"บ้านกำลังจะถูกยึด ทำไงดี ?" ปัญหาที่ระอุขึ้นมาหนักหน่วงและต่อเนื่องในช่วงนี้ ขอข้ามขั้นตอนการเจรจาก่อนฟ้องไปเลยนะครับ วาร์ปไปขั้นที่ "บ้าน" ที่ถูกกรมบังคับคดีสั่ง "ยึดทรัพย์" กันเลย
2.เรายังมีสิทธิเจรจากับเจ้าหนี้ได้อีกครั้ง
หรือหากยังมีกำลังผ่อนต่อ ต้องขอเจรจาให้ถึงที่สุด โดยขั้นตอนเหล่านี้เรามีเวลาราว 3 เดือน 4.หากเจ้าหนี้ไม่ยอมเจรจา และ เลิกไว้ใจเราแล้ว 4.1.อยากขายได้ราคาที่สูงกว่า "ทอดตลาด" 4.2.อยากเก็บบ้านไว้ ซึ่งมีข้อแนะนำ 2 แบบในการจะขายต่อให้กลุ่มนี้
คำแนะนำเพิ่มเติมคือ ... แต่สิ่งที่ไม่แนะนำคือ การละเลย... ที่จริงตอนนี้ใครที่เริ่มสภาพคล่องขัดสน ทุกปัญหามีทางออก โดยเฉพาะเรื่องหนี้ บ้านติดธนาคาร ธกส. อยู่ 6-7 แสนบาท รวมดอกเบี้ย 7-8 แสน ตอนนี้ มีค้างหนี้ บัตร อิออนด้วย ทางด้าน อิออน ทำการขายทอดตลาด แล้วเค้าจะแบ่ง ให้ ธกส. มีหนังสือบังคับคดีมาบ้าน จะมีการขายทอดตลาด 6 ครั้ง แต่ล่ะครั้ง เราจะโดนหัก ค่าใช้จ่ายอะไรบ้างค่ะ เราจะเหลือ เงินไหม ในคดีแพ่ง เมื่อศาลพิพากษาให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้ว ลูกหนี้ไม่ยอมชำระ เจ้าหนี้ก็ต้องไปทำการยึดทรัพย์สินของลูกหนี้มาขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ในกระบวนการบังคับคดีนั้น มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ยึดที่ดิน ยึดทรัพย์สินภายในบ้าน ยึดรถ หรืออายัดเงินเดือน แล้วแต่ว่าลูกหนี้จะมีอะไรให้ดำเนินการ ในเรื่องการยึดที่ดินขายทอดตลาด เมื่อเจ้าหนี้ไปดำเนินการตั้งเรื่องที่สำนักงานบังคับคดีแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะได้ยึดทรัพย์โดยออกหมายยึดทรัพย์ หลังจากนั้นก็จะผ่านขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งเจ้าพนักงานบังคับคดีจะดำเนินการกันไป จนท้ายที่สุดจะมีการประกาศขายออกมา ส่งมอบให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโจทก์ จำเลย หรือเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วม เพื่อที่จะแจ้งวันที่จะทำการขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดมานั้น ส่วนจะทำการขายวัน เวลา ใด รายละเอียดจะอยู่ในใบประกาศการขายทอดตลาด สิ่งที่เจ้าหนี้และลูกหนี้จะต้องทำก็คือ เมื่อได้รับใบประกาศขายทอดตลาดมาแล้ว จะต้องดูวัน เวลา สถานที่ขายให้ดี เพราะเจ้าหนี้ และลูกหนี้ จะต้องไปดูแลการขาย สาเหตุที่เจ้าหนี้และลูกหนี้จะต้องไปดูแลการขายก็เพราะว่าในการดำเนินการขายทรัพย์สินของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น โดยเฉพาะทรัพย์สินที่เป็นที่ดิน เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการประเมินราคาทรัพย์สินนั้นก่อน ซึ่งราคาประเมินนี้ จะเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายกันทั่วไป นอกจากนี้ ในการขายครั้งแรก เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเปิดการขายในราคาเริ่มต้นที่ 80 เปอร์เซ็นต์ ของราคาประเมิน หากครั้งแรกไม่มีผู้ซื้อ เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะทำการขายในครั้งที่สอง ซึ่งการขายในครั้งที่สองนี้ ราคาเริ่มต้นของเจ้าพนักงานจะเริ่มที่ 50 เปอร์เซ็นต์ของราคาประเมิน ฉะนั้น หากในการขายครั้งที่สองนี้ มีผู้เข้าซื้อทรัพย์สินนั้นเพียงรายเดียวโดยไม่มีผู้ใดเข้าประมูลแข่ง ผู้ซื้อทรัพย์รายนั้น ก็จะซื้อทรัพย์นั้นไปในราคาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าหนี้และลูกหนี้เป็นอย่างมาก ที่ว่าเกิดความเสียหายก็คือ หากทรัพย์สินนั้นขายได้ในราคาต่ำ จะทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้น้อยลง และหากยังไม่พอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว เจ้าหนี้อาจจะดำเนินการยึดทรัพย์สินอื่นๆของลูกหนี้มาขายอีก แต่ว่า ถ้าหากขายทรัพย์สินได้ในราคาสูงๆก็จะดีไป