โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

โครงงานน้ำยาล้างจานมะกรูด

ที่มาและความสำคัญ

เนื่องจากในปัจจุบันน้ำยาล้างจานเป็นสิ่งสำคัญในครัวเรือนและใช้ปริมาณมากในแต่ละวัน น้ำยาล้างจานตามท้องตลาดมีหลายยี่ห้อ บางยี่ห้ออาจทำให้ผู้บริโภคบางคนแพ้ได้และจำหน่ายในราคาสูงจึงทำให้รายจ่ายในครัวเรือนมีมากขึ้น

       เศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ประชาชนมีค่าครองชีพสูง ทุกคนจึงต้องหาแนวทางการประหยัดค่าใช้จ่ายเพื่อให้มีเงินเหลือเก็บ เพื่อไว้ใช้สร้างอนาคต นอกจากนี้ยังช่วยให้ครัวเรือนแต่ละครัวเรือนได้เรียนรู้ที่จะดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่สามารถปฏิบัติโดยยึดหลัก 3 ห่วง และ 2 เงื่อนไข พวกเราจึงได้ปรึกษาและหาทางออกเพื่อช่วยพ่อบ้านและแม่บ้านให้มีรายจ่ายลดน้อยลง ซึ่งต้องเริ่มจากสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันและสิ้นเปลืองอย่างมาก

       สำหรับประโยชน์ที่ได้จากการทำโครงงาน จะช่วยให้รู้จักการทำงานเป็นกลุ่มสามารถขยายความรู้และประสบการณ์ไปสู่ชุมชนและท้องถิ่นได้ และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับครอบครัว คณะผู้จัดทำได้คำนึงถึงความสำคัญดังกล่าวจึงได้จัดทำโครงงานนี้ขึ้น

       ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าฉบับนี้ จึงมุ่งศึกษาเพื่อศึกษาวิธีการทำน้ำยาล้างจานและทดลองการทำน้ำยาล้างจาน เพื่อให้รู้ถึงวิธีการทำและแนวทางการแก้ปัญหาค่าใช้จ่ายต่อไป

วัตถุประสงค์

       1.เพื่อศึกษาวิธีการทำน้ำยาล้างจาน

         2.เพื่อทดลองการทำน้ำยาล้างจาน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

       1.ได้รับความรู้วิธีการทำน้ำยาล้างจาน

         2.ได้นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน

โครงการน้ำยาล้างจานรักษ์สิ่งแวดล้อม

Written by Super User. Posted in โครงการ-วิจัย

การใช้ผลิตภัณฑ์ในการทำความสะอาด ปัจจุบันมีหลากหลายชนิดให้เลือก  ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหล่านี้โดยส่วนมากมีการผสมสารเคมีเข้าไปในผลิตภัณฑ์ในปริมาณที่แตกต่างกัน โดยมีจุดประสงค์ทำให้ทำความสะอาดได้ดี โดยไม่คำนึงถึงอันตรายต่อผู้ใช้งาน ผู้สัมผัสผลิตภัณฑ์รวมถึงสิ่งแวดล้อม 

      กลุ่มงานโภชนศาสตร์ โรงพยาบาลบุรีรัมย์จึงมีแนวคิดพัฒนาน้ำยาล้างจานรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยใช้ความรู้ภูมิปัญญาดั้งเดิม ผสมผสานกับความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่  พัฒนาทำน้ำยาทำความสะอาดปราศจากสารเคมี  โดยพัฒนาจากวัสดุธรรมชาติ ที่เหลือใช้จากการผลิตอาหารคนไข้ประจำวัน ทำให้ได้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความปลอดภัย ราคาถูก ประหยัด ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นไปตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตามนโยบายของโรงพยาบาลบุรีรัมย์ลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย  สามารถนำความรู้ที่ได้ไปถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้กับหน่วยงานต่างๆภายในโรงพยาบาลและชุมชนต่อไป

วัตถุประสงค์

1. เพื่อพัฒนาเทคนิคและขั้นตอนการผลิตน้ำยาล้างจานรักษ์สิ่งแวดล้อม จากวัสดุที่เหลือใช้จากการผลิตอาหารคนไข้

2. พัฒนาองค์ความรู้การผลิตน้ำยาล้างจานรักษ์สิ่งแวดล้อม ให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มงานโภชนศาสตร์ ให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง

3. นำความรู้ที่ได้จากการพัฒนาน้ำยาล้างจานรักษ์สิ่งแวดล้อม ไปถ่ายทอดให้กับหน่วยงานอื่นในโรงพยาบาลบุรีรัมย์ที่สนใจ และนำไปใช้กับชุมชน  ครัวเรือน

วิธีดำเนินงาน

1. ขั้นการเตรียมการ

    - เสนอโครงการและขออนุมัติจัดทำโครงการ

2. ขั้นดำเนินการ

   - ประชุมชี้แจงโครงการและขออนุมัติจัดทำโครงการ

   - ให้ความรู้เจ้าหน้าที่เรื่องขั้นตอนการผลิต

   - จัดเตรียมวัตถุดิบ วัสดุ/อุปกรณ์ ที่ใช้ในการผลิต

   - ดำเนินการผลิตน้ำยาเอนกประสงค์รักษ์สิ่งแวดล้อม

   - ติดตามประเมินผล แบบสอบถามความพึงพอใจ

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

- ปริมาณขยะเปลือกผัก/ผลไม้สดในกลุ่มงานโภชนศาสตร์ที่ต้องนำไปทิ้ง มีปริมาณลดลง

- ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำยาล้างภาชนะ

- สามารถนำน้ำยาเอนกประสงค์ไปใช้ได้ตามต้องการ

- เจ้าหน้าที่มีความรู้ มีจิตสำนึกที่ดี ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

พิมพ์ อีเมล

บทที่2

เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง

ในการศึกษาวิจัยเรื่อง การพัฒนาสูตรน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาเอนกประสงค์ จากวัตวัตถุดิบในครัว ด้วยการร่วมมือของนักเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงปีที่ 2 สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ผู้จัดทำโครงการได้เรียบเรียงเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย ตามลำดับหัวข้อดังต่อไปนี้

