Show มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ (อังกฤษ: ChiangMai Rajabhat University; ชื่อย่อ: มร.ชม. - CMRU) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของภาคเหนือ เป็นวิทยาลัยครูแห่งแรกที่ก่อตั้งขึ้นในส่วนภูมิภาค และเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2467 ในนาม "โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ" มีบทบาทและความรับผิดชอบในฐานะสถาบันการศึกษาและวิจัยที่มีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาวิชาการในสาขาวิชาต่างๆ ตามความต้องการของท้องถิ่น และผลิตครูบุคลากรทางการศึกษา ทำการวิจัยส่งเสริมวิทยฐานะของครู อาจารย์ และบุคลากรประจำการ ทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และให้บริการทางวิชาการแก่สังคม ในปี พ.ศ. 2518 "โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลพายัพ" หรือ "โรงเรียนฝึกหัดครูเชียงใหม่" ได้ยกฐานะขึ้นเป็น "วิทยาลัยครูเชียงใหม่" ตาม "พระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ. 2518"[1] ต่อมาในปี พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนามวิทยาลัยครูทั่วประเทศว่า "สถาบันราชภัฏ" แปลว่า "ผู้ที่อยู่ใกล้พระราชา" ทั้งยังได้ทรงพระราชทานตราพระราชลัญจกรประจำพระองค์ เป็นตราประจำสถาบันราชภัฏ และเมื่อได้ประกาศใช้ "พระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ"[2] ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2538 "วิทยาลัยครูเชียงใหม่" จึงมีชื่อเป็น "สถาบันราชภัฏเชียงใหม่" เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมลงพระปรมาภิไธยใน "พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547"[3] อันมีผลให้สถาบันราชภัฏ 41 แห่งทั่วประเทศ เปลี่ยนชื่อเป็น "มหาวิทยาลัยราชภัฏ" และมีสถานภาพเป็นนิติบุคคลโดยสมบูรณ์ ยังความปลาบปลื้มยินดีแก่ชาวราชภัฏทุกคน ในปี พ.ศ. 2553 มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ มีอายุครบรอบ 85 ปี *** การพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ในอนาคต
***
สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย ตราประจำมหาวิทยาลัยเป็นรูปวงรีสองวงล้อมตราพระราชลัญจกรของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงพระราชทานให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏ ภายในวงรีด้านบนเป็นอักษรภาษาไทยเขียนว่า "มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่" ด้านล่างเป็นอักษรภาษาอังกฤษเขียนว่า "CHIANGMAI RAJABHAT UNIVERSITY" ตรานี้มี 5 สี มีความหมายดังนี้
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย ได้แก่ ต้นเสี้ยวดอกขาว บางที่เรียกว่า ดอกเสี้ยวขาว
หรือชงโคดอกขาว
สีประจำมหาวิทยาลัย ได้แก่ สีดำ-เหลือง รายนามผู้บริหารและอธิการบดี
คณะและวิทยาลัย 1.
บัณฑิตวิทยาลัย 3. คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 4.
คณะวิทยาการจัดการ
1. วิทยาเขตเวียงบัว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++.... ที่กล่าวมานี้เป็นแค่ข้อมูลเบื้องต้นของทางมหาวิทยาลัยเท่านั้น !!! .... แนะนำแบบสนุกสนาน...^_^ เป็นวีดีโอแนะนำสถานที่ต่างๆ และบรรยากาศ ใน ม.ราชภัฏเชียงใหม่ ************************************************************************************************ รับน้องแบบสร้างสรรค์.... ^_^ ๑... ๒... เป็นนโยบายของทางมหาวิทยาลัยที่ให้รุ่นพี่รับน้องอย่างสร้างสรรค์ ******************************************************************************************************************************* !!!....ยังไงผมก็ขอเชิญน้องๆที่สนใจทางด้านอาชีพครู หรือ ...คนดีสร้างชาติไทย ราชภัฏเชียงใหม่สร้างคนดี... ( ช่วยกันโหวตและแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับ ^_^ )แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 สิงหาคม 2553 / 23:59 ราชภัฏแต่งตั้งในรัชกาลใดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร รามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนาม ” ราชภัฏ ” และตราประจำมหาวิทยาลัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเกียรติยศสูงสุดแก่ชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วพระราชอาณาจักร โดยนาม ” ราชภัฏ หมายความว่า เป็นคนของพระราชา”
รัชกาลใดโปรดเกล้าสถาบันราชภัฏพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานนาม ” ราชภัฏ ” และตราประจำมหาวิทยาลัย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและเกียรติยศสูงสุดแก่ชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วพระราชอาณาจักร โดยนาม ” ราชภัฏ หมายความว่า เป็นคนของพระราชา”
ม.ราชภัฏมีกี่ที่เผยแพร่ 17 กุมภาพันธ์ 2561 3. 98,021. มหาวิทยาลัยราชภัฏ ทั้ง 38 แห่ง แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้ กลุ่มภาคเหนือ 8 แห่ง, กลุ่มรัตนโกสินทร์ (กรุงเทพมหานคร) 5 แห่ง, กลุ่มภาคกลาง 3 แห่ง, กลุ่มตะวันตก (พจนก.) 4 แห่ง, กลุ่มภาคตะวันออก 2 แห่ง, กลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 แห่ง และ กลุ่มภาคใต้ 5 แห่ง
มหาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์มีกี่คณะคณะในมหาวิทยาลัย
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์มีหน่วยงานในการจัดการเรียนการสอนทั้งหมด 7 คณะ 2 วิทยาลัย (ไม่รวมบัณฑิตวิทยาลัย) ดังต่อไปนี้
|