ซอฟต์แวร์ที่ ต้อง ใช้งาน ผ่าน อินเทอร์เน็ต

การใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะนั้นมีความมั่นคงปลอดภัยต่ำ เพราะเราไม่อาจทราบได้ว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวนั้นได้ถูกผู้ไม่หวังดีติดตั้งโปรแกรมอันตรายมาเพื่อดักรับข้อมูลหรือเปล่า หรือระบบที่เชื่อมต่ออยู่นั้นมีความมั่นคงปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ เราอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น เช็คอีเมล หรือแก้ไขไฟล์เอกสาร เป็นต้น ดังนั้น เพื่อช่วยให้มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้นในการใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ ข้อแนะนำต่างๆ เหล่านี้อาจช่วยในการปกป้องข้อมูลสำคัญจากผู้ไม่หวังดีได้

อันตรายจากการใช้งานคอมพิวเตอร์สาธารณะ

Keylogger คือฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่บันทึกการกดปุ่มบน Keyboard ทำให้รู้ว่าผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นพิมพ์ข้อความอะไรลงไปบ้าง [1] ซึ่งหาก Keylogger ถูกติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะ ผู้ไม่หวังดีก็สามารถได้ข้อมูลสำคัญๆ ของผู้ที่ใช้งานเครื่องนั้น เช่น Username หรือ Passsword ไปได้อย่างง่ายดาย ตัวอย่าง Keylogger เป็นดังรูปที่ 1 และ 2


ซอฟต์แวร์ที่ ต้อง ใช้งาน ผ่าน อินเทอร์เน็ต

รูปที่ 1 ตัวอย่าง Hardware Keylogger (ที่มา Wikipedia)

 

ซอฟต์แวร์ที่ ต้อง ใช้งาน ผ่าน อินเทอร์เน็ต

รูปที่ 2 ตัวอย่างข้อมูลที่บันทึกโดยใช้ Software Keylogger (ที่มา Wikipedia)


Spyware เป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อขโมยข้อมูลของผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต ข้อมูลการตั้งค่าของเครื่อง แอบถ่ายภาพหน้าจอ หรือแม้กระทั่งแอบบันทึกเสียง เป็นต้น [2] Spyware อาจถูกติดตั้งมาในเครื่องแบบตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ เนื่องจากโปรแกรมที่แจกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรีมีผู้พัฒนาบางรายแอบใส่ Spyware เข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้ไว้ด้วย โปรแกรม Keylogger นั้นก็ถือว่าเป็น Spyware รูปแบบหนึ่ง

Shoulder surfing คอมพิวเตอร์บางเครื่องอาจไม่มีโปรแกรมอันตรายติดตั้งอยู่ แต่ถูกจัดวางไว้ในที่ที่คนสามารถเดินผ่านไปมาและมองเห็นสิ่งที่อยู่บนจอได้ง่าย ทำให้การยืนอยู่ด้านหลังเพื่อแอบมองรหัสผ่านนั้นสามารถทำได้ง่าย รวมไปถึงการแอบมองสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอจากระยะไกลนั้นก็อาจทำได้ง่ายเช่นกัน

Sniffer คือการดักรับข้อมูลที่ส่งผ่านระบบเครือข่าย หากเราเข้าเว็บไซต์ที่ใช้การเชื่อมต่อแบบ HTTP ซึ่งไม่มีการเข้ารหัสลับข้อมูลที่รับส่ง ก็อาจถูกผู้ไม่หวังดีขโมยข้อมูลสำคัญไปได้

ข้อแนะนำในการใช้งาน

เลือกใช้เครื่องที่ไม่มีคนเดินผ่านไปมาบ่อย เพื่อป้องกันการทำ Shoulder surfing และไม่ควรเลือกเครื่องที่วางอยู่ในตำแหน่งที่มีวัตถุสามารถสะท้อนแสงจากหน้าจอได้ เช่น โลหะ หรือ กระจก

ตรวจสอบ Keylogger แบบ Hardware โดยสังเกตที่สายต่อระหว่าง Keyboard กับช่องเสียบที่อยู่ด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์ หากพบว่ามีอุปกรณ์แปลกๆ ถูกเสียบอยู่ อาจเป็น Keylogger ไม่ควรใช้เครื่องนั้น

บู๊ตเครื่องโดยใช้ Bootable CD หรือ Bootable USB หากเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถบู๊ตจาก Bootable CD หรือ Bootable USB ได้ (เช่น Linux Live CD) การบู๊ตเครื่องด้วยวิธีดังกล่าวก็สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากซอฟต์แวร์ไม่พึงประสงค์ที่อาจถูกติดตั้งอยู่ในเครื่องดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวนี้อาจไม่สามารถใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะทุกเครื่อง เนื่องจากเครื่องดังกล่าวจำเป็นต้องมีการตั้งค่าการเชื่อมต่อกับเครือข่าย หรือตั้งค่าการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ในระบบ ซึ่งการบู๊ตจาก Bootable CD หรือ Bootable USB อาจจะไม่มีข้อมูลการตั้งค่าในส่วนนี้ ทำให้ไม่สามารถเข้าใช้งานระบบเครือข่ายหรืออุปกรณ์อื่นๆ ได้ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้เราจำเป็นต้องมีแผ่น Bootable CD หรือพก Bootable USB ติดตัวไปด้วย

