การพัฒนา จังหวะ ในการ ร้องเพลง ไทย ข้อใด ถูก ต้อง

1.การพัฒนาจังหวะในการร้องเพลงไทย ข้อใดถูกต้อง?
ก. กำมือแล้วเคาะ
ข. ใช้ปลายนิ้วมือเคาะ
ค. ใช้เท้าเคาะ
ง. ถูกทุกข้อ

2.สัญลักษณ์ (xํ) และ (xฺ) ที่ปรากฏในโน้ตเพลงไทย หมายถึงอะไร?
ก. ตัวโน้ตมีเสียงดัง-เบา
ข. ตัวโน้ตมีเสียงสั้น-ยาว
ค. ตัวโน้ตมีเสียงสูง-ต่ำ
ง. ตัวโน้ตมีเสียงแหลม-ทุ้ม

3.จังหวะหน้าทับใช้เครื่องดนตรีในข้อใดเป็นเครื่องกำกับจังหวะ?
ก. ฉิ่ง
ข. กรับ
ค. โหม่ง
ง. กลองแขก

4.การขับร้องเพลงไทยควรทำท่าท่างอย่างไร?
ก. นั่งขัดสมาธิ
ข. นั่งคุกเข่า
ค. นั่งไขว่ห้าง
ง. นั่งพับเพียบ

5.หลักปฏิบัติข้อแรกในการฝึกปฏิบัติการร้องและบรรเลงรวมวง คือข้อใด?
ก. ทำความสะอาดเครื่องดนตรี
ข. ทำความเคารพผู้สอน
ค. ฝึกท่องโน้ตเพลง
ง. ฝึกฟังเพลง

6.การขับร้องเพลงไทยสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยใด?
ก. รัตนโกสินทร์
ข. สุโขทัย
ค. ธนบุรี
ง. อยุธยา

7.เสียง "อือ" ในการขับร้องเพลงไทย เป็นเสียงที่ผ่านออกมาทางใด?
ก. ลำคอ
ข. จมูก
ค. ครึ่งปากครึ่งจมูก
ง. ครึ่งลำคอครึ่งจมูก

8.แช็ค ชุมแพ ร้องเพลง คำแพง จัดเป็นการขับร้องเพลงแบบใด?
ก. ขับร้องคู่
ข. ขับร้องเดี่ยว
ค. ขับร้องรวมวง
ง. ขับร้องคนเดียว

9.ด ร ม ซ ล อ่านออกเสียงอย่างไร?
ก. โด เร มี๊ ซอล ลา
ข. โด เร มี ซอล ร้า
ค. โด เร มี ซอล ลา
ง. โด่ เล มี ซอล ลา

10.ฟา ซอล ลา ที ใช้อักษรแทนเสียงอย่างไร?
ก. ฟ ซ ร ท
ข. ฟ ซ ล ท
ค. ฟ ช ล ธ
ง. ฟ ซ ร ธ

ความหมาย

                ทักษะหมายถึง ความสามารถ ความชำนิชำนาญ และความคล่องแคล่วว่องไว ซึ่งเป็นสิ่งที่บุคคลได้เรียนรู้ที่จะทำด้วยความรวดเร็ว แม่นยำถูกต้อง ซึ่งอาจจะเป็นทางร่างกาย หรือสมอง ในระยะที่รวดเร็ว เช่น ความสามารถในการคิดเลขได้รวดเร็ว การวาดภาพเร็ว

                ทักษะเป็นคำที่นำมาจากรากศัพท์ ภาษาสันกฤต และในวิชาการศึกษาได้แปลมาจากคำว่า Skill ซึ่งมีความหมายถึง ความสามารถ ขยันหมั่นเพียร ความคล่องแคล่ว แข็งแรง นอกจากนี้พจนานุกรมไทยได้ให้ความหมายของทักษะไว้ว่าเป็นความชำนาญ และความสามารถในการปฏิบัติงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในเวลารวดเร็วและเกิดประสิทธิภาพ ในเรื่องนี้ กู๊ด ( Capenter V.good : 1973 ) ได้ให้ความหมายของทักษะไว้ในหนังสือ Dichinary of Eduoalion ความว่า เป็นสิ่งที่บุคคลได้เรียนรู้ที่กระทำด้วยความยาก ง่าย แม่นยำ อาจจะทางด้านร่างกาย สมองก็ได้ หรือ

