โครงการความร่วมมือระหว่างประเทศโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศของมูลนิธิชัยพัฒนา
1. สาธารณรัฐสิงคโปร์ ความเป็นมา นางชวา ซิว ซัน (H.E. Mrs. Chua Siew San) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2555 ณ สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา และได้หารือในเบื้องต้นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะริเริ่มโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการศึกษาระยะสั้น ระหว่างนักเรียนไทยและนักเรียนสิงคโปร์ร่วมกัน เพื่อสืบสานมิตรภาพและความร่วมมือด้านการพัฒนาการศึกษาที่ดีเสมอมาระหว่างสองประเทศ และจากการหารือในเบื้องต้น เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสิงคโปร์ประจำประเทศไทย วัตถุประสงค์ เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนด้อยโอกาสที่กำลังศึกษาอยู่ในหลักสูตรสายอาชีพในโรงเรียนภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิฯ ในท้องถิ่นทุรกันดารได้เปิดโลกทัศน์และสร้างแรงบันดาลใจจากหลักสูตรอาชีวศึกษาและการฝึกอาชีพ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยของประเทศสิงคโปร์ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ที่จะได้รับจากโครงการนี้มาประยุกต์ใช้กับการศึกษาของนักเรียน การพัฒนาตนเอง รวมถึงการศึกษาสายอาชีพของประเทศไทยในอนาคต โดยทางรัฐบาลสิงคโปร์ได้คัดเลือกโรงเรียนนอร์ธไลท์ (NorthLight School) ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ที่รัฐบาลก่อตั้งขึ้นมา เพื่อดูแลนักเรียนด้อยโอกาสโดยเฉพาะ ให้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว กิจกรรม
การดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนได้เริ่มต้นตั้งแต่ ปี 2556 จนถึง 2562 (ปัจจุบัน) มีนักเรียนแลกเปลี่ยนจำนวน 3 รุ่น โดยมีนักเรียนไทยที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด 28 คน ครูไทย 12 คน จากโรงเรียนวังน้อย (พนมยงค์วิทยา) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โรงเรียนคุระบุรีชัยพัฒนาพิทยาคม จังหวัดพังงา โรงเรียนอุดมศาสน์วิทยา และโรงเรียนศรีฟารีดาบารูวิทยา จังหวัดยะลาและนักเรียนสิงคโปร์ 56 คน ครูสิงคโปร์ 9 คน จากโรงเรียน Northlight เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2562 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินติดตามการดำเนินงานโครงการฯ ที่โรงเรียน Northight สาธารณรัฐสิงคโปร์ ในการนี้ ได้เสด็จฯ ไปยังห้องประชุมของโรงเรียนเพื่อทรงเปิดโครงการแลกเปลี่ยนทางการศึกษาและวัฒนธรรมระยะสั้นรุ่นที่สาม จากนั้น เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการเรียนการสอนของโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้มีการจัดห้องเรียนให้เหมาะสมกับวิชาที่เรียน และเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง เช่น ห้องเรียนการโรงแรมได้จัดทำเป็นโรงแรมเสมือนจริงขนาดเล็ก
ห้องเรียนวิชาการค้าขายได้จำลองร้านขายของชำขนาดย่อม ห้องเรียนทำอาหารได้จัดให้มีอุปกรณ์การทำอาหารทั้งคาวและหวานอย่างครบครัน ห้องเรียนคณิตศาสตร์ได้จัดให้มีการเรียนการสอนแบบเน้นกิจกรรมและนำเล่นเกมส์มาช่วยในการเรียนการสอนด้วย ส่วนห้องเรียนวิชาช่างนั้น ได้จัดให้มีกิจกรรมซ่อมบำรุงซึ่งเน้นการปฎิบัติเสมือนจริง นอกจากนี้ยังมีห้องเกมส์ ไว้ให้นักเรียนได้ผ่อนคลายและทำกิจกรรมร่วมกัน โดยได้มีการจัดสรรเวลาไว้อย่างเหมาะสม ผลที่ได้รับ เนื่องจากมีการคัดเลือกนักเรียนที่ไม่ได้มีผลการเรียนดี และไม่ค่อยได้รับโอกาส แต่มีความโดดเด่นทางด้านมนุษยสัมพันธ์ การเข้าสังคม และมีความคิดสร้างสรรค์ได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ ทำให้นักเรียนได้เปิดโลกทัศน์และสร้างแรงบันดาลใจจากหลักสูตรอาชีวศึกษาและการฝึกอาชีพ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยของประเทศสิงคโปร์ ให้สามารถนำความรู้และประสบการณ์ ที่ได้มาประยุกต์ใช้ในการศึกษาสายอาชีพของตนต่อไป โดยนักเรียนมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี มีความมั่นใจในตนเองมากขึ้น กล้าแสดงออก มีการผูกมิตรกับเพื่อนต่างภาษาต่างวัฒนธรรม สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นักเรียนที่ได้รับโอกาสตั้งใจเรียนมากขึ้น เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดี ส่งผลให้การเรียนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนกลายเป็น “บุคคลแบบอย่าง” หรือ role model ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนนักเรียนด้วยกันและนักเรียนรุ่นน้อง 2.