ตรวจสอบ Software Keylogger และ Spyware ถ้าเครื่องที่ใช้งานมีโปรแกรมประเภท Antivirus หรือ Antispyware ติดตั้งอยู่ ก่อนใช้งาน ควรอัพเดตฐานข้อมูลของโปรแกรมและสแกนไฟล์ในเครื่องเพื่อตรวจสอบและกำจัด โปรแกรมไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะ Keylogger และ Spyware อย่างไรก็ตาม ถึงจะสแกนแล้วและไม่พบโปรแกรมอันตรายดังกล่าว ก็ควรใช้โปรแกรมประเภท On-Screen Keyboard ในการพิมพ์ Username และ Password ในหน้าเว็บไซต์ เพราะโปรแกรม Keylogger โดยส่วนใหญ่จะไม่สามารถดักจับข้อมูลที่พิมพ์จาก On-Screen Keyboard ได้ ตัวอย่างโปรแกรม On-Screen Keyboard เป็นดังรูปที่ 3


ซอฟต์แวร์ที่ ต้อง ใช้งาน ผ่าน อินเทอร์เน็ต

รูปที่ 3 โปรแกรม On-Screen Keyboard ใน Windows 7 (ที่มา Microsoft)


ใช้ Portable Software เนื่องจาก Portable Software เป็นซอฟต์แวร์ที่สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งลงในเครื่อง และโดยส่วนใหญ่จะนิยมเรียกใช้งานผ่าน USB Drive ซึ่งมีข้อดีคือข้อมูลการทำงานต่างๆ ของโปรแกรมนั้นจะถูกเก็บบันทึกลงในตัว USB Drive เอง ทำให้ปลอดภัยต่อการที่ข้อมูลรั่วไหลเนื่องจากการ Cache ข้อมูลเก็บไว้ในเครื่องได้ [3] ปัจจุบันมีผู้นำโปรแกรมประเภท Freeware หรือ Open Source มาพัฒนาให้เป็นแบบ Portable เพื่อให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดไปใช้งานได้สะดวก เช่น เว็บไซต์ PortableApps.com เป็นต้น ซึ่งมีโปรแกรมที่จำเป็นสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น Browser, Instant Messenger, VoIP รวมอยู่ด้วย

ใช้งานเบราว์เซอร์ในโหมด Private Browsing หากจำเป็นต้องใช้งานเบราว์เซอร์ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง ควรใช้งานเบราว์เซอร์ดังกล่าวในโหมด Private Browsing ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าให้เบราว์เซอร์ไม่เก็บข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น Cache, History, หรือ Cookie ไว้ในเครื่อง [4] ปัจจุบันโปรแกรมเบราวเซอร์โดยส่วนใหญ่มีความสามารถ Private Browsing มาด้วยอยู่แล้ว เพียงแต่จะใช้ชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละโปรแกรม โดยที่ อย่างไรก็ตาม การทำงานของ Private Browsing นั้นเป็นแค่การลบไฟล์ทิ้งหลังจากที่ผู้ใช้ปิดแท็บหรือปิดโปรแกรมเบราว์เซอร์เท่านั้น ผู้ไม่หวังดีอาจใช้โปรแกรมกู้ข้อมูลที่ถูกลบไปแล้วขึ้นมาดูได้ [5] [6]

ปิด Add-on ในเบราว์เซอร์ ถึงแม้ว่า Add-on ในเบราว์เซอร์นั้นจะมีประโยชน์ในการช่วยอำนวยความสะดวกและเพิ่มความสามารถในการทำงานให้กับเบราว์เซอร์ แต่บาง Add-on อาจมีช่องโหว่เรื่องความมั่นคงปลอดภัย และบาง Add-on อาจทำหน้าที่เป็น Man-in-the-Browser คอยดักจับข้อมูลที่รับส่ง รวมถึงอาจแก้ไขหน้าเว็บไซต์ให้แสดงผลเว็บไซต์หลอกลวงได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรปิด Add-on ทั้งหมดในเบราว์เซอร์ หรือเลือกเปิดใช้งานเฉพาะ Add-on ที่จำเป็นเท่านั้น

ใช้การเชื่อมต่อผ่าน HTTPS การใช้งานเว็บไซต์ผ่านโพรโทคอล HTTPS ช่วยป้องกันไม่ให้ผู้ไม่หวังดีสามารถแกะข้อมูลสำคัญจากการดักรับข้อมูลได้ ดังที่เคยได้มีการอธิบายไปแล้วในบทความ วันนี้คุณใช้ HTTPS หรือยัง ดังนั้นหากเว็บไซต์ที่เข้าใช้งานรองรับการเชื่อมต่อแต่ HTTPS ก็ควรเปิดใช้งานทุกครั้ง

ใช้การยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอน (Two-factor Authentication) ซึ่งจะเป็นการใช้ข้อมูลอีกส่วน ร่วมกับรหัสผ่าน เพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบ ซึ่งโดยปกติแล้วจะเป็นการส่ง SMS บอกรหัสอีกชุดเข้ามายังโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนไว้กับบัญชีผู้ใช้นั้นๆ วิธีการตั้งค่าการใช้งานการยืนยันตัวตนแบบ 2 ขั้นตอนสำหรับ Gmail และ Hotmail ได้มีการอธิบายไปแล้วในบทความ ป้องกันบัญชีผู้ใช้ Gmail / Hotmail จากการถูกแฮ็กด้วยวิธีง่ายๆ สำหรับบริการอื่นๆ สามารถศึกษาได้เว็บไซต์ของผู้ให้บริการนั้นๆ (ถ้ามี) [7]

ไม่บันทึกไฟล์ข้อมูลสำคัญลงในเครื่อง เพราะอาจเสี่ยงต่อการข้อมูลรั่วไหล เนื่องจากถึงแม้จะลบไฟล์ไปแล้ว แต่ผู้ไม่หวังก็ดีอาจใช้โปรแกรมกู้คืนไฟล์ที่ถูกลบไปแล้วได้ หากจำเป็นต้องบันทึกไฟล์ที่เป็นข้อมูลสำคัญเพื่อเปิดอ่านหรือแก้ไข ควรบันทึกลงในสื่อบันทึกข้อมูลภายนอก เช่น USB Drive

Logout ออกจากเว็บไซต์ทุกครั้งหลังใช้งาน เนื่องจากในบางเว็บไซต์จะมีการตั้งค่าให้จำสถานะของผู้ใช้ไว้ว่ากำลัง Login อยู่ ซึ่งถึงแม้จะปิดเบราว์เซอร์ไปแล้ว แต่หากเปิดเบราว์เซอร์แล้วเข้าเว็บไซต์นั้นใหม่ ก็จะยังคงสถานะเป็น Login อยู่ ดังนั้นเมื่อใช้งานเว็บไซต์ต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ควร Logout ทุดครั้ง เพื่อป้องกันการสวมรอยเข้าใช้งาน

Restart เครื่องหลังใช้งาน เนื่องจากในการใช้งานคอมพิวเตอร์ จะมีการเก็บข้อมูลไว้ใน RAM เพื่อใช้ในการประมวลผล ซึ่งหากเครื่องนั้นมี RAM น้อย เครื่องก็จะเอาข้อมูลส่วนที่เกินมาเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเรียกว่า Virtual Memory, Pagefile หรือ Swap ซึ่งถึงแม้จะปิดโปรแกรมไปแล้วก็ยังอาจมีข้อมูลสำคัญหลงเหลืออยู่ภายใน RAM หรือใน Virtual Memory ได้ การ Restart เครื่องจะเป็นการเคลียร์ข้อมูลที่อยู่ในส่วนนี้ออกไป [8]

ไม่ใช้งานธนาคารออนไลน์หรือทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงิน เนื่องจากทั้งเครื่องคอมพิวเตอร์สาธารณะและเครือข่ายที่เชื่อมต่ออยู่นั้น ไม่สามารถแน่ใจในความมั่นคงปลอดภัยได้ เพื่อความไม่ประมาทจึงไม่ควรเข้าใช้งานเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการทำ ธุรกรรมทางการเงิน

ซอฟต์แวร์ที่ต้องใช้ผ่านอินเทอร์เน็ตคืออะไร

7 เว็บบราวเซอร์ประตูสู่โลกอินเตอร์เน็ตที่คนนิยมสำหรับปี 2017.
1. Internet Explorer. ... .
2. Mozilla Firefox. ... .
3. Google Chrome. ... .
4. Opera. ... .
5. Opera Neon. ... .
6. Microsoft Edge. ... .
7. Vivaldi..

โปรแกรมที่ใช้ในการทํางาน มีอะไรบ้าง

โปรแกรมออฟฟิศที่สามารถนำมาใช้งานได้แบบฟรี ๆ.
Office..
Apache OpenOffice..
LibreOffice..
NeoOffice..
Google Docs..
Office Online..

ซอฟต์แวร์ใดช่วยทำหน้าที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต

Web Browser เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการเลือกดูเอกสารในระบบอินเตอร์เน็ตที่เป็น WWW ซึ่ง Web. Browser นั้นจะต้องเชื่อมต่อไปยัง เว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือ โฮสต์ เพื่อเรียกข้อมูลที่ต้องการ Web Browser เป็นเครื่องมือที่ใช้ในดารสื่อสารบนอินเตอร์เน็ตที่สำคัญข้อดีของ Web Browser.