เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

                                     

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล
 พระนารายณ์  
เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

QR Code 

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล
 

พระนารายณ์ เป็นเทวดาผู้เป็นใหญ่ฝ่ายปราบปราม มีกายสีดอกตะแบก มี 4 กรซึ่งกรทั้ง 4 นั้นถิออาวุธต่าง ๆ กัน คือ คฑา ตรี จักร สังข์ ประทับอยู่กลางเกษียรสมุทรบนหลังพญานาค ชื่อ อนันตนาคราช พระมเหสีของพระองค์คือพระลักษมี ทรงใช้ครุฑ เป็นพาหนะ พระนารายณ์ มี ชื่อเรียกอย่างอื่นอีก เช่น พระทรงครุฑ พระสี่กร พระทรงสังข์ พระวิษณุ พระธราธร พระสังขกร เป็นต้น

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล
  รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก 
เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี

ได้ฟังจึ่งตอบวาที กูนี้แปลงเป็นสตรีมา

เพราะมึงจะถึงแก่ความตาย ฉิบหายด้วยหลงเสน่หา

ใช่ว่ากลัวฤทธา ศักดานิ้วเพชรนั้นเมื่อไร

ชาตินี้มึงมีแต่สองหัตถ์ จงไปอุบัติเอาชาติใหม่

ให้สิบเศียรสิบพักตร์เกรียงไกร เหาะเหินเดินได้ในอัมพร

มีมือยี่สิบซ้ายขวา ถือคทาอาวุธธนูศร

กูจะเป็นมนุษย์แต่สองกร ตามไปราญรอนชีวี

ให้สิ้นวงศ์พงศ์มึงอันศักดา ประจักษ์แก่เทวาทุกราศี

ว่าแล้วกวัดแกว่งพระแสงตรี ภูมีตัดเศียรกระเด็นไป 

เนื้อเรื่องย่อ

นนทกนั่งประจำอยู่ที่บันไดของเขาไกลลาศ โดยมีหน้าที่ล้างเท้าให้แก่เหล่าเทวดาที่มาเข้าเฝ้าพระอิศวร ได้ยื่นเท้าให้ล้างแล้วมักแหย่เย้าหยอกล้อ นนทกอยู่เป็นประจำ ด้วยการลูบหัวบ้าง ถอนผมบ้างจนกระทั่งหัวโล้นทั้งศรีษะ นนทกแค้นใจมากแต่ว่าตนเองไม่มีกำลังจะสู้ได้ จึงไปเข้าเฝ้าพระอิศวร แล้วกราบทูลว่า ตนได้ทำงานรับใช้พระองค์มานานถึง 10 ล้านปี ยังไม่เคยได้รับสิ่งตอบแทนใดๆเลย จึงทูลขอให้นิ้วเพชร มีฤทธฺ์ชี้ผู้ใดก็ให้ผู้นั้นตาย
พระอิศวรเห็นว่านนทกปฏิบัติหน้าที่รับใช้พระองค์มานานจึงประทานพรให้ตามที่ขอ ไม่นานนัก นนทกก็มีใจกำเริบ เพียงแต่ถูกเทวดามาลูบหัวเล่นเช่นเคย นนทกก็ชี้ให้ตายเป็นจำนวนมาก พระอิศวรทรงทราบก็ทรงกริ้ว โปรดให้พระนารายณ์ไปปราบ
พระนารายณ์ แปลงเป็นนางฟ้ามายั่วยวน นนทกนึกรักจึงเกี่ยวนาง นางแปลงจึงชักชวนให้นนทกรำตามนางก่อนจึงจะรับรัก นนทกรำตามไปจนถึงท่ารำที่ใช้นิ้วเพชรชี้ขาตนเองนนทกก็ลมลงจากนั้นนนทกเห็นนางแปลงร่างเป็นพระนารายณ์ จึงตอบว่า พระนารายณ์เอาเปรียบตนเพราะว่าพระนารายณ์มีอำนาจ มีถึง ๔ กร แต่ตนมีแค่ ๒ มือ และเหตุใดจึงมาทำอุบายหลอกลวงตนอีก
พระนารายณ์จึงท้าให้นนทก ไปเกิดใหม่ให้มี ๒๐ มือ แล้วพระองค์จะตามไปเกิดเป็นมนุษย์มีเพียง ๒ มือ ลงไปสู้กัน หลังจากที่พระนารายพูดจบก็ใช้พระแสงตรีตัดศรีษะนนทกแล้วนนทกก็สิ้นใจตายชาติต่อมานนทกจึงได้ไปเกิดเป็นทศกัณฐ์ ส่วนพระนารายณ์ก็อวตารลงมาเกิดเป็นพระราม

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

ผู้จัดทำ : นางสาวพันธุ์ทิพา ขลิบสุวรรณ ม.6/2 เลขที่ 33

แหล่งอ้างอิง : http://i687.photobucket.com/albums/vv237/4-one/4-1/TBB1/22j7-4.jpg

                : http://www.trueplookpanya.com/new/cms_detail/knowledge/17721-00/

                : http://kratea.exteen.com/images/rr.jpg

                : http://icbbineinberliner.exteen.com/20090213/entry

                : http://icbbineinberliner.exteen.com/20110617/entry-1

                : https://ruangrat.wordpress.com/นานาสาระ-ชั้น-ม-2/รามเกียรติ์-ตอนนารายณ์ป/

                : http://my.dek-d.com/puppychick/writer/view.php?id=1086515

                : http://vignette4.wikia.nocookie.net/knowledgefromtextbooks/images/5/51/1123149692.jpg/revision/latest?cb=20140909135200&path-prefix=th

เมื่อนั้น พระนารายณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี แปล

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายฝูงสุราฤทธิ์ทุกทิศา
ทั้งหกห้องสวรรค์ชั้นฟ้า เจ้าป่าภูมิพฤกษ์เทวัญ
ได้ฟังพระลักษมณ์สุริย์วงศ์ ฝากองค์สีดาสาวสวรรค์
ให้เร่าร้อนฤทัยดั่งไฟกัลป์ เทวัญเล็งทิพเนตรมา
เห็นเจ้าลงกาพญายักษ์ จะมาลักอัคเรศเสน่หา
ต่างตระหนกตกใจเป็นโกลา ทุกเมืองแมนแดนฟ้าสุราลัย
ครั้นจะมารักษานางเทวี กลัวเดชอสุรีไม่มาได้
ต่างทุกข์ต่างร้อนอาวรณ์ใจ จึ่งตริไปแต่แรกอวตาร ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

ร่าย

๏ ก็รู้ว่าทศพักตร์ยักษา มันจะสิ้นชีวาสังขาร
เหตุด้วยสีดาเยาวมาลย์ จะก่อการเคี่ยวฆ่าอสุรี
ถึงมาตรมันพานางไป จะเป็นไรแก่องค์พระลักษมี
พระนารายณ์จะตามนางเทวี ทั้งจะพบโยธีวานร
ช่วยกันเคี่ยวเข็ญเข่นฆ่า ให้สิ้นวงศ์อสุราด้วยแสงศร
โลกาจะได้สถาวร เพราะพระสี่กรปราบมาร
ตริพลางต่างองค์โสมนัส แซ่ซ้องตบหัตถ์ฉัดฉาน
อื้ออึงไปทั่วจักรวาล แสนสนุกสำราญทั้งเมืองฟ้า ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายท้าวทศพักตร์ยักษา
ครั้นเห็นพระลักษมณ์อนุชา ออกจากศาลาก็ยินดี
ดั่งได้น้ำสุรามฤต มาลูบทรวงดวงจิตยักษี
แย้มยิ้มพริ้มพักตร์เปรมปรีดิ์ อสุรีก็เด็ดใบไม้มา
แล้วจึ่งยอกรขึ้นเหนือเกศ โอมอ่านพระเวทคาถา
เสกใบไม้ลูบกายา ด้วยศักดาเดชกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ ตระ

๏ บัดเดี๋ยวกลับเป็นดาบส อันมีพรตชำนาญฌานขยัน
ห่มหนังเสือลายพรายพรรณ เจิมจันทน์นุ่งผ้าคากรอง
สอดสายธุหร่ำมุ่นชฎา มือขวาถือตาลิปัตรป้อง
สวมประคำมณีดั่งสีทอง แล้วเดินย่องตามชายพนาลี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ พราหมณ์เข้า

๏ ครั้นถึงจึ่งแอบพุ่มไม้ แลไปเห็นองค์มารศรี
นั่งอยู่ที่หน้ากุฎี งามลํ้านารีในเมืองอินทร์ ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

ชมโฉม

๏ พิศพักตร์ผ่องพักตร์ดั่งจันทร พิศขนงก่งงอนดั่งคันศิลป์
พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน พิศทันต์ดั่งนิลอันเรียบราย
พิศโอษฐ์ดั่งหนึ่งจะแย้มสรวล พิศนวลดั่งสีมณีฉาย
พิศปรางดั่งปรางทองพราย พิศกรรณคล้ายกลีบบุษบง
พิศจุไรดั่งหนึ่งแกล้งวาด พิศศอวิลาศดั่งคอหงส์
พิศกรดั่งงวงคชาพงศ์ พิศทรงดั่งเทพกินรา
พิศถันดั่งปทุมเกสร พิศเอวเอวอ่อนดั่งเลขา
พิศผิวผิวผ่องดั่งทองทา พิศจริตกิริยาก็จับใจ
ยิ่งพิศยิ่งเพลินจำเริญรัก พญายักษ์ครวญคิดพิสมัย
สำราญแย้มยิ้มพริ้มไพร ก็ตรงเข้าไปยังกุฎี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เสมอ