เพราะจะทำให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้มากขึ้น หากพอที่จะชำระหนี้ได้หมด เจ้าหนี้ก็จะไม่ตามมายึดทรัพย์สินอื่นของลูกหนี้อีก หรือหากว่าพอชำระหนี้แก่เจ้าหนี้แล้ว ยังมีเงินเหลือ ลูกหนี้ก็จะได้รับคืน แต่กรณีนี้เกิดขึ้นน้อยมากในความเป็นจริง เพราะที่ดินแปลงนั้นจะต้องเป็นแปลงที่มีคนสนใจซื้อกันมาก จึงจะมีการแข่งราคากันขึ้นไป ฉะนั้น ลูกหนี้จึงต้องระมัดระวังที่จะต้องไปดูแลการขายให้ดี อย่าให้พลาด เพราะหากเจ้าพนักงานบังคับคดีเคาะไม้ขายไปแล้ว จะแก้ไขอะไรไม่ได้ ในการที่ลูกหนี้ไปดูแลการขายนั้น หากมีผู้เข้าซื้อไม่ว่าจะรายเดียวหรือหลายราย เมื่อราคาประมูลหยุดนิ่งแล้ว ก่อนที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะเคาะไม้ขายให้แก่ผู้ซื้อนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจะสอบถามเจ้าหนี้และลูกหนี้ว่าจะคัดค้านราคาที่มีผู้ประมูลซื้อหรือไม่ หากเจ้าหนี้และลูกหนี้เห็นว่าราคาที่เสนอประมูลนั้น เป็นราคาที่ต่ำไป เจ้าหนี้หรือลูกหนี้ ก็มีสิทธิที่จะคัดค้านราคานั้นไว้ได้ แต่การคัดค้านราคานั้น ไม่ว่าเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ จะมีสิทธิคัดค้านราคาได้เพียงครั้งเดียว ซึ่งหมายถึงว่า หากมีการคัดค้านราคา เจ้าพนักงานบังคับคดีจะทำการเลื่อนการขายไปในครั้งหน้า ซึ่งจะเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ตัวเจ้าหนี้หรือลูกหนี้ก็ตาม ที่คัดค้านราคาไว้ จะต้องไปหาผู้อื่นมาเข้าซื้อทรัพย์สินนั้น ในราคาที่ผู้ที่คัดค้านราคาต้องการ หรืออย่างน้อยต้องสูงกว่าในราคาที่มีผู้เสนอราคาไว้ หากไม่สามารถหาผู้มาซื้อได้ในการขายครั้งต่อไป เจ้าพนักงานบังคับคดีก็จะทำการขายทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้ที่เสนอราคาไว้ในครั้งแรก และในครั้งนี้ จะคัดค้านราคาไม่ได้อีก ฉะนั้น หากเป็นไปได้ เมื่อลูกหนี้รู้ตัวว่าจะต้องใช้หนี้แก่เจ้าหนี้แล้ว ลูกหนี้ควรที่จะพยายามหาทางขายทรัพย์สินนั้นเองจะดีที่สุด เพราะว่าจะทำให้ได้ราคาที่สูง ซึ่งเป็นราคาที่ซื้อขายกันทั่วไป เมื่อขายได้แล้ว ค่อยนำเงินไปชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ หากปล่อยให้เจ้าหนี้ยึดทรัพย์ไปขายทอดตลาดแล้ว จะทำให้ขายทรัพย์นั้นได้ราคาต่ำ ลูกหนี้เองก็จะเสียประโยชน์ คนทั่วไปมักคิดว่าการขายทอดตลาด จะทำให้ได้ราคาที่สูง แต่ในความเป็นจริงมักหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะในการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดีนั้น มีไม่กี่รายหรอกที่จะได้ราคาสูง ที่ดินแปลงที่จะขายได้ในราคาสูงนั้น จะต้องเป็นแปลงที่สวย และน่าซื้อ และนอกจากนี้จะต้องมีผู้เข้าสู้ราคากัน ประเภทที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องการจะได้เท่านั้น จึงจะประมูลกันไปในราคาที่สูง แต่ส่วนใหญ่ของการขายทอดตลาดนั้น จะมีผู้เข้าสู้ราคากันไม่มากนัก บางแปลงรายเดียว บางแปลงสองราย ประมาณนั้น จึงทำให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดทั่วไป การที่ติดต่อขายเองจะดีกว่า อีกเรื่องหนึ่งก็คือ หากเกิดกรณีที่ลูกหนี้ถูกยึดบ้านและที่ดินไปขายทอดตลาด และมีการขายไปแล้ว หากลูกหนี้ยังพักอาศัยอยู่ในที่ดินแปลงนั้น จะต้องเตรียมตัวย้ายออกในทันที เพราะว่าผู้ที่เขาซื้อทรัพย์ได้นั้น เขาสามารถไปขอให้ศาลบังคับให้ลูกหนี้ออกไปได้เลยโดยไม่ต้องไปฟ้องขับไล่ เมื่อก่อนนั้น หากผู้ที่ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดได้ จะบังคับให้ลูกหนี้ย้ายออก เขาจะต้องไปฟ้องขับไล่อีกทีหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้กฎหมายได้แก้ไขแล้ว ผู้ซื้อทรัพย์ไม่จำเป็นต้องไปฟ้องขับไล่แล้ว ไปร้องศาล ศาลก็บังคับขับไล่ให้ทันที และหากยังไม่ยอมออก ศาลก็จะสั่งให้ขังได้ ฉะนั้น ลูกหนี้จึงต้องเตรียมตัวไว้หากเกิดกรณีดังที่กล่าวมานี้ |