  1. ที่มาของคราบสกปก

  2. วิธีกำจัดคราบ

  3. ผลกระทบที่มาจากคราบสกปก

  4. วัตถุดิบที่ใช้

  5. ขั้นตอนการทำ

  6. สื่อที่ใช้ในการนำเสนอโครงการ

  7. โครงการที่เกี่ยวข้อง

  8. เศรษฐกิจพอเพียง

2.1 ที่มาของคราบสกปก

2.1.1  คราบสติ๊กเกอร์เหนียวหนึบ

         สติ๊กเกอร์ถือเป็นของเล่นคู่กับเด็ก ๆ วัยกำลังซน เพราะเห็นพื้นที่ว่างเป็นไม่ได้ต้องเอาเจ้าสติ๊กเกอร์ตัวปัญหานี้ไปแปะไว้ซะทุกที่ เมื่อแกะออกก็กลายเป็นเรื่องไม่สนุกเสียแล้ว เพราะจะทิ้งคราบเหนียวหนึบเอาไว้ เมื่อมีสิ่งสกปรกปลิวมาติดก็ทำให้ไม่น่ามอง ทั้งคราบที่มีอยู่ก็ทำความสะอาดยาก

2.1.2 คราบยางไม้ติดแน่น

         เมื่อเด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอก จำเป็นต้องคลุกคลีกับต้นไม้ใบหญ้าอย่างแน่นอน เพราะเป็นที่หลบซ่อนอย่างดีเมื่อเวลาเล่นซ่อนแอบหรือการไปนั่งแถว ๆ ต้นไม้ทำให้รู้สึกเย็นสบาย แต่สิ่งที่เด็ก ๆ ไม่ทันระวังคือยางไม้จากต้นไม้ที่อาจติดเสื้อมาด้วย ทำให้ดูสกปรกไม่น่ามอง

2.1.3 คราบสกปรกจากสีเทียน

         การที่เด็ก ๆ ชอบระบายสีหรือขีดเขียนวาดภาพต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ดีมาก จะได้ส่งเสริมจินตนาการเด็ก ๆ แต่ขึ้นชื่อว่าสีและศิลปะ ยังไงซะก็ต้องรับมือกับคราบสกปรกที่จะเลอะเสื้อผ้าของเด็ก ๆ แน่นอน

2.1.4 คราบช็อกโกแลตดำปื้ด

         ขนมสุดโปรดปรานตลอดกาลของเด็ก ๆ อย่างช็อกโกแลต เมื่อเลอะเสื้อแล้วก็กลับกลายเป็นฝันร้ายของคุณพ่อ-คุณแม่ทันที

2.1.5 คราบโคลนแห้งกรัง

         คราบโคลนเลอะเสื้อเป็นภาพที่คุณพ่อคุณแม่ของลูก ๆ น่าจะปวดหัวสุด ๆ ยิ่งวันที่ฝนตกเด็ก ๆ ยิ่งชอบออกไปเล่นข้างนอก ซึ่งหนีไม่พ้นต้องมีคราบโคลนติดเสื้อให้ปวดหัวเล่นแน่นอน เพราะคิดว่ายังไงก็เอาไม่ออก

2.1.6 คราบน้ำผลไม้หายเร็วสุด ๆ

         เวลาอาหารว่าง น้ำผลไม้หรือน้ำหวานอื่น ๆ ที่มีสีเป็นของชอบของเด็ก ๆ นัก แต่เวลาดื่มก็ต้องมีหกเลอะเทอะกันบ้าง เพราะเด็ก ๆ ยังมือไม้อ่อน หยิบจับอะไรยังไม่แข็งแรงมาก

2.1.7 คราบน้ำหมึกจากปากกา

         คราบน้ำหมึกจากปากกาเป็นสิ่งที่เลี่ยงได้ยากในชีวิตประจำวันของเด็ก ๆ วัยเรียน เพราะยังไงปากกาก็เป็นอาวุธคู่ใจ สำหรับเด็กนักเรียนอยู่แล้ว ถ้าหากหมึกปากกาเลอะเสื้อ ยิ่งเสื้อนักเรียนสีขาวสะอาด ยิ่งน่ากังวลใจเป็นอย่างมาก

2.2 วิธีกำจัดคราบ

2.2.1 เสื้อผ้าสีขาวที่เริ่มจะกลายเป็นสีเหลือง

สามารถแก้ไขได้โดยใช้เปลือกไข่ป่นละเอียด ใส่ลงไปในอ่างแช่ผ้า ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงซัก

2.2.2เสื้อผ้าที่เลอะคราบครีม เนย น้ำมัน

ขจัดคราบโดยนำแป้งที่ใช้สำหรับทาตัวมาโรย ใช้กระดาษทิชชู หรือกระดาษบางอื่นๆ วางทับ นำเตารีดที่มีความร้อนพอสมควร ทับบนกระดาษ จนแป้งดูดคราบออกจนหมด แล้วจึงนำไปซัก

2.2.3เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบเลือดจางๆ

ขจัดคราบโดยใช้เบคกิ้งโซดาผสมน้ำสักเล็กน้อย จนแป้งข้นๆ ถูเบาๆ เมื่อแห้งจึงปัดฝุ่นออก

2.2.4เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบกาแฟ

ขจัดคราบโดยใช้แป้งข้าวเจ้าถู แล้วซักได้ตามปกติ

2.2.5เสื้อผ้าที่เปื้อนคราบชอกโกแล็ต

ขจัดคราบโดยรีบนำไปแช่น้ำอุ่นทันทีที่เปื้อน อาจใช้น้ำยาขจัดคราบฝังแน่น ช่วยด้วย จากนั้นนำไปซักแห้ง