๏ ครั้นถึงซึ่งหน้าอาศรม มีความชื่นชมเกษมศรี
ทำเป็นสำรวมอินทรีย์ ดั่งโยคีมีพรตจรรยา
จึ่งร่ายคาถามหาละลวย เป่ารวยตามลมไปตรงหน้า
แล้วอวยพรพึมพำชำเลืองตา ชัยตุมหาสถาวร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั่น นวลนางสีดาดวงสมร
เห็นดาบสเข้ามาถวายพร งามด้วยสังวรอินทรีย์
มิได้มีใจสงกา กัลยาประณตบทศรี
แล้วกล่าวสุนทรวาที พระมุนีนี้นามกรใด
บำเพ็ญฌานสร้างพรตพรหมจรรย์ ศาลาอารัญนั้นอยู่ไหน
อตส่าห์บุกป่าฝ่าไพร มีกิจสิ่งไรพระอาจารย์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรผู้ปรีชาหาญ
ฟังเสียงฟังรสพจมาน ปานอมฤตฟ้ายาใจ
พร้อมทั้งจริตมารยาท ยิ่งแสนพิศวาสหลงใหล
จึ่งมีมธุรสตอบไป รูปนี้ได้ชื่อว่าสุธรรม์
อยู่แดนลงกาธานี ไม่มีโลโภโมหันธ์
ตั้งแต่รักษาพรหมจรรย์ นานได้แปดพันปีมา
ไม่สบายจึ่งเที่ยวจงกรม ให้เป็นบรมสุขา
พอแลเห็นบรรณศาลา ตานี้ยินดีเป็นพ้นนัก
จึ่งอุตส่าห์แวะเข้ามาดู หวังว่าจะใคร่รู้จัก
พบเจ้าเยาวยอดวิไลลักษณ์ ผ่องพักตร์เสาวภาคย์จำเริญใจ
มาอยู่ผู้เดียวที่ในป่า ถิ่นฐานพาราเป็นไฉน
อันนามกรชื่อไร เหตุใดมาบวชเป็นโยคี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสีดามารศรี
ได้ฟังวาจาพระมุนี เทวีจึ่งกล่าวสุนทร
ตัวข้านี้เป็นอัคเรศ พระราเมศสุริย์วงศ์ทรงศร
มีนามสีดาบังอร อยู่พระนครอยุธยา
ผ่านฟ้ารับสัตย์พระบิตุรงค์ มาทรงผนวชเป็นชีป่า
ข้ากับพระลักษมณ์อนุชา เสน่หาต่อเบื้องบทมาลย์
จึ่งออกมาตามปรนนิบัติ ที่ในพนัสไพรสาณฑ์
แต่อยู่ที่นี่ก็ช้านาน พึ่งเห็นพระอาจารย์วันนี้ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษี
ได้ฟังพจนารถเทวี จึ่งกล่าววาทีอันสุนทร
อนิจจาเจ้าผู้จำเริญพักตร์ ทรงลักษณ์ยิ่งเทพอัปสร
งามเสงี่ยมเอี่ยมองค์อรชร จะหาเปรียบบังอรไม่เทียมทัน
จะว่าโดยเอ็นดูอย่าน้อยใจ ใช่จะแกล้งกล่าวเสกสรร
เจ้ากับพระรามสามีนั้น ไกลกันดั่งดินกับแผ่นฟ้า
แม้นได้ไปเป็นมเหสี ทศเศียรอสุรีจะดีกว่า
สมบัติพัสถานเขาโอฬาร์ เดชาปรากฏทั้งแดนไตร
ท่านนั้นเป็นวงศ์พรหเมศ ทั่วทุกเทเวศบังคมไหว้
ท้าวไร้อัคเรศอันพึงใจ ที่จะได้เป็นปิ่นนารี
เหมือนเจ้าไปร่วมเศวตฉัตร งามดั่งเนาวรัตน์จำรัสศรี
กับทิพสุวรรณอันรูจี จะเป็นที่สรรเสริญทั้งโลกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดเสน่หา
ได้ฟังขัดแค้นแน่นอุรา กัลยาจึ่งตรัสตอบไป
อันทศเศียรขุนยักษ์ ชั่วนักไม่มีใครเปรียบได้
เขารู้อยู่สิ้นทั้งแดนไตร เหตุใดมาชมกันว่าดี
ฝ่ายว่าพระรามสุริย์วงศ์ คือองค์พระนารายณ์เรืองศรี
อวตารมาผลาญอสุรี ภูมีตั้งอยู่ในสัตย์ธรรม์
ไฉนกลับติเตียนด้วยคำคด หรือดาบสพวกพาลโมหันธ์
ไม่รู้ว่าพิษเพลิงกัลป์ มาประมาทเสกสรรเจรจา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังพจนารถนางกัลยา อสุรายิ้มแล้วก็ตอบไป
อนิจจารูปว่าจะให้ดี กลับโกรธฤๅษีก็เป็นได้
อันพระรามสามีอรไท ที่ไหนจะเทียมทศพักตร์
น้อยทั้งสมบัติพัสถาน ศฤงคารบริวารอาณาจักร
ทั้งฤทธีปรีชาก็อ่อนนัก เปรียบกับพญายักษ์นั้นไกลกัน
มาตรแม้นจะต่อฤทธา แต่พริบตาก็จะม้วยอาสัญ
รักเจ้าจึ่งว่าโดยธรรม์ กัลยาคิดดูให้จงดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสีดามารศรี
ได้ฟังถ้อยคำโยคี ดั่งคมตรีเสียบกรรณกัลยา
จึ่งว่าฤๅษีนี้ทุจริต ไม่อยู่โดยกิจชีป่า
มาดูหมิ่นองค์พระจักรา ไม่มีฤทธาหรือว่าไร
อันทูษณ์ขรตรีเศียรสามนาย น้องชายทศกัณฐ์นั้นไปไหน
กับพลสี่สิบสมุทรไท คือใครสังหารชีวัน
ถึงขุนยักษ์สิบพักตร์ยี่สิบกร ไม่ครั่นศรพระนารายณ์รังสรรค์
สิ้นทั้งโคตรวงศ์พงศ์พันธุ์ อย่าสำคัญว่าจะรอดชีวี
เรานี้มิได้สมาคม ฟังลมโกหกฤๅษี
เร่งไปเสียจากกุฎี อย่ามาเซ้าซี้เจรจา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวราพนาสูรยักษา
ได้ฟังกริ้วโกรธโกรธา อสุราร้องตวาดไป
เหม่เหม่สีดายุพาพาล ถ้อยคำสามานย์หยาบใหญ่
ยกผัวว่ามีฤทธิไกร จะได้เห็นกันในวันนี้
ตัวเรามิใช่ดาบส คือทศพักตร์ยักษี
แม้นว่าพระรามมีฤทธี จงมาต่อตีด้วยกัน
ว่าแล้วกลับกลายเป็นรูปยักษ์ สิบพักตร์กรแกว่งพระแสงขรรค์
สิบปากขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เนตรนั้นดั่งดวงสุริยา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น โฉมนางสีดาเสน่หา
แลเห็นเป็นรูปอสุรา กัลยาตระหนกตกใจ
เรียกองค์พระลักษมณ์พระจักรี จะมีสมประดีก็หาไม่
ร้องตรีดหวีดหวาดวุ่นไป อรไทวิ่งหนีกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์รังสรรค์
เห็นนางสีดาวิลาวัณย์ ตัวสั่นวิ่งร้องไม่สมประดี
พญามารแย้มยิ้มพริ้มพราย ตาหมายจะจับนางโฉมศรี
ไล่ลัดสกัดทันที อสุรีคว้าไขว่ไปมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นทันโฉมยงนงลักษณ์ พญายักษ์กั้นกางขวางหน้า
แล้วมีมธุรสวาจา แก้วตาอย่าตระหนกตกใจ
ความพี่รักเจ้าเยาวเรศ เปรียบปานดวงเนตรก็เปรียบได้
ขอเชิญยุพยอดอรไท มาไปเป็นศรีเมืองมาร
จะตั้งเจ้าไว้ให้เป็นเอก ร่วมเศวกฉัตรฉายฉาน
ใหญ่กว่าสนมบริวาร ในปราสาทสุรกานต์อลงกรณ์
ว่าพลางก็เข้าประคององค์ ค่อยดำรงโอบอุ้มดวงสมร
รับขวัญแล้วพาบังอร บทจรไปรถมณี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งวางนางลง ยังท้ายรถทรงจำรัสศรี
ขับทะยานผ่านฟ้าด้วยฤทธี พวกพลอสุรีก็ล้อมมา ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น นางสีดาเยาวยอดเสน่หา
เหลียวดูพระบรรณศาลา กัลยาพ่างเพียงจะขาดใจ
แลหาพระลักษมณ์พระจักรแก้ว จะเห็นแว่วตามมาก็หาไม่
ยิ่งวิโยคโศกแสนอาลัย อรไทครวญถึงพระภัสดา
โอ้ว่าพระจอมมงกุฎเกศ ก็แจ้งเหตุว่ากลยักษา
ตัวข้าไม่ฟังพระบัญชา ให้ผ่านฟ้าไปตามมฤคี
พระลักษมณ์ทานทัดก็ขัดใจ ขืนขับให้ไปช่วยพี่
อสุรามันจึ่งได้ที ลักเมียหนีจากบทมาลย์
กลับมาจะเห็นศาลาเปล่า จะโศกเศร้ากำสรดด้วยสงสาร
อกเอ๋ยใครเลยจะแจ้งการ แก่พระอวตารสี่กร
ให้รีบตามมาบัดเดี๋ยวนี้ สังหารอสุรีด้วยแสงศร
สุดคิดเมียแล้วพระภูธร ร่ำพลางบังอรก็โศกา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

ร่าย

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสดายุราชปักษา
อยู่ในวิมานอันโอฬาร์ สกุณาคิดถึงพระจักรี
นานแล้วมิได้ไปเยี่ยมบาท พระนารายณ์ธิราชเรืองศรี
ป่านนี้สามกษัตริย์ธิบดี จะมีสุขหรือทุกข์ประการใด
อย่าเลยวันนี้จะไปดู ให้รู้ร้ายดีเป็นไฉน
ก็ออกจากวิมานอำไพ ถีบทะยานขึ้นในเมฆา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ แผละ

