นกแก้วมาคอร์ (Macaw parrot) จากสัตว์ป่ากลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นกแก้วมาคอร์เป็นเป้าหมายและความท้าทายของคนเลี้ยงนก เนื่องจากสีสันสวยงาม ความยากในการเลี้ยงและการดูแลซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจพฤติกรรมของนก นอกจากนั้นบางสายพันธุ์ยังหายากและมีราคาแพง จึงทำให้กลุ่มผู้เลี้ยงนกล้วนอยากเป็นเจ้าของนกแก้วมาคอร์กันทั้งนั้น Show
1. นกแก้วมาคอร์: Basic storiesนกแก้วมาคอร์มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกาใต้แถบป่าฝนอเมซอน เป็นนกที่มีสีสันสวยงาม อยู่รวมกันเป็นกลุ่มจำนวนมาก ลักษณะเฉพาะของนกแก้วมาคอร์คือ ตัวใหญ่ เสียงดัง สีสันฉูดฉาด ขนปีกและขนหางยาว หน้าขาว ปากใหญ่และแข็งแรง3 นกแก้วมาคอร์ทั้งเพศผู้และเพศเมียมีหน้าตาและสีเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่สามารถแยกเพศของนกได้จากการมองลักษณะภายนอกเพียงอย่างเดียว1,2
โลกนี้มีนกแก้วมาคอร์ 17 สายพันธุ์2,3 ซึ่งบางสายพันธุ์มีความเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากความสวยงามของนกแก้วทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดค้าสัตว์ ความต้องการนกแก้วมาคอร์เป็นสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในปัจจุบันมีฟาร์มเพาะเลี้ยงนกแก้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ตอบสนองความต้องการของผู้เลี้ยง อย่างไรก็ตามนกแก้วมาคอร์บางสายพันธุ์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์เป็นสัตว์ควบคุมตามข้อกำหนดของ CITES4,10 เช่น นกแก้วสกาเล็ต นกแก้วไฮยาซิน นกแก้ว Military Macaw เป็นต้น ดังนั้น ก่อนหามาเลี้ยงควรตรวจสอบที่มาที่ไปของนกก่อนนะ เลือกซื้อนกแก้วจากฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ขออนุญาตอย่างถูกต้องและได้มาตรฐาน นอกจากจะได้นกแก้วที่สุขภาพดีแล้วยังถูกกฎหมายอีกด้วย รู้หรือไม่… CITES คืออะไร? เกี่ยวยังไงกับการเลี้ยงนกแก้วมาคอร์CITES (The Convention on International Trade in Endangered Species of wild fauna and flora) คือ อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยขอความร่วมมือจากรัฐบาลแต่ละรัฐหรือประเทศสมาชิกในการควบคุมการค้าและส่งออก สัตว์หรือพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ รวมทั้งซากสัตว์ด้วย ปัจจุบัน CITES มีสมาชิกทั่วโลก 183 รัฐและมีรายชื่อพืชและสัตว์คุ้มครองกว่า 37,000 ชนิด4,8,9 ซึ่งหากทำผิดข้อกำหนด เช่น ลักลอบค้าสัตว์ ก็จะมีบทลงโทษตามกฏหมายของประเทศหรือรัฐนั้น บัญชีหมายเลข 1, 2 และ 3 (Appendix I, II and III) ของ CITES คืออะไร? บัญชีหมายเลข 1 หรือ Appendix I พันธุ์พืชหรือสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้สูญพันธุ์ ยกเว้นเพื่อการศึกษาวิจัยหรือเพาะพันธุ์ ซึ่งต้องได้รับอนุญาตจากประเทศนำเข้าก่อนจึงจะส่งออกได้ บัญชีหมายเลข 2 หรือ Appendix II พันธุ์พืชหรือสัตว์ที่ยังไม่ใกล้สูญพันธุ์ แต่มีการควบคุมไม่ให้จำนวนในธรรมชาติลดลงอย่างรวดเร็วจนใกล้สูญพันธุ์ อนุญาตให้ค้าได้โดยต้องได้รับเอกสารอนุญาตจากประเทศนำเข้าและส่งออก บัญชีหมายเลข 3 หรือ Appendix III พันธุ์พืชหรือสัตว์ที่ได้รับการคุ้มครองจากประเทศใดประเทศหนึ่ง และขอความร่วมมือสมาชิก CITES ในการช่วยดูแลการค้า โดยต้องขออนุญาตจากประเทศถิ่นกำเนิด 2. นกแก้วที่ตัวใหญ่ที่สุดนกแก้วไฮยาซิน (Hyacinth Macaw) เป็นนกแก้วมาคอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มนกแก้วกว่า 370 สายพันธุ์3 นกแก้วไฮยาซินอาจวัดความยาวจากหัวจนสุดปลายหางได้ถึง 1 เมตร และมีน้ำหนักเกือบ 2 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ ซึ่งถือว่าเป็นนกที่มีขนาดใหญ่มากทีเดียว6
3. คิดจะเลี้ยงนกแก้วมาคอร์ต้องอยู่ด้วยกันไปกี่ปีนกแก้วมาคอร์ถือเป็นสัตว์ที่มีอายุยืน เนื่องจากอายุเฉลี่ยของนกแก้วมาคอร์อยู่ระหว่าง 30-50 ปี นกแก้วมาคอร์บางตัวอาจมีอายุยืนได้ถึง 80 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแล ดังนั้นหากวางแผนจะเลี้ยงนกแก้วมาคอร์ ควรต้องหาทายาทรับเลี้ยงนกต่อไปในอนาคตด้วย 4. นิสัยของนกแก้วมาคอร์นกแก้วมาคอร์เป็นสัตว์สังคม ตามธรรมชาตินกแก้วอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีการสื่อสาร ด้วยเสียงดังที่ทรงพลัง มีการสร้างอาณาเขตและนกจะมีคู่เพียงตัวเดียวจนตลอดชีวิต2 ดังนั้นเมื่อนกแก้วมาคอร์กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยง เจ้าของจึงเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของนกแก้ว ซึ่งหากเลี้ยงดูเป็นอย่างดีตั้งแต่เป็นนกลูกป้อน (นกที่เจ้าของเลี้ยงเองตั้งแต่เป็นลูกนก ไม่ใช่นกที่จับมาจากป่า) เจ้าของและนกแก้วมาคอร์จะมีความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นจนตลอดชีวิตของนก นกแก้วมาคอร์กระตือรือร้นและฉลาด สามารถฝึกสอนให้เลียนเสียงมนุษย์ได้ นอกจากนั้นยังจดจำเก่ง หากสร้างความทรงจำที่ดีให้กับนกตั้งแต่เป็นเด็กแล้ว นกแก้วมาคอร์ถือเป็นสัตว์ที่เป็นมิตรและรักเจ้าของมากทีเดียว แต่ในทางกลับกันหากนกมีประสบการณ์ที่ไม่ดีก็อาจกลายเป็นนกแก้วที่ก้าวร้าวได้ 5. นกแก้วมาคอร์กินอะไรนกแก้วมาคอร์เป็นสัตว์กินพืชตามธรรมชาติ ซึ่งอาหารของนกแก้วมาคอร์ในป่าคือ เมล็ดพืช ถั่วต่าง ๆ ผลไม้ และพืชพรรณไม้ ซึ่งค่อนข้างหลากหลาย แต่เมื่อนกแก้วกลายเป็นสัตว์เลี้ยงการให้อาหารจะแตกต่างออกไปจากธรรมชาติ “อาหารเม็ด” เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงนกแก้ว ซึ่งในปัจจุบันมีอาหารเม็ดคุณภาพดีและถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างเหมาะสมกับการเลี้ยงนกแก้ว แต่อย่างไรก็ตามนกแก้วยังต้องการเมล็ดพืช ถั่ว ผักและผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะ3,8
สัดส่วนอาหารที่เหมาะสมสำหรับนกแก้วมาคอร์8 อาหารเม็ด 80% ของปริมาณอาหารทั้งหมด ผัก 20% ของปริมาณอาหารทั้งหมด (ผักสด เช่น แครอท มันฝรั่ง และผักใบเขียว) ผลไม้ เมล็ดพืชและถั่วต่าง ๆ ไม่เกิน 10% ของปริมาณอาหารทั้งหมด เน้นเมล็ดพืชที่มีเปลือกแข็ง เพราะนกแก้วตามธรรมชาติเป็นสัตว์ที่ต้องแทะเมล็ดที่มีเปลือกแข็ง Tip: หลีกเลี่ยงการให้ถั่วลิสงนกแก้ว เนื่องจากถั่วลิสงมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อราที่มีสารพิษอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxin) ซึ่งอาจทำให้นกแก้วตับอักเสบได้ 6. เรื่องของปากนกแก้วปากของนกแก้วมาคอร์ใหญ่และแข็งแรงมากพอที่จะขบเมล็ดให้แตกหรือปอกเปลือกลูกมะพร้าวได้ ดังนั้น เจ้าของควรทำใจยอมรับหากเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่บ้านอาจจะโดนแทะ แต่อย่างไรก็ตาม การแทะสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารนกเป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น เบื่อหน่าย อาหารที่ต้องแทะมีไม่เพียงพอ เจ้าของไม่มีเวลาสนใจ หรือนกบางตัวอาจถึงขั้นแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวโดยการกัดเจ้าของหรือคนอื่นเมื่อไม่พอใจ ซึ่งหากโดนปากที่แข็งแรงขนาดนั้นกัดเข้าไปต้องได้แผลอย่างแน่นอน6 ระวัง!!! เมื่อใช้ท่อป้อนอาหาร ระมัดระวังเวลาป้อนนกด้วยท่อป้อนอาหารโดยเฉพาะเวลานกป่วย ปากของนกแก้วแข็งแรงพอที่จะกัดท่อป้อนอาหารขาดได้ในครั้งเดียว 7. นกแก้วมาคอร์สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยง8. Rainbow Macaw: นกแก้วมาคอร์สีรุ้งมีจริงหรือ?Rainbow Macaw หรือ Catalina Macaw หรือ Hybrid Macaw เกิดจากการผสมนกแก้วมาคอร์ข้ามสายพันธุ์ ทำให้เกิดนกแก้วมาคอร์สีใหม่ โดยการสร้างสายพันธุ์เริ่มต้นจากการผสมนกแก้วบลูแอนด์โกลด์มาคอร์ กับ นกแก้วสกาเล็ต หลังจากนั้นจึงได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ผสมนกแก้วมาคอร์เรื่อยมา นกแก้วไฮบริด เป็นที่ต้องการของผู้เลี้ยงบางกลุ่มที่ชื่นชอบในเรื่องความแปลกของสีสัน6,7
บทความที่น่าสนใจ 9 สายพันธุ์นกน่าเลี้ยง สีสันคัลเลอร์ฟูลที่สุด 9. ข้อดี-ข้อเสีย ที่ควรรู้ก่อนคิดจะเลี้ยงนกแก้วมาคอร์ข้อดี
ข้อเสีย
สรุปนกแก้วมาคอร์เป็นสัตว์เลี้ยงที่น่าสนใจเนื่องจากความสวยงาม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเลี้ยงสัตว์ที่มีความท้าทายและหากเลี้ยงเป็นอย่างดีแล้วความสัมพันธ์ของนกแก้วกับเจ้าของอาจเป็นยิ่งกว่าเพื่อนสนิท แต่อย่างไรก็ตามนกแก้วมาคอร์ไม่เหมาะกับผู้เลี้ยงนกมือใหม่ เนื่องจากเลี้ยงยาก ต้องการการดูแลที่สม่ำเสมอ เจ้าของต้องเข้าใจพฤติกรรมและนิสัยของนก และที่สำคัญที่สุดคือ นกแก้วต้องการเจ้าของที่มีเวลาและความใส่ใจ หากเจ้าของไม่พร้อมที่จะเลี้ยงนกแก้วนั้น ผลที่ตามมาคือ นกแก้วมาคอร์ที่อายุยืนมากอาจต้องพบกับปัญหาสุขภาพและปัญหาพฤติกรรม เช่น ความก้าวร้าว ซึมเศร้า ไปจนตลอดชีวิต อ้างอิง
|