2.2.6เสื้อผ้าที่ขึ้นราเล็กน้อย

ขจัดคราบโดยรีบนำผ้าที่ขึ้นราใหม่ๆ ซักในน้ำสบู่ร้อนๆ ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ / ให้บีบมะนาวลงไป แล้วแช่ผ้าไว้ในผงซักฟอกสักครู่ จึงซักผ้าตามปกติ

2.2.7เสื้อผ้าที่เปื้อนรอยสนิม

ขจัดคราบโดยนำผ้ามาชุบน้ำให้เปียกก่อน บีบน้ำมะนาวลงไปบนรอยเปื้อน ทิ้งไว้สักครู่ แล้วจึงนำไปซักตามปกติ

2.3 ผลกระทบที่มาจากคราบสกปก

2.3.1  คราบไรฝุ่น สาเหตุของโรคภูมิแพ้ มักพบได้ตามห้องนอน โดยพวกมันจะอาศัยอยู่ตามเตียง หมอน และผ้าห่ม มีจำนวนมากถึง 1.5 ล้านตัวเลยทีเดียว วิธีกำจัดคือ หมั่นนำชุดเครื่องนอน หมอน และผ้าห่มไปผึ่งแดดบ่อย ๆ เพื่อไล่ความชื้น ไรฝุ่น รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ

2.3.2 การติดเชื้อราบนผิวหนัง (cutaneous mycoses) การติดเชื้อราบนชั้นของผิวหนังส่วน epidermis นั้น บางคนนิยมเรียก dermatomycosis ส่วนมากเป็นเชื้อราในกลุ่มของ Microsporum spp. และ Trichophyton spp. เชื้อทั้งสองนี้เป็นสาเหตุของโรค ขี้กลากในคนและสัตว์

2.3.2โรคมือเท้าปาก เกิดจากการติดเชื้อไวรัสกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) หรือเชื้อไวรัสลำไส้ โดยเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคมือเท้าปากได้ก็มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน แต่เชื้อที่รุนแรงที่สุดคือ เอนเทอโรไวรัส 71 หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเชื้อ EV 71 โดยโรคมือเท้าปากจริง ๆ แล้วเกิดขึ้นประปรายตลอดปี แต่จะระบาดมากในช่วงหน้าฝน ซึ่งมักมีอากาศเย็นและชื้น

2.4 วัตถุดิบที่ใช้

 2.4.1  เกลือแกง หรือ โซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride) เป็นสารเคมีธรรมชาติตัวหนึ่งที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายมานานนับพันปี บางท่านอาจจะไม่คุ้นกับชื่อเกลือแกง แต่ถ้าบอกว่ามันก็คือเกลือที่เราใช้ประกอบอาหารกันทุกวัน ก็คงร้องอ๋อกันทุกคน เกลือแกงถูกนำมาใช้กันในหลายด้าน ทั้งด้านประกอบอาหาร ถนอมอาหาร รวมถึงใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมหลายประเภท

2.4.2 เบกกิ้งโซดา หรือ เบคกิ้งโซดา (Baking Soda) มีชื่อทางเคมีว่า “โซเดียมไบคาร์บอเนต” (Sodium bicarbonate) ชนิดนี้จะสลายตัวได้เมื่อได้รับความร้อน มีข้อเสียคือจะมีสารตกค้าง ถ้าใช้มากเกินไปจะทำให้เกิดรสเฝื่อนได้ แต่สามารถแก้ไขได้โดยเติมกรดลงไปในสูตรขนมอาหารลงไปเพื่อทำให้สารตกค้างหมดไปได้ ตัวอย่างเช่น การเติมนมเปรี้ยว หรือโยเกิร์ต เป็นต้น (เมื่อสูตรใดใช้เบกกิ้งโซดาเป็นส่วนผสม ก็จะต้องมีส่วนผสมอื่นที่มีฤทธิ์เป็นกรดด้วยเสมอ และการทำส่วนผสมแทบทุกครั้งจะต้องใส่ของเหลวทีหลังสุดเสมอ เพื่อให้ก๊าซที่เกิดคงไว้มากพอก่อนเข้าเตา) โดยเบกกิ้งโซดารูปแบบนี้เราจะนิยมนำมาใช้กับขนมที่มีโกโก้หรือกาแฟ เป็นส่วนผสม เพราะทั้งโกโก้และกาแฟต่างก็มีค่าเป็นด่าง และเบกกิ้งโซดาก็มีค่าเป็นด่าง จึงทำให้เข้ากันได้ดี

2.4.3 น้ำส้มสายชู เป็นเครื่องปรุงรสอาหารที่มีประจำทุกครัวเรือน เพื่อเพิ่มรสเปรี้ยวหรือแต่งกลิ่น มีกรดอินทรีย์ชนิดหนึ่ง คือกรดน้ำส้ม (Acetic Acid) เป็นองค์ประกอบสำคัญ นอกจากนี้อาจมีกรดอินทรีย์และสารอื่นๆ ปนอยู่ด้วยเป็นส่วนน้อย เช่น กรดมาลิค (Malic Acid)

กรดแลคติค (Lactic Acid) เอสเทอร์ (Ester) แอลกอฮอล์ (Alcohol) อัลดีไฮด์ (Aldehyde) ฯลฯ ซึ่งเกิดขึ้นจากธรรมชาติของการผลิตน้ำส้มด้วยกรรมวิธีหมักน้ำส้มสายชู

น้ำส้มสายชูแท้และน้ำส้มสายชูเทียม เป็นน้ำส้มที่ใช้ในการปรุงอาหารรับประทานได้ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดไว้