                ทักษะ หมายถึง ความชัดเจน ความกลมกลืนในการใช้นิ้วมือ นิ้วเท้า มือ เท้า และสายตา

                สรุป ความหมายของทักษะ หมายถึง ความสามารถ ความชำนาญในการกระทำบางสิ่งบางอย่างได้เป็นอย่างดีด้วยความถูกต้อง แม่นยำ ในระยะเวลาที่รวดเร็ว เช่น ความสามารถในการอ่านเร็ว ทำงานเร็ว เป็นต้น อย่างมีประสิทธิภาพ

                ทักษะการสอนมีความสำคัญต่อการสอนมาก จากผลการวิจัยของ แอน พินิจด้า ได้ทำความวิจัยเรื่อง ความคิดเห็นของศึกษาวิทยาลัยครู เกี่ยวกับทักษะการสอนในการฝึกประสบการณ์วิชาชีพกล่าวว่า การฝึกทักษะการสอนเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาวิชาครูได้มีการฝึกทักษะการสอนก่อนออกฝึกจริง เพราะช่วยให้นักศึกษาได้มีความตระหนักถึงการให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนการสอน และจะนำประสบการณ์ที่ได้จากการฝึกทักษะการสอนไปใช้ในการฝึกสอน นอกจากนี้ผู้ตอบแบบสอบถามยังกล่าวถึงในด้านการนำผลการฝึกทักษะการสอนไปใช้ในการปรับปรุงตัวเองมีการเสริมกำลังใจนักเรียน มีการจัดเตรียมสื่อการสอนให้เหมาะสมกับบทเรียนนักศึกษาได้เรียนรู้การเร้าความสนใจ ช่วยทำให้มีการปรับปรุงวิธีการสอนอยู่ตลอดเวลา เพราะลักษณะการสอนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งสำหรับประสิทธิภาพในการสอน ทำให้ผู้ฝึกเกิดสมรรถภาพในการสอนเพิ่ม เนื่องจากจะช่วยให้ผู้ฝึกมีทักษะในการแก้ปัญหาการใช้กระดานดำ การสอนเพื่อพัฒนาความคิดสร้างสมดุล เป็นต้น

            เทคนิคการสอน คือ กลวิธีต่างๆที่ใช้เสริมกระบวนการ ขั้นตอน วิธีการ หรือการกระทำใดๆ เพื่อช่วยให้กระบวนการ ขั้นตอน วิธีการหรือการกระทำนั้นๆ มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากขึ้น 

            การแบ่งทักษะการสอนนั้น มีแนวคิดแตกต่างกันหลายแบบ ดีเวท ดับบลิว แอลเลน (Dewight W.Allen)ได้จะแนกออกเป็น18ทักด้วยกันคือ

1.การสร้างสัมพันธ์                                                                           10.การตั้งคำถาม 

2.การวางขอบข่ายเนื้อหา                                                                  11.การใช้คำถามชั้นสุง

3.การสรุปผลลับ                                                                              12.การใช้คำถามชุด

4.การมีพฤติกรรมเอาใจใส่ในตัวผู้เรียน                                                13.การให้นักเรียนเงียบและการแนะนำโดยไม่ใช้คำพูด 

5.การหาผลย้อนกลับหรือข้อมูลย้อนกลับ                                            14.การกระตุ้นให้นักเรียนตั้งคำถามเอง

6.การเสริมกำลังใจ                                                                           15.การสื่อความหมายที่สมบูรณ์

7.การพูดทบทวนและย้ำเตือน                                                            16.การแปรเปลี่ยนตัวกระตุ้น

