2. เวลาตากให้สะบัดผ้าแรงๆ เพื่อให้เสื้อผ้าเรียบตึงและมีรอยยับน้อยที่สุด จะช่วยให้การรีดผ้าง่ายขึ้นค่ะ 3. จัดผ้าใส่ผ้าแขวนดีๆ ถ้าเป็นเสื้อยืดอาจจะหาไม้แขวนสำหรับเสื้อยืดเพื่อป้องกันช่วงบ่ายืดย้วยค่ะ 4. เก็บพร้อมไม้แขวน หากต้องดึงไม่แขวนออกควรพับให้เรียบร้อยก่อน ถ้าถอดเสื้อจากไม้แขวนแล้วโยน ใส่ตะกร้าทับกันจนแน่นจะเป็นการเพิ่มรอยยับให้เสื้อผ้าค่ะ 5. แยกประเภทเสื้อผ้า ผ้าบาง ปานกลาง และผ้าหนา ตั้งแต่รีดง่าย-ยาก เพื่อเราจะได้เริ่มจากการตั้งอุณภูมิ ไฟอ่อน ปานกลาง และไฟแรง 6. ถ้าผ้าใยธรรมชาติ เช่น คอตตอน ลินิน ไหม ควรพรมผ้าด้วยน้ำเปล่า สเปรย์ให้ห่างจากผ้าประมาณ 1 ฟุต เพื่อให้ละอองน้ำกระจายทั่วถึงผ้า พับเบาๆ พรมผ้าใช้พอชื้นนะคะไม่ต้องถึงกับเปียกชุ่ม หลังจากนั้นคลุมไว้ ประมาณ 20 นาที เพื่อให้เส้นใยคลายตัว จะช่วยให้รีดง่ายขึ้น 7. เริ่มจากรีดผ้าเนื้อบางด้วยอุณภูมิต่ำ เพราะการเริ่มรีดผ้าที่ไฟอ่อนจะทำให้เราไม่ต้องเสียเวลารอความร้อน จากเตารีดนานเกินไปค่ะ ถ้าเป็นเตารีดไอน้ำให้ปรับปริมาณของไอน้ำเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้เราใช้ไอน้ำ ได้นานขึ้นค่ะ 8. การผ้ารีดผ้าเส้นใยธรรมชาติที่เราพรมน้ำทิ้งไว้แล้ว สามารถรีดด้วยเตารีดแห้งได้ค่ะไม่จำเป็นต้องพ่นไอน้ำ ถ้าใช้เตารีดไอน้ำเอลวิร่าแบบหม้อต้มแยก จะสามารถรีดได้ 2 ระบบ ทั้งเตารีดแห้งและเตารีดไอน้ำค่ะ หากต้องการใช้น้ำยารีดผ้าเรียบให้สเปรย์ในระหว่างการรีดได้เลยค่ะ กรณีเป็นใยสังเคราะห์หรือผ้าขนสัตว์ สามารถรีดด้วยระบบไอน้ำได้เลยค่ะ 9. เมื่อรีดผ้าไปซักระยะ เตารีดจะเก็บความร้อนไว้ เมื่อปรับอุณภูมิสูงขึ้นจะทำให้เตารีดร้อนเร็ว ก็สามารถ สำหรับเครื่องซักผ้าใช้อย่างไรให้ประหยัดพลังงาน เพราะเป็นเครื่องทุ่นแรงที่ดีในปัจจุบัน แต่การซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้ามักใช้พลังงานในการซักมาก และอาจส่งผลเสียแก่สิ่งแวดล้อม บทความนี้จะมาเสนอวิธีใช้เครื่องซักผ้าของคุณให้เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน ซักผ้าอย่างไรช่วยคุณประหยัดค่าไฟและทรัพยากรธรรมชาติ ecolover จะพามาดูวิธีประหยัดไฟในบ้านเมื่อซักผ้าได้ ใช้เครื่องซักผ้าอย่างไรให้ประหยัดพลังงาน1. การแยกเสื้อผ้าแต่ละชนิด แยกซักผ้าเนื้อบาง กางเกงยีนส์ หรือผ้าขนหนู เพราะการซักผ้าประเภทเดียวกันจะช่วยในการตั้งโปรแกรมการซักและการปั่นแห้งที่เหมาะสมได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังเป็นการถนอมเนื้อผ้าอีกด้วย 2. การแช่ผ้าก่อนนำไปซักเครื่องซักผ้า เพราะการแช่ผ้าสักครึ่งชั่วโมงก่อนนำไปเข้าเครื่องซักจะทำให้เครื่องซักผ้าทำความสะอาดผ้าได้ง่ายขึ้น วิธีนี้เป็นการช่วยผ่อนแรงเครื่องซักผ้าและประหยัดพลังงานไฟฟ้า 