ่งหมายของผู้พูด · การฟังที่ดีช่วยสามารถพัฒนาสมรรถภาพการใช้ภาษา ในทักษะด้านอื่น ๆ กล่าวคือการฟังช่วยให้ผู้ฟังเรียนรู้กระบวนการพูดที่ดีของคนอื่น นับตั้งแต่การเลือกหัวข้อหรือประเด็นในการพูด การปรับปรุงบุคลิกภาพในการพูด และวิธีการเสนอสารที่มีประสิทธิผล · การฟังที่ดีเป็นพื้นฐานที่ทำให้เกิดสมรรถภาพทางความคิด ผู้ฟังได้พัฒนาพื้นฐานความรู้ และสติปัญญาจากการรวบรวมข้อมูลและข้อคิดต่างๆ จากการฟัง · การฟังที่ดีทำให้เราได้เพิ่มศัพท์ และเพิ่มพูนการใช้ถ้อยคำภาษาได้อย่างรัดกุมและเหมาะสม ผู้ฟังจะสังเกตการใช้ศัพท์และถ้อยคำของผู้พูด ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำหรือสำนวนโวหารจากผู้พูดแล้วจดจำ ไปเป็นแบบอย่างในการพูดและการเขียน ประโยชน์ต่อสังคม การฟังที่ดีเป็นกระบวนการสื่อสารที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติในแง่ที่ผู้ฟังนำความรู้แง่คิดต่างๆไปใช้ โดยผู้ฟังเองได้รับผลดีจากการปฏิบัติ และสังคมได้ประโยชน์ทางอ้อม ตัวอย่างเช่น การฟังการอภิปรายเรื่อง การรักษาสุขภาพ ส่วนบุคคล ผู้ฟังได้รับความรู้แนวคิดต่างๆ ในการรักษาสุขภาพจากการฟัง ถ้าผู้ฟังนำไปปฏิบัติตาม ผู้ฟังย่อมมีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรงสมบูรณ์ในขณะเดียวกันสังคมนั้นจะมีสมาชิกของสังคมที่มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิจารณญาณในการฟัง วิจารณญาณมาจากคำว่า วิจารณ + ญาณ วิจารณหรือวิจารณ์ หมายถึง การคิดใคร่ครวญโดยใช้เหตุผล ญาณ หมายถึง ปัญญา หรือความรู้ในชั้นสูง ความหมายของ วิจารณญาณ ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน คือ ปัญญาสามารถสันนิษฐานเหตุผล ดังนั้น การใช้วิจารณญาณในการฟังต้องเริ่มต้นด้วยความตั้งใจ ต่อจากนั้นก็พยายามทำความเข้าใจเนื้อหาสาระของเรื่องที่ฟัง แล้วจึงคิดใคร่ครวญตามไปด้วย โดยใช้ความรู้ ความคิด เหตุผล และประสบการณ์ประกอบ การใช้วิจารณญาณในการฟัง อาจเป็นไปในแง่ต่าง ๆ เช่น กระบวนการฟังสารโดยใช้วิจารณญาณ เมื่อคนเราได้ยินและเกิดการรับรู้แล้ว จึงจะเข้าใจความหมายของสาร กระบวนการในช่วงนี้คือการฟังโดยปกตินั่นเอง ยังไม่นับว่าถึงขั้นฟังอย่างมีวิจารณญาณต่อเมื่อได้ใช้ความคิดวิเคราะห์ใคร่ครวญและตัดสินใจได้ว่าข้อความที่ได้ฟังนั้นสิ่งใดเป็นใจความสำคัญสิ่งใดเป็นความประกอบหรือผลความ และสามารถแยกข้อความที่ได้ฟังนั้นสิ่งใดเป็นความประกอบหรือพลความและสามารถแยกข้อเท็จจริงออกจากข้อคิดเห็นได้ตลอด จนวินิจฉัยได้ว่าข้อความที่ได้ฟังเนื้อหาสาระ แง่คิดที่ดีหรือไม่ อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียงไร รวมทั้งประเมินค่าผู้พูดในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ ความสามารถ ความจริงใจ และกลวิธีในการนำเสนอเช่นนี้ จึงเรียกว่า การฟังอย่างมีวิจารณญาณ การใช้วิจารณญาณในการฟังสารประเภทต่าง ๆ · สารที่ให้ความรู้ · สารที่โน้มน้าวใจ · สารที่จรรโลงใจ 1. สารที่ให้ความรู้แนวทางในการพิจารณามีดังนี้ ถ้าเรื่องที่ฟังจำเป็นต้องใช้วิจารณญาณ ต้องฟังด้วยความตั้งใจยิ่งขึ้น จับประเด็นให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทความหรือข้อความอื่นใดก็ตามควรพิจารณาตามไปด้วยทุกระยะ วินิจสารด้วยความระวัง (วินิจสารคือตีความให้ได้ว่าความหมายที่แท้จริงที่ผู้ส่งสารพยายามจะสื่อมาถึงผู้ฟังคืออะไร) · ฝึกแยกแยะข้อเท็จจริงจากความคิดเห็นพิจารณาว่าสารที่ได้ฟังเชื่อถือได้หรือไม่ · ขณะที่ฟังบันทึกประเด็นสำคัญไว้เพื่อเตือนความทรงจำ · ประเมินค่าของสารที่ฟังนั้นว่ามีประโยชน์เพียงใด ให้คุณค่าอะไรบ้าง · พิจารณาว่าผู้พูดมีกลวิธีในการนำเสนอ น่าสนใจ ชวนติดตามเพียงใด ใช้ถ้อยคำสำนวนภาษาถูกต้องเหมาะสมหรือไม่เพียงไร 2. สารที่โน้มน้าวใจผู้ฟัง อาจใช้วิจารณญาณในแง่ต่าง ๆ ดังนี้ ·
สารที่ฟังนั้นเรียกร้องหรือดึงดูดความสนใจของผู้ฟังหรือเสริมสร้างความเชื่อมั่น · สารที่นำมาเสนอนั้นสนองความต้องการพื้นฐานของผู้ฟังอย่างไร ก่อให้เกิด ·
ผู้พูดเสนอแนวทางที่จะสนองความต้องการของผู้ฟังหรือแสดงให้เห็นว่าผู้ฟังจะได้ · สารนั้นเร่งเร้าให้ผู้ฟังเชื่อถือเกี่ยวกับสิ่งใดเฉพาะเจาะจงลงไปหรือไม่ว่าต้องการให้ · ภาษาที่ใช้ในการโน้มน้าวใจ ใช้ดีเพียงใด 3. สารที่จรรโลงใจ อาจได้จากบทเพลง บทประพันธ์ บทละคร บทความบางชนิด คำปราศรัย สุนทรพจน์ ฯลฯ เมื่อผู้ฟังได้ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย เกิดจินตนาการ มองเห็นแล้วเกิดความซาบซึ้ง สารที่จรรโลงใจ อาจยกระดับจิตใจของมนุษย์ให้สูงขึ้น มีวิธีพิจารณาดังต่อไปนี้ · ฟังด้วยความตั้งใจ ขณะเดียวกันก็ทำใจให้สบายอย่าให้เกิดความเคร่งเครียด · ทำความเข้าใจเนื้อหาสำคัญ และควรใช้จินตนาการให้ตรงตามจุดประสงค์ของสาร · พิจารณาว่าสารนั้นจรรโลงใจในแง่ใด อย่างไร เพียงใด สมเหตุสมผลหรือไม่ · พิจารณาภาษาที่ใช้ว่าเหมาะสมกับรูปแบบ เนื้อหา และผู้รับสารหรือไม่ เพียงใด ความสำคัญของการฟัง การฟังเป็นองค์ประกอบสำคัญประการแรกของหัวใจนักปราชญ์ได้แก่ สุ (ฟัง) จิ (คิด) ปุ (ถาม) ลิ (เขียน) การฟังเป็นพื้นฐานสำคัญของทักษะอื่นคือการพูด การอ่านและการเขียน