๏ ลมปีกลั่นปานพายุพัด เมฆกลัดหมอกเกลื่อนพระเวหา
สะท้านดงสะเทือนดินโกลา มืดฟ้ามัวฝนอึงอล
สิงขรสาครกัมปนาท โลกธาตุลั่นทั่วทุกแห่งหน
ปกศรีปิดแสงสุริยน พยับบังโพยมบนอนธการ
ถารีบถีบเร็วกว่าลมพัด ปีกกวัดปัดแกว่งสำแดงหาญ
ข้ามสมุทรเขาสุเมรุจักรวาล ผ่านเมฆเผ่นมาด้วยฤทธี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ จึงเหลือบแลเห็นทศพักตร์ ลักองค์สีดามารศรี
ใส่ท้ายรถรัตนมณี อสุรีแวดล้อมเหาะมา
กริ้วโกรธพิโรธดั่งเพลิงกัลป์ ราปีกเข้ากั้นขวางหน้า
จึ่งร้องสำทับด้วยวาจา ว่าเหวยดูกรขุนมาร
เหตุใดตัวมึงจึงบังอาจ ไปลักอัครราชยอดสงสาร
ขององค์พระรามผู้ปรีชาญ ไม่กลัววายปราณหรือว่าไร
ท่านนั้นคือองค์พระทรงนาค มาจากเกษียรสมุทรใหญ่
นี่พระลักษมีคู่ใจ ไอ้จังไรจงเชิญนางเทวี
คืนไปถวายพระทรงฤทธิ์ จะได้รอดชีวิตยักษี
แม้นเอ็งไม่ฟังเราพาที กูจะผลาญชีวีอสุรา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรสุริย์วงศ์ยักษา
ได้ฟังพญาสกุณา โกรธาตวาดประกาศไป
เหม่เหม่ไอ้ชาติเดียรฉาน อหังการเจรจาหยาบใหญ่
ถึงมาตรนารายณ์เรืองชัย ตัวกูไม่เกรงฤทธี
กงการอะไรไอ้สู่รู้ จะต่อสู้พระกาลเรืองศรี
หัวมึงจะขาดจากอินทรีย์ ด้วยมือกูนี้ไม่พริบตา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น สดายุฤทธิไกรใจกล้า
ได้ฟังทศเศียรอสุรา โกรธาดั่งไฟประลัยกัลป์
จึ่งร้องว่าเหวยไอ้ขุนยักษ์ มึงนี้ทรลักษณ์โมหันธ์
อันท้าวทศรถทรงธรรม์ สหายร่วมชีวันของกูมา
เหตุใดจึ่งว่ามิใช่การ นางสีดาเยาวมาลย์เสน่หา
เป็นศรีสะใภ้ยอดธิดา อสุราไม่รู้หรือว่าไร
ถึงมึงสิบพักตร์ยี่สิบกร หรือจะต่อฤทธิรอนกับกูได้
บัดเดี๋ยวจะม้วยบรรลัย มึงอย่าอาจใจพาที
ว่าแล้วกระหยับปีกร่อน ด้วยกำลังฤทธิรอนปักษี
บินไล่ถาโถมโจมตี จิกหมู่อสุรีบริวาร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น อสุราห้าสิบทวยหาญ
เห็นปักษีองอาจอหังการ ต่างโถมทะยานเข้าราญรอน
พุ่งซัดอาวุธสับสน ต่างตนก็ยิงธนูศร
ครื้นครั่นสนั่นอัมพร ทินกรมืดคลุ้มชอุ่มควัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น สดายุฤทธิแรงแข็งขัน
เข้าไล่โฉบฉาบพัลวัน ประจัญกลางหมู่อสุรี
ยักษ์หาญอาจกล้าไม่ละลด ขุนนกทรหดไม่ถอยหนี
เล็บหยิกปากจิกปีกตี โยธีห้าสิบก็มรณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
เห็นพลสุดสิ้นชีวา โกรธาขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ยี่สิบกรกวัดแกว่งอาวุธ สำแดงฤทธิรุทรดั่งจักรผัน
กระทืบรถแก้วแพรวพรรณ เข้าไล่บุกบันสกุณี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น จึ่งสดายุราชปักษี
โฉบขยิกจิกฉาบอสุรี คาบได้สารถีที่ขับรถ
เท้าหยิกจิกด้วยจะงอยปาก ถีบกระชากคอขาดเลือดหยด
โฉบตีราชสีห์เลี้ยวลด หมดทั้งสองพันก็บรรลัย
อันรถซึ่งพญามารทรง กำกงหักยับไม่ทนได้
แล้วบินถาโถมเข้าไป หมายใจจะชิงเยาวมาลย์ ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรฤทธิไกรใจหาญ
หัตถ์หนึ่งอุ้มนางเหาะทะยาน สิบเก้ากรรอนราญสกุณี
ด้วยกำลังศักดาวรารุทร จนสิ้นอาวุธยักษี
ยังแต่มือเปล่าเข้าราวี ต่างตีสัประยุทธ์ไปมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ กุมภัณฑ์ประหวั่นพรั่นใจ กลัวจะเสียชัยแก่ปักษา
อุ้มนางพลางสู้สกุณา ให้พะว้าพะวังด้วยบังอร ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น สดายุใจหาญชาญสมร
บินขวางหน้าท้าวยี่สิบกร สำแดงฤทธิรอนดั่งลมกัลป์
กางปีกแผ่หางพลางเย้ย ว่าเหวยอสุรีโมหันธ์
สิบเศียรสิบพักตร์กุมภัณฑ์ ยี่สิบหัตถ์อันชิงชัย
พุ่งซัดอาวุธเป็นห่าฝน จะต้องปลายขนก็หาไม่
ถึงทั้งสามภพจบแดนไตร กูจะเกรงผู้ใดอย่าพึงคิด
กลัวแต่พระสยมภูวนาถ พระนารายณ์ธิราชจักรกฤษณ์
กับธำมรงค์พระอิศวรทรงฤทธิ์ ที่ติดนิ้วน้อยนางมา ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น ท้าวทศพักตร์ยักษา
ได้ฟังพญาสกุณา อสุราชื่นชมยินดี
ทั้งสิ้นฤทธิ์สิ้นคิดคิดกลัวตาย สุดหมายจะชนะปักษี
จับข้อพระหัตถ์นางเทวี อสุรีชิงถอดธำมรงค์
ซึ่งอยู่ในนิ้วกนิษฐา องค์นางสีดานวลหง
มุ่งมาดจะพิฆาตให้ปลดปลง ก็ขว้างตรงไปด้วยกำลังกาย ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ รัศมีโชติช่วงทั้งอากาศ ต้องสดายุราชดั่งใจหมาย
เพียงคมจักรแก้วแพรวพราย ทำลายชีวิตสกุณี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาสดายุราชปักษี
ครั้นต้องแหวนแก้วพระศุลี เจ็บทั่วอินทรีย์โลมา
สองปีกหางหักสลักอก ตกลงมาจากเวหา
ปากคาบธำมรงค์อลงการ์ เอาใจไว้ท่าพระจักรี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น นวลนางสีดามารศรี
ครั้นเห็นพญาสกุณี ต้องแหวนโมลีอลงการ
ตกลงกับพื้นพสุธา เวทนาถึงสิ้นสังขาร
ความรักความเสียดายพ้นประมาณ นงคราญครวญคร่ำรำพัน ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ โอ้ว่าสดายุเอ๋ย ไม่ควรเลยจะสิ้นชีวาสัญ
เรืองฤทธิไกรดั่งไฟกัลป์ ลือทั่วสวรรค์ชั้นฟ้า
ตั้งใจจงรักพระนารายณ์ ไม่คิดกายต่อด้วยยักษา
อสุรีก็จะแพ้ศักดา ควรหรือยังว่าประมาทใจ
เมื่อยังสงครามติดพัน มาโมหันธ์เจรจาก็เป็นได้
จนถึงชีวันบรรลัย ดั่งใช่เชื้อชาติอาชาชาญ
เสียแรงเป็นพ่อสหายรัก พระทรงจักรผู้ปรีชาหาญ
กลับแพ้อสุราสาธารณ์ สงสารเป็นพ้นคณนา
ทีนี้ใครจะช่วยเจ็บร้อน ชิงข้าจากกรยักษา
ร่ำพลางแสนโศกโศกา ปิ้มว่าจะสิ้นชีวี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น ท้าวยี่สิบกรยักษี
รณรงค์มีชัยสกุณี ก็อุ้มพระลักษมีเหาะมา
เดชะบารมีโฉมฉาย ให้บันดาลร้อนกายยักษา
สิ้นแรงที่จะไปในเมฆา ก็ลงมายังพื้นสุธาธาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงจึ่งวางนางลง นำองค์เยาวยอดสงสาร
ดั้นดัดลัดพงดงดาน ข้ามห้วยเหวธารผ่านไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ พญาเดิน

