(Check out the Top Probiotics of 2017 here!)Puritan’s PrideOverall Rating: 3.2/5This probiotic supplement by Puritan’s Pride covers a fair amount of ground and manages to keep its price low enough to be easily affordable for those who don’t want to spend too much on digestive health. It’s especially suited for small immune system boosts, and overall digestive health function. Show
What to expect from the strainsLactobacillus and the other strains in Puritan’s Pride Probiotic 10 can be expected to help aid digestion, especially digestion of dairy, and provide a small boost to the overall immune function. The GoodWith 20 billion active cultures, this supplement delivers an effective dose of probiotic bacteria, and the strains included cover enough ground to be helpful for a few different things, including IBS related symptoms, diarrhea, and digestive discomfort. The BadWith mostly different subspecies of Lactobacillus in this blend, the health benefits are somewhat limited. This also uses a gelatin capsule and contains milk ingredients, so it is not suitable for vegetarians, vegans, or for those who are lactose intolerant. Without enteric-coating users can’t rely on results, as the strains may or may not survive the stomach acid to populate the gut. [amazon box=”B004TEW8ZI”] How to Buy Probiotic 10Probiotic 10 is available here at Amazon.com. Potency:……………………2.0 CFU: ……………2.5 Strains: …………………..3.5 Living Cultures:…………..3.0 Also, check out our Top Probiotics of 2017 reviews right here.
เมื่อพูดถึง “แบคทีเรีย” เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนจะต้องนึกถึงสิ่งมีสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวขนาดเล็ก ๆ ที่ทำให้อวัยวะภายในร่างกายของเราทำงานผิดปกติจนเกิดเป็นโรคต่าง ๆ ใช่มั้ยคะ ? แต่จริง ๆ แล้วแบคทีเรียก็เหมือนมนุษย์เราที่มีทั้งแบคทีเรียที่ดีและไม่ดี ซึ่งแบคทีเรียบางชนิดก็ไม่ได้ให้โทษแก่ร่างกายเสมอไป อย่างเช่น “โพรไบโอติกส์ (Probiotics)” ก็จัดว่าเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ และยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่างเลยนะคะ ในโยเกิร์ตมีโพรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้ปัจจุบันนี้ผู้คนเริ่มหันมาทานโพรไบโอติกส์เสริมระหว่างมื้ออาหารกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น โยเกิร์ต, นมเปรี้ยว, กิมจิ, ถั่วหมัก, นัตโตะ, ซุปมิโซะ หรือคอมบูชา รวมถึง “อาหารเสริมโพรไบโอติกส์” เองก็ค่อนข้างได้รับความนิยมอย่างมากด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้มีความสะดวกต่อการทาน แถมยังช่วยให้คุณได้รับโพรไบโอติกส์แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยในปริมาณที่เหมาะสม ถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีและเร็วที่สุดที่จะปรับความสมดุลในร่างกายให้แข็งแรง วันนี้จึงรวบรวมข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ รวมถึงรีวิวอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ดีที่สุดมาฝากคุณกันค่ะ
