ฟรานซิส คารอสต้า กรุงโรม ประเทศอิตาลี ตึกสูงระฟ้าของสายการบินคารอสต้าแอร์ไลน์ สายการบินที่ใหญ่ที่สุดในอิตาลี เต็มไปด้วยพนักงานกว่าพันชีวิตที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น บอดี้การ์ดอีกหลายสิบชีวิตที่ทำหน้าที่ตรวจตราดูความเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยในชั้น 60 ซึ่งเป็นชั้นของประธานใหญ่แห่ง คารอสต้าแอร์ไลน์ “แดเนียล แฮนสัน” ฟรานซิส คารอสต้า ประธานคนใหม่ของคารอสต้าแอร์ไลน์ เขาเพิ่งขึ้นมารับตำแหน่งประธานใหญ่ต่อจากพ่อเมื่อ 3 เดือนก่อน แต่งานทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเป็นรองประธานแต่เขาก็ทำหน้าที่แทนพ่อมานานกว่า 5 ปีแล้ว “ครับนาย” สองหนุ่มรีบขานรับทันทีที่ผู้เป็นนายเอ่ยเรียก เขาสองคนเป็นทั้งบอดี้การ์ดและเลขาส่วนตัวของ ฟรานซิส “วันนี้มีนัดอะไรอีกไหม” เจ้านายหนุ่มเอ่ยถาม “มีครับ นัดของคุณโจเซฟตอนบ่ายโมง ขอคุยเรื่องการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในเอเชียครับ” “งั้นนัดที่ร้านอาหารใกล้ๆนี่แล้วกัน” ฟรานซิสชอบนัดลูกค้าที่ร้านอาหารเป็นประจำเพราะนอกจากจะได้ถือโอกาสเลี้ยงอาหารซึ่งเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าแล้ว บรรยากาศที่ผ่อนคลาย สบายๆในร้านอาหารก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การเจรจาง่ายมากยิ่งขึ้น ดีกว่าการคุยในห้องประชุมที่ชวนอึดอัด และเป็นทางการกว่ามาก “ได้ครับนาย” แดเนียลโทรไปนัดกับลูกค้าตามที่เจ้านายสั่งและโทรไปแจ้งร้านอาหารเพื่อให้จัดเตรียมร้านให้พร้อม เขาจำเป็นต้องเหมาทั้งร้านเพื่อความปลอดภัยของเจ้านาย ขณะที่แฮนสันก็แยกไปเตรียมรถเพื่อจะได้ไปที่ร้านอาหารตามที่นัดหมายไว้ หลังจากที่หญิงสาวนั่งเครื่องบินมาเป็นเวลานานถึง 12 ชั่วโมงในที่สุดเธอก็ถึงกรุงโรม เมืองหลวงของประเทศอิตาลี สนามบินคัมปิโนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายทั้งชาวอิตาลีและชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเมืองที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพอาณาจักรโรมันอันยิ่งใหญ่และคลาสสิค เธอพยายามมองหาเพื่อนที่บอกจะมารอรับเธอด้วยตัวเอง “พีช พีช ฉันอยู่ทางนี้ๆ” เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเรียกจึงรีบวิ่งไปหาทันที หมับ “คิดถึงแกจังเลย” สองสาวเพื่อนรักกอดกันกลมด้วยความคิดถึง “ยัยตาล พอก่อนๆ ไปหาที่นั่งคุยกันดีกว่านะ” เธอพูดพร้อมกับคลายอ้อมกอดออกจากเพื่อนสาว “โทษที ฉันดีใจมากไปหน่อย ใกล้ๆนี่มีร้านอาหารอยู่ร้านนึง ขนมอร่อยมากๆเลยแก เราไปนั่งคุยกันที่นั้นก็ได้ ฉันเลี้ยงแกเอง” ตาลยิ้มกว้างพร้อมดึงมือเพื่อนให้เดินตามไป สองสาวคุยกันตลอดทางจนถึงร้านอาหาร “ไม่จริงนะ! วันนี้ร้านปิดหรอเนี่ย” ตาลโอดครวญด้วยความเสียดาย “แต่ในร้านก็เปิดไฟนะยัยตาล นี่ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านรึเปล่า” เธอหันไปถามเพื่อนที่ตอนนี้กำลังทำหน้าเสียใจจนเวอร์ “ไม่นะ ที่ก็เลยเวลาเปิดร้านมา 3 ชั่วโมงแล้วด้วย เสียดายจัง ขนมร้านนี้อร่อยมากเลย แงๆๆ เสียใจจัง วันนี้เราคงต้องไปร้านอื่นแล้วหละ” “ไปร้านอื่นก็ได้แกไม่ต้องคิดมากหรอก...แต่เอ๊ะ ในร้านมีคนนั่งอยู่นินา” เธอสะกิดและชี้ให้เพื่อนดูทันทีว่าในร้านมีคนนั่งคุยกันอยู่ในโต๊ะมุมสุดของร้าน “จริงด้วยแก แต่ท่าทางจะเป็นคนใหญ่คนโตนะ ดูสิ รอบๆโต๊ะมีบอดี้การ์ดยืนอยู่ตั้ง 4-5 คนแหนะ” “งั้นแสดงว่าร้านก็เปิดอยู่สิ งั้นเราก็เข้าไปกินกันเถอะ” เธอพูดพร้อมกับดึงมือเพื่อนให้เดินเข้าไป “เดี๋ยวๆๆ แก ฉันว่ามันจะไม่ดีนะ ถ้าร้านขึ้นป้ายปิดแบบนี้ แสดงว่าคนนั้นเขาคงเหมาร้านไปแล้ว เราอย่าเข้าไปเลย” “แต่แบบนี้มันไม่ถูกนะแก มาคนเดียวแท้ๆจะเหมาร้านไปทำไม คนอื่นที่อยากจะกินเยอะแยะ คิดว่าใหญ่มาจากไหนกัน แบบนี้มันเห็นแก่ตัวชัดๆ” เธอหันไปบ่นกับเพื่อนด้วยความไม่พอใจ แต่ระหว่างที่เธอกำลังบ่นกับเพื่อน ก็มีเสียงเย็นๆเสียงหนึ่งดังขึ้นแทรก “เธอว่าใครเห็นแก่ตัว” เสียงดุที่มาก่อนตัว ทำให้เธอรีบหันไปมองหาคนพูดทันที แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเธอคือผู้ชายที่เคยนั่งอยู่ในร้าน เธอไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเขาเดินออกมาจากร้านตั้งแต่เมื่อไร หน้าตาก็ดุอย่างกับเสือแล้วยังมาพูดด้วยเสียงเย็นๆแบบนี้อีก คิดว่าหล่อแล้วเธอจะยอมหรอ รู้จักลูกพีชน้อยไปซะแล้ว “ว่าไง ฉันถามว่าเธอว่าใคร” ฟรานซิสถามอีกครั้งอย่างใจเย็น เขานั่งคุยกับลูกค้าเสร็จก็เห็นหญิงสาวสองคนกำลังคุยกันอยู่หน้าร้าน ทั้งสองคนดูแตกต่างกันอย่างชัดเจน คนหนึ่งผมสีทอง ตัวเล็ก ดูเด็กๆน่ารัก แต่อีกคนผมสีน้ำตาลอ่อน ตาโต หน้าตาจัดว่าสวยมาก ปากเล็กๆที่อวบอิ่มนั้นดูเซ็กซี่มากในความคิดของฟรานซิส เขาอุตส่าห์รีบออกจากร้านเพื่อให้สองสาวเข้าไปนั่งในร้านได้ แต่กลับออกมาเจอคำพูดที่ไม่เข้าหูสักนิด! “เอ่อ...