8.การควบคุมการมีส่วนร่วมในการเรียนของนักเรียน                              17.การบรรณยาย

9.การอธิบายและใช้ตัวอย่าง                                                              18.การบอกให้นักเรียนรู้ตัวว่าต้องตอบคำถาม

ในที่นี้นำเสนอทักษะพื้นฐานที่สำคัญสำหรับผู้สอนทั้งในระดับมัธยมศึกษาและปฐมศึกษา ดังนี้

1.ทักษะการนำเข้าสู่บทเรียน                                     2.ทักษะการใช้วาจากริยาท่าทางในการสอน

3.ทักษะการอธิบาย                                                  4.ทักษะการเร้าความสนใจ

5.ทักษะการใช้คำถาม                                              6.ทักษะการใช้อุปกรณ์การสอน

7.ทักษะการใช้กระดานดำ                                         8.ทักษะเสริมกำลังใจ

9.ทักษะการสรุปบทเรียน

ความสำคัญของทักษะการสอน

  • การฝึกทักษะการสอนนับว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้มีอาชีพครู ผู้สอนจึงต้องมีความสามารถในถ่ายทอดความรู้ได้อย่างดีแก่ผู้เรียน ถ้าผู้เรียนไม่เข้าใจโดยเขาไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามผู้สอนตั้งจุดมุ่งหมายไว้

ทักษะการสอนพื้นฐาน

  • ทักษะการสอนขั้นพื้นฐานหมายถึงความสามารถ หรือความชำนาญในการสอนซึ่งทักษะจะไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ถ้าไม่ฝึกฝนทักษะการสอนมีหลายทักษะด้วยกันที่ใช้ในแต่ละคาบหรือแต่ละชั่วโมงผู้เป้นครูได้มีการฝึกฝนเพื่อเป็นพื้นฐานในการสอนต่อไป

1.ทักษะการนำเข้าสู่บทเรียน

  • การนำเข้าสู่เรื่องที่จะเรียน เป็นขั้นการสอน หรือกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเริ่มต้นทำการสอนเพื่อดึงความสนใจ ให้ผู้เรียนพร้อมที่จะติดตามบทเรียนต่อไป

เทคนิคการนำเข้าสู้บทเรียน

1.ใช้อุปกรณ์การสอนเช่น ของจริง รูปภาพ แผนที่ แผนภูมิ

2.ให้นักเรียนลองทำกิจกรรมบางอย่างที่สัมพันธ์กับบทเรียน เช่น การให้ยืนแสดงท่าทางต่าง ๆ การให้นักเรียนลองใส่ RAM ในคอมพิวเตอร์

3.ใช้เรื่องเล่านิทาน หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ โยงมาสู่เรื่องที่จะสอน

4.ตั้งปัญหา ทายปัญหา เพื่อเร้าความสนใจของนักเรียนให้คิดหาคำตอบ

5.สนทนาซักถามถึงเรื่องราวต่างๆเพื่อนำเข้าสู่บทเรียน

6.แสดงละครหรือบทบาทสมมูติเพื่อให้ผู้เรียนสนใจ

7.แสดงละครหรือบทบาทสมมูติ

8.ร้องเพลงซึ่งเป็นเพลงเกี่ยวกับเรื่องที่จะสอน

2.ทักษะการใช้วาจากริยาท่าทางในการสอน

  • การใช้วาจากิริยาท่าทาง ในการสอนนับว่าเป็นสิ่งสำคัยอย่างยิ่งของครู เพราะการที่นักเรียนจะเกิดความพอใจและสนใจที่จะเรียนนั้น บุคลิกภาพของครูนั้นจำเป็นอย่างหนึ่งเพราะบุคลิกภาพของครู รวมทั้งความสามารถในการสื่อความหมายระหว่างครูกับนักเรียนจะช่วยให้นักเรียนไม่เบื่อหน่าย

