ขั้นตอนการโอนบ้าน ที่ดิน และการเตรียมเอกสาร
- 25 ธ.ค. 2560
เมื่อผู้ซื้อผู้ขายทำการตกลงที่จะซื้อขายบ้านพร้อมที่ดิน ตกลงราคา และตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายเรื่องการโอนว่าใครจะเป็นผู้รับผิดชอบแล้ว ต่อมาก็เข้าสู่กกระบวนการโอนที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง
ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียมความพร้อมในวันนัดโอนที่กรมที่ดิน มีดังนี้
กรณีเป็นบุคคลทั่วไป
- โฉนดที่ดินฉบับจริง
- บัตรประชาชน พร้อมสำเนา 1 ชุด (เซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
- ทะเบียนบ้าน พร้อมสำเนา 1ชุด (เซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง)
- หนังสือมอบอำนาจ (ทด.21) กรณีมอบอำนาจ
- หนังสือให้ความยินยอมให้ขายที่ดินหรือที่ดินพร้อมบ้าน (กรณีสมรส)
- สำเนาบัตรประชาชนคู่สมรส (กรณีสมรส)
- สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรส (กรณีสมรส)
- สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีสมรส)
- สำเนาทะเบียนหย่า (กรณีหย่า)
กรณีเป็นนิติบุคคล
- โฉนดที่ดิน หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล
- หนังสือบริคณห์สนธิ และวัตถุประสงค์
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น กรณีบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชน จำกัด
- แบบรับรองรายการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน กรณีห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่จดทะเบียนแล้ว
- บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลไทยที่ถือหุ้นในบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด
- บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน และตัวอย่าง ลายมือชื่อของกรรมการผู้มีอำนาจทำการแทนนิติบุคล
- รายงานการประชุมนิติบุคคล
หลังจากเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ต่อไปถึงขั้นตอนโอนโดยไปที่กรมที่ดินที่บ้านหรือที่ดินที่จะขายตั้งอยู่โดยมีขึ้นตอนดังต่อไปนี้
ขั้นตอนการโอนที่ดิน บ้าน อสังหาริมทรัพย์
1. ขั้นตอนแรก ยื่นเรื่องติดต่อเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เพื่อตรวจสอบเอกสาร เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่จะให้บัตรคิว หลังจากนั้นก็รอเจ้าหน้าที่เรียกตามคิว แนะนำให้ไปก่อนเวลาเปิดทำการ 8.00น.
2. เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายชำนาญงานเรียก ทั้งผู้โอนและผู้รับโอนเซ็นเอกสารต่อเจ้าหน้าที่
3. หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะประเมินทุนทรัพย์และคำนวณค่าธรรมเนียมโอน พร้อมทั้งยื่นใบคำนวณค่าโอนให้เพื่อนำไปชำระค่าโอนที่ฝ่ายการเงิน
4. ขั้นตอนต่อมาเป็นการชำระเงินค่าธรรมเนียมโอนที่ฝ่ายการเงิน เมื่อชำระเรียบร้อยแล้วจะได้ใบเสร็จ 2 ใบ สีฟ้ากับสีเหลือง ให้นำสีเหลืองคืนเจ้าหน้าที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายชำนาญงานที่เซ็นเอกสาร ส่วนสีฟ้าให้ถ่ายสำเนาให้ผู้ซื้ออีก 1ชุด
5. ขั้นตอนสุดท้าย เจ้าหน้าที่พิมพ์สลักหลังโฉนด แล้วรอรับโฉนดเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง แล้วจึงมอบโฉนดและสัญญาซื้อขาย(ทด.13)ให้แก่ผู้รับโอนหรือผู้ซื้อ เป็นอันเสร็จสิ้นการโอน โฉนดนั้นก็จะเปลี่ยนกรรมสิทธ์เป็นของผู้รับโอนหรือผู้ซื้อเรียบร้อย
และเพื่อให้เสร็จสิ้นการซื้อขายจริงๆ หลังจากโอนที่ดินพร้อมบ้านแล้ว ต้องโอนมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟฟ้า พร้อมทั้งย้ายชื่อเข้าทะเบียนบ้านด้วยจริงจะเรียบร้อยสมบูรณ์
แน่นอนว่าการมีบ้าน นั้นเป็นเหมือนปลายทางความฝันของใครหลาย ๆ คน แต่หนทางกว่าจะไปถึงการได้ครอบครองบ้านของตัวเองอย่างสบายใจนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะกับคนส่วนใหญ่ที่ต้องมีการกู้สินเชื่อบ้าน โดยต้องผ่อนบ้านไปเป็นเวลาหลายปี
สำหรับใครที่ยังคงต้องผ่อนบ้านอยู่ก็ขอให้มีกำลังใจสู้ต่อไป แต่สำหรับคนที่ผ่อนบ้านกับธนาคารหมดแล้ว ก็ต้องบอกว่ายินดีด้วย เพราะคุณกำลังจะครอบครองบ้านหลังนี้อย่างสบายใจเสียที แต่รู้หรือไม่? หลังจากที่ผ่อนบ้านหมดแล้ว ยังมีขั้นตอนที่ต้องเตรียมตัวอีกเล็กน้อย เพื่อให้บ้านกลายเป็นชื่อของเราโดยสมบูรณ์ มีขั้นตอนอย่างไรดูได้ที่นี่
ผ่อนบ้านหมดแล้ว ต้องทำอย่างไรต่อ?
