Title Thumbnail: กองทัพสยามเทศะ, ที่มา: Facebook ห้อง "กลุ่ม..ผู้ใฝ่เรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ทั่วไป", วันที่เข้าถึง 22 พฤษภาคม 2564. Show First revision: May 19, 2018
เบื้องหลัง
ที่มา th.wikipedia.org, วันที่เข้าถึง 10 กรกฎาคม 2562. เมื่อพระมหาจักรพรรดิทรงทราบจึงทรงนำทัพออกต้านศึก และในขณะที่พระมหาจักรพรรดิทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระเจ้าแปรอยู่ ช้างพระที่นั่งของพระมหาจักรพรรดิเสียที ทำให้พระเจ้าแปรไล่ชน แต่สมเด็จพระสุริโยทัยได้นำช้างมาขวาง ทำให้พระศรีสุริโยทัยเสด็จสวรรคต02 หลังจากนั้นกรุงศรีอยุธยาก็ส่งเรือรบไปยิงค่ายพม่า ทำให้พม่าต้องถอยทัพกลับหงสาวดี เมื่อกลับถึงเมืองพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้นั้นยึดติดกับการตีกรุงศรีอยุธยา จึงทรงติดสุราอย่างหนักจนออกว่าราชการไม่ได้ ต้องให้บุเรงนองผู้เป็นพระญาติเป็นผู้สำเร็จราชการแทน.
ภาพจากซ้ายไปขวา: , พระเจ้าลิ้นดำตะเบ็งชะเวตี้ (Tabinshwehti- แปลว่า สุวรรณเอกฉัตร), ที่มา: madmonarchist.blogspot.com, วันที่เข้าถึง 3 กรกฎาคม 2562, และ พระเจ้าบุเรงนองกะยอดินนรธา (Bayinnaung Kyawhtin Nawratha), ถ่ายจากหน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเมียนมาร์, ที่มา: th.wikipedig.org, วันที่เข้าถึง 3 กรกฎาคม 2562. หลังจากนั้น พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถูกลอบปลงพระชนม์ พระเจ้าบุเรงนองก็ได้ครองกรุงหงสาวดี
และได้นำกองทัพเข้าประชิดกรุงศรีอยุธยาหมายจะตีกรุงศรีฯ ให้แตก (โดยทัพหลวงของพระเจ้าบุเรงนองตั้งกำลังไว้แถบบริเวณวัดมเหยงคณ์03 ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะเมือง) ซึ่งเรียกว่า สงครามช้างเผือก โดยในช่วงแรกพระเจ้าบุเรงนองได้ส่งสาส์นมาขอช้างเผือก (จำนวน 2 ช้าง เนื่องจากกรุงศรีอยุธยาในขณะนั้นมีช้างเผือกอยู่ทั้งหมด 7 ช้าง)07,08 ฝ่ายขุนนางได้มีความเห็นเป็นสองฝ่าย
ฝ่ายหนึ่งต้องการให้ส่งช้างเผือกไปถวายแก่พระเจ้าบุเรงนอง เพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม ส่วนอีกฝ่าย อันได้แก่พระราเมศวร พระยาจักรี พระสุนทรสงคราม ไม่เห็นด้วยกับการส่งช้างเผือกไป เนื่องจากจะเป็นการอ่อนข้อให้หงสาวดี ช้างเผือก, ที่มา: www.himmapan.com, วันที่เข้าถืง 27 กรกฎาคม 2562. สงครามช้างเผือก ถึงแม้ว่าพม่าจะได้รับประโยชน์จากข้อตกลงดังนี้ แต่พระเจ้าบุเรงนองยังไม่ทรงประสบความสำเร็จในการได้กรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองประเทศราช ดังนั้นพระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพยายามดำริหาวิธีในการเอาชนะกรุงศรีอยุธยา ก่อนที่จะมารบอีกครั้งหนึ่ง. พระมหาธรรมราชาเอาพระทัยออกห่าง แผนที่อาณาจักรล้านช้าง, ที่มา: www.aseanthau.net, วันที่เข้าถึง 19 กรกฎาคม 2562 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิทรงทราบก็ทรงเสียพระทัย จึงเสด็จไปประทับที่วังหลัง ให้พระมหินทร์พระโอรสว่าราชการแทน เมื่อพระชนมายุประมาณ 59 พรรษา ต่อมาได้เสด็จออกผนวชใน ปี พ.ศ.2109 โดยมีข้าราชการออกบวชด้วยจำนวนมาก ซึ่งพระมหินทร์ พระราชโอรสทรงได้ว่าราชการแทน ต่อมาทรงมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกับพระมหาธรรมราชาจนเกิดความร้าวฉานระหว่างพิษณุโลกกับกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากพระองค์สมคบกับพระไชยเชษฐา กษัตริย์แห่งอาณาจักรล้านช้างยกทัพไปตีเมืองพิษณุโลก เพื่อกำจัดพระมหาธรรมราชา จนพระองค์มิอาจรั้งราชการแผ่นดิน จึงทูลเชิญให้สมเด็จพระมหาจักรพรรดิลาผนวช หลังจากที่ผนวชได้ไม่นาน แล้วกลับมาว่าราชการดังเดิม. ก่อนเสียกรุง การเตรียมการของฝ่ายอยุธยา
ลำดับเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยา06
https://www.facebook.com/thailandcoup/photos/a.300125233487991.1073741875.298177807016067/326814554152392/?type=1&theater, ค้นหาไม่พบแล้ว, วันที่สืบค้น 22 กรกฎาคม 2562. ฝ่ายกรุงศรีอยุธยา เมื่อทราบว่าหัวเมืองทางเหนือเป็นของพม่าแล้ว จึงเตรียมรบอยู่ที่พระนคร นำปืนนารายณ์สังหาร05 ยิงไปยังกองทัพพระเจ้าหงสาวดีที่ตั้งอยู่บริเวณทุ่งลุมพลี
ถูกทหาร ช้าง ม้าล้มตายไปไม่น้อย พม่าจึงถอยทัพมาตั้งที่บ้านพราหมณ์ให้พ้นทางปืน แล้วพระเจ้าหงสาวดีจึงเรียกประชุมการศึก พระมหาอุปราชเห็นสมควรให้ยกทัพเข้าตีกรุงศรีฯ ทุกด้านเพราะมีกำลังมากกว่า แต่พระเจ้าหงสาวดีไม่เห็นด้วยเพราะกรุงศรีอยุธยามีทำเลดี มีน้ำล้อมรอบ จึงสั่งให้ตีเฉพาะด้านตะวันออก เพราะคูเมืองแคบที่สุด พม่าพยายามจะทำสะพานข้ามคูเมืองโดยนำดินมาถมเป็นสะพาน พระมหาเทพนายกองรักษาด่านอย่างเต็มสามารถ โดยให้ทหารไทยใช้ปืนยิงทหารพม่าที่ขนดินถมเป็นสะพานเข้ามา ทำให้พม่าล้มตายเป็นจำนวนมาก
จึงถอยข้ามคูกลับไป หลังสงคราม สาเหตุ สมเด็จพระมหินทราธิราช10
สมเด็จพระมหินทราธิราช มีพระนามเดิมว่า พระมหินทราธิราช หรือเรียกสั้น ๆ อีกชื่อหนึ่งว่า พระมหินทร์ เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 17 (ในบล็อกนี้ได้รวม ขุนวรวงศาธิราช เป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาไว้ด้วย) ในพระราชพงศาวดารกรุงเก่า ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ ระบุว่าพระองค์ไม่เอาพระทัยใส่การศึก ทำให้การรักษาพระนครอ่อนแอลงจนเสียกรุงศรีฯ ครั้งที่หนึ่ง12. พระราชประวัติและราชการสงคราม
สมเด็จพระมหินทราธิราชสืบราชสมบัติอีกครั้ง แล้วทรงมอบหมายให้พระยารามบัญชาการรบแทน ส่วนพระองค์ประทับแต่ในพระราชวัง ไม่เอาพระทัยใส่ในการศึก12. ฝ่ายพระเจ้าบุเรงนองมีพระราชสาส์นถึงสมเด็จพระมหินทราธิราชว่า ถ้าส่งตัวพระยารามมาให้จะยอมเป็นพระราชไมตรี สมเด็จพระมหินทราธิราชก็ยอมทำตาม พระเจ้าบุเรงนองก็ให้กองทัพพักรบไว้ ต่อมามีรับสั่งให้พระสังฆราชกรุงศรีอยุธยาไปแจ้งแก่กรุงศรีอยุธยาว่า ถ้าพระเจ้าแผ่นดินและขุนนางทั้งปวงออกมาถวายบังคมแก่พระองค์ ก็จะรับพระราชไมตรี ทรงรออยู่เจ็ดวันยังไม่ได้คำตอบ สมเด็จพระมหาธรรมราชาออกไปเจรจาก็ไม่สำเร็จ พระเจ้าบุเรงนองจึงรับสั่งโจมตีกรุงศรีอยุธยาต่อ ระหว่างนั้นพระเจ้าลูกเธอพระศรีเสาวราชนำกองพล 15,000 นาย มาช่วยป้องกันพระนครโดยไม่ได้ปรึกษาพระราชบิดา สมเด็จพระมหินทราธิราชเห็นว่าพระราชโอรสกระทำตามอำเภอใจ จึงรับสั่งให้พระยาธรรมาคุมตัวพระศรีเสาวราชไปสำเร็จโทษ ณ วัดพระราม บรรดาทหารก็เสียใจ แต่เห็นสวัสดิภาพของครอบครัว จึงมุ่งรักษาพระนครต่อ. วัดพระราม (ตั้งอยู่นอกเขตพระราชวัง ทางทิศตะวันออก ตรงข้ามกับวิหารพระมงคลบพิตร), ฝ่ายสมเด็จพระมหาธรรมราชาคิดอุบายให้พระยาจักรีเป็นไส้ศึก พระเจ้าบุเรงนองก็ยินดีตามแผน สมเด็จพระมหินทราธิราชหลงเชื่อว่าพระยาจักรีหนีมาจริง ก็พระราชทานรางวัลและมอบหมายให้บัญชาการรักษาพระนคร