โพรไบโอติกส์ (Probiotics) คืออะไร ?โพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “จุลินทรีย์ประจำถิ่น” เราสามารถพบโพรไบโอติกส์ได้มากที่สุดในลำไส้ใหญ่ค่ะ ปกติแล้วในลำไส้ของเราก็จะมีจุลินทรีย์นับล้านล้านตัวอาศัยอยู่ในนั้นเปรียบเสมือนโลกใบเล็ก ๆ ที่มีทั้งจุลินทรีย์ดีและจุลินทรีย์ไม่ดีผสมกันไปหลายสปีชีส์เลยค่ะ ดังนั้นจำนวนและสายพันธุ์ของโพรไบโอติกส์ของแต่ละคนก็จะมีความแตกต่างกันไปไม่เหมือนกัน บางคนก็มีความจำเป็นต้องทานโพรไบโอติกส์เสริมให้แก่ร่างกาย (กดเลื่อนอ่านสาเหตุที่ต้องทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์) ในขณะที่บางคนก็มีระบบทางเดินอาหารสมดุลอยู่แล้วจึงไม่ต้องทานโพรไบโอติกส์เพิ่มเติมเสริมใด ๆ โพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย
ทำไมต้องทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ (Probiotics) ? (1)
โพรไบโอติกส์ VS พรีไบโอติกส์ ต่างกันอย่างไร ? (1,2)แม้ว่าพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) และโพรไบโอติกส์ (Probiotics) จะมีชื่อที่คล้ายกันมาก แต่ทั้งนี้หน้าที่การทำงานของทั้ง 2 ก็มีความแตกต่างกันคนละแบบค่ะ โพรไบโอติกส์ VS พรีไบโอติกส์ ต่างกันอย่างไรพรีไบโอติกส์ (Prebiotics) เป็นไฟเบอร์และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ลำไส้เล็กไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ ดังนั้นพรีไบโอติกส์จะถูกส่งไปยังลำไส้ใหญ่ต่อและจะถูกย่อยโดยแบคทีเรียชนิดโพรไบโอติกส์ นี่จึงเป็นสาเหตุที่มันกลายเป็นจุลินทรีย์ที่ดีเพราะสามารถจัดการกับอาหารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นกล่าวง่าย ๆ ก็คือ “พรีไบโอติกส์เป็นอาหารของโพรไบโอติกส์ ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตแบคทีเรียที่ดีในลำไส้” โดยเฉพาะกับแบคทีเรีย Bifidobacteria และ Lactobacillus ที่สามารถเพิ่มจำนวนได้เยอะมากกว่าแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ชนิดอื่น ๆ
การเลือกซื้ออาหารเสริมโพรไบโอติกส์1. เลือกที่เป็นซินไบโอติกส์ (Synbiotics = Prebiotics + Probiotics) (3-6)หากอาหารเสริมยี่ห้อไหนมีการผสมพรีไบโอติกส์เพิ่มเข้ามา เราจะเรียกผลิตภัณฑ์เหล่านี้ว่า “อาหารเสริมซินไบโอติกส์ (Synbiotics)” ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่างเลยค่ะ ทั้งเพิ่มการเผาผลาญไขมัน, ปรับปรุงการดูดซึมแร่ธาตุในร่างกาย, ส่งเสริมการตอบสนองของภูมิคุ้มกัน, ช่วยลดอาการท้องร่วงและอาการท้องผูกอย่างรุนแรง ซินไบโอติกส์ (พรีไบโอติกส์ + โพรไบโอติกส์)หมายเหตุ : แต่ทั้งนี้ก็มีผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากทานอาหารเสริมซินไบโอติกส์ได้เช่นกันค่ะ เพราะคุณอาจจะมีอาการปวดท้อง, ท้องอืด, แน่นท้อง, อาหารไม่ย่อย หรือท้องร่วงได้ในกรณีนี้แนะนำให้เลือกอาหารเสริมที่ “ปราศจาก Fructooligosaccharides (FOS)” เนื่องจากเส้นใยอาหารชนิด FOS อาจทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ในบางคนค่ะ หมายเหตุ : นอกจากนี้การผสมกันของพรีไบโอติกส์และโพรไบโอติกส์บางชนิดก็สามารถทำให้เกิดปฏิกิริยากับยารักษาโรคบางตัวได้ด้วยค่ะ ดังนั้นไม่แนะนำอาหารเสริมซินไบโอติกส์สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว หรือหากคุณต้องการทานจริง ๆ ก็ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเสมอ 2. เลือกสายพันธุ์ของโพรไบโอติกส์ที่เหมาะสมกับคุณ (10,12)อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ของแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดขายที่ต่างกันออกไป