2.4.4 แอลกอฮอล์ (Alcohol) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีฤทธิ์ยับยั้งต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อโรค น้ำยาแอลกอฮอล์ 70%/แอลกอฮอล์ 70% หรือที่ใช้เป็นแอลกอฮอล์เช็ดแผล (Alcohol 70% หรือ Rubbing alcohol) เป็นเวชภัณฑ์/เป็นยาที่มีองค์ประกอบของแอลกอฮอล์ 70 ส่วน (70%) และน้ำ 30 ส่วน (30%) โดยปริมาตร ชนิดของแอลกอฮอล์ที่นำมาเป็นสารออกฤทธิ์/เป็นยาฆ่าเชื้อโรคนี้ หลักๆจะมี 2 แบบที่พบเห็นในท้องตลาดคือ เอทิลแอลกอฮอล์ (Ethyl alcohol หรือ Ethanol สูตร เคมีคือ C2H5OH) และ ไอโสโพรพิลแอลกอฮอล์ (Isopropyl alcohol หรือ Isopropanol alcohol หรือ Dimethyl carbinol สูตรเคมีคือ C3H7OH)

2.5 ขั้นตอนการทำ

2.5.1 ขั้นตอนการทำน้ำยาเอนกประสงค์ อีกหนึ่งสูตรน้ำยาล้างห้องน้ำสำหรับคราบเบาหรือใช้ทำความสะอาดเป็นประจำ ผสมจากผงบอแรกซ์ ¼ ถ้วยตวง เบกกิ้งโซดา ¼ ถ้วยตวง น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง และเพิ่มกลิ่นหอมด้วยน้ำมันหอมระเหย 5 หยดคนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์เพื่อนำไปฉีดพ่นทำความสะอาด

2.5.1น้ำยาซักผ้า ล้างจาน ล้างรถ สูตรชีวภาพ ผลิตภัณฑ์คุณภาพดี เตรียมภาชนะสำหรับผสม ก้นเรียบ และพายไม้สำหรับคน (สำหรับสูตรที่ให้นี้ ได้น้ำยาปริมาณมากถึง 15 ลิตร ควรใช้ถังพลาสติกใบใหญ่ๆ หรือถังสีใบใหญ่ ในการผสมก็จะเหมาะที่สุด)  

           1. ใส่หัวแชมพู ผงฟอง และผงข้นลงในภาชนะผสม (ควรเทผงฟองต่ำๆ เบา ๆ เพราะจะฟุ้ง)

           2. ใช้พายคนส่วนผสมทั้ง 3 อย่าง ให้เข้ากันให้มากที่สุด (ควรคนไปทางเดียวกัน ประมาณ 5 นาที ส่วนผสมจะเป็นครีมขาว ข้น ฟู คล้ายๆกับครีมแต่งหน้าขนมเค้ก) แต่อาจยังมีเสียงดังแกรก ๆ เหมือนมีเม็ดทรายอยู่เล็กน้อย

           3. ค่อยๆเติมน้ำสะอาดลงในส่วนผสมทีละน้อยๆพร้อมกับคนไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน (ถ้าใส่น้ำลงไปครั้งเดียวหมด ส่วนผสมจะจับตัวเป็นก้อน คนให้ละลายเข้ากันได้ยากมาก)             

           4. เมื่อใส่น้ำจนครบตามจำนวนจึงใส่สารขจัดคราบ แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน  

           5. ใส่น้ำหมักชีวภาพจากผลไม้รสเปรี้ยว แล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน (ถ้าใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากผลไม้ นาน 3 เดือนขึ้นไป

2.6 สื่อที่ใช้ในการนำเสนอโครงการ

2.6.1ทำโบรชัวร์ การทำแผ่นพับ ด้วยโปรแกรม Publisher 2013

ในตระกูล Microsoft office 2013 โปรแกรม Publisher 2013 ถือว่าเป็นโปรแกรมออกแบบโบรชัวร์ การทำแผ่นพับ ได้อย่างสดวกรวดเร็วอีกโปรแกรมหนึ่ง สามารถจัดการส่วนประกอบต่างๆเช่น ข้อความ หรือ ภาพได้อย่างง่ายดาย แถมยังเป็นโปรแกรมสามัญประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไปอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหามาติดตั้งเพิ่มเติมแต่อย่างใด อีกทั้งหน้าตาก็คล้ายคลีงกับโปรแกรม MS word 2013 ที่เราๆท่านใช้กันแทบทุกวัน

เริ่มต้นด้วยการปรับแต่งโปรแกรม Publisher 2013 ให้เรามีหน่วยวัดแบบเดียวกันคือเซนติเมตร ถ้าหน่วยตรงกันแล้วสามารถข้ามขั้นตอนนี้ไปได้ โดยกดที่ File >> Options >> Advanced >> Show measurements in units of >> Centimeters


รูปภาพที่ 1.1 การตั่งค่าหน่วยวัดเป็นเซนติเมตร

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

1.ขั้นตอนแรก เริ่มสร้างไฟล์งานใหม่ โบรชัวร์ การทำแผ่นพับ โดยกดที่ File >> New >> เลือกtemplate โดยโปรแกรม Publisher มี template ให้เลือกมากมายและสามารถค้นเพิ่มเติมonlineได้ในช่องค้นหา  ดังภาพตัวอย่างด้านล่าง

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.2 การค้นหาTemplate

หลังจากเราสร้างไฟล์งานใหม่แล้ว เราก็ต้องปรับขนาด template ให้มีขนาดเท่ากับขนาดโบรชัวร์ หรือ ขนาดแผ่นพับที่เราต้องการ ในโพสนี้เราจะทำโบรชัวร์ขนาดA4 มีขนาดสำเร็จแล้วที่ 21 x 29.7 cm แต่ในการพิมพ์โบรชัวร์ จะพิมพ์บนกระดาษที่ใหญ่กว่า แล้วตัดให้ได้ขนาดโบรชัวร์ที่ต้องการ โดยเราจำเป็นเผื่อระยะตัดด้านละ 0.3 cm ขนาดไฟล์จึงใหญ่กว่าของจริงเล็กน้อยคือ 21.3 x 30 cm โดยระยะตัดที่เราเผื่อไว้นี้จะถูกตัดออกหลังพิมพ์ลงกระดาษแล้ว เพื่อจะได้ขนาดเท่ากับขนาดA4ปกติ หลังผลิตสำเร็จ เริ่มการปรับขนาดหน้ากระดาษ โดยกดที่ Page Design >> Size >> Page Setup >> Width 21.3 cm  >> Height 30 cm  ต่อด้วยการปรับ Margin >> Top = 0 >> Left = 0 >> Bottom = 0 >> Right = 0 ดังภาพด้านล่างนี้ (สำหรับบางท่านที่ใช้เครื่องปริ้นทั่วไป ให้ใช้ขนาดA4 สำเร็จเลยคือ 21 x 29.7 cm)