พระยาจักรีทำหน้าที่เข้มแข็งอยู่เดือนหนึ่ง จึงเริ่มทำให้กองกำลังกรุงศรีอยุธยาอ่อนกำลังลง พระเจ้าบุเรงนองทรงทราบก็รับสั่งให้นายทัพนายกองเข้าโจมตีกรุงศรีอยุธยา จึงเสียกรุงฯ ในวันแรม 11 ค่ำ เดือน 9 ปี ( 7 สิงหาคม พ.ศ.2112) หลังจากล้อมพระนครไว้ถึงเก้าเดือน พระมหาอุปราชากรุงหงสาวดี13 และสมเด็จพระมหาธรรมราชา พาสมเด็จพระมหินทราธิราชไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนองที่พลับพลาวัดมเหยงคณ์03. พระเจ้าบุเรงนองตบพระหัตถ์ที่พระราชอาสน์ทูลเชิญสมเด็จพระมหินทราธิราชให้เข้ามานั่ง สมเด็จพระมหินทราธิราชก็คลานเข้าไปแต่ไม่ถึงที่พระราชอาสน์ พระเจ้าบุเรงนองยื่นพานพระศรี (พานใส่หมากพลู) ให้ สมเด็จพระมหินทราธิราชไม่ทรงรับ พระเจ้าบุเรงนองหยิบพระศรีให้ ทรงรับมาไว้ครู่หนึ่งจึงเสวย พระเจ้าบุเรงนองเชิญสมเด็จพระมหินทราธิราชไปอยู่หงสาวดี โดยระหว่างรอเสด็จให้อยู่ในความดูแลของสมเด็จพระมหาธรรมราชา และให้พระมหาอุปราชาก็เข้าไปกวาดต้อนครัวเรือนชาวกรุงศรีฯ
และรูปหล่อส่งไปกรุงหงสาวดีทั้งหมด. 04. ดนัย ไชยโยธา. (2543). พัฒนาการของมนุษย์กับอารยธรรมในราชอาณาจักรไทย เล่ม 1. โอ. เอส. พริ้นติ้ง เฮ้าส์. การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 เกิดจากสาเหตุใดโดยสรุปสาเหตุของการเสียกรุงครั้งที่ 1 นั้นมาจาก 3 สาเหตุหลักคือ 1. เกิดความแตกสามัคคีกันระหว่างสมเด็จพระมหินทราธิราชกับพระมหาธรรมราชา เนื่องมาจากการยุยงของข้าศึก 2. ไทยขาดกำลังใจต่อสู้เนื่องจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสวรรคตในขณะบัญชาการศึก 3. พระยาจักรี (ออกญาจักรี) ซึ่งเป็นแม่ทัพไทยเป็นไส้ศึกให้แก่พม่า
ข้อใดคือสมัยที่เกิดเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1การเสียกรุงศรีอยุธยา อาจหมายถึง: การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1 - พ.ศ. 2112 ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระมหินทราธิราช (อยุธยา) และพระเจ้าบุเรงนอง (พม่า) การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 - พ.ศ. 2310 ตรงกับรัชสมัยพระเจ้าเอกทัศ (อยุธยา) และพระเจ้ามังระ (พม่า)
กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงให้แก่พม่ากี่ครั้ง2 เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย คือการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าถึง 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2112 โดยพระเจ้าบุเรงนอง และครั้งที่ 2 ในวันอังคาร ขึ้น 9 คํ่า เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310 โดยพระเจ้ามังระ
เพราะเหตุใดจึงทำให้กรุงศรีอยุธยาเสียเอกราชครั้งที่1ให้กับพม่าสาเหตุ เกิดความแตกสามัคคีกันระหว่างสมเด็จพระมหินทราธิราชกับพระมหาธรรมราชาเนื่องมาจากการยุยงของข้าศึก ไทยขาดกำลังใจต่อสู้เนื่องจากสมเด็จพระมหาจักรพรรดิสวรรคตในขณะบัญชาการศึก พระยาจักรีซึ่งเป็นแม่ทัพไทยเป็นไส้ศึกให้แก่พม่า
|