๏ เมื่อนั้น นางสีดาผู้ยอดพิสมัย
เดินพลางทางโศกาลัย อรไทเหลียวหาพระจักรี
พอเห็นพญายูงทอง เยื้องย่องบนยอดคีรีศรี
จึ่งกล่าวสุนทรวาที นกเอ๋ยจงมีเมตตา
ช่วยนำเอาข่าวไปถวาย องค์พระนารายณ์นาถา
ว่ายักษีพาข้าหนีมา แสนเวทนาลำบากใจ
ความอายความแค้นนั้นสุดคิด เห็นจะครองชีวิตไว้ไม่ได้
ให้พระองค์เร่งตามมาชิงชัย สั่งพลางเดินไปด้วยกุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เพลง

๏ ข้ามธารผ่านทุ่งวุ้งเขา ตามลำเนาแนวป่าพนาสัณฑ์
จนชายบ่ายแสงสุริยัน กัลยาเห็นฝูงวานร
ลูกเกาะหน้าหลังพรั่งพรู เลียบอยู่ที่เชิงสิงขร
จึ่งมีวาจาว่าวอน ดูก่อนท่านผู้สวัสดี
ขอฝากภูษาไวัถวาย องค์พระนารายณ์เรืองศรี
เมตตาช่วยทูลพระจักรี ว่าอสุรีมันลักน้องมา
ว่าพลางนางเปลื้องสไบทรง ออกส่งให้แก่กระบี่ป่า
แล้วสั่งซ้ำร่ำไรโศกา อย่าลืมคำข้าพี่วานร
ให้พระเร่งตามไปโรมรัน ผลาญชีวิตมันด้วยแสงศร
ให้สิ้นโคตรอาสัตย์ดัสกร ยังนครลงกาเมืองมาร ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น ทศเศียรผู้ปรีชาหาญ
พาองค์สีดายุพาพาล ข้ามธารแถวป่าพนาวัน
มิได้หยุดหย่อนผ่อนกาย จนชายบ่ายแสงพระสุริย์ฉัน
ด้วยเกรงพระรามจะตามทัน กุมภัณฑ์ถึงฝั่งสมุทรไท
จึ่งคิดว่าสีดาทรงลักษณ์ ทั่วทั้งไตรจักรไม่หาได้
แม้นกูจะพาเข้าไป ไว้ในลงกาธานี
จะเป็นที่เคืองใจเคืองตา กับมณโฑกัลยามเหสี
อย่าเลยจะพานางเทวี ไปไว้ในที่อุทยาน
คิดแล้วช้อนองค์นงลักษณ์ พญายักษ์สำแดงกำลังหาญ
เหาะข้ามสมุทรชลธาร หมายสถานสวนแก้วมาลี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงตำหนักที่ประพาส ในราชอุทยานยักษี
ก็วางองค์สีดาเทวี ลงที่แท่นแก้วอลงกรณ์
เดชะด้วยโพธิสมภาร พระมารดาโลกดวงสมร
พญายักษ์เข้าใกล้บังอร ให้ร้อนฤทัยดังไฟกัลป์
สิบเศียรเพียงแตกทำลาย ด้วยเดชะพระนารายณ์รังสรรค์
ก็เสด็จย่างเยื้องจรจรัล ออกจากสุวรรณพลับพลา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เสมอ

๏ จึ่งมีพระราชบรรหาร สั่งสหัสกุมารโอรสา
ให้ระวังระไวนางสีดา ตรวจตรากำชับกันจงดี
แม้นว่ามีเหตุเภทภัย กูไม่ไว้ชีวิตยักษี
สั่งแล้วสำแดงฤทธี เหาะเข้าบูรีขุนมาร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น พระจักรีผู้ปรีชาหาญ
แผลงศรต้องกวางสาธารณ์ บรรลัยลาญสุดสิ้นชีวี
จึ่งเอาเชือกเขาเถาวัลย์ ผูกพันข้อเท้าทั้งสี่
เอาคันศรสอดคอนมฤคี ก็เสด็จจรลีกลับมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เพลง