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.3 การปรับขนาดโบรชัวร์

เราจะได้ไฟล์งานใหม่ ที่พร้อมจะใส่ข้อความ เพิ่มรูปภาพ เพิ่มแบ๊คกราวน์ ย้ายส่วนประกอบต่างๆแล้วครับ ดังภาพด้านล่างนี้ โดยเราทำโบรชัวร์ก็สามารถเริ่มขั้นตอนต่อไปได้เลยครับ แต่ถ้าต้องการทำแผ่นพับให้ดูในส่วนการทำแผ่นพับด้านล่างจ้า มีในส่วนการแบ่งส่วนระยะพับที่จำเป็นต้องคำนึงถึง ในการทำแผ่นพับด้วย

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.4 แสดงไฟล์งานใหม่

2.ขั้นตอนต่อไปคือการจัดวางข้อความที่เราต้องการ หรือรูปภาพสินค้า โดยข้อความ และสินค้าต่างๆควรอยู่ห่างจากขอบด้านละ 1cm จากที่ผลิตงานโบรชัวร์มา พบว่าการจัดข้อความให้ห่างจากขอบด้านละ 1cm นี้เป็นระยะที่พอเหมาะไม่ไกล้ขอบเกินไป และห่างจนเกินไป แบบว่ากำลังสวยครับ ถ้าใส่ข้อความชิดขอบ จะทำให้โบรชัวร์และแผ่นพับ ดู ขาดๆ เกินๆ ครับ ส่วนภาพพื้นหลังที่จะทำให้โบรชัวร์ แผ่นพับ ควรว่างเต็มไฟล์งาน ไม่ต้องเว้นระยะตัด โดยพื้นหลังจะถูกตัดออกเล็กน้อย ที่ระยะตัด เพื่อไม่เห็นขอบขาว สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานโปรแกรม Publisher เริ่มต้นด้วยการใส่ข้อความที่เมนู Insert >> Draw Text Box สามารถกดที่เพจเพื่อวางตัวอักษร และสามารถสร้างรูปภาพที่เมนู Insert >> Pictures ดังตัวอย่างด้านล่างนี้

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.5 การสร้างรูปภาพ

การเพิ่มภาพที่เราต้องการบางครั้งหายากเหลือเกิน แต่ในโปรแกรม Publisher 2013 ช่วยทำให้เป็นเรื่องง่ายๆ โดยเราสามารถค้นหาแบบ online ได้เลย สดวกมากๆ โดยกดที่ Insert >> Online Pictures >> Search Bing >> ใส่ประเภทของภาพที่เราต้องการค้นหา ดังภาพด้านล่างนี้ ในตัวอย่างนี้ผมต้องการหารูปธงชาติครับ ได้ภาพธงชาติมากมาย สดวกมากมาย

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.6 ค้นหาภาพที่ต้องการ

การเพิ่มเส้น เพื่อแบบสัดส่วน หรือ รวดลาย สามารถใส่เส้นใส่ตาราง ลูกศรชี้ซ้ายขวา หรือรูปทรงเลขาคณิต ก็มีให้เลือก


โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.7 การเพิ่มเส้น หรือ ลวดลาย

มากมายที่ Insert >> Shapes >> เลือกแบบที่ต้องการ   ด้งภาพด้างล่างนี้

และอีกส่วนที่อยากแนะนำเพื่อทำให้โบรชัวร์ของเราสวยขึ้นผิดหูผิดตาเลยคือการใช้ Insert >> Page Parts  >> Sidebars / Stories ทำออกมาได้ดีครับ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถตกแต่งโบรชัวร์ และแผ่นพับได้อย่างง่ายดาย โดยจะมีภาพพื้นหลังให้และแบ่งสัดส่วนให้ เหลือเพียงใส่ข้อความ ชื่อร้าน รายละเอียด และภาพ ก็จะได้ไฟล์งานที่เราต้องการ

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.8 ธีมต่างๆ

ได้อธิบายการใช้เครื่องมือต่างๆเป็นโปรแกรม Publisher 2013 ที่สำคัญไปแล้ว เราก็จะได้โบรชัวร์ ดังตัวอย่างภาพด้านล่างนี้ จะแสดงเส้นสีเขียวที่เว้นจากขอบทุกด้าน 1 cm และกำหนดเป็นระยะปลอดภัยที่สามารถวางโลโก้ ข้อความตามๆ ออกแบบเสร็จแล้วก็ลบเส้นสีเขียวนี้ออกครับ โดยเมื่อพิมพ์สำเร็จจะมีความสวยงามสมส่วนครับ สังเกตุว่าสีพิ้นสีม่วงผมวางเต็มพื้นที่โบรชัวร์ จะไม่มีปัญหาในการตัดแล้วจะเห็นขอบขาว

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รุปภาพที่ 1.9 แสดงเส้นกรอบสีเขียว

การทำแผ่นพับด้วยโปรแกรม Publisher 2013 ก็มีหลักการสร้างไฟล์และการเว้นขอบเหมือนกับโบรชัวร์ เพียงต้องคำนึงถึงระยะพับด้วยเช่นตัวอย่างด้านล่างเป็น แผ่นพับ สองพับสามตอน จะมีระยะพับด้านหน้าอยู่ที่ 97mm/100mm/100mm ไม่รวมระยะตัดอีกด้านละ 1.5mm หรือเส้นกรอบนอกสีดำ โดยให้วางข้อความห่างจากระยะพับอีกด้านละ 0.5 cm เพื่อความสวยงาม ดังตัวอย่างภาพด้านล่าง ทั้งนี้ตัวอย่างด้านล่างเป็นรูปแบบการพับทั่วไป แบบ 2พับ 3ตอน สามารถใช้งานง่ายสดวกในการใช้งาน และการแจกด้วย นิยมมากๆครับ การพับแบบนี้ หน้าแรกจะอยู่ที่ด้านซ้ายหรือตรงที่มีรูปโลโก้ร้าน และด้านหลังจะอยู่ที่หน้ากลางหรือ instructions นั้นเองครับ

