แนวคิดการสร้างสรรค์การแสดง

คณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนในพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ (ตอนบน) โดยพลเอก สกนธ์ สัจจานิตย์ รองประธานกรรมการโครงการฯ พร้อมด้วยสมาชิกวุฒิสภา 27 ท่านลงพื้นที่จังหวัดแพร่ ลำปาง เชียงใหม่ รับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็นร่วมกับเครือข่ายทางวัฒนธรรม และสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง พร้อมเชิญ สกสว.และบพข.ร่วมลงพื้นที่เพื่อหารือการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและพร้อมผลักดันแพร่ก้าวสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) และประธานอนุกรรมการแผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วย ดร.ฉัตรฉวี คงดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการหน่วยข้อมูลและสำนักงานผู้อำนวยการ สกสว. ได้รับเชิญจากคณะกรรมการโครงการสมาชิกวุฒิสภาฯให้ร่วมลงพื้นที่และหารือการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งนับเป็นภารกิจสำคัญของ สกสว.ในการใช้ผลงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมหรือ ววน. เพื่อยกระดับและขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจฐานรากมีความมั่นคงและแข็งแรงภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ Creative Economy ที่เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ ประกอบกับจังหวัดแพร่ มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านทรัพยากร ศิลปวัฒนธรรม อาทิ การแปรรูปไม้สัก งานย้อมผ้าและสิ่งทอ งานโลหะ อาหารและพืชสมุนไพร รวมถึงจุดเด่นใหม่ทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์จากงานฝีมือ Art & Craft
ต่อความสำคัญดังกล่าว สกสว.ได้จัดสรรงบประมาณจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หรือ กววน.ให้กับนักวิจัยในพื้นที่ ได้ดำเนินการวิจัยทางด้านทุนทางวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในหลายโครงการ อาทิ การจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สนับสนุนการวิจัยแก่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ เพื่อดำเนินการวิจัยเรื่อง การจัดการทุนวัฒนธรรมเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนนิเวศน์วัฒนธรรมชุมชน ตำบลช่อแฮ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ เพื่อนำเสนอองค์ความรู้สู่การใช้ประโยชน์สร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ เชื่อมโยงองค์ความรู้ทุนทางวัฒนธรรมเดิมของพื้นที่จากปราชญ์ศิลปินกับกลุ่มนวัตกรทางวัฒนธรรม โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานที่มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่มาร่วมพัฒนาทุนทางวัฒนธรรมร่วมกัน และ การจัดสรรงบประมาณ ให้แก่ บพข. สนับสนุนทุนวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยพะเยา โดย ผศ.ดร.อัมเรศ เทพมา และคณะนักวิจัย จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ดำเนินการวิจัยเรื่อง การยกระดับการท่องเที่ยวด้วยเศรษฐกิจเชิงสร้างสรรค์บนฐานคิด “แพร่เมืองมรดกทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์” เพื่อศึกษารูปแบบของกิจกรรมมรดกวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่สามารถยกระดับ เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เกิดระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของชุมชนในจังหวัดแพร่ และแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ด้วยการพัฒนารูปแบบช่วงเวลาแบ่งปัน (Time sharing) ที่เหมาะสม สำหรับการพัฒนาอาคารเก่าที่คงสภาพการใช้งานหรือถูกทิ้งร้างให้เป็นแหล่งกิจกรรมมรดกวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจรายได้ การท่องเที่ยว และการเรียนรู้ของชุมชน ตลอดจนการพัฒนากลไกการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อการบริหารจัดการเมืองมรดกทางวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Creative City Management Organization) ด้วยการขับเคลื่อนความร่วมมือกับภาคประชาชนเครือข่ายภาคพลเมืองท้องถิ่น

กระทั่งสามารถบูรณาการการศึกษาวิจัยร่วมกับภาคเอกชนในนามกลุ่มเอบีโอพลัส และกลุ่มบริษัทลายโมทีป จำกัด ดำเนินการวิจัยและร่วมกับนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ในจังหวัดแพร่ อีกทั้งได้ร่วมจัดงานแพร่คราฟท์ 2022 โดยจัดเสวนาและนิทรรศการแสดงผลงานงานวิจัยของกองทุน ววน.ร่วมกับนักสร้างสรรค์ของจังหวัดแพร่กว่า 74 รายที่ได้นำสินค้าชิ้นงานสร้างสรรค์มาจัดแสดงและจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจในแพร่คราฟท์ 2022 ในครั้งนี้ด้วย
สำหรับในพื้นที่จังหวัดลำปางและเชียงใหม่ กองทุนส่งเสริม ววน.ได้มีการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ด้วยงานวิจัยการท่องเที่ยวเศรษฐกิจสร้างสรรค์ บพข.โดยจังหวัดลำปาง มีการนำเสนอผลงานวิจัยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์โดยรถไฟบนเส้นทางยุคสมัยแห่งล้านนา การท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนฐานอัตลักษณ์วัฒนธรรมอาหารลำปางและพื้นที่เชื่อมโยง รวมถึงการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยจากเส้นทางท่องเที่ยวรถไฟสายประวัติศาสตร์ (Lanna Modernization) เชิงพาณิชย์ และต่อยอดการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์บนเส้นทางรถไฟสายเหนือส่วนขยาย (เชียงใหม่ - ลำปาง ไปยังพิษณุโลก)โดยคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง นำโดย ผศ.ดร.ณัฐนันท์ ฐิติยาปราโมทย์ ดร.ปัณณทัต กัลยา และอ.ธวัชชัย ทาทอง