๏ ข้ามธารผ่านทุ่งวุ้งเวิ้ง เลียบเชิงพนมแนวป่า
เหลือบแลไปเห็นอนุชา ผ่านฟ้าตระหนกตกใจ
จึ่งตรัสถามว่าเจ้าลักษมณ์ น้องรักของพี่เป็นไฉน
จึ่งละนางสีดาผู้เดียวไว้ เหตุใดมาเป็นดั่งนี้ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
น้อมเศียรกราบบาทพระจักรี ชุลีกรสนองพระบัญชา
เมื่อกี้ได้ยินสำเนียง สุรเสียงสมเด็จพระเชษฐา
ว่ากวางกลายเป็นอสุรา เข้ามาหักหาญชิงชัย
มันมีศักดาสามารถ ผู้เดียวไม่อาจต่อได้
สุดแรงสุดฤทธิ์สุดใจ เห็นจะเสียชัยแก่กุมภัณฑ์
เรียกข้าให้รีบไปช่วย แม้นช้าจะม้วยอาสัญ
พระพี่นางได้ยินเสียงมัน สำคัญว่าเสียงพระสี่กร
ขับน้องให้ตามเบื้องบาท พระตรีภูวนาถทรงศร
ทูลว่าใช่เสียงพระภูธร อสุรีหลอกหลอนเป็นมารยา
พี่นางไม่เชื่อฟังคำ พิไรรํ่าเพียงสิ้นสังขาร์
พ้อตัดขัดแค้นโกรธา สารพันจะว่าที่ไม่ดี
สุดคิดสุดที่จะขัดได้ จำใจมาตามบทศรี
ซึ่งข้าล่วงราชวาที โทษนี้ถึงสิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๑๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระจักรรัตน์แก้วรังสรรค์
ฟังข่าวเร่าร้อนดั่งเพลิงกัลป์ ทรงธรรม์ทุ่มทิ้งมฤคี
เอะผิดไปแล้วเจ้าลักษมณ์ น้องรักผู้ร่วมชีวิตพี่
เห็นจะได้ทุกข์แสนทวี ครั้งนี้จะฟายน้ำตา
ตรัสแล้วสะท้อนถอนใจ ภูวไนยเศร้าโทมนัสสา
จึ่งชวนพระศรีอนุชา เสด็จมาตามทางพนาวัน ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

โอ้ร่าย

๏ ข้ามธารผ่านเขาลำเนาทุ่ง ให้สะดุ้งพระทัยไหวหวั่น
ทศทิศมืดคลุ้มชอุ่มควัน ฟ้าลั่นครั่นครื้นอึงอล
อันพฤกษาชาติริมทาง ม่วงปรางลางสาดที่ทรงผล
ก็ผลิดอกออกช่อเสาวคนธ์ ล้วนพิกลหลายหลากประหลาดใจ
ฝ่ายหมู่ปักษาทิชากร จะบินร่อนไปมาก็หาไม่
จับเจ่าเหงาเงียบสงัดไป มิได้ขานขันจำนรรจา
อีกทั้งพระแสงศรทรง เผอิญตกลงจากหัตถา
สารพันแปลกใจนัยนา ก็รีบมาอารัญกุฎี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เชิด

๏ ครั้นถึงศาลาอาวาส ไม่เห็นอัครราชมเหสี
ตกใจดั่งจะม้วยชีวี ภูมีเที่ยวหาอรไท ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ค้นทุกสุมทุมพุ่มพง ริมจังหวัดวงที่อาศัย
ทั้งท่านํ้าสระสวนดอกไม้ เที่ยวไปไม่พบกัลยา
สองกษัตริย์ก็ทรุดนั่งลง ต่างองค์เศร้าโทมนัสสา
ชลเนตรคลอดวงนัยนา ต่างแสนโศการํ่าไร ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ โอ้ว่าสีดาของ­­พี่เอ๋ย ทรามเชยเยาวยอดพิสมัย
เพื่อนยากลำบากเดินไพร พี่ก็ถนอมใจนางเทวี
อันกลอสุรีก็แจ้งอยู่ แต่สุดรู้ที่จะขัดโฉมศรี
ถึงมาตรไปตามมฤคี พี่นี้ไม่วางวิญญาณ์
จึ่งให้พระลักษมณ์อยู่ด้วย หวังช่วยพิทักษ์รักษา
แม้นว่ามิขับอนุชา ที่ไหนแก้วตาจะหายไป
สุดคิดพี่แล้วครั้งนี้ จะรู้ที่ติดตามไปหนไหน
ตั้งแต่จะโศกาลัย ตายอยู่ที่ในหิมวา
เสียทีที่ได้อวตาร มาปราบพวกพาลยักษา
ไตรโลกก็จะล่วงนินทา ว่าไม่รู้กลอสุรี
ครั้นจะกลับคืนนคเรศ ก็อายแก่เทเวศร์ทุกราศี
รํ่าพลางทางทรงโศกี ดั่งหนึ่งชีวีจะบรรลัย ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

โอ้

๏ เมื่อนั้น พระลักษมณ์ผู้มีอัชฌาสัย
คิดว่าพระองค์ทรงฤทธิไกร ภูวไนยสิ้นชีพชีวัน
จึ่งเข้าสวมกอดบาทบงสุ์ พระเชษฐาสุริย์วงศ์รังสรรค์
ซบพักตร์โศกาจาบัลย์ รำพันฟูมฟายชลนา
โอ้พระหริวงศ์ทรงภพ เลื่องชื่อลือจบทุกทิศา
ควรเป็นจรรโลงโลกา หรือมาสิ้นชีวาอยู่กลางดิน
มาทิ้งน้องไว้ไม่อาวรณ์ ภูธรกลับไปบรรทมสินธุ์
ใครจะได้แก้แค้นไพริน ซึ่งดูหมิ่นลักองค์อรไท
โอ้พระลักษมีโฉมยง ป่านนี้พระองค์จะเป็นไฉน
อกเอ๋ยทุกข์เดียวไม่สาใจ ภูวไนยซํ้าสิ้นชีวา
กลับเป็นสองทุกข์ดั่งนี้ สุดที่น้องจะคงสังขาร์
รํ่าพลางซบพักตร์โศกา สลบกับบาทาพระอวตาร ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

ยานี

๏ เมื่อนั้น ฝ่ายองค์เจ้าตรัยตรึงศ์สถาน
เสด็จเหนือทิพอาสน์อลงการ ในมหาวิมานรูจี
พร้อมด้วยสุรางค์อัปสร ถวายกรฟ้อนรำดีดสี
มิได้มีสุขสวัสดี อินทรีย์เร่าร้อนดั่งเพลิงกัลป์
จึ่งเล็งดูด้วยทิพเนตร เห็นพระนเรศรังสรรค์
กับองค์อนุชาวิลาวัณย์ สลบอยู่หน้าบรรณศาลา
ตกใจกลัวองค์พระนารายณ์ จะวายชีวิตสังขาร์
จึ่งพาฝูงเทพเทวา เหาะมาด้วยกำลังฤทธิรณ ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ เหาะ