สหพันธรัฐมาเลเซีย ความเป็นมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้มีพระราชกระแสให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนที่รับผลกระทบจากธรณีพิบัติภัยสึนามิ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือในการปรับปรุงซ่อมแซม ทั้งนี้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้พบว่ามีโรงเรียนจำนวน 7 โรงเรียน ในพื้นที่เกาะ จังหวัดสตูล ซึ่งได้รับความเสียหาย อาคารเรียนแตกร้าว มีสภาพชำรุดทรุดโทรม ได้แก่ โรงเรียนบ้านตันหยงกลิง โรงเรียนบ้านตันหยงอุมา โรงเรียนบ้านตันหยงกาโบย โรงเรียนบ้านเกาะยะระโตดนุ้ย โรงเรียนบ้านเกาะสาหร่าย โรงเรียนบ้านเกาะยาว และโรงเรียนบ้านเกาะอาดัง
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2558 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชานุมัติหลักการสำหรับการดำเนินงานโครงการความร่วมมือทางด้านการศึกษาระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา กับกรมการศึกษารัฐเกดะห์ สหพันธรัฐมาเลเซีย และได้มีการลงนามความร่วมมือขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีลงนามดังกล่าว วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนการสอน และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในวิชา และภาษาอังกฤษ พร้อมส่งเสริมจิตสำนักด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมโดยนักเรียนที่ได้รับการคัดเลือกได้มีโอกาสเดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านภาษา การศึกษาและวัฒนธรรมกับสาธารณรัฐมาเลเซีย ซึ่งมีการดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งในด้านภาษา ศาสนาและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน กิจกรรม
ที่ผ่านมา ได้มีการจัดค่ายและการอบรมระยะสั้นให้แก่ครูและนักเรียน ผลที่ได้รับ นักเรียนมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี กล้าแสดงออกมากขึ้น ได้รับประสบการณ์ตรงจากการเข้าเรียนในโรงเรียนของสหพันธรัฐมาเลเซีย แม้ว่าระยะเวลาจะสั้น แต่ด้วยตารางเวลาเรียน และสภาพแวดล้อมที่ใม่แตกต่างจากในประเทศไทยมากนัก ทำให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้นักเรียนยังได้เพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับสหพันธรัฐมาเลเซียทั้งในด้านระบบการศึกษา วัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ รวมถึงได้พัฒนาทักษะในการปรับตัวเพื่ออยู่ร่วมกับสังคมของประเทศเพื่อนบ้านซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเตรียมพร้อมสำหรับการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2.2 โครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนาและ Institute of Bioproduct Development, Universiti Teknologi Malaysia สหพันธรัฐมาเลเซีย ความเป็นมา สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาได้จัดหลักสูตรฝึกอบรมให้แก่คณะนักวิจัยจาก Institute of Bioproduct Development (IBD), Universiti Teknologi Malaysia (UTM) จำนวน 3 ราย เรื่องการวิเคราะห์และพัฒนาคุณภาพน้ำและดินด้วยวิธีทางธรรมชาติ ณ โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อปี 2556 คณะนักวิจัยมีความประทับใจในแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนเป็นอย่างมาก และมีความประสงค์ที่จะมีความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา จึงได้เชิญ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิชัยพัฒนา เดินทางไปเยือน UTM เพื่อหารือรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือทางวิชาการด้านการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เหมาะสม จากนั้น ได้มีการลงนามความร่วมมือเมื่อปี 2557 วัตถุประสงค์ เพื่อเปิดโลกทัศน์ จุดประกายความคิดและส่งเสริมให้ผู้จัดการและเจ้าหน้าที่โครงการของสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในงานโครงการกับนักวิจัยของ IBD ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้เกิดองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ และยังได้เผยแพร่งานของมูลนิธิฯ ให้เป็นที่รู้จักภายนอกประเทศไทย เป็นการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยและมาเลเซีย นอกจากนั้นยังเป็นการสนับสนุนการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นระหว่างประเทศอาเซียนด้วยกัน กิจกรรม เมื่อปี 2558 และ ปี 2560 สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้นำเจ้าหน้าที่และผู้จัดการโครงการจำนวน 4 รายและ 6 ราย ตามลำดับ จาก 9 โครงการของมูลนิธิชัยพัฒนา เดินทางไปเข้าร่วมการฝึกอบรมการแปรรูปผลิตภัณฑ์และการพัฒนาสินค้าชีวภาพหลายหลักสูตร เช่น หลักสูตรการคิดค้นผลิตภัณฑ์ครัวเรือนและผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลร่างกาย หลักสูตรการพัฒนาสูตรและขั้นตอนการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพร หลักสูตรการหมักปุ๋ยชีวภาพด้วยเทคโนโลยี EM เป็นต้น ผลที่ได้รับ ผู้เข้าอบรมได้รับความรู้และประสบการณ์มากมาย ทำให้สามารถนำไปปรับใช้ในการต่อยอดความรู้และพัฒนาผลิตภัณฑ์ในโครงการ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มมูลค่าและเพิ่มรายได้ให้กับโครงการแล้ว ยังสามารถนำมาความรู้ดังกล่าว มาจัดแสดงเพื่อถ่ายทอดให้แก่ชุมชนและบุคคลที่สนใจ โดยการฝึกอบรมมีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เข้าอบรมได้นำความรู้จากภาคทฤษฎีมาปรับใช้ในภาคปฏิบัติ ซึ่งเจ้าหน้าที่โครงการได้นำความรู้เหล่านั้นมาคิดค้นต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์โครงการ สร้างรายได้ให้กับโครงการ เช่น น้ำยาล้างจานตะไคร้หอมผสมยูคาลิปตัส สมุนไพรจากใบเสม็ด ทั้งยาหม่อง สเปรย์กันยุง น้ำมันนวดและพิมเสนน้ำ นอกจากนั้นยังเผยแพร่ความรู้ให้กับประชาชนที่สนใจที่มาเยี่ยมชมโครงการอีกด้วย 3. สาธารณรัฐประชาชนจีน 3.1 โครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนากับ Guangzhou Institute of Geochemistry (GIG), Chinese Academy of Sciences สาธารณรัฐประชาชนจีน ความเป็นมา ด้วย คณะนักวิจัยจากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เดินทางไปเยือน GIG ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยด้านธรณีเคมีและวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลจีน เพื่อศึกษาดูงานและร่วมทำวิจัยภายใต้โครงการ Mekong River Program
เรื่องการวิเคราะห์ปริมาณสารเคมีตกค้างจากอุตสาหกรรมและครัวเรือน และผลกระทบต่อคุณภาพน้ำตลอดจนคุณภาพชีวิตของชุมชนในบริเวณลุ่มน้ำโขง ซึ่งคณะนักวิจัยจากโครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยฯ มีความประทับใจในความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของ GIG เป็นอย่างมาก
กิจกรรม คณะนักวิจัยจากโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เดินทางไปเยือน Guangzhou Institute of Geochemistry (GIG) เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและการบำบัดน้ำเสีย ผลที่ได้รับ
นักวิจัยจากสองประเทศได้แลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความรู้ ประสบการณ์ โดยผ่านทางการเยือน และผ่านทางการจัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ International Conference on Environment, Livelihood, and Services (ICELS) ที่สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งนักวิจัยจาก GIG ได้เดินทางมาให้ความรู้ และร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลในงานสัมมนาดังกล่าว 3.2 โครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา-สาธารณรัฐประชาชนจีน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ความเป็นมา เนื่องด้วย รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน มีความประสงค์ที่จะสร้างศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศไทย และเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา
ในปี 2550 รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน จำนวน 8 ล้านหยวน (ประมาณ 40 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินโครงการ ระยะที่ 1 ในปี 2552 และทูลเกล้าฯ ถวายเงิน จำนวน 10 ล้านหยวน (ประมาณ 50 ล้านบาท) เพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินโครงการ ระยะที่ 2 ในปี 2555 ในรูปแบบสิ่งของ สิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักรกล บุคลากร พันธุ์พืช และปัจจัยการผลิตอื่นๆ รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยี วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นศูนย์ทดลอง ศึกษา วิจัย ในการปลูกพืชชนิดต่างๆ ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่นำเข้ามาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อศึกษาถึงการเจริญเติบโต ผลผลิตที่ได้ วิธีการปลูก และการนำผลผลิตต่างๆที่ได้มาแปรรูป ซึ่งข้อมูลที่ได้สามารถนำไว้ใช้พัฒนาต่อยอดได้ต่อไปในอนาคต เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนที่สนใจ กิจกรรม โครงการความร่วมมือระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา-สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มีการดำเนินงานแล้ว 2 ระยะ ผลที่คาดว่าจะได้รับ การดำเนินโครงการคาดหวังให้เป็นศูนย์เรียนรู้การปลูกพืชสายพันธุ์นำเข้าที่มาจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้เป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับประชาชนที่สนใจ ซึ่งทางศูนย์ได้ทำการทดลอง ศึกษาวิจัยการปลูกพืช เพื่อดูผลผลิตและความเป็นไปได้ว่ามีการเจริญเติบโตเป็นอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้มาเรียนรู้และนำกลับไปพัฒนาต่อยอดในพื้นที่ของตนเอง 4. สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ความเป็นมา สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาได้นำคณะผู้บริหารหน่วยงานและผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรของเมียนมา เดินทางไปศึกษาดูงานโครงการของมูลนิธิชัยพัฒนา เมื่อวันที่ 11-15 กันยายน 2560
โดยเรียนรู้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เกี่ยวข้องกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่ การบำบัดน้ำเสีย การกำจัดขยะ การพัฒนาพื้นดินให้เกิดประโยชน์ และแนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน ซึ่งคณะฯ มีความสนใจเป็นอย่างมาก จึงมีความประสงค์ที่จะให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนานำความรู้ดังกล่าวไปเผยแพร่ที่ประเทศเมียนมา วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นศูนย์ศึกษาสำหรับเจ้าหน้าที่ นักศึกษา หรือเกษตรกรจากพื้นที่ต่างๆ ในประเทศเมียนมาได้สามารถเข้ามาเรียนรู้ และนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้เพื่อให้สามารถพึ่งตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป 5. สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ความเป็นมา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชานุมัติหลักการ และงบประมาณ สำหรับการดำเนินงานโครงการความร่วมมือด้านการปลูกหญ้าแฝก เพื่อป้องกันดินถล่ม ในพื้นที่สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ โดยการประสานงานจากเทศบาลเมืองจิตตะกอง สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงธากา สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ เพื่อขอรับความช่วยเหลือ สำหรับการปลูกหญ้าแฝกในพื้นที่ดินถล่ม ซึ่งเป็นปัญหาหลักของเมืองจิตตะกอง ในช่วงฤดูฝน วันที่ 7 พฤษภาคม 2561 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานพระราชานุมัติหลักการและงบประมาณ ในการจัดตั้งศูนย์สาธิตและประชาสัมพันธ์การปลูกหญ้าแฝกนั้น ในพื้นที่เมืองจิตตะกอง สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ
กิจกรรม สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านหญ้าแฝกและดินถล่มเข้าสำรวจพื้นที่เป้าหมาย และเก็บข้อมูลสภาพปัญหา ในระหว่างวันที่ 25 – 27 กุมภาพันธ์ 2561 และได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญรวมทั้งเจ้าหน้าที่ เดินทางไปสำรวจพื้นที่เพื่อจัดตั้งศูนย์สาธิตและประชาสัมพันธ์การปลูกหญ้าแฝกระหว่างวันที่ 8-10 พฤษภาคม 2561 ผลที่คาดว่าจะได้รับ เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการนำร่อง จึงคาดการณ์ว่าเมื่อโครงการได้ดำเนินไประยะหนึ่งแล้ว จะสามารถบรรเทา และแก้ปัญหาดินถล่มในพื้นที่เมืองจิตตะกองได้ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนี้จะจัดการฝึกอบรม และเผยแพร่ความรู้ด้านแฝกเพื่อให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งจะได้นำไปแก้ไขปัญหาดินถล่มในพื้นที่ต่างๆ ในสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป 6. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ความเป็นมา มหาวิทยาลัยจำปาสัก ได้กราบบังคมทูล สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ขอพระราชทานโครงการความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมูลนิธิชัยพัฒนา กับ มหาวิทยาลัยจำปาสัก เพื่อเป็นศูนย์รวมด้านวิชาการให้นักศึกษาและผู้ที่สนใจ เข้ามาศึกษา ดูงานได้ จากนั้น สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีได้พระราชทานพระราชดำริให้สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินงาน โครงการจัดตั้งแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน ภายในมหาวิทยาลัยจำปาสัก และสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนากับมหาวิทยาลัยจำปาสัก ได้ทำการลงนามใน บันทึกข้อตกลง ร่วมกันดำเนินงานโครงการฯ เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2550 วัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรต่างๆ และเป็นศูนย์รวมด้านวิชาการให้แก่คณาจารย์ นักศึกษา และประชาชนโดยรอบมหาวิทยาลัย รวมทั้งเป็นสถานที่ฝึกงานสำหรับนักศึกษาที่จะได้ทดลองปฏิบัติงานจริงนอกเหนือจากการเรียนการสอนในห้องเรียน ซึ่งได้รับความร่วมมือในการดำเนินงานจากกรมพัฒนาที่ดิน กรมปศุสัตว์ กรมชลประทาน กรมประมง และกรมวิชาการเกษตร กิจกรรม สำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนา ได้ร่วมกับหน่วยราชการ ประกอบด้วย กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์
ดำเนินการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานของแปลงสาธิตการเกษตรแบบผสมผสาน เสร็จเรียบร้อยแล้ว ประกอบด้วย ผลที่คาดว่าจะได้รับ ในปัจจุบันสำนักงานมูลนิธิชัยพัฒนาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังมีการดำเนินงานและให้ความดูแลโครงการนี้ ซึ่งมูลนิธิชัยพัฒนาได้ทำการเตรียมความพร้อมให้แก่มหาวิทยาลัยจำปาสัก เพื่อให้พร้อมดูแลโครงการส่งมอบโครงการ หลังจากนั้นจะทำการส่งมอบให้มหาวิทยาลัยจำปาสักดำเนินงาน เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต่อไป 6.2 โครงการศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม-ป่าไม้ หนองเต่า แขวงสะหวันนะเขต วัตถุประสงค์ เพื่อให้เป็นสถานที่ถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรต่างๆ โดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงและเป็นศูนย์รวมด้านวิชาการให้แก่ประชาชนโดยรอบ ผลที่คาดว่าจะได้รับ เนื่องจากศูนย์พัฒนาและบริการกสิกรรม ได้รับความสนใจจากเกษตรกรและประชาชนที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้กลายเป็นศูนย์ฯ ที่ประสบความสำเร็จด้านเผยแพร่ความรู้ คาดหวังให้ศูนย์นี้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรในภาคกลางของประเทศลาว เพื่อถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรโดยใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงให้ประชาชนได้ดำเนินตามเป็นแบบอย่าง |