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.10 การกำหนดระยะการเว้นขอบด้านหน้า

ส่วนด้านหลังจะมีระยะพับที่สลับกันกับด้านหน้าคือ 100mm/100mm/97mm ส่วนระยะขอบคือด้านละ 1.5 mm ดังภาพด้านล่าง

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.11 การกำหนดระยะการเว้นขอบด้านหลัง

3.ขั้นตอนสุดท้ายสำคัญสุด คือบันทึกไฟล์

ถ้าโบรชัวร์และแผ่นพับที่เราทำเสร็จแล้ว ไม่สามารถไปใช้ที่อื่นได้ หรือไม่คมชัด เท่าที่เครื่องเรา มีความผิดเพี้ยนของหน้าจอ ย่อหน้าผิด คงทำให้เราเสียอารมณ์มากๆ แล้วทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง เริ่มกันเลยครับ โดยเราควรบันทึกไฟล์ต้นฉบับในเครื่องเราเป็นไฟล์ของโปรแกรมนั้นๆเอง1ไฟล์ เพื่อความสดวกในการแก้ไขในอนาคต แต่โดยส่วนใหญ่ไฟล์ที่บันทึกเป็นไฟล์ของโปรแกรมนั้นๆ จะไม่สามารถใช้งานบนเครื่องอื่่นได้ หรือผิดเพี้ยนไป ดังนั้นอีกไฟล์ที่ควรเซฟเก็บไว้ เพื่อไว้ใช้เปิดบนเครื่องอื่นได้อย่างไม่มีปัญหา เปิดบนมือถือ แท๊บเล็ตต่างๆ ก็สามารถทำได้นั้นคือ เซฟเป็นไฟลPDF โดยกดที่ File >> Save as >> Browse >> File name >> ใส่ชื่อไฟล์ >> Save as type >> PDF

โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.12 การบันทึกไฟล์

โดยเจ้าไฟล์ PDF นี้เราสามารถปรับให้มีความคมชัดมากกว่าปกติ เพื่อการนำไฟล์โบรชัวร์และแผ่นพับนั้นไปจัดพิมพ์โบรชัวร์ หรือนำไปพรีเซนก็ไม่ต้องคมชัดมากนัก ซึ่งเราสามารถเลือกปรับได้ โดยให้เลือกที่ Options สังเกตุว่าเราสามารถกำหนดความคมชัดของไฟล์ได้ โดยในการผลิตพิมพ์โบรชัวร์นั้น ไฟล์ที่ใช่ควร


โครง งาน เศรษฐกิจ พอ เพียง น้ำยา ล้าง จาน

รูปภาพที่ 1.13 การกำหนดความคมชัดของไฟล์

มีความคมชัดมากกว่า 300 dpi ขึ้นไปโดยยิ่งความคมชัดสูงขึ้น ก็จะทำให้ขนาดของไฟล์ใหญ่มากขึ้นด้วย ซึ่งอาจไม่สดวกกับการถ่ายโอนข้อมูลผ่านอีเมล ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมกับงานที่เราต้องการใช้ครับ

หลังจากเซฟไฟล์เสร็จแล้วเราจะได้ไฟล์ PDF ดังภาพด้านล่างนี้ ที่สามารถเปิดได้ทุกเครื่อง แม้มือถือ แท๊ปเล็ต Frontข้อความ การเว้นวรรคถูกต้อง ใช้ได้กับทุกเครื่องไม่ว่าจะเป็น windows หรือ MAC OS ก็ตาม ถึงตรงนี้หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้อ่านไม่ทางใด ก็ทางหนึ่งครับ ขอบคุณครับ ***มีบทความดีๆ อีกมาก ด้านล่างเลยจ้า

สรุปการทำโบรชัวร์ การทำแผ่นพับด้วยโปรแกรม Publisher 2013 นั้นสามารถออกแบบได้ง่าย ไม่ต้องหาโปรแกรมเสริม มีเครื่องมือเบื่องต้นให้ใช้งาน สามารถทำโบรชัวร์และการทำแผ่นพับได้อย่างสวยงาม ซึ่งความสวยงามนี้ต้องเกิดจากไอเดียผู้ออกแบบ80% ครับ ความสามารถของโปรแกรมเป็นส่วนเสริมที่ทำให้ไอเดียของผู้ใช้งาน ปรากฏเป็นผลงานได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ถือว่า Publisher 2013 ทำได้อย่างดีทีเดียว สำหรับผู้เริ่มต้น ไม่ต้องใช้เวลาศึกษามากเนื่องทุกคนมักคุ้นเคยกับการใช้งาน Office อยู่แล้ว เป็นโปรแกรมเริ่มต้น ที่เป็นพื้นฐานการใช้โปรแกรมขั้นสูงต่อไป

