โดยได้ทำการคัดเลือกร้านขายแมว/ฟาร์มแมวที่น่าเชื่อถือและมั่นใจได้ มีหน้าร้านขายแมว/ฟาร์มแมวจริงและขายส่งแมวพันธุ์ต่างๆ ซึ่งร้านที่คัดเลือกมามีแมวหลากหลายสายพันธุ์ให้เลือก ทั้งพันธุ์ไทยและต่างประเทศ Show
ต่อมาจึงมีคนนำไปเลี้ยงและเริ่มแพร่หลายเป็นที่นิยมมาขึ้นในสก๊อตแลนด์และยุโรป หลังจากนั้นก็ได้แพร่กระจายความนิยมไปที่อเมริกา มีนักพัฒนาสายพันธุ์มากมายนำแมวสก๊อตติชโฟลด์ไปพัฒนาต่อจนมีสายเลือดที่แข็งแรง สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำหรับที่มาของชื่อสายพันธุ์ เดิมทีมีการเรียกชื่อสายพันธุ์นี้ว่า Lop หรือ Lop-ears ซึ่งเหมือนกับชื่อสายพันธุ์กระต่ายหูพับ หลังจากนั้นในปี 1966 ก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อของสายพันธุ์มาเป็น “สก๊อตติชโฟลด์” ตามถิ่นกำเนิดและลักษณะเด่นของใบหูนั่นเอง
ลักษณะนิสัยของแมวสก๊อตติสโฟลด์นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้วสิ่งที่ทำให้เหล่าทาสตกหลุมรักแมวสก๊อตติชโฟลด์ ก็คือนิสัยขี้เล่น ชอบเล่นของเล่นแมว แต่ก็ไม่ซนจนเกินไป ไม่ปีนป่ายหรือกัดทำลายข้าวของ เมื่อเทียบกับแมวที่รูปร่างปราดเปรียวสายพันธุ์อื่น ๆ ค่อนข้างอ่อนโยน ใจดี ชอบอยู่กับเจ้าของ สามารถเลี้ยงกับเด็กเล็กและสัตว์อื่นได้ดี
มาตรฐานสายพันธุ์เเละลักษณะทางร่างกายที่ดีสำหรับแมวสก๊อตติสโฟลด์วิธีเลือกซื้อลูกแมวสก๊อตติชโฟลด์ เมื่อตัดเรื่องของราคาและอื่น ๆ ออกไป ลักษณะที่ดีสำหรับแมวสก๊อตติชโฟลด์ก็คือ หัวกลม หูพับแนบพอดีกับหัว (ในกรณีที่ต้องการแบบหูพับ เพราะแมวสก๊อตติชโฟลด์มีแบบหูตั้งด้วย) นอกจากนี้ลำตัวกลัว หางยาว ความยาวหางเมื่อพับขึ้นมาจะอยู่ประมาณไหล่ หางไม่แข็ง ไม่หักงอ เท่านี้ก็ถือเป็นน้องแมวสก๊อตติชโฟลด์ที่มีลักษณะพื้นฐานดี พร้อมย้ายบ้านแล้ว นอกจากลักษณะพื้นฐานในการเลือกซื้อลูกแมวแล้ว มาดูที่ลักษณะโดยรวมของแมวสายพันธุ์นี้กันบ้าง อย่างที่บอกไปคือ แมวสก๊อตติชโฟลด์เป็นแมวที่มีใบหูพับเป็นจุดเด่นของสายพันธุ์ ทำให้บางคนมองว่าน่ารักเหมือนโดเรม่อน หัวเหมือนลูกชิ้น หรือบางคนก็บอกว่าเหมือนนกฮูกเนื่องจากมีดวงตากลมโต แต่นอกจากหูพับแล้วก็ยังมีสก๊อตติชโฟลด์แบบหูตั้งเช่นกัน โดยลัษณะหูตั้งหรือหูพับจะเริ่มแสดงให้เห็นเมื่ออายุได้ 3 สัปดาห์ขึ้นไป และมีขนาดใบหูที่เล็ก นอกจากนี้ก็ยังมีทั้งแบบขนสั้นและขนยาวอีกด้วย ในส่วนของโครงสร้างร่างกายแมวสายพันธุ์นี้เป็นแมวขนาดกลาง