เทคนิคการใช้วาจากิริยา ท่าทางประกอบการสอน

1.การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนอิริยาบท

      • เริ่มแรกที่เข้ามาในห้องเรียนครูควรเดินด้วยท่าทางที่เหมาะสมสง่างามและดูเป็นธรรมชาติ

2.การใช้มือแลแขน

      • ใช้มือประกอบท่าทางในการพุด ซึ่งจะเป็นสิ่งดึงดุดใจของนักเรียน เพราะนักเรียนสนใจดูสิ่งเคลื่อนไหวมากกว่าสิ่งที่นิ่ง

3.การแสดงออกทางสีหน้า สายตา

      • การแสดงออกทางหน้าตา สายตา เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้สื่อความหมายกับผู้เรียน ผู้เรียนจะเข้าใจถึงความรู้สึก หรือเข้าใจในอารมณ์การสอน ในการสอนบทเรียนที่มีความตื่นเต้น สีหน้าของครูต้องคล้อยตามสัมพันธ์กับความรู้สึกดังกล่าวด้วย

4.การทรงตัวและการวางท่าทาง

      • ควรวางท่าให้เหมาะสม ไม่ดูตรึงเครียด หรือเกรงเกินไป  ควรวางท่าทางและทรงตัวขณะสอนให้ดูเป็นธรรมชาติแต่ก็ไม่ดูปล่อยตามสบายจนเกินไป

5.การใช้น้ำเสียง

      • ควรใช้น้ำเสียงที่ชัดเจนเหมาะสม ไม่ช้า ไม่เร็วจนเกินไป มีการออกเสียงการใช้ถ้อยคำถูกต้อง  ไม่แสดงอารมณ์ที่ไม่สมควรออกทางน้ำเสียงเพราะโดยปกติแล้วน้ำเสียงของครูสามารถบอกอารมณ์ได้และความรู้สึกของครูได้อย่างดี ถ้าครูเสียงดีนักเรียนก้จะมีความรู้สึกที่ดีต่อครู

6.การแต่งกาย

      • ครูควรแต่งกายให้ถุกต้องเหมาะสมเพราะถ้าครูแต่งกายสวยเดนจนเกินไปทำให้นกเรียนจะให้ความสนใจกับครูมากกว่าบทเรียน ผู้สอนควรแต่งกายให้เรียบร้อย

3.ทักษะการอธิบาย       

  • ทักษะการอธิบาย  หมายถึง ความสามารถในการพูดแสดงรายละเอียดและให้ตัวอย่างให้ผู้เรียนเข้าใจ หายจากข้อสงสัย เกิดความชัดเจนในสิ่งนั้น หรือขยายความในลักษณะที่ช่วยให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจกระทำได้โดยการบอก การตีความ การสาธิต การยกตัวอย่าง ฯลฯ บางครั้งเพื่อให้การอธิบายเป็นที่เข้าใจได้ง่าย อาจจะใช้วัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ประกอบการอธิบาย ก็จะช่วยทำให้ผู้ฟังสนใจและเข้าใจความหมายได้ดีขึ้น   

เทคนิคการสอนการอภิปราย

1.เวลาอธิบายไม่นานเกินควร เวลาอภิปรายไม่เกิน10นาทีเพราะเกินเวลานี้ไปผุ้เรียนอาจไม่สนใจเรียน
2.ภาษาที่ใชง่ายแก่การเข้าใจ รัดกุมไม่เยิ้นเย้อ น่าฟัง
3.สื่อการสอน ควรน่าสนใจช่วยในการอภิปรายได้ง่ายยิ่งขึ้น
5.การอภิปรายเริ่มจากเรื่องที่เข้าใจง่ายไปหาเรื่องที่ยาก
6.ท่าทางในการอภิปรายน่าสนใจ
7.ใช้แนวคิด หรือถ้าเป็นอภิปรายของนักเรียนให้ใช้ความรู้ที่ได้เรียนมาเป็นแนวทางในการอธิบายด้วยความเข้าใจตามแนวคิดของนักเรียน
8.มีการสรุปอภิบายด้วย

4.ทักษะการเร้าความสนใจ

การเร้าใจสนใจเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้การเรียนการสอนนั้นประสบผลดี เพราะจะช่วยให้ครูปรับปรุงวิธีการสอนให้เด็กเกิดสนใจในการเรียนและติดตามกิจกรรมโดยตลอดไม่เบื่อหน่ายดังนั้น  พยายามใช้เทคนิคต่าง ๆ มากระตุ้นให้นักเรียนสนใจอยู่ตลอดเวลา

เทคนิคการสอนการเร้าความสนใจ

1.การใช้สีหน้า ท่าทางประกอบการสอน มีการใช้ท่าทางประกอบการสอนจะทำให้ผู้เรียนสนใจเรียนยิ่งขึ้น
2.การใช้ถ้อยคำและน้ำเสียง  ถ้อยคำที่ครูใช้และน้ำเสียงเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผุ้เรียนสนใจเรียน ไม่มีการเน้นหนักเบาจะทำให้การเรียนนั้นไม่น่าสนใจ
3.การเคลื่อนไหวของครูครูควรมีการเคลื่อนไหวในขณะสอน ครูควรเปลี่ยนจากจุดนั่งเป็นจุดยืนของตน เพราะถ้าครูยืนอยู่จุดเดียวทำให้ผู้เรียนไม่มีความกระตือรือร้น และไม่เกิดความสนใจเท่าที่ควร
4.การเน้นจุดสำคัญของเรื่อง และการเว้นระยะการพุด หรือการอธิบาย ถ้าครูผุ้สอนต้องการให้ผู้เรียนสนใจ  ครูควรมีการฝึกเน้นคำพูดสำเนียง จังหวะ นอกจากนี้แล้วครูหยุดนิ่ง เว้นระยะการพุดตอนใดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยให้ทำให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีเวลารวบความคิด เชื่อมโยงความคิดได้

5.ทักษะการใช้คำถาม 

  • คำถามนับเป็นสิ่งสำคัญในการสอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาในปัจจุบันที่เน้นให้เด็กคิดเป็นซึ่งการที่จะให้บรรลุเป้าหมายจุดประสงค์ดังกล่าวผู้สอนควรมีวิธีการและเทคนิคต่างๆมากมายสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ การใช้คำถาม ซึ่งการใช้คำถามจะมีประสิทธิภาพได้ครูผู้ถามจะต้องเข้าใจถึงจุดประสงค์ในการถาม

เทคนิคการใช้คำถาม

1.ถามด้วยความมั่นใจ ผู้สอนต้องเตรียมคำถามไว้เพื่อให้เกิดความมั่นใจและคล่องตัวในการถาม
2.ถามอย่างกลมกลืนคือ กลมกลืนกับเนื้อหา กิจกรรมที่กำลังเรียนอยู่
3.ถามโดยใช้คำพูดที่เข้าใจง่าย ใช้ภาษาให้เหมาะสมในระดับชั้นเรียนผู้เรียนจะได้ดเข้าใจการถาม
4.การให้นักเรียนมีโอกาสตอบหลายคนในการสอน ครูควรกระจายคำถามให้ทั่วถึงไม่ใช่ถามแต่ผู้เรียนบางคน
5.การเลือกคำถาม บางครั้งครูควรเลือกถามผุ้เรียนบางคนเพื่อจุดประสงค์ของครู เช่นถามผู้เรียนที่เรียนเก่งในกรณีที่ครูต้องการสรุปบทเรียน
6.การเสริมกำลังใจ หรือให้ผลย้อนกลับ เมื่อมีผุ้เรียนตอบถูก ครูไม่ควรที่ละเลยที่จะทำให้นักเรียนมีกำลังใจด้วยวิธีการต่างๆ
7.ใชคำถามในแต่ละประภท ในการสอนแต่ละครั้งในการสอนแต่ละครั้ง
8.การใช้กิริยาท่าทาง เสียงประกอบในการถาม ครูควรเพิ่มบรยากาศความสนใจอยากตอบคำถามของผู้เรียน