บางยี่ห้อก็อาจจะเน้นไปที่โพรไบโอติกส์สายพันธุ์เดียว ในขณะที่บางยี่ห้อก็จะใส่โพรไบโอติกส์มาให้หลายชนิด แม้ว่าตอนนี้นยังไม่มีการระบุที่ชัดเจนว่าโพรไบโอติกส์ชนิดไหนที่ดีที่สุด แต่อาหารเสริมส่วนใหญ่จะนิยมใช้ Lactobacillus และ Bifidobacteria เนื่องจากทั้ง 2 ชนิดทนต่อกรดในกระเพาะอาหารมากกว่าชนิดอื่น โดยรายการข้างล่างนี้ ถือว่าเป็นแบคทีเรียโพรไบโอติกส์ชนิดที่ปลอดภัยต่อการรับประทาน ทั้งยังมีหน้าที่ที่ต่างกันออกไปด้วยค่ะ สายพันธุ์ของโพรไบโอติกส์
หมายเหตุ : โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ต่าง ๆ จะมีหน้าที่การทำงานที่แตกต่างกัน หากคุณไม่เห็นผลลัพธ์ภายใน 7-14 วัน แสดงว่าโพรไบโอติกส์ที่คุณกำลังกินอยู่เป็นสายพันธุ์ที่ไม่เหมาะกับร่างกายของคุณ แนะนำให้เปลี่ยนเป็นสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ตรงตามความต้องการค่ะ 3. ปริมาณของโพรไบโอติกส์ (หน่วย CFU) (1, 11)โพรไบโอติกส์มีหน่วยวัดเป็น CFU ย่อมาจาก Colony Forming Units ที่แสดงจำนวนแบคทีเรียต่อโดส โดยทั่วไปแล้วอาหารเสริมโพรไบโอติกส์จะมีจำนวนแบคทีเรียดีตั้งแต่ 1 – 100 Billion CFU เลยค่ะ ดังนั้นหากคุณเพิ่งเริ่มทานครั้งแรกแนะนำให้เลือกอาหารเสริมที่มีโพรไบโอติกส์อย่างน้อยที่สุดเริ่มต้นที่ 1 Billion CFU ก่อน และจากนั้นจึงค่อย ๆ เพิ่มจำนวนโพรไบโอติกส์ให้สูงขึ้นหากยังไม่เห็นผลการเปลี่ยนแปลง ปริมาณของโพรไบโอติกส์ที่เหมาะสมหมายเหตุ : แต่ทั้งนี้ความคิดที่ว่ายิ่งจำนวน CFU สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้นอาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะแม้ว่าโพรไบโอติกส์จะเป็นจุลินทรีย์ที่ดีต่อลำไส้ แต่การทานในปริมาณที่มากเกินไปก็ทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกันค่ะ 4. รูปแบบการทาน และ รูปแบบการจัดเก็บ (ตามอุณหภูมิ)
5. ระยะตามการใช้งานที่ตั้งไว้ในส่วนนี้จะเป็นปริมาณสุทธิที่ต้องการซื้อ บางคนอาจจะกลัวว่าอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ซื้อมาเป็นสายพันธ์ุที่ไม่ตรงตามความต้องการของร่างกาย จึงได้พยายามซื้อขนาดเล็กหรือซื้อแบบแบ่งขายมากินหมดภายใน 1 อาทิตย์ เพื่อทดลองประสิทธิภาพดูก่อน แต่วิธีเหล่านี้ก็ไม่ถูกต้องเสมอไปค่ะ เพราะอาหารเสริมโพรไบโอติกส์จะเริ่มทำงานและจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7-14 วัน ดังนั้นคุณควรกะปริมาณให้พอดีต่อการใช้งานด้วยนะคะ แนะนำให้ซื้อขนาดที่สามารถกินได้เกิน 2 อาทิตย์ขึ้นไปค่ะ รีวิว Nature's Bounty Acidophilus Probiotic อาหารเสริมโพรไบโอติกส์รูปภาพจาก naturesbounty.comราคา 325 บาท* สำหรับคนที่ต้องการเติมแบคทีเรียที่เป็นมิตรต่อระบบย่อยอาหารแบบเบา ๆ แนะนำแบรนด์ Nature's Bounty โดยสูตรนี้มีโพรไบโอติกส์จำนวน 100 Million CFU (เป็น Million ไม่ใช่ Billion) เหมาะทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่ต้องการดูแลสุขภาพโดยรวม ซึ่งทางแบรนด์จะเน้นไปที่ Lactobacillus Acidophilus สายพันธุ์เดียวเท่านั้น แต่กลับมีสรรพคุณที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน, ปรับปรุงระดับคอเลสเตอรอล, สร้างเสริมภูมิคุ้มกัน, ลดอาการภูมิแพ้, ดูแลสุขภาพช่องคลอด, ลดอาการท้องร่วง และส่งเสริมการลดน้ำหนักโดยกระตุ้นระบบเผาผลาญ ทั้งยังมีราคาที่ถูก แต่ข้อเสียเป็นอย่างเดียวคือมาในรูปแบบยาเม็ด จึงไม่เหมาะสำหรับคนที่กินยายากค่ะ