2.7 โครงการที่เกี่ยวข้อง

2.7.1โครงงานวิทยาศาสตร์เรื่อง น้ำยาล้างจานจากมะละกอ และมะกรูด

บทนำ

ที่มาและความสำคัญในการทำโครงงาน

ภายในชุมชนต่างๆมีการใช้น้ำยาล้างจานที่แตกต่างกันไปมากมายทั้งขนาด ยี่ห้อ และประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ซึ่งคณะผู้จัดทำได้พบว่าน้ำยาทำความสะอาดภาชนะนั้นมีราคาสูง จึงได้คิดค้นหาความรู้จากเเหล่งต่างๆ ว่าการผลิตน้ำยาล้างจานนั้นจะต้องทำอย่างไร พอได้รู้วิธีการทำ คณะผู้จัดทำจึงได้ร่วมกันพิจารณาว่าควรจะนำผลไม้ใดที่จะนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างจาน คณะผู้จัดทำจึงได้พิจารณากันว่าควรที่จะนำผลของมะละกอมาทำ เพราะเป็นผลไม้ที่หาง่าย ไม่แพง และผลใหญ่ เหมาะที่นำมาทำน้ำยาล้างจาน โดยเมื่อนำน้ำยาล้างจานจากมะละกอมาทดลองการใช้ สามารถใช้งานในการล้างภาชนะได้เทียบเท่ากับน้ำยาล้างจานตามท้องตลาด ราคาไม่แพง สามารถทำเองได้ เมื่อสำรวจความพึงพอใจในการใช้งานพบว่าผู้ใช้งานมีความพึงพอใจระดับดี

จุดประสงค์ของโครงงาน

1.เพื่อผลิตน้ำยาล้างจานอย่างง่ายที่มีประสิทธิภาพและต้นทุนต่ำ

2.เพื่อให้ประชาชนสามารถผลิตใช้เองได้

สมมติฐานของการทำโครงงาน

การทำน้ำยาล้างจานจากมะละกอมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับท้องตลาด

ตัวแปรที่เกี่ยวข้อง

ตัวแปรต้น           มะละกอ หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน

ตัวแปรตาม         น้ำยาล้างจานที่ทำจากมะละกอ

ตัวแปรควบคุม   ปริมาณเกลือ ปริมาณน้ำมะละกอ

ขอบเขตของการทำโครงงาน

ศึกษาว่าผลไม้ชนิดใดสามารถน้ำมาทำน้ำยาทำน้ำยาล้างจานได้ประสิทธิภาพดีกว่ากัน

ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

  1. การเพิ่มคุณค่าให้กับมะละกอที่เหลือใช้

  2. การลดค่าใช้จ่าย

  3. การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับวิทยาศาสตร์ให้เกิดประโยชน์

นิยามเชิงปฏิบัติการ

หัวเชื้อน้ำยาล้างจาน หมายถึง หัวเชื้อที่ทำให้เกิดฟองและสามารถทำความสะอาดคราบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

การทดสอบคุณภาพ หมายถึง การนำน้ำยาล้างจานจากมะละกอมาทดสอบโดยการทดลองใช้

2.8  เศรษฐกิจพอเพียง

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

จากแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) ที่ทรงให้แนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดนานกว่า 30 ปี คือ ใช้จ่าย 3 ส่วน และเก็บออม 1 ส่วน ฉันและครอบครัวได้นำมาปฏิบัติทำให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ

การนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

ครอบครัวของฉันอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง ดังนี้

      1.พอมีพอกิน ปลูกพืชสวนครัวไว้กินเองบ้าง ปลูกไม้ผลไว้หลังบ้าน 2-3 ต้น พอที่จะมีไว้กินเองในครัวเรือน แบ่งให้เพื่อนบ้านบ้าง เหลือจึงขายไป

      2.พออยู่พอใช้ ทำให้บ้านน่าอยู่ ปราศจากสารเคมี กลิ่นเหม็น ใช้แต่ของที่เป็นธรรมชาติ รายจ่ายลดลง สุขภาพจะดีขึ้น (ประหยัดค่ารักษาพยาบาล) คุณพ่อของฉันและฉันมักเน้นเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าและน้ำประปา ท่านให้พวกเราช่วยกันประหยัด ไม่ว่าจะอยู่ที่บ้านหรือโรงเรียน ก็ควรปิดน้ำ ปิดไฟ เมื่อเลิกใช้งานทุกครั้ง

      3.พออกพอใจ เราต้องรู้จักพอ รู้จักประมาณตน ไม่ใคร่อยากใคร่มีเช่นผู้อื่น เพราะเราจะหลงติดกับวัตถุ ชีวิต โดยจะอยู่ในกิจกรรม “ออมวันนี้ เศรษฐีวันหน้า”

      4.เมื่อมีรายได้แต่ละเดือน จะแบ่งไว้ใช้จ่าย 3 ส่วน เป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าจิปาถะ ที่ใช้ในครัวเรือน รวมทั้งค่าเสื้อผ้า เครื่องใช้บางอย่างที่ชำรุด เป็นต้น

       5.ฉันจะยึดความประหยัด ตัดทอนรายจ่ายในทุกๆ วันที่ไม่จำเป็น ลดละควาฟุ่มเฟือย

การปฏิบัติตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง

ยึดหลัก พออยู่ พอกิน พอใช้

ยึดความประหยัด ตัดทอนค่าใช้จ่าย ลดความฟุ่มเฟือย ในการดำรงชีพ

“ความเป็นอยู่ที่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยัดไปในทางที่ถูกต้อง”

ยึดถือการประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องและสุจริต

“ความเจริญของคนทั้งหลายย่อมเกิดมาจากการประพฤติชอบ และการหาเลี้ยงชีพชอบเป็นสำคัญ”

ละเลิกการแก่งแย่งผลประโยชน์และแข่งขันในการค้าขาย ประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง

“ความสุขความเจริญอันแท้จริง หมายถึง ความสุข ความเจริญ ที่บุคคลแสวงหามาได้ด้วยความเป็นธรรมทั้งในเจตนาและการกระทำ ไม่ใช่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือด้วยการแก่งแย่งเบียดบังจากผู้อื่น”

      เศรษฐกิจพอเพียงจะดำเนินไปได้ดี ด้วยการ ประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนปฏิบัติตาม ที่ขอให้อย่าลืมที่จะปฏิบัติในเรื่อง ความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน ปฏิบัติตนเป็นคนดี ดำเนินชีวิตแบบเรียบง่ายให้พอเพียง พอกิน และพอใช้ โดยยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

      ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนควรร่วมมือ ร่วมใจ กันปฏิบัติตามแนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงตั้งแต่ยังเด็ก แล้วจะติดเป็นนิสัยความพอเพียงไปตลอดชีวิต สามารถนำไปพัฒนาตน พัฒนาประเทศชาติให้เจริญ ก้าวหน้า เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นคนดีของสังคม

การประยุกต์ปลูกฝังใช้เศรษฐกิจพอเพียงในโรงเรียน

                  เริ่มต้นจากการเสริมสร้างคนให้มีการเรียนรู้ วิชาการและทักษะต่างๆ ที่จำเป็น เพื่อให้สามารถรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณธรรม จนมีความเข้าใจและตระหนักถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม และอยู่ร่วมกับระบบนิเวศน์วิทยาอย่างสมดุล เพื่อจะได้มีความเกรงกลัวและละอายต่อการประพฤติผิดมิชอบ ไม่ตระหนี่ เป็นผู้ให้ เกื้อกูล แบ่งปัน มีสติยั้งคิดพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะตัดสินใจ หรือกระทำการใดๆ จนกระทั่งเกิดเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีในการดำรงชีวิต โดยสามารถคิดและกระทำบนพื้นฐานของความมีเหตุมีผล พอเหมาะ พอประมาณกับสถานภาพ บทบาทและหน้าที่ของแต่ละบุคคล ในแต่ละสถานการณ์ แล้วเพียรฝึกปฏิบัติเช่นนี้ จนตนสามารถทำตนให้เป็นพึ่งของตนเองได้ และเป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ในที่สุด

เศรษฐกิจพื้นฐาน ประกอบด้วยลักษณะสำคัญคือ

•  เป็นเศรษฐกิจ   ของคนทั้งมวล

•  มีชุมชนที่เข้มแข็งเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจ

•  มีความเป็นบูรณาการเข้มแข็งไปพร้อม ๆ กันหมด ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ  สังคม สิ่งแวดล้อม และ วัฒนธรรม

•  เติบโตบนพื้นฐานที่เข้มแข็งของเราเอง เช่น ด้านเกษตร หัตถกรรม อุตสาหกรรม สมุนไพร อาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น

•  มีการจัดการที่ดีเป็นพื้นฐาน ส่งเสริมการเกิดนวัตกรรมต่าง ๆ ให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

การพัฒนาประเทศตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง

การพัฒนาประเทศ มิได้มีแบบอย่างตายตัวตามตำรา หากแต่ต้องเป็นไปตามสภาพภูมิประเทศทางภูมิศาสตร์ สังคมวิทยา วัฒนธรรมชุมชน ที่มีความหลากหลาย ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตามอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัฒน์ ควบคู่ไปกับการพยายามหาแนวทางหรือวิธีการที่จะดำรงชีวิตตามหลักการพื้นฐานของเศรษฐกิจพอเพียง ให้ดำเนินไปได้อย่างสมดุลและสอดคล้องกับสภาพแวดล้อมในยุคโลกาภิวัฒน์ โดยอาศัยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นตัวสร้างภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบที่ชุมชนอาจจะได้รับ ไม่ให้กระแสเหล่านั้นมาทำลายเอกลักษณ์และวัฒนธรรมชุมชนจนต้องล่มสลายไป

            จากแนวพระราชดำริ เศรษฐกิจพอเพียง เป็นแนวทางที่ให้ประชาชนดำเนินตามวิถีแห่งการดำรงชีพ

ที่สมบูรณ์ ศานติสุข โดยมีธรรมะเป็นเครื่องกำกับ และใจตนเป็นที่สำคัญ ซึ่งก็คือ วิถีชีวิตไทย ที่ยึดเส้นทางสายกลางของความพอดี ในหลักของการพึ่งพาตนเอง 5 ประการ คือ

•  ความพอดีด้านจิตใจ : เข้มแข็ง พึ่งตนเองได้ มีจิตสำนึกที่ดี เอื้ออาทร ประณีประนอม คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม

•  ความพอดีด้านสังคม : มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน รู้จักผนึกกำลัง และที่สำคัญมีกระบวนการเรียนรู้ที่เกิดจากฐานรากที่มั่นคงและแข็งแรง

•  ความพอดีด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม : รู้จักใช้และจัดการอย่างฉลาดและรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนสูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในประเทศ เพื่อพัฒนาประเทศให้มั่นคงเป็นขั้นเป็นตอนไป

•  ความพอดีด้านเทคโนโลยี : รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับความต้องการและควร

พัฒนาเทคโนโลยีจากภูมิปัญญาชาวบ้านของเราเอง และสอดคล้องเป็นประโยชน์ต่อสภาพแวดล้อมของเราเอง

•  ความพอดีด้านเศรษฐกิจ : เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ดำรงชีวิตอย่างพอสมควร พออยู่ พอกินตามอัตภาพ และฐานะของตนเอง

จะเห็นได้ว่าการพัฒนาเริ่มจาก การสร้างพื้นฐาน ความพอกินพอใช้ ของประชาชนในชาติเป็นส่วนใหญ่ก่อน แล้วจึงค่อยเสริมสร้างความเจริญและฐานะทางเศรษฐกิจ . ตามลำดับ เพื่อจะได้เกิดสมดุลทางด้านต่าง ๆ หรือ เป็นการดำเนินการไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากระดับหนึ่งไปสู่อีกระดับหนึ่ง โดยสร้างความพร้อมทางด้านต่าง ๆ อย่างเหมาะสม ที่ไม่ใช่เป็นการ “ ก้าวกระโดด ” ที่ต้องใช้ปัจจัยภายนอกต่าง ๆ มาเป็นตัวกระตุ้น เพียงเพื่อให้เกิดความทันกันในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งในที่สุดประชาชนไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการและการแข่งขันดังกล่าวได้ ก็จะเกิดปัญหาตามมา ดังที่ประเทศไทยได้ประสบปัญหาเศรษฐกิจ   เมื่อปี 2540