6.ทักษะการใช้อุปกรณ์การสอน

  • อุปกรณ์การสอน จะช่าวยให้การเรียนรู้มีความหมายมากขึ้น เพราะอุปกรณ์การสอนจะเป็นจุดรวมความสนใจสามารถเพิ่มความเป็นรุปธรรมและความเป็นจริงต่อการเรียนรู้ได้มากขึ้น อุปกรณ์การสอนจะเป็นเครื่องมือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความคิดมองเห็นเรื่องราวหรือสิ่งที่เรียนรู้ได้ถูกต้องและสามารถจดจำเรื่องราวได้แม่นยำ

เทคนิคการสอนการใช้อุปกรณ์

1.ใช้อุปกรณ์การสอนอย่างคล่องแคล่วว่องไว

2.แสดงอุปกรณ์ให้เห็นชัดทั่วทั้งห้อง

3.ควรหาที่ตั้งอุปกรณ์ วางแขวนขนาดใหญ่

4.ควรใช้ไม้ยาว และมีปลายแหลมชี้แผนภูมิ แผนที่

5.ควรมีการเตรียมผู้เรียนไว้ล่วงหน้าก่อนการใช้อุปกรณ์

6.ควรเลือกใช้เครื่องประกอบการใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสม

7.พยามยามเปิดดอกาศให้ผุ้เรียนได้ร่วมกิจกรรม หรือได้ศึกษาอุปกรณ์นั้นๆ

7.ทักษะ และเทคนิคการใช้กระดานดำ        

1.ครูควรทำความสะอาดกระดานดำทุกครั้งที่เข้าสอน

2.ในการเขียนทุกครั้งไม่ควรเขียนทีเดียวทั้งแผ่นควรแบ่งครึ่งแง 3 ส่วน หรือ4 ส่วน

3.ในการเขียนกระดาษทุกครั้งควรเขียนจากว้ายมือไปขวามือ

4.ถ้ามีหัวข้อเรื่องควรเขียนไว้ตรงกลางกระดานดำในส่วนที่เราแบ่งไว้

5.ขณะเขียนยืนห่างกระดานพอประมาณ

6.ในการเขียนหนังสือให้เขียนตรงไม่คดเคี้ยว

7.ถ้าต้องการอธิบายข้อความบนกระดานดำไม่ควรยืนบัง ควรใช้ไม้ชี้

8.ถ้ามีข้อความสำคัญอาจใช้ชอล์กสีเมื่อต้องการเน้นข้อความใดโยเฉพาะ

9.ถ้ามีข้อความสำคัญอาจใช้ชอล์กสีขีดเส้นใต้

10.เขียนคำตอบของผู้เรียนบนกระดานดำเพื่อเสริมกำลังใจผู้เรียน

8.ทักษะเสริมกำลังใจ

  • การเสริมกำลังใจ หมายถึงการให้กำลังใจแก่ผู้เรียน เช่น การใช้คำชมเชย หรื แสดงพฤติกรรมที่ปรารถนาดีแก่ผู้เรียน ทำให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีในการเรียนและมีความเชื่อมั่นในตนเอง

เทคนิคเสริมกำลังใจ

1.เมือนักเรียนทำพฤติกรรมได้อย่างถูกต้อง ควรเสริมกำลังใจ โดยใช้ท่าทางและวาจาประกอบกัน

2.เสริมกำลังใจย้อนหลัง โดยให้นักเรียนที่ตอบถูกบอกคำตอบของตนอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้เห็นแนวทางที่ตอบไม่ได้ จะได้ทีโอกาสตอบได้ถูกต้อง

3.ไม่พุดเกินความจริง ถ้าครูพุดเกินความจริงจะทำให้นักเรียนขาดศรัทธาและเชื่อถือไม่ใช้คำพูดที่จำกัดวงแคบใช้วิธีเสริมกำลังใจให้หลายวิธี