น้ำหนักตัวเต็มไวจะอยู่ที่ 4 - 5 กิโลกรัม ศีรษะกลม หน้าผากโค้งได้รูป กระบอกปากไม่ยื่นยาว คอสั้น ลำตัวไม่สั้นหรือยาวเกินไป ขาสั้นไปจนถึงยาวปานกลางและตันดูแข็งแรง ลักษณะขนของแมวสก็อตตอชโฟลด์คือ จะมีขนหนา แน่น ทั้งแบบขนสั้นและขนยาว ส่วนสีของขนมีทั้งสีขาว สีบลู สีดำ สีส้ม สีครีม หรือสีหายากอย่างสีช็อกโกแลต มาพร้อมลายต่าง ๆ เช่นเดียวกับแมวสายพันธุ์ทั่วไป ทั้งลาย Tabby ลายเสือ ลายเปรอะ อายุโดยเฉลี่ยของแมวสายพันธุ์นี้อยู่ที่ 11 - 14 ปี
การผสมพันธุ์แมวสก๊อตติชโฟลด์สำหรับใครที่ซื้อแมวสก๊อตติชโฟลด์ไปเลี้ยงที่บ้านแล้วอยากมีลูกแมว สิ่งหนึ่งที่ต้องห้ามเลยคือ ห้ามผสมพันะธุ์แมวสก๊อตติชโฟลด์แบบหูพับด้วยกันทั้งพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ เพราะลักษณะหูพับเกิดจากยีนด้อย การจับยีนด้อยมาผสมกันจะทำให้ลูกแมวสก๊อตติชโฟลด์ที่ออกมาไม่แข็งแรง และมีปัญหาโรคข้อต่อและกระดูกได้ หรือหากไม่มั่นใจสามารถปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนให้น้องผสมพันธุ์กันเพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นกับลูกแมว
โรคที่ต้องระวังในแมวสก๊อตติสโฟลด์ในการเลี้ยงแมวสก๊อตติชโฟลด์จำเป็นต้องศึกษาเรื่องของโรคที่อาจเกิดขึ้นในแมวสายพันธุ์นี้ได้ ดังนี้
อาหารที่เหมาะสมสำหรับแมวสก๊อตติสโฟลด์ความต้องการทางโภชนาการของแมวสก๊อตติชโฟลด์ไม่แตกต่างจากแมวสายพันธุ์อื่นมากนัก อาหารที่เจ้าของสามารถให้น้องกินได้ คือ อาหารเม็ด อาหารเปียก อาหารทำเอง ขนมแมวเลีย และวิตามินเสริม อาหารสำหรับลูกแมวสก๊อตติชโฟลด์ 3 เดือนขึ้นไปจำเป็นต้องให้กินอาหารแมวสูตรเด็กไปก่อน โดยให้สอบถามกับทางฟาร์มว่าให้อาหารอะไร หรือยี่ห้อไหนมาก่อนเพื่อไม่ให้น้องแมวรู้สึกเครียดที่ต้องปรับตัวเรื่องอาหารพร้อมกับปรับตัวเรื่องสถานที่หลังรับเลี้ยง สลับกับการให้อาหารเปียกเพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอด้วย อาหารสำหรับแมวสก๊อตติชโฟลด์ 12 เดือนขึ้นไปเมื่อแมวหูพับหรือสก๊อตติชโฟลด์เริ่มเข้าสู่ช่วงแมวโต เจ้าของสามารถค่อย ๆ เปลี่ยนอาหารเม็ดเป็นสูตรแมวโต แต่ควรดูเรื่องปริมาณอาหารที่ไม่มากเกินไป เพราะปกติแล้วแมวสายพันธุ์นี้มักจะขยับตัวหรือออกกำลังกายน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่าและส่งผลให้น้ำหนักเกินเกณฑ์ได้ง่าย สามารถสลับให้อาหารเปียก หรืออาหารทำเอง เช่น