3. การซักผ้าในอุณหภูมิสูงน้ำที่ปกติ ดังนั้นการซักผ้าในน้ำเย็นหรือด้วยโปรแกรมการซักที่อุณหภูมิ 30 องศา จึงช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ดีที่สุด หรือการซักผ้าด้วยน้ำร้อนโดยเฉพาะบางเวลาที่จำเป็นเท่านั้น เช่น เมื่อเสื้อผ้าสกปรกมากหรือเปื้อนคราบน้ำมัน เป็นต้น การเลือกใช้อุณหภูมิการซักที่เหมาะสมกับเสื้อผ้านั้นเป็นการประหยัดพลังงานเครื่องซักผ้าและช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้มากทีเดียว 4. การใส่ผงซักฟอกและปริมาณน้ำที่เหมาะสม เพราะหากใส่ผงซักฟอกมากเกินไปอาจทำให้ถังซักทำงานได้ยากขึ้น และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่เหมาะสมกับเครื่องซักผ้า เช่น หากคุณใช้เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้า คุณควรเลือกใช้ผงซักฟอกที่ออกแบบมากับการซักด้วยเครื่องฝาหน้าโดยเฉพาะ วิธีนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องซักผ้าได้ 5. ไม่เสียบปลั๊กแช่ หรือถอดเมื่อไม่ใช่งาน วิธีนี้ควรนำไปใช้กับเครื่องไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้าน ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานไฟฟ้าในบ้านได้มาก 6. การเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีขนาดเหมาะสม การซักผ้าด้วยเครื่องที่มีขนาดใหญ่เกินไป ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าในการซักโดยเปล่าประโยชน์ 7. การซักผ้าไม่ควรซักเมื่อมีเสื้อผ้าน้อยเกินไป การใช้เครื่องซักผ้าเมื่อมีปริมาณผ้าที่ต้องซักมากพอเหมาะ กับขนาดของถังซักโดยไม่ใส่เสื้อผ้าอัดแน่นจนเกินกำลังของเครื่อง เพื่อให้การซักด้วยเครื่องมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับพลังงานที่ใช้ การประหยัดพลังงานเครื่องซักผ้ากับการปั่นแห้งรู้ไหมว่าการปั่นแห้งหรืออบแห้ง เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนในกระบวนการซักผ้าที่ใช้พลังงานอย่างมาก มาดูวิธีที่จะช่วยให้คุณประหยัดพลังงานได้ ดังนี้ 1. การตากผ้าในที่โล่งด้วยแสงแดด เพราะแสงแดดคือพลังงานความร้อนจากธรรมชาติที่ช่วยให้ผ้าแห้งได้ดี วิธีนี้ช่วยให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ดีที่สุด เพราะจะได้ไม่ต้องนำผ้าไปปั่นแห้งให้เปลืองไฟ 2. การทำความสะอาดผ้ากรองฝุ่นเป็นประจำ สำหรับแผ่นกรองฝุ่นหรือผ้ากรองเป็นตัวทำให้อากาศผ่านเข้าไปในเครื่องปั่นแห้งได้ เมื่อผ้ากรองมีฝุ่นเกาะมากเข้าจะทำให้เครื่องปั่นผ้าทำงานได้ยากขึ้น ดังนั้นควรทำความสะอาดแผ่นกรองฝุ่นทุกครั้งหลังซักผ้าเสมอ ๆ 3. การปั่นผ้าให้หมาดก่อนนำไปปั่นแห้ง จะได้ความความเร็วจะช่วยให้ผ้าหมาดและแห้งง่ายขึ้นเมื่อนำไปปั่นแห้ง ขอบขอบคุณบทความดีๆ จากล็อตโต้สด |