๏ เลื่อนลอยอยู่บนคัคนานต์ บันดาลเป็นละอองฝอยฝน
ต้ององค์พระลักษมณ์พระภุชพล เย็นทั่วสกนธ์อินทรีย์
แล้วมีเทวราชประกาศมา ให้พระจักราเรืองศรี
ตามนางทางทิศหรดี จะมีผู้บอกข่าวเยาวมาลย์
จึ่งจะได้ไปล้างหมู่ยักษ์ ให้ไตรจักรเป็นสุขเกษมศานต์
ว่าแล้วพาฝูงบริวาร กลับไปสถานวิมานฟ้า ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ เชิด

๏ เมื่อนั้น สองกษัตริย์สุริย์วงศ์นาถา
ครั้นต้องละอองทิพธารา ค่อยสว่างวิญญาณ์สมประดี
ต่างฟื้นพระองค์ดำรงกาย ฝ่ายพระนารายณ์เรืองศรี
จึ่งมีพจนารถวาที เจ้าพี่ผู้ร่วมชีวาลัย
เมื่อกี้เสียงใครร้องประกาศ นุชนาฏได้ยินหรือหาไม่
ให้เราไปตามอรไท จะได้ซึ่งข่าวกัลยา
ตรัสแล้วต่างจับศรทรง สององค์เศร้าโทมนัสสา
ออกจากบริเวณศาลา บ่ายหน้าไปทิศหรดี ฯ

ฯ ๘ คำ ฯ

พญาโศก

๏ เสด็จโดยพนมพนาเวศ ทอดพระเนตรเห็นศพยักษี
เรี่ยรายตามชายพนาลี พระจักรีพินิจพิศไป
หัวขาดตีนขาดแขนหลุด จะเป็นรอยอาวุธก็มิใช่
ยิ่งคิดฉงนสนเท่ห์ใจ ภูวไนยก็รีบเสด็จมา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เดินพลางพิศดูทุกย่างบาท เห็นสดายุราชปักษา
ปีกหักหางหักเวทนา ผ่านฟ้าตระหนกตกใจ
เข้าใกล้แล้วกล่าวพจมาน ท่านนี้เหตุการณ์เป็นไฉน
รณรงค์สงครามด้วยผู้ใด จึงได้เจ็บชํ้าทั้งอินทรีย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พญาสดายุปักษี
ครั้นเห็นพระลักษมณ์พระจักรี สกุณีจึ่งแจ้งกิจจา
ต้วข้าคิดถึงพระสี่กร ก็เขจรมาโดยเวหา
พบทศกัณฐ์อสุรา ลักนางสีดายุพาพักตร์
ใส่รถมากลางโพยมหน จึ่งเข้าประจญหาญหัก
หวังจะชิงองค์นงลักษณ์ จากกรขุนยักษ์ชาญฉกรรจ์
หักรถฆ่าพลโยธา บรรดามาก็ม้วยอาสัญ
จนสิ้นอาวุธกุมภัณฑ์ ข้าเยาะเย้ยมันประมาทไป
ว่ากลัวแต่แหวนแก้วที่นางทรง ขององค์พระอิศวรประทานให้
อสุรีไม่คิดละอายใจ ถอดได้จากก้อยกัลยา
ขว้างมาต้องปีกหางหัก เพียงจักสิ้นชีพสังขาร์
ว่าพลางถวายแหวนพระจักรา สกุณาก็สิ้นชีวัน ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด

๏ เมื่อนั้น สองกษัตริย์สุริย์วงศ์รังสรรค์
ฟังสดายุรํ่ารำพัน แจ้งข่าวองค์กัลยาณี
ถวายแหวนแล้วสิ้นชนมาน สงสารพญาปักษี
ทั้งทุกข์ทั้งแค้นแสนทวี โศกีรํ่ารักสกุณา ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ

โอ้

๏ โอ้ว่าสดายุฤทธิรงค์ เสียทีอาจองแกล้วกล้า
สงครามหรือประมาทวาจา จนเสียชีวาแก่ขุนมาร
เสียแรงที่มีกำลังฤทธิ์ ทศทิศเลื่องชื่อลือหาญ
เสียยศอัปยศทั้งไตรดาล ผ่านฟ้ารํ่าพลางทางโศกี ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นค่อยคลายความอาวรณ์ พระสี่กรธิราชเรืองศรี
ก็ทรงพลายวาตอันฤทธี ภูมีแผลงสนั่นครรชิต ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เชิด

๏ เกิดเป็นมหาเมรุมาศ โอภาสดั่งวิมานในดุสิต
ห้ายอดมีมุขทั้งสี่ทิศ พึงพิศจำเริญนัยนา
รุ่งเรืองด้วยเครื่องประดับครบ สวมศพพญาปักษา
เสร็จแล้วสมเด็จพระจักรา ผ่านฟ้าแผลงอัคนีไป ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ เป็นเพลิงเริงแรงแสงฉาน เผาผลาญซากศพหมดไหม้
แล้วเป็นห่าฝนดับไฟ ด้วยฤทธิไกรพระจักรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ รัว

๏ ครั้นเสร็จปลงศพสกุณา ก็พาพระอนุชาเรืองศรี
ยุรยาตรนาดกรจรลี มาตามวิถีพนาวัน ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

๏ จึ่งแลไปเห็นพระไทร มณฑลสูงใหญ่ดั่งฉัตรกั้น
ร่มชิดมิดแสงสุริยัน ผลนั้นดกดาษสะอาดตา
สองกษัตริย์เร่งรีบบทจร ทินกรร้อนแรงแสงกล้า
ก็เข้าอาศัยในฉายา หวังว่าจะระงับอินทรีย์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เสมอ

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงอสุรกุมพลยักษี
มีกายแต่เพียงนาภี อสุรีทรงกำลังฤทธา
เติบโตใหญ่สูงเงื้อมง้ำ อ้าปากปานถํ้าคูหา
สองเนตรดั่งดวงพระสุริยา ยักษาต้องสาปพระทรงญาณ
ถึงหกหมื่นปีแต่ทนทุกข์ ไม่มีสิ่งสุขเกษมศานต์
ต่อสัตว์เข้าวงมือมาร จึ่งให้เป็นอาหารเลี้ยงชีวี ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ คุกพาทย์

๏ เมื่อนั้น พระอวตารทรงสวัสดิ์รัศมี
หยุดระงับดับร้อนอินทรีย์ ภูมีค่อยสบายวิญญาณ์
พระพายชายพัดมาอ่อนอ่อน ทินกรเลี้ยวลับเหลี่ยมผา
สองกษัตริย์ก็พากันเดินมา เข้าวงหัตถากุมภัณฑ์ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิด

๏ บัดนั้น กุมพลฤทธิแรงแข็งขัน
เห็นสองมนุษย์วิไลวรรณ พากันเข้ามาก็ดีใจ
สำรวลสรวลสันต์อึงมี่ ตัวกูวันนี้มีลาภใหญ่
ทรหดอดอยากอยู่ในไพร ช้านานมิได้พบรส
เลือดเนื้อของมันทั้งสิ้น กูนี้จะกินเสียให้หมด
คิดจะจับองค์พระทรงยศ ให้หวาดหวั่นรันทดทั้งกายา
เอะแล้วนารายณ์อวตาร ลงมาปราบมารกระมังหนา
จึ่งเผอิญให้กูผู้ศักดา เกรงกลัวฤทธาดั่งนี้
คิดแล้วกล่าวคำอันสุนทร ดูก่อนมนุษย์ทั้งสองศรี
แน่งน้อยเสาวภาคย์ทั้งอินทรีย์ มีนามกรชื่อใด
เชื้อชาติสุริย์วงศ์พงศ์พันธุ์ บ้านเมืองท่านนั้นอยู่ไหน
จึ่งบวชเป็นฤๅษีชีไพร มาไยในมืออสุรา ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระตรีภพลบโลกนาถา
ได้ฟังจึ่งมีบัญชา ว่าเหวยพญากุมภัณฑ์
เราชื่อพระรามสุริย์วงศ์ คือองค์พระนารายณ์รังสรรค์
ฦๅสิทธ์วิทยาเทวัญ ประชุมกันเชิญให้อวตาร
มาเกิดในกรุงศรีอยุธยา วงศ์จักรพัตรามหาศาล
หวังปราบอสูรหมู่มาร ที่สาธารณ์เป็นเสี้ยนธาตรี
ตัวเรารับสัตย์พระบิตุเรศ จึ่งมาทรงเพศเป็นฤๅษี
กับพระลักษมณ์นางสีดาเทวี มาสร้างพรตอยู่ที่พนาลัย
ทศพักตร์มันลักบังอร บทจรทางนี้หรือไฉน
ตัวเราตามองค์อรไท หวังจะไปสังหารอสุรา
ท่านนี้มีกายแต่กึ่งตน เหตุผลสิ่งใดนะยักษา
จึ่งมาทนทุกข์เวทนา อยู่ที่ในป่ากันดาร ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ

๏ บัดนั้น อสุรกุมพลใจหาญ
แจ้งว่านารายณ์อวตาร กราบกับบทมาลย์ด้วยยินดี
ทูลว่าข้าชื่อกุมพล คนโปรดพระอิศวรเรืองศรี
ลอบหยอกนางนิลมาลี ซึ่งบำเรอเจ้าตรีโลกา
นางร้องอื้อฉาวกล่าวโทษ ทราบโสตพระบรมนาถา
กริ้วโกรธจับจักรขว้างมา ต้องกายาขาดกึ่งตน
แล้วจึ่งสาปซ้ำให้ลำบาก ทนยากอยู่ในป่าพนาสณฑ์
ต่อพบสมเด็จพระภุชพล จึ่งให้พ้นคำสาปพระศุลี
อันทศเศียรขุนยักษ์ ลักนางสีดามเหสี
เหาะไปข้างทิศหรดี อสุรีนั้นอยู่ลงกา ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ

๏ เมื่อนั้น พระนารายณ์สุริย์วงศ์นาถา
ได้ฟังกุมพลอสุรา บอกข่าวสีดาเยาวมาลย์
สุดฤทธิ์สุดคิดจะตามทัน ให้หวาดหวั่นพระทัยดั่งไฟผลาญ
อาลัยถึงองค์นงคราญ สงสารเป็นพ้นพันทวี
ชลเนตรคลอเนตรถอนใจ ภูวไนยตรัสถามยักษี
อันทางไปลงกาธานี นี้ใกล้หรือไกลอสุรา ฯ

ฯ ๖ คำ ฯ

๏ บัดนั้น จึ่งอสูรกุมพลยักษา
น้อมเศียรกราบลงกับบาทา แล้วยกหัตถ์ขวาชี้ไป
อันทางลงการาชฐาน จะประมาณมากน้อยนั้นไม่ได้
กันดารลำบากยากใจ ข้ามไศลห้วยเหวสีขริน
เมื่อใดไปถึงพารา ชื่อว่านครขีดขิน
จงถามพาลีลูกอินทร์ ซึ่งได้กินเมืองนั้นต่อไป
พระองค์จะได้พลากร วานรทั้งสองกรุงใหญ่
ขีดขินชมพูเวียงชัย จึ่งจะได้ข้ามไปลงกา
แต่ข้าทนทุกข์ลำบากนัก พระทรงจักรจงโปรดเกศา
ช่วยส่งให้พ้นเวทนา คืนไปเป็นข้าพระศุลี ฯ

ฯ ๑๐ คำ ฯ เจรจา

๏ เมื่อนั้น พระหริวงศ์ทรงสวัสดิ์รัศมี
ได้ฟังกุมพลอสุรี ชี้แจงมรคาพนาดร
มีความเมตตาการุญนัก จึ่งชักพรหมาสตร์ธนูศร
ผาดแผลงด้วยกำลังฤทธิรอน อัมพรมืดมนอนธการ ฯ

ฯ ๔ คำ ฯ เชิดฉิ่ง

๏ ศิลป์ชัยต้องกายกุมพล วายชนม์สิ้นชีพสังขาร
ไปเกิดในทิพวิมาน ยังสถานไกรลาสคีรี ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ โอด

๏ ครั้นเสร็จส่งกุมพลยักษ์ พระจักรแก้วทรงสวัสดิ์รัศมี
กับองค์พระลักษมณ์ร่วมชีวี จรลีตามมรคาไป ฯ

ฯ ๒ คำ ฯ เพลง

โทนชมดง

๏ เดินทางในหว่างบรรพต เลี้ยวลดตามเชิงเขาใหญ่
เห็นฝูงปักษาคณาใน อาลัยถึงองค์วนิดา
นกแก้วจับกิ่งแก้วพลอด เหมือนเสียงเยาวยอดเสน่หา
สาลิกาจับกรรณิการ์ จำนรรจาเหมือนเจ้าพาที
แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง เหมือนพี่ร้างห่างห้องมารศรี
เบญจวรรณจับวัลย์มาลี เหมือนวันเจ้าวอนพี่ให้ตามกวาง
นกยูงจับยูงโหยหวน เหมือนพี่โหยหานวลผู้แนบข้าง
นกหว้าจับหว้าริมทาง เหมือนว่านางไม่เชื่อวาจา
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนนวลเนื้อดวงสมรเสน่หา
จากพรากจับจากแล้วร่อนรา เหมือนพี่กับแก้วตาจากกัน
นกลางจับลางลิงร้อง เหมือนลางเมื่อพลัดน้องพี่โศกศัลย์
ครวญพลางพระเสด็จจรจรัล ทรงธรรม์สะอื้นโศกี ฯ

ฯ ๑๒ คำ ฯ โอด