เช่นเดียวกับจังหวัดเชียงใหม่ มีการนำเสนอผลงานวิจัยในประเด็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างมูลค่าและคุณค่าแก่การท่องเที่ยวเชิงพักผ่อนล้านนา (Creative Leisure Lanna) โดย ดร.ดนัยธัญ พงษ์พัชราธรเทพ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงประเด็นของ Festival Economy การพัฒนาต่อยอดการจัดงานเทศกาลประจาเมืองสู่ยุทธศาสตร์การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในจังหวัดเชียงใหม่ โดย ดร.ณัฐพงศ์ พันธ์น้อย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย












  • สกสว.
  • สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

การคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking) คำว่า “การคิดนอกกรอบ” มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Lateral Thinking” (บางแห่งใช้คำว่า “การคิดแนวข้าง”)

Dr. Edward de Bono เป็นชาวสหรัฐอเมริกา เกิดที่เมืองมอลตา เป็นอาจารย์สอนที่ มหาวิทยาลัยออกฟอร์ดเคมบริดจ์ และฮาวาร์ดเป็นผู้นําในการสอนเรื่องการคิดโดยตรงในแง่ที่ การคิดเป็นทักษะอย่างหนึ่งเป็นผู้ริเริ่มแนวความคิดเรื่องการคิดนอกกรอบ (Lateral Thinking)

การคิดแนวตั้งเป็นการคิดที่เป็นลําดับต่อเนื่่อง เมื่อได้ข้อสรุปที่ถูกต้องความถูกต้องก็มาจากความ ถูกต้องสมบูรณ์ของแต่ละขั้นที่่ผ่านมา ส่วนแนวคิดแนวนอน ในแต่ละขั้นของการคิดอาจไม่ลําดับ ต่อเนื่องกันเป็นการกระโดดข้ามขั้นแก้ปัญหาความสําเร็จบางครั้งอาจไม่มีเหตุผลที่สมเหตุสมผล มารองรับ แต่ก็ได้แนวคิดใหม่ๆ

ความแตกต่างระหว่างความคิดแนวตั้งกับแนวข้างความคิดแนวตั้งความคิดแนวข้างเลือกสรร (ทำตามขั้นตอน)สร้างสรรค์ (ทำสิ่งแปลกใหม่)เคลื่อนไหวเมื่อมีทิศทางให้เคลื่อนไหวเคลื่อนไหวเพื่อสร้างสรรค์ทิศทางเป็นเชิงวิเคราะห์ เป็นเชิงกระตุ้นเคลื่อนไหวไปทีละขั้น กระโดดข้ามขั้นได้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะถูกต้องทุกขั้นตอน
ไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้องทุกขั้นตอนใช้ข้อห้าม ข้อจำกัด ข้อปฏิเสธ เป็นตัวตัดทางเลือกไม่มีคำว่าข้อห้าม ข้อจำกัด ข้อปฏิเสธตัดสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปยอมรับได้ทุกสิ่งต้องมีการจัดประเภทที่แน่ชัดไม่มีความจำเป็นเช่นนั้นเคลื่อนไหวตามเส้นทางที่น่าจะเป็นที่สุดเคลื่อนไหวตามเส้นทางที่ไม่น่าจะเป็นที่สุดไม่เป็นกระบวนการที่มีขอบเขตแน่ชัดเคลื่อนไหวตามเส้นทางที่ไม่น่าจะเป็นที่สุด

ข้อเท็จจิงของความคิดแนวข้าง

  1. ถึงแม้เป็นมุมมองใหม่และความคิดใหม่จะมีประสิทธิภาพสูงมาก แต่ก็ไม่มีวิธีการที่ปฏิบัติได้จริง ที่จะคิดมันออกมาจึงทำได้แต่เพียงรอคอยให้มันเกิดขึ้นเอง
  2. เมื่อใดก็ตามที่ข้อยุติหนึ่งถูกกล่าวขึ้นว่าค้นพบโดยความคิดแนวข้าง เมื่อข้อยุตินั้นก็สามารถค้นพบได้โดยเหตุผล เช่นกัน ด้วยเหตุการณ์ความคิดแนวข้างจึงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเนื่องจากทดแทนด้วยความคิดแนวตั้งที่ดีขึ้นเท่านั้นเอง
  3. ความคิดแนวข้างเป็นสิ่งเดียวกับตรรกศาสตร์เชิงนิรนัย (Inductive)
  4. ความคิดแนวข้างไม่ใช่วิธีการคิดอย่างจงใจ แต่เป็นพรสวรรค์ที่บางคนมี แต่บางคนไม่มี