1. เตรียมตัวรับโฉนดที่ดินและบ้านจากธนาคาร
หลังจากที่เราสามารถผ่อนบ้านได้จนครบยอดชำระตามสัญญาเงินกู้แล้ว เราสามารถรอรับโฉนดที่ดินและบ้านจากธนาคารที่เราทำผ่อนบ้านกับธนาคารได้เลย โดยทางธนาคารจะส่งใบแจ้งหรือติดต่อมา เพื่อให้เราไปติดต่อขอรับโฉนดที่ดิน (ฉบับเจ้าของที่ดิน), หนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (ฉบับผู้รับจำนอง) ที่สลักหลังสัญญาให้ไถ่ถอนจำนองได้พร้อมกับดำเนินการด้านเอกสารใบมอบอำนาจการโอนเพื่อเป็นหลักฐานว่า เราได้ทำการผ่อนบ้านจนครบกำหนดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ถ้าหากเราได้ผ่อนบ้านจนครบกำหนด แต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากธนาคาร เราสามารถแจ้งกับทางธนาคารได้เลยว่าต้องการไถ่ถอนโฉนด โดยธนาคารจะดำเนินเรื่องให้ตามขั้นตอนแรก โดยระยะเวลาดำเนินการไม่เกิน 1 วัน
2. ติดต่อสำนักงานที่ดินเพื่อรับโฉนดคืน
หลังจากที่เราได้รับเอกสารการมอบอำนาจการโอนและโฉนดที่แสดงว่าเราผ่อนบ้านจนหมดจากธนาคารแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ ไปติดต่อสำนักงานที่ดินที่เป็นพื้นที่เดียวกับภูมิลำเนาที่เราอาศัยอยู่
โดยเป็นขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อแสดงเป็นหลักฐานว่าเราผ่อนบ้านครบกำหนดและโฉนดนี้หลุดจำนองแล้ว โดยขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนของการไถ่ถอนจำนองจากธนาคาร โดยชื่อของเจ้าของบ้านในโฉนดที่ดินและบ้าน จะถูกเปลี่ยนมาเป็นชื่อของเรา
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจเข้าใจผิดว่าขั้นตอนของการไถ่ถอนนี้คือการโอน ซึ่งต้องบอกว่าเป็นคนละกรณีอย่างสิ้นเชิง เพราะการไถ่ถอนหมายถึงการที่เรานำโฉนด ที่ใช้เป็นหลักประกันสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ให้พ้นจากสภาพหลักประกันมาเป็นชื่อของเราอย่างเต็มตัวเท่านั้น โดยเรามีชื่ออยู่ในโฉนดนั้นแต่แรก และภายหลังจากที่เราผ่อนบ้านจนครบยอดชำระ โฉนดที่ดินและบ้านซึ่งเป็นหลักประกันนี้ก็ถือว่าพ้นจากสัญญาอย่างชอบธรรม ไม่ถือเป็นการโอนแต่อย่างใด
เอกสารและค่าใช้จ่ายที่ต้องเตรียมเพื่อทำการไถ่ถอนโฉนด
สำหรับขั้นตอนของการไถ่ถอนโฉนดที่สำนักงานที่ดิน นอกเหนือจากเอกสารที่เราต้องเราได้รับจากธนาคารที่แสดงว่าเราผ่อนบ้านหมดแล้ว อาทิ โฉนดที่ดิน (ฉบับเจ้าของที่ดิน), หนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (ฉบับผู้รับจำนอง) ที่สลักหลังสัญญาให้ไถ่ถอนจำนองได้, เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธนาคารกับผู้รับจำนอง (ถ้ามี) ยังมีเอกสารที่ต้องเตรียมไปเพิ่มเติม ได้แก่
- บัตรประชาชน
- ทะเบียนบ้าน
