วิธีเลือกซื้อตู้เย็น เลือกอย่างไรให้เหมาะกับบ้าน ได้คุณสมบัติตามขนาด ราคา รูปแบบ และการประหยัดไฟ ที่ทำให้คุณใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและบอกลาค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นไปได้มากเลยทีเดียว Show
เมื่อคิดจะซื้อตู้เย็นสักเครื่อง คำถามแรกของใครหลายคนก็คงจะไม่พ้นคำถามที่ว่า “ยี่ห้อไหนดี” ใช่ไหมล่ะคะ แต่ถ้าจะให้ดีจริง ๆ ควรพิจารณากันที่หลักการทำงาน ขนาด ราคา รูปแบบ 1 ประตู 2 ประตู หรืออื่น ๆ และการกินไฟมากกว่า เพราะข้อจำกัดเหล่านี้คือวิธีการที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกตู้เย็นที่ตอบโจทย์กับความต้องการ และความเหมาะสมในการใช้งานและห้องของคุณได้มากที่สุด วันนี้กระปุกดอทคอมเลยนำวิธีเลือกตู้เย็นมาฝากกันค่ะ เพื่อให้คนที่กำลังจะซื้อตู้เย็นได้นำไปพิจารณาเลือกเครื่องที่เหมาะสมที่สุด 1. เลือกที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 - ตู้เย็นฉลากเบอร์ 3 : กินไฟ 332 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 840 บาท/ปี - ตู้เย็นฉลากเบอร์ 4 : กินไฟ 262 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 644 บาท/ปี - ตู้เย็นฉลากเบอร์ 5 : กินไฟ 220 หน่วย/ปี ต้องเสียค่าไฟประมาณ 573 บาท/ปี 2. สังเกตจากรายละเอียดข้อมูล
ถ้าจะให้ดีควรเลือกตู้เย็นที่มีฉนวนกันความร้อนหนาชนิดโฟมอัด ช่วยกักเก็บความเย็นได้ดี และเลือกตู้เย็นที่ใช้ระบบไฟฟ้า 220-330 โวลต์ เพราะเป็นระบบไฟฟ้าที่เหมาะสมกับบ้านเรา
3. ขนาดความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน
- สมาชิกมี 2 คน : ปริมาณคิวที่เหมาะสมอย่างต่ำสุดคือ 2.5 คิวขึ้นไป - ครอบครัวขนาดกลางสมาชิก 3-4 คน : ปริมาณคิวที่เหมาะสมคือ 12-18 คิว - ครอบครัวขนาดใหญ่สมาชิก 5 คนขึ้นไป : ปริมาณคิวที่เหมาะสมคือ 15 คิวขึ้นไป 4. ประเภทของตู้เย็นและราคา - ตู้เย็นเล็ก : เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่น้อย อย่างเช่น หอพัก ห้องนั่งเล่น และห้องชั้นใต้ดินเป็นต้น ราคาประมาณ 4,000-6,000 บาท - ตู้เย็น 1 ประตู : ขนาดความจุไม่มาก ด้านในมีช่องแช่แข็งและช่องแช่ธรรมดาในตัว เหมาะกับบ้านทั่วไปที่มีพื้นที่กำจัด ราคาประมาณ 5,000-7,000 บาทขึ้นไป - ตู้เย็น 2 ประตู (ช่องแช่แข็งด้านบน/ช่องแช่เย็นด้านล่าง) : เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่น้อย ราคาประมาณ 9,000-30,000 บาทขึ้นไป - ตู้เย็น 2 ประตู (แบบซ้าย-ขวา) : มีขนาดความจุเท่ากันทั้ง 2 ด้าน เป็นช่องแช่เย็นแบบแนวตั้ง บางรุ่นมีช่องกดน้ำด้านนอก เหมาะกับห้องครัวที่มีพื้นที่กำจัด ราคาประมาณ 40,000-100,000 บาทขึ้นไป - ตู้เย็นหลายประตู : ส่วนบนจะมีประตูทั้งด้านซ้ายและขวา และส่วนล่างจะเป็นลิ้นชักช่องผักและช่องแช่แข็ง ช่วยแยกการแช่ให้เป็นสัดส่วน ทำให้อาหารสดได้ยาวนาน และหยิบใช้งานง่าย ราคาประมาณ 50,000-160,000 บาทขึ้นไป - ตู้เย็นประตูซ้อนประตู (door-in-door) : นวัตกรรมใหม่ที่มาพร้อมประตู 4 บาน และอีก 2 บานที่ซ้อนไว้ด้านบน เพื่อกักเก็บความเย็นและช่วยประหยัดพลังงานในการเปิดตู้เย็นหยิบของเล็ก ๆ น้อย ๆ ราคาประมาณ 149,000 บาทขึ้นไป 5. พิจารณาจากคุณสมบัติพื้นฐาน - ชั้นวาง : จะต้องถอด-เข้าออกได้ เพื่อให้ง่ายต่อการปรับขนาดช่องแช่และทำความสะอาด - ลิ้นชักช่องแช่ : จะต้องมีช่องแยกภายใน เพื่อปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับอาหารที่แช่ - ช่องผักและผลไม้ : จะต้องควบคุมความเย็นและชื้นอย่างเหมาะสม ให้ผักและผลไม้สดได้นาน - ชั้นวางข้างประตู : จะต้องมีขนาดกว้างพอสมควร สามารถแช่ขวดนมและขวดน้ำต่าง ๆ ได้ดี 6. ฟีเจอร์เสริม