รีวิว Lacto-Fit Probiotic รุ่นใหม่ Lacto-5X อาหารเสริมโปรไบโอติกส์ แลคโตะฟิตจากเกาหลีรูปภาพจาก lazada.co.thราคา 369 บาท* Lacto-Fit เป็นแบรนด์จากเกาหลีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ เพราะด้วยราคาที่ไม่แพงบวกกับคุณภาพที่เห็นผลการเปลี่ยนแปลงในเช้าวันรุ่งขึ้นจริง ๆ โดยในหนึ่งซองจะมีโพรไบโอติกส์มาให้ถึง 5 สายพันธุ์ เป็นจำนวน 10 Billion CFU ที่ถือว่าเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นทานครั้งแรกมากค่ะ โดยตัวนี้จะช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย แก้ปัญหาเรื่องท้องผูกที่ถ่ายไม่ออกเป็นเวลานาน มาในรูปแบบผงเทใส่ปาก รสชาติอร่อยทานง่าย ให้ความรู้สึกเหมือนกินขนมหวานเลยค่ะ
รีวิว Puritan's Pride Probiotic 10 with Vitamin D อาหารเสริมโปรไบโอติกรูปภาพจาก puritan.comราคา 389 บาท* สำหรับตัวนี้เป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดของทางแบรนด์ Puritan's Pride ที่ประกอบไปด้วยโพรไบโอติกส์ 20 Billion CFU โดยใช้โพรไบโอติกส์ 10 สายพันธุ์ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหนัก ๆ แต่เน้นปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้และดูแลสุขภาพทางเดินอาหารโดยรวมมากกว่า โดยความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีส่วนผสมของ Vitamin D3 มาให้ 25 ไมโครกรัม สำหรับใช้สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ดังนั้นอาหารเสริมกระปุกนี้จึงเป็นมิตรต่อระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันของคุณสุด ๆ เลยค่ะ
รีวิว Culturelle Kids Purely Probiotics Packets อาหารเสริมโปรไบโอติกส์รูปภาพจาก culturelle.comราคา 510 บาท* อาหารเสริมโพรไบโอติกส์สำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป มารูปแบบแพคเก็จพกพาสะดวก ข้างในเป็นผงละลายที่ใช้ผสมลงในอาหารหรือเครื่องดื่มเย็น ๆ (ห้ามใส่ในน้ำร้อนเด็ดขาด) มีคุณสมบัติช่วยลดอาการท้องอืด ท้องร่วงและปรับปรุงการย่อยอาหารที่ผิดปกติ ทั้งยังสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรองรับมาแล้วว่าปลอดภัยต่อเด็ก ปราศจากกลูเตน, ผลิตภัณฑ์จากนม, แลคโตส, สารแต่งสี, สารกันบูด, ยีสต์ และถั่วเหลือง ประกอบไปด้วยโพรไบโอติกส์จำนวน 5 Billion CFU ในปริมาณที่เหมาะสม โดยสายพันธุ์ที่ใช้จะเป็น Lactobacillus rhamnosus GG หรือ LGG ที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาแล้วว่าช่วยให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นได้ อีกทั้ง Culturelle เป็นอาหารเสริมเพียงไม่กี่แบรนด์ที่กุมารแพทย์จำนวนมากแนะนำให้ใช้
รีวิว Life Space Broad Spectrum Probiotic อาหารเสริมโปรไบโอติกส์รูปภาพจาก lifespaceprobiotics.comราคา 690 บาท* อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ตัวนี้เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดของทางแบรนด์ Life Space ทั้งยังมียอดอันดับ 1 ของออสเตรเลีย ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่อยากเพิ่มระดับความเข้มข้นของโพรไบโอติกส์ เนื่องจากมีระดับ CFU กลาง ๆ ไม่น้อยและไม่สูงมากเกินไป โดยมีจำนวนแบคทีเรียทั้งหมด 32 Billion CFU ประกอบไปด้วยสายพันธุ์โพรไบโอติกส์อีก 15 ชนิด เน้นการทำงานที่ดูแลสุขภาพทั่วไป พร้อมกับปรับปรุงระบบทางเดินอาหารและภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง เป็นอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่มีสเปกตรัมกว้างขึ้นมากอีกขั้นเมื่อเทียบกับของ Puritan's Pride โดยตัวนี้จะไม่มี Vitamin เสริมมาให้เหมืองของ Puritan's Pride นะคะ แต่จะมีสายพันธุ์ของโพรไบโอติกส์ที่หลากหลายมากกว่า แนะนำว่าให้ทานภายใน 3 เดือนหลังเปิดขวด โดยไม่ต้องแช่เย็นค่ะ
