งานที่ให้บริการ การจัดเก็บภาษีป้าย หน่วยงานที่รับผิดชอบ กองคลัง ขอบเขตการให้บริการสถานที่ / ช่องทางการให้บริการระยะเวลาเปิดให้บริการ กองคลัง วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขอ ป้ายที่ต้องเสียภาษีป้าย ได้แก่ ป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือ ประกอบกิจการอื่นเพื่อหารายได้ ไม่ว่าจะแสดง หรือโฆษณาไว้ที่วัตถุใด ๆ ด้วยอักษร ภาพ หรือเครื่องหมาย ที่เขียน แกะสลัก จารึก หรือทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด ๆ ขั้นตอนและระยะการให้บริการ ขั้นตอน
หน่วยงานผู้รับผิดชอบ ๑. ยื่นเอกสาร ๑. งานพัฒนาและจัดเก็บรายได้ กองคลัง (ระยะเวลา ๑ นาที) ระยะเวลา ใช้ระยะเวลาทั้งสิ้น ไม่เกิน ๕ นาที รายการเอกสารหลักฐานประกอบเอกสารหรือหลักฐานที่ต้องใช้ กรณีป้ายรายเก่า ใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายครั้งก่อนจำนวน ๑ ฉบับ กรณีป้ายที่ติดตั้งใหม่ ๑. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน ๑ ฉบับ ค่าธรรมเนียม อัตราภาษี ๑. การคำนวณพื้นที่ป้าย อัตราค่าภาษีป้าย และการคำนวณภาษีป้าย ๑.๑ การคำนวณพื้นที่ป้าย ๑.๑.๑ ป้ายที่มีขอบเขตกำหนดได้ ส่วนกว้างที่สุด x ส่วนยาวที่สุดของขอบป้าย อัตราภาษีป้ายปีตามเกณฑ์ใหม่ เนื่องจากอัตราภาษีป้ายได้มีกำหนดใช้มายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 ปัจจุบันได้มีการอัพเดตอัตราภาษีป้ายใหม่ เริ่มใช้เมื่อปี พ.ศ.2564 โดยกฎกระทรวงกำหนดอัตราภาษีป้ายไว้ดังนี้ 1.ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน 2.ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และ/หรือปนกับภาพ และ/หรือเครื่องหมายอื่น 3.ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ ขั้นตอนการเสียภาษีป้าย เมื่อกิจการได้มีการทำป้ายขึ้นมาพร้อมใช้งานแล้ว ก่อนที่จะนำไปติดควรมีการขออนุญาตติดตั้งป้ายก่อน โดยมีขั้นตอนคือ 1.ขอคำอนุญาต โดยแจ้งขนาด พร้อมด้วยภาพถ่ายหรือภาพสเกตช์ของป้าย และแผนผังที่ตั้งของป้ายกับสำนักงานเขต เทศบาล หรือ อบต. – บัตรประจำตัวประชาชน ในกรณีที่เคยยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีป้ายไว้แล้ว ให้นำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายจากปีก่อนมาแสดงด้วย 3.ชำระภาษีป้ายที่สำนักงานเขต หรือผ่านธนาคารกรุงไทย – หากเป็นป้ายที่ติดตั้งใหม่ ให้ยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายใน 15 วัน 4.สามารถแบ่งชำระได้ เป็น 3 งวด หากภาษีป้ายที่ต้องชำระมากกว่า 3,000 บาท 5.เสียภาษีอย่างต่ำ 200 บาท ในกรณีที่เมื่อคำนวณพื้นที่ของป้ายแล้ว ต้องเสียภาษีต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้เสียภาษีที่ขั้นต่ำจำนวน 200 บาท
ตามกฎหมายแล้วหากกิจการมีการทำป้ายที่ไม่เข้าข่ายยกเว้นภาษี ก็จำเป็นต้องเสียภาษีป้าย ไม่ว่าจะมีขนาดเท่าไร โดยมีวิธีการคำนวณภาษีป้ายคือ กว้าง x ยาว / พื้นที่ 500 ตร.ซม. = พื้นที่ที่ต้องเสียภาษี พื้นที่ที่ต้องเสียภาษี x อัตราภาษี = ภาษีป้ายที่ต้องจ่าย ตัวอย่างเช่น : ป้ายมีขนาด กว้าง 1 เมตร ยาว 2.5 เมตร 100 x 250 ซม. / 500 ตร.ซม. = 50 ตร.ซม. ทั้งนี้หากเป็นประเภท “ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน” จะคำนวณได้ 50×10 = 500 บาท แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงภาษีป้าย จะต้องเสียภาษีป้ายเพิ่ม จากที่ต้องเสียภาษีอยู่แล้ว ซึ่งอัตราค่าปรับมีดังนี้ – ไม่ยื่นแบบภายในเวลาที่กำหนด จะต้องเสียค่าปรับ 10%
ของค่าภาษี ดังนั้น หากกิจการ ร้านค้า หรือใครก็ตามที่ต้องการติดป้ายไว้เพื่อโปรโมท โฆษณาร้านตนเอง โดยที่อาจจะยังไม่ทราบว่าต้องเสียภาษีป้าย หรือป้ายแบบไหนต้องเสียภาษีอย่างไร และเสียภาษีป้ายเท่าไร ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับภาษีป้ายให้ดี เพื่อเป็นตัวช่วยในการวางแผนในการจัดทำป้ายให้ถูกต้อง จำนวนผู้เข้าชม : 179 |