- ระบบทำความเย็นแบบคู่ (Dual-cooling system) : ช่องแช่แข็งจะกระจายลมเย็นแยกจากช่องแช่เย็นธรรมดา เพื่ออุณหภูมิช่องแช่แข็งให้มีประสิทธิภาพ - ระบบกรองอากาศ (Air filtration) : จะมีช่องกรองอากาศแบบคาร์บอนในตัว ช่วยลดกลิ่นอับภายในตู้เย็น - แผงควบคุมการทำงาน (Programmable control pad) : เป็นแผงปุ่มตั้งค่าอุณหภูมิ ล็อกความเย็น เช็กตัวกรอง และระดับน้ำต่าง ๆ ในเครื่อง - ระบบประหยัดพลังงาน (Energy-saving models) : นวัตกรรมอัจฉริยะที่ช่วยให้ตู้เย็นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่กินไฟ งดใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น และช่วยลดค่าไฟในแต่ละเดือน เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิธีการเลือกซื้อตู้เย็นอย่างชาญฉลาดที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ หวังว่าคนที่กำลังมองหาและคิดที่จะซื้อตู้เย็นดี ๆ มาใช้สักเครื่อง จะนำวิธีการเหล่านี้ไปลองพิจารณากันดู เพื่อให้ได้ตู้เย็นที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดยังไงล่ะคะ ขอบคุณข้อมูลจาก การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้ามาใช้งานอย่างไรถูกต้องที่สุดหลักเกณท์ในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า. ควรทราบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่พบเห็นนั้น กินไฟมากน้อยเพียงไร. มีความเหมาะสมในการใช้งานหรือไม่. สะดวกในการใช้สอย คงทน ปลอดภัยหรือไม่. ภาระการติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา. พิจารณาคุณภาพ ค่าใช้จ่าย อายุใช้งาน มาประเมินออกมาเป็นตัวเงินด้วย. ในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าควรคํานึงถึงอะไรบ้าง5 ทริคเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างไรให้คุ้ม. 1. ราคาของเครื่องใช้ไฟฟ้า ... . 2. คุณภาพ ความปลอดภัยและความน่าไว้วางใจของแบรนด์ ... . 3. จำนวนวัตต์ ... . 4. ชนิดและขนาดของเครื่องใช้ไฟฟ้า ... . 5. การติดตั้งและการบำรุงรักษาหลังการซื้อ. เราควรเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีลักษณะอย่างไรจึงจะประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้1. ดึงปลั๊กของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งหลังใช้งานเสร็จ 2. ใช้ปลั๊กพ่วงสำหรับเสียบปลั๊กอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายอย่างพร้อมกัน เมื่อเลิกใช้งานแล้วก็ดึงปลั๊กพ่วงและปิดสวิตช์ทีเดียว 3. จัดบ้านเปิดรับอากาศบริสุทธิ์ เพื่อรับลมธรรมชาติและระบายอากาศให้ปลอดโปร่ง ช่วยลดการใช้งานเครื่องปรับอากาศ
การเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต้องตรวจสอบค่าอะไรการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า สิ่งแรกที่ต้องคานึงถึง คือ ราคา ซึ่งถือเป็นข้อพิจารณาที่สาคัญและควรคานึงอยู่ เสมอว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีราคาถูกนั้นไม่ใช่เป็นข้อสรุปในการตัดสินใจซื้อ เพราะของถูกอาจสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า มาก และมีอายุการใช้งานสั้นก็ได้การจะดูว่าเครื่องใช้ไฟฟ้านั้นสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้ามากหรือน้อยเพียงใด ...
|