ไก่ต้น ปลาต้ม ฯลฯ ก็จะช่วยให้ขนาดตัวใหญ่ และมีกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น อาหารสำหรับลูกแมวสก๊อตติชโฟลด์ 9 ปีขึ้นไปหลังจากน้องแมวเข้าสู่ปีที่ 9 เจ้าของสามารถเริ่มเปลี่ยนไปให้อาหารสูตรแมวสูงอายุได้ เนื่องจากกิจกรรมที่ทำน้อยลง ปริมาณพลังงานที่ต้องการก็น้อยลง และหากน้องแมวมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนการเลือกอาหารที่ตอบโจทย์กับสุขภาพร่างกาย นอกจากนี้การให้น้ำแมวสก๊อตติชโฟลด์ ควรมีการวางน้ำพุแมวไว้หลาย ๆ จุด และทำความสะอาดเป็นประจำ เพราะแมวมีนิสัยรักสะอาด และไม่ชอบดื่มน้ำนิ่ง การใช้น้ำพุจึงเป็นการกระตุ้นให้แมวดื่มน้ำมากขึ้น ช่วยลดโอกาสเกิดโรคไตในแมวได้
วิธีการดูแลแมวสก๊อตติสโฟลด์ตั้งแต่เป็นลูกแมวจนถึงโตเต็มวัยการดูแลลูกแมวสก๊อตติสโฟลด์ช่วง อายุ 1-3 เดือนเมื่อรับน้องแมวสก๊อตติชโฟลด์มาเลี้ยง ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วง 2 สัปดาห์แรกของการปรับตัวกับสถานที่ใหม่ ส่วนอาหารควรให้แบบที่ฟาร์มเดิมให้มาก่อน หากจะเปลี่ยนควรค่อย ๆ ลดปริมาณลง นอกจากนี้การเลี้ยงลูกแมวสก๊อตติชโฟลด์ จำเป็นต้องทำความสะอาดใบหู การแปรงขน และแปรงฟัน เพื่อให้ลูกแมวได้ค่อย ๆ ทำความคุ้นเคย การดูแลแมวสก๊อตติสโฟลด์โตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
แมวสก๊อตติสโฟลด์สีต่าง ๆ พร้อมราคาแมวพันธุ์สก๊อตติสโฟลด์โดยทั่วไปแล้วน้องแมวสก๊อตติชโฟลด์ราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นและสามารถแพงได้ถึงระดับหลักแสน โดยเฉพาะแมวน้ำเข้าสายประกวด นอกจากนี้ราคาขึ้นอยู่กับโครงสร้าง สีหายาก และสายเลือด แบ่งได้คร่าว ๆ ดังนี้
5 อันดับฟาร์มแมวสก๊อตติสโฟลด์ยอดนิยมในประเทศไทย
บทความนี้ก็ได้พาทุกคนมาทำความรู้จักกับแมวสก๊อตติชโฟลด์กันมากขึ้น ด้วยความน่ารักและหูพับที่เป็นลักษณะเด่นของสายพันธุ์ ทำให้ใคร ๆ ก็อยากจะรับเลี้ยง แต่สิ่งสำคัญคือการเอาใจใส่เรื่องของสุขภาพโดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับกระดูก และการนำไปผสมพันธุ์ต่อจะต้องศึกษาให้ละเอียด เนื่องจากหูพับของน้องเป็นยีนด้อยจึงมีข้อจำกัดมากมายที่ต้องระวัง รวมถึงการเลือกอาหารที่ดี มีประโยชน์ เหมาะสมกับสายพันธุ์ และอย่าลืมว่าต้องให้เวลา คอยเล่น คอยใส่ใจน้องแมวสก๊อตติชโฟลด์ด้วย เท่านี้เจ้าแมวหูพับของเราก็จะเติบโตอย่างแข็งแรงและมีความสุขอย่างแน่นอน
|