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการไถ่ถอนจำนอง อาทิ ค่าธรรมเนียม และค่าพยาน โดยมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100-200 บาท
ขั้นตอนการติดต่อสำนักงานที่ดิน
เมื่อเตรียมเอกสารทั้ง โฉนดที่ดิน (ฉบับเจ้าของที่ดิน), หนังสือสัญญาจำนองที่ดิน (ฉบับผู้รับจำนอง) ที่สลักหลังสัญญาให้ไถ่ถอนจำนองได้, เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับธนาคารกับผู้รับจำนอง (ถ้ามี), บัตรประชาชน, ทะเบียนบ้าน และค่าใช้จ่ายสำหรับการไถ่ถอนจำนองเรียบร้อยแล้ว ให้รวบรวมเอกสารทั้งหมดไว้ด้วยกัน
จากนั้นไปติดต่อที่สำนักงานที่ดินโดยทำเรื่องของการไถ่ถอนโฉนด เจ้าหน้าที่จะขอเอกสารทั้งหมดที่เราเตรียมมา หลังจากนั้นให้เราชำระค่าธรรมเนียม เมื่อชำระค่าธรรมเนียมเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จะออกใบเสร็จการจ่ายเงินให้ โดยเราสามารถนำใบเสร็จนี้ไปยื่นเพื่อรอรับโฉนดที่ดิน เพียงเท่านี้ก็จะได้รับโฉนดที่ดินที่ปลอดภาระผ่อนบ้านมาเป็นของเราอย่างเต็มตัว โดยขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น
ผ่อนบ้านหมดก่อนกำหนดต้องทำอย่างไร?
ในกรณีที่เรามีความสามารถในการผ่อนบ้านให้หมดก่อนที่จะครบกำหนดสัญญา มักจะพบกรณีที่ต้องเสียค่าปรับในการผ่อนบ้านครบก่อนกำหนด ซึ่งในความจริงแล้ว การผ่อนบ้านครบก่อนกำหนดจะเสียค่าปรับหรือไม่นั้น มักขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญากู้บ้านจากธนาคาร
โดยกรณีที่ต้องเสียค่าปรับ มักเกิดจากการรีไฟแนนซ์บ้านก่อนครบระยะเวลาที่ธนาคารกำหนดไว้ โดยจะต้องเสียค่าปรับประมาณ 2-3% ของวงเงินสินเชื่อเดิมหรือวงเงินสินเชื่อคงเหลือ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของธนาคาร
ผ่อนบ้านหมดก่อนกำหนด จัดการกับประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้านอย่างไร
สำหรับบางคนที่ทำประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือ MRTA และสามารถผ่อนบ้านหมดก่อนช่วงเวลาคุ้มครองของประกันจะหมดลง สามารถเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิตในช่วงเวลาที่ยังเหลือคืนอยู่ได้ โดยจะได้รับเงินคืนตามมูลค่าเวนคืน ซึ่งกำหนดไว้ในกรมธรรม์
โดยการเวนคืนกรมธรรม์นี้มีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก เราสามารถติดต่อบริษัทประกันภัยหรือติดต่อธนาคารที่เราผ่อนบ้านไว้ เพื่อกรอกแบบฟอร์มขอเวนคืนกรมธรรม์ โดยบริษัทประกันจะคำนวณเงินค่าเบี้ยประกันในส่วนที่เหลือคืนให้กับเรา
แต่อย่างไรก็ตาม หากผ่อนบ้านหมดแล้วแต่ยังไม่ได้ไปทำเรื่องเวนคืนประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน ความคุ้มครองของประกันจะยังดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดระยะเวลาตามกรมธรรม์
ขอขอบคุณที่มา : Sanook.com