 

ประโยชน์ของความคิดแนวข้าง

  1. ได้ความคิดใหม่ซึ่งแตกต่างจากเดิม
    ซึ่งหากใช้ความคิดแนวตั้งมักจะติดกรอบเหตุผลมีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และมักจะไม่สามารถผ่านไปได้ การฝึกคิดแนวข้างจะทำให้เกิดความคิดที่แปลกใหม่และไม่เคยคิดมาก่อนซึ่งเป้นส่วนสำคัญให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในที่สุด
  2. สามารถนำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาแบบ คิดใหม่ทำใหม่
    ซึ่งในการแก้ปัญหาที่ดีควรต้องมีการแสวงหาทางเลือกที่หลากหลายเพื่อตกลงใจเลือกทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นในการแก้ไขปัญหาบางเรื่องนั้นมักมีทางเลือกในการแก้ไขแบบเก่าๆซึ่งไม่อาจทำให้การแก้ไขปัญหาไม่สำเร็จหรือดีเท่าที่ควรดังนั้นการคิดแนวข้าง จะได้วิธีการใหม่ๆที่เป็นทางเลือกที่ดีกว่าก็เป็นได้
  3. มีมุมมองหรือทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากเดิม
    ในบางครั้งเราคิดว่าความคิดของมนุษย์นั้นมีข้อจำกัดมีความคิดได้เพียงระดับหนึ่งและไม่สามารถคิดให้มากว่านั้นได้เปรียบเหมือน การขับรถบทท้องถนนที่ลดติดซึ่งคนทั่วก็ต้องยอมขับตามๆกันไปแต่การมีความคิดแนวข้างคือการแสวงหาซอยหรือทางลัดใหม่ที่จะช่วย ให้การเดินทางไปถึงจุดหมายได้เร็วกว่าและดีกว่า
  4. นำไปสู่ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่
    ในโลกยุคปัจจุบันนวัตกรรมทั้งด้านสินค้าและบริการเป็นสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญในการแข่งขันซึ่งการที่จะมีนวัตกรรมได้นั้นต้องผ่านกระบวนการคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญคือการคิดแนวข้างนั่นเอง

หลักการพื้นฐานของการคิดแนวข้าง

  1. การสร้างทางเลือก
    การคิดแนวข้างเป็นเรื่องของการสำรวจมุมมองอื่นๆ โดยการปรับโครงสร้างและจัดเรียงข้อมูลที่มีอยู่ใหม่ ความคิดแนวข้างนั้นก็คือการการเคลื่อนออกไปด้านข้างแทนที่จะเคลื่อนไปตรงๆ ซึ่งต่างจากแนวตั้งนั่นเอง
  2. การท้าทายสมมติฐาน
    โดยปกติคนเราจะสมมติฐานไปเองว่าความคิดเดิมนั้นดีอยู่แล้ว ซึ่งส่งผลให้เราไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำในรูปแบบใหม่ ดังนั้นการที่คิดท้าทายความคิดเดิมเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะทำให้แล้วพยายามหาคำตอบที่ดีที่สุดกว่าคำตอบเดิมที่แม้แต่ถูกต้องแล้วก็ตาม
  3. การชะลอการตัดสินใจ
    การคิดแนวตั้งนั้นมักต้องมีการใช้เหตุผลหรือต้องเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเริ่มคิดครั้งแรก แต่การใช้ความคิดแนวข้างนั้น มักไม่รีบด่วนสรุปตัดสินใจจะชะลอเวลาเพื่อรอความคิดที่ดีที่สุด และตัดสินใจเลือกความคิดใดนั้นอย่างมีเหตุมีผลในขั้นสุดท้าย

การคิดแนวข้างนั้นถือเป็นแนวคิดที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพราะเหตุว่าเมื่อมนุษย์มีความสามารถในการคิดที่ดีแล้วย่อมส่งผล ต่อการปฎิบัติสร้างสรรค์สิ่งต่างๆเพื่อช่วยให้สังคมมีความเจริญรุ่งเรื่องในที่สุด แต่อย่างไรก็ดีการมีความคิดที่ชาญฉลาดย่อมต้องมีการควบคุมด้วยความคิดในเชิงจริยธรรมอีกด้วยเพราะเหตุว่าถ้าคนฉลาดแต่ไม่มีความดีแล้ว ละก็สังคมก็จะมีความวุ่นวายและเสื่อมทรามในที่สุด เช่นเดียวกันกับในองค์การหากมีพนักงานที่เก่งแต่ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตองค์การนั้นก็คงไปไม่ตลอดรอดฝั่งเช่นกัน