ขอโทษนะคะ เพื่อนฉันไม่ได้ตั้งใจหรอกคะ เธอเป็นคนต่างชาติ อย่าถือสาเลยนะคะ” ตาลรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แม้ว่าผู้ชายตรงหน้าเธอจะหล่อราวกับเทพบุตร แต่ด้วยเสียงดุๆ บวกกับนัยน์ตาคมที่ฉายแววตำหนิอย่างชัดเจน พร้อมกับบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มอีก 2 คน ทำให้ตาลต้องรีบตอบเพราะไม่อยากให้เพื่อนมีปัญหา “ยัยตาล เธอจะไปขอโทษคนแบบนี้ทำไม เราไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย” เธอหันไปว่าเพื่อนพร้อมกับก้าวเดินมาด้านหน้า เพื่อจะได้ยืนประจันหน้ากับผู้ชายคนนั้น “ฉันไม่ได้เอ่ยชื่อใครสักหน่อย คุณร้อนตัวไปเองรึเปล่า” หญิงสาวพูดอย่างท้าทาย “ถึงเธอไม่ได้เอ่ยชื่อฉัน แต่ฉันก็รู้ว่าเธอหมายถึงใคร และการที่ฉันเหมาร้านนี้ฉันก็มีเหตุผลของฉัน” “ชิ ข้ออ้างชัดๆ ที่ตั้งเยอะตั้งแยะไม่เลือก ดันมาเลือกร้านอาหารที่ปกติต้องมีคนใช้บริการเยอะตลอดเวลาเนี่ยนะ มีเหตุผลของคุณ” เธอสวนอย่างไม่ยอมแพ้ “ผมก็มีเหตุผลของผม ซึ่งคุณจะเข้าใจยังไงก็เรื่องของคุณ” ฟรานซิสเอ่ยตอบและพยายามใจเย็นให้มากที่สุด ให้ตายเถอะ คำพูดกับหน้าตามันไม่เข้ากันสักนิดฟรานซิสสบถอยู่ในใจ ขณะที่บอดี้การ์ดทั้งสองมองเจ้านายตัวเองอย่างอื้งๆ ปกติเจ้านายของพวกเขาไม่ใช่คนที่จะสนใจเรื่องพวกนี้ แต่วันนี้กลับยืนต่อล้อต่อเถียงกับสาวเอเชียตรงหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันก็ไม่ได้อยากจะเข้าใจคุณอยู่แล้วหละ” เชอะ อีตาบ้าทำเป็นพูดดี นี่คงไม่เคยถูกใครเถียงแบบนี้ด้วยสินะ ทำเป็นเก๊กอยู่ได้ คิดว่าหล่อตายหละ พีชบ่นอย่างเคืองๆในใจ “แก พอเถอะ เราไปร้านอื่นกันดีกว่านะ” ตาลพูดพลางดึงแขนเพื่อนเพื่อลากให้ไปที่อื่น แม้ว่าเธอจะรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายตรงหน้าแต่เธอก็นึกไม่ออกว่าเขาคือใคร แล้วตอนนี้เธอก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดียังไงไม่รู้ ยิ่งเห็นสายตาของผู้ชายคนนั้นเธอก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังโกรธ โกรธมากซะด้วย ถ้าเธอไม่รีบลากเพื่อนออกไปตอนนี้ มีหวังเพื่อนเธอคงไม่มีโอกาสได้ไปสืบอะไรอีกแล้ว “นี่ ยัยตาลแกจะกลัวอะไรหนักหนา นายคนนี้จะใหญ่สักแค่ไหนกันเชียว” พีชบ่นเพื่อนอย่างเคืองๆ “ใช่ ผมก็ไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรหนักหนา ผมก็แค่ประธานใหญ่ของคารอสต้าแอร์ไลน์ ฟรานซิส คารอสต้า” พูดจบเขาก็เดินขึ้นรถจากไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวยืนอื้งอยู่ตรงนั้น ตายแล้วยัยพีช ดันไปมีปัญหากับประธานใหญ่ของคารอสต้าแอร์ไลน์ แล้วแบบนี้เธอจะเข้าไปเป็น เลขาของเขาได้ยังไง... คราวนี้ อะไรๆคงไม่ง่ายอย่างที่เธอคิดซะแล้วสิ.. --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ในที่สุดนางเอกก็ได้เจอกับประธานสายการบินคารอสต้าซะที แต่เหมือนว่าท่านประธานจะไม่ประทับใจเท่าไร ฮ่าๆๆ แนะนำติชมได้นะคะ ขอให้มีความสุขกับการอ่านค่า ลัลลิลล์ |