การฟังเป็นการเสริมสร้างความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยการรับรู้ด้วยหู การอ่านรับรู้ด้วยตา การพูดและการเขียนเป็นการถ่ายทอดความคิดจากตัวเราให้คนอื่นเข้าใจ การฟังกับการพูดมีความสัมพันธ์กันอย่างยิ่ง การฟังมีส่วนสำคัญที่จะทำให้การพูดสัมฤทธิ์ผลเพราะ · การพูดจะต้องประกอบด้วยผู้พูดและผู้ฟัง การพูดคนเดียวหรือมีผู้นั่งอยู่แต่ไม่ฟัง ไม่ถือว่าเป็นการพูดที่สมบูรณ์ · การพูดที่สมบูรณ์ ผู้พูดกับผู้ฟังจะต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายตรงกัน และผู้ฟังสามารถจับใจความสำคัญได้ตรงตามที่ผู้พูดต้องการ · ผู้ฟังที่ดีมีมารยาทแสดงความสนใจ กระตือรือร้นที่จะฟังหรือตั้งคำถาม จะทำให้ผู้พูดมีกำลังใจมีความตั้งใจที่จะพูด จะทำให้พูดได้ดี แต่ถ้าผู้ฟังแสดงความเบื่อหน่ายไม่สนใจจะทำให้ผู้พูดหมดกำลังใจ · ผู้พูดต้องรู้จักเป็นนักฟังที่ดี รู้ว่าเมื่อใดควรพูด เมื่อใดควรฟัง · ผู้พูดที่ดีต้องฟังอยู่เสมอ เพื่อจะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นจากเรื่องที่ฟังและมีโอกาสได้สังเกตวิธีการพูดของผู้พูดอีกด้วย จุดมุ่งหมายของการฟังและดูมีอะไรบ้างการฟังและดูเป็นการรับสารเข้าสู่สมอง ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้น การฝึกรับสารด้วยการฟังและดูอย่างมีวิจารณญาณเป็นทักษะที่สำคัญ จะทำให้ผู้รับสารมีความรู้ที่ดี ถูกต้อง เหมาะสมและนำความรู้ที่ได้รับพูดนำเสนออกไปได้อย่างมีคุณค่า มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์กับตนเองและผู้อื่น
จุดมุ่งหมายของการฟังมี 3 ประการอะไรบ้างจุดมุ่งหมายในการฟัง
1. เพื่อติดต่อสื่อสารในชีวิตประจำวัน 2. เพื่อความเพลิดเพลิน 3. เพื่อรับความรู้
เพราะเหตุใดจึงต้องกำหนดจุดมุ่งหมายในการฟังและการดู๕. ความมุ่งหมายในการฟังและการดู
๑. เพื่อจับใจความสำคัญและใจความอันดับรอง ๒. เพื่อแยกส่วนที่เป็นข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น ๓. เพื่อหาเหตุผลสนับสนุนความเชื่อและความขัดแย้ง ๔. เพื่อให้ซาบซึ้งในคุณค่าต่าง ๆ เช่น คุณค่าทางวรรณคดี คติธรรม หรือสุนทรียภาพทางดนตรี
จุดประสงค์ของการฟังเเละการพูดที่สำคัญคืออะไรการฟังต้องมีจุดมุ่งหมาย มีจุดมุ่งหมายหลัก 3 ประการ คือ 1. ฟังเพื่อความรู้ ได้แก่ การฟังเรื่องราวที่เป็นวิชาการ ข่าวสารและข้อแนะนำต่าง ๆ 2. ฟังเพื่อความเพลิดเพลิน คือ การฟังเรื่องราวที่สนุกสนานเพลิดเพลิน 3. ฟังเพื่อให้ได้รับคติหรือความจรรโลงใจ คือ การฟังเรื่องที่ทำให้เกิดแนวคิด และสติปัญญา
|