รีวิว NewRhythm 20 Strain Probiotics อาหารเสริมโปรไบโอติกส์รูปภาพจาก newrhythmhealth.comราคา 818 บาท* NewRhythm เป็นแบรนด์จากสหรัฐอเมริกาที่ผ่านการรับรองจาก GMP โดยอาหารเสริมตัวนี้มีโพรไบโอติกส์มากถึง 20 สายพันธุ์ในเม็ดเดียว ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ด้านสุขภาพอย่างครอบคลุม สามารถทานได้ทั้งผู้หญิงผู้ชาย โดยแต่ละโดสจะให้โพรไบโอติกส์สูงถึง 50 Billion CFU นำทีมโดย Lactobacillus และ Bifidobacterium ที่ทนต่อกรดในกระเพาะอาหารและน้ำดีในลำไส้ได้ดี
รีวิว Garden of Life Dr. Formulated Probiotics Once Daily Women's อาหารเสริมโปรไบโอติกส์รูปภาพจาก gardenoflife.comราคา 1,060 บาท* อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้หญิงจากแบรนด์ Garden of Life เพราะให้การดูแลทั้ง ระบบย่อยอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และสุขภาพช่องคลอด อัดแน่นมาด้วยโพรไบโอติกส์มากถึง 16 ชนิด โดยจะเน้นไปที่แบคทีเรีย L.reuteri และ L.fermentum ที่เหมาะสำหรับผู้หญิงอย่างเรามากที่สุด มาพร้อมกับจำนวน CFU ที่สูงถึง 50 Billion CFU ต่อแคปซูล ผ่านการผลิตที่ได้มาตรฐานใช้ความร้อนไม่เกิน 44 °C ทำให้คงไว้ซึ่งโพรไบโอติกส์ที่มีคุณภาพเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพสูงสุดค่ะ
รีวิว Wholesome Wellness Women's Raw Probiotics อาหารเสริมโปรไบโอติกส์รูปภาพจาก wholesome-wellness.comราคา 1,129 บาท* อาหารเสริมโพรไบโอติกส์สำหรับผู้หญิงจากแบรนด์ Wholesome Wellness สูตรนี้จะเน้นความเข้มข้นที่สูงกว่าของแบรนด์ Garden of Life สองเท่าเลยค่ะ เพราะว่ามีโพรไบโอติกส์สูงถึง 100 Billion CFU ช่วยดูแลสุขภาพโดยรวมของผู้หญิงตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็น ช่องคลอด, ภูมิคุ้มกัน, ผิวพรรณ, การปรับค่า pH ให้สมดุล, สุขภาพลำไส้, การย่อยอาหาร, การลดน้ำหนัก, สุขภาพหัวใจ รวมไปถึงช่วยปรับความสมดุลฮอร์โมนเพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน ทำให้คุณอารมณ์ดีจิตใจสงบขึ้น โดยตัวนี้จะอุดมไปด้วยโพรไบโอติกส์มากถึง 34 ชนิด, พรีไบโอติกส์อีก 5 ชนิด และเอ็นไซม์ย่อยอาหารอีก 9 ชนิด อีกทั้งยังเป็นแบรนด์จากสหรัฐอเมริกา ที่ได้รับการรับรองจาก FDA, NSF, GMP จึงมั่นใจได้เลยว่าปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายแน่นอนค่ะ
รีวิว California Gold Nutrition LactoBif Probiotics อาหารเสริมโปรไบโอติกรูปภาพจาก californiagoldnutrition.comราคา 1,250 บาท* California Gold Nutrition เป็นแบรนด์ด้านสุขภาพชั้นนำที่หลาย ๆ คนคงรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับผู้ที่ในวงการเวย์โปรตีน แต่ทั้งนี้ทางแบรนด์ก็มีอาหารเสริมโพรไบโอติกส์วางจำหน่ายด้วยเช่นกัน ทั้งยังมีระดับ CFU ให้เลือกหลากหลาย ซึ่งสูตรที่เราจะรีวิววันนี้เป็นความเข้มข้นระดับ 100 Billion CFU ที่สูงเท่ากับของแบรนด์ Wholesome Wellness แต่ตัวนี้จะมีสายพันธุ์โพรไบโอติกส์น้อยกว่าเพราะมีเพียง 8 ชนิดเท่านั้น (5 Lactobacilli + 3 Bifidobacteria) เนื่องจากไม่ได้เน้นดูแลสุขภาพเพศหญิงเป็นหลัก ดังนั้นมันจึงให้สรรพคุณครอบคลุมที่สามารถทานได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงเลยค่ะ สิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับอาหารเสริมตัวนี้คือการเก็บรักษาไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ต้องแช่เย็นใด ๆ เพราะมาในแพคเก็จที่เป็นหลุ่มฟอยล์ที่ปิดมิดชิดทุกเม็ด
* หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า 5 สัญญาณดีที่บอกว่าโพรไบโอติกส์กำลังทำงาน : ประโยชน์ของ Probioticsเมื่อคุณทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ที่มีคุณภาพ คุณอาจสังเกตเห็นได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกหลายประการดังต่อไปนี้ค่ะ 1. ย่อยอาหารได้ดีขึ้นแบคทีเรียนับล้านตัวในลำไส้ของคุณมีบทบาทสำคัญในการย่อยอาหาร หากไมโครไบโอมในลำไส้ของคุณไม่สมดุล (มีแบคทีเรียไม่ดีเยอะเกินไป) คุณอาจประสบปัญหาท้องอืดและปวดท้องได้ ดังนั้นผลลัพธ์จากการทานโพรไบโอติกส์เข้าไปสิ่งแรกที่คุณจะสัมผัสได้ทันทีคือการย่อยอาหารที่ดีขึ้น อาการท้องอืด มีก๊าซในท้อง หรือปวดท้องจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดค่ะ ย่อยอาหารได้ดีขึ้น2. การบีบตัวของลำไส้ ปกติมากขึ้นหากแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ของคุณมีน้อยเกินไป ก็จะส่งผลให้ลำไส้แปรปรวน (IBS) หรือลำไส้เคลื่อนไหวผิดปกติได้ ตัวอย่างเช่น อาการท้องร่วงบ่อย ๆ คือสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าตอนนี้แบคทีเรียก่อโรค (แบคทีเรียไม่ดี) ในลำไส้ของคุณมีเยอะมากเกินไป ดังนั้นเมื่อทานโพรไบโอติกส์จำนวนแบคทีเรียที่ดีก็จะเพิ่มมากขึ้นและเข้าไปปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ให้แข็งแรงทำให้อาการของลำไส้แปรปรวน (IBS) ลดลงไปด้วย 3. เพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายหลายคนอาจสงสัยว่าทานโพรไบโอติกส์จะช่วยเพิ่มพลังงานอย่างไร ? ต้องบอกก่อนว่าเดิมทีร่างกายของเราได้รับพลังงานมาจากสารอาหารใช่มั้ยคะ ? ซึ่งสารอาหารก็มาจากการดูดซึมของลำไส้อีกที เมื่อลำไส้ทำงานผิดปกติก็ดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง จนทำให้คุณขาดสารอาหารและได้รับพลังงานไม่เพียงพอ ดังนั้นการที่คุณทานโพรไบโอติกส์เข้าไป มันจะช่วยซ่อมแซมลำไส้ของคุณ และทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เหมาะสม ส่งผลให้ระดับพลังงานเพิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ ทานโพรไบโอติกส์ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น4. อารมณ์ดีขึ้น (15)ลำไส้และสมองมีการทำงานหลาย ๆ อย่างที่สอดคล้องกัน ลำไส้สามารถผลิตสารสื่อประสาทบางชนิดได้เช่นเดียวกับในสมอง อย่างฮอร์โมนแห่งความสุข “เซโรโทนิน” โดยกว่า 90% ของเซโรโทนินในร่างกายจะถูกสร้างขึ้นในทางเดินอาหารแต่เมื่อลำไส้ของคุณป่วยจากความไม่สมดุลของแบคทีเรีย ก็จะส่งผลให้มันผลิตเซโรโทนินได้น้อยลง และกลายเป็นผลเสียต่ออารมณ์ของคุณนั่นเองค่ะ 5. ภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นการจะมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงได้นั้น คุณจะต้องได้รับสารอาหารหลากหลายชนิดเข้าไปเสริมสร้างภูมิคุ้มกันใช่มั้ยคะ? ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน B, ซิงค์ หรือวิตามิน C แต่ทั้งนี้สารอาหารต่าง ๆ นั้นมาจากอาหารที่เรากินเข้าไป ซึ่งต้องผ่านการดูดซึมของลำไส้ก่อนและจากที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าหากลำไส้ของเราไม่แข็งแรงการดูดซึมอาหารก็จะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร นอกจากนี้อาจทำให้เกิดการอักเสบในลำไส้ได้ จนเกิดเป็นภาวะลำไส้รั่ว ทำให้เศษอาหารสารพิษอื่น ๆ เข้าสู่กระแสเลือดจนไปกระตุ้นการตอบสนองของภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นการทานโพรไบโอติกส์จะช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันลำไส้ให้แข็งแรง ทำให้เศษอาหารอนุภาคขนาดใหญ่ไม่สามารถเข้าสู้กระแสเลือดของคุณได้อีกต่อไป ทานโพรไบโอติกส์ มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ?ทานโพรไบโอติกส์ มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ?1. ทานโพรไบโอติกส์ครั้งแรก (1,7)พึงระลึกไว้เสมอว่าการทานโพรไบโอติกส์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงทางเดินอาหารเช่น ท้องเสีย, ปวดท้อง, มีก๊าซในท้อง และรวมถึงอาการคลื่นไส้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเริ่มรับประทานครั้งแรก บอกเลยว่ามีอาการเกือบทุกคนค่ะ แต่โดยทั่วไปแล้วอาการเหล่านี้จะหายไปเองประมาณ 2 สัปดาห์ หากอาการเหล่านี้รุนแรงหรือไม่ดีขึ้น คุณควรหยุดทานโพรไบโอติกส์และปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ 2. ทานโพรไบโอติกส์ในปริมาณที่มากเกินไป (1,7)แม้ว่าโพรไบโอติกส์จะปลอดภัยสำหรับผู้คนส่วนใหญ่ แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวังปริมาณที่ทานในแต่ละวัน เพราะหากคุณทานโพรไบโอติกส์มากเกินไป ก็จะทำให้มีลมในท้องเกิดเป็นอาการท้องอืด แน่นท้อง และทำให้ผายลมบ่อย ๆ เอาได้ค่ะ 3. ทานโพรไบโอติกส์ช่วงระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง (1,7)ทานในช่วงที่ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำเช่น ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง, ผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน, ผู้ที่ใส่สายสวนหลอดเลือดดำ หรือผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดเมื่อไม่นานมานี้ การทานโพรไบโอติกส์ก็จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายด้วยเช่นกันค่ะ ควรทานโพรไบโอติกส์ตอนไหนดี ? (13, 14)ควรทานโพรไบโอติกส์ตอนไหนดี ?หลาย ๆ คนในที่นี้อาจเกิดความสับสนเกี่ยวช่วงเวลาในการทานโพรไบโอติกส์ตอนไหนจะเห็นผลดีที่สุด เพราะบางแบรนด์ก็แนะนำให้ทานขณะที่ท้องว่าง ในขณะที่บางแบรนด์ก็ให้ทานพร้อมอาหารไปเลย เรามาดูตัวอย่างสายพันธ์ุโพรไบโอติกส์ที่นิยม ๆ กันค่ะว่าชนิดไหนต้องทานช่วงไหนบ้าง ?
บทสรุปเนื่องจากโพรไบโอติกส์เป็นจุลินทรีย์มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกายของคุณ โดยทั่วไปแล้วถือว่าอาหารเสริมที่มีโพรไบโอติกส์ค่อนข้างปลอดภัย แต่ทั้งนี้ในบางคนก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้, ปวดท้องเล็กน้อย, ท้องร่วง หรือท้องอืด ในช่วง 2-3 วันแรกหลังจากเริ่มรับประทาน หากคุณเป็นคนที่จัดอยู่ในกลุ่มระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ (เช่น ผู้ที่รับเคมีบำบัด), เป็นโรคร้ายแรง หรือเพิ่งได้รับการผ่าตัด คุณจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ เพราะอาจมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ แนะนำให้ปรึกษาพูดคุยกับแพทย์ของคุณเสมอก่อนที่จะเริ่มทานอาหารเสริมโพรไบโอติกส์ References :
|