การวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง
จุดแข็ง
การพูด อ่ายเขียน ภาษาที่สามคือ ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว
มีความกล้าแสดงออก อดทนในการทำงานสูง
สามารถปรับตัวในเข้ากับสิ่งแวดล้อมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
มีความเข้าใจสูง ชอบทำงานเป็นกลุ่ม
อ่อนน้อมถ่อมตน เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย
มีความรับผิดชอบสูง และชอบสังเกตสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัว
ชอบมองการณ์ไกล
ชอบช่วยเหลือผู้อื่น หรือผู้ที่ด้อยโอกาสมากกว่าเรา
มีความมั่นคงในการตัดสินใจ
ชอบที่จะแข่งขันกับตัวเอง
ชอบความยุติธรรม
มีอารมณ์ขัน
เป็นตัวของตัวเองไม่พึ่งผู้อื่น
จุดอ่อน
ตื่นเต้นง่ายๆกับเรื่องที่แปลกใหม่
ใจร้อน เมื่อทำงานมักผิดพลาดบ่อย
ไม่มีความรอบคอบ
ปากหนัก
อารมณ์อ่อนไหวง่าย
บางสถานการณ์ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล
วิธีการแก้ไข
ตื่นเต้นง่ายๆกับเรื่องที่แปลกใหม่ ทำใจให้สงบและมั่นคงเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆจะได้มีสติในการคิดแก้ปัญหา
ใจร้อน เมื่อทำงานมักผิดพลาดบ่อยค่อยๆคิดเป็นกระบวนการ ใช้เหตุผลในการตัดสินใจ
ไม่มีความรอบคอบ ตรวจสอบการทำงานหลายๆครั้งอย่างถี่ถ้วน
ปากหนักปรับนิสัยในการพูดให้ใช้คำที่อ่อนลง
อารมณ์อ่อนไหวง่ายมีความมั่นคงในอารมณ์และความคิด
บางสถานการณ์ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” คุ้นหูกันใช่ไหมคะ กับคำกลว่าของ ซุนวู ในตำราพิชัยสงครามอันเลื่องชื่อ แต่ก่อนจะไปรู้เขา ตอนนี้ต้องย้อนกลับมาถามว่ารู้เราหรือยัง ถ้ายังคงถึงเวลาต้องมานั่งสำรวจตัวเองกันแล้วค่ะ ว่าจุดแข็ง จุดอ่อนของเรามีอะไรบ้าง จะได้วางแผนกันถูกว่าจะออกไปรบในสนามทำงาน และสนามชีวิตอย่างไงไม่ให้พ่ายแพ้กลับมา ถ้าพร้อมแล้วเตรียมกระดาษ A 4 1 แผ่น และปากกา 1 ด้ามเลยค่ะ
ที่มา : pixabay.com
ครั้งนี้เราจะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า SWOT Analysis ใครที่ทำธุรกิจหรือการตลาดคงได้ใช้กันบ่อยๆ เครื่องมือนี้ก็สามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ตัวเองได้เช่นกันค่ะ ก่อนอื่นมารู้จัก SWOT กันก่อนค่ะ ประกอบด้วย 4 คำที่เป็นหลักในการใช้วิเคราะห์ เริ่มจาก S = Strengths (จุดแข็ง) W=Weaknesses (จุดอ่อน) O=Opportunities (โอกาส) T=Threats (อุปสรรค) ถ้าพร้อมแล้วแบ่งหน้ากระดาษเป็น 4 ช่องแล้วเขียน 4 คำนี้ลงในแต่ละช่อง จากนั้นมาลงมือวิเคราะห์กันค่ะ
ที่มา : pixabay.com
S = Strengths จุดแข็ง คือการมองจากปัจจัยภายในตัวเรา เพื่อให้รู้ว่ามีอะไรที่เป็นข้อดีหรือจุดเด่น ลองเขียนลงไปในช่อง Strengths ของเราเลยค่ะ แต่ต้องมองตัวเองอย่างเป็นกลางนะคะ หรือถ้าไม่อยากอคติก็อาจจะให้คนในครอบครัว เพื่อนสนิทช่วยตอบว่าเขามองเราอย่างไร จากนั้นลองดูว่าข้อไหนที่ตรงกับที่เรามองตัวเองไว้บ้าง อันนั้นคือจุดแข็งของเราค่ะ ตัวอย่างเช่น มีความมั่นใจ มีน้ำใจ มีความอดทนสูง มีความละเอียดรอบคอบ มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีทักษะในภาษาต่างประเทศ เป็นต้น
ที่มา : pixabay.com
W = Weaknesses จุดอ่อน เพื่อให้เรามองเห็นจุดที่เรายังอ่อนหรือบกพร่องเพื่อจะได้นำมาพัฒนาแก้ไขต่อไป นอกจากจะถามตัวเองแล้วก็ลองถามคนใกล้ชิดเพื่อให้เกิดประโยชน์ในการวิเคราะห์ แต่ต้องเปิดใจยอมรับนะคะอย่าโกรธคนที่เราไปสอบถาม ตัวอย่างเช่น ไม่กล้าแสดงออก ตัดสินใจช้า ใจร้อน ไม่ชอบวางแผน อ่อนภาษาต่างประเทศ ไม่มีระเบียบ เป็นต้น
ที่มา : pixabay.com
O=Opportunities โอกาส อันนี้คือปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้แต่มีประโยชน์ต่อเรา เพราะคนที่เห็นโอกาสก่อนมักได้เปรียบทุกเรื่อง ลองมองหาดูค่ะ ตัวอย่างเช่น ครอบครัวสนับสนุนให้มีโอกาสทางการศึกษา ครอบครัวอบอุ่นมีเพื่อนที่ดี รู้จักบุคคลหลากหลายอาชีพ ออนไลน์ทำให้เกิดการสื่อสารที่รวดเร็วและเป็นช่องทางธุรกิจใหม่ๆ
ที่มา : pixabay.com
T=Threats อุปสรรค คือปัจจัยภายนอกที่เราไม่สามารถควบคุมได้และอาจจะส่งผลกระทบต่อเรา ถ้าหากรู้หรือคาการณ์ล่วงหน้าจะได้วางแผนรับมือถูก เช่น ภาวะโควิด-19 ระบาด สภาพเศรษฐกิจชะลอตัว กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำงานธุรกิจ ความมั่นคงในตลาดแรงงาน
ที่มา : pixabay.com
เขียนครบทั้ง 4 ช่องกันแล้วลองอ่านทบทวนดูนะคะ จุดแข็งของเราคืออะไรตรงนี้รักษาไว้ให้ดี ส่วนจุดอ่อนนั้นก็ไม่ต้องตกใจให้นำมาพัฒนาให้ดีขึ้น ส่วนโอกาสนั้นให้เรามองหาและคว้าไว้ สุดท้ายอุปสรรคให้เราวางแผนรับมืออย่างไม่ตระหนก เท่านั้นไม่ว่าชีวิตจะเจอกับสถานการณ์ไหนเราก็จะผ่านไปได้แบบ ไม่บาดเจ็บค่ะ
ที่มา
Think about wealth
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช