การสถาปนาพระราชวงศ์จักรี Show 1.1 การสถาปนาพระราชวงศ์จักรี ภายหลังสถานการณ์ได้กลับคืนสู่ความสงบปกติดังเดิมแล้ว สมเด็จพระยามหากษัตริย์ศึกทรงพิจารณาเห็นว่า ก่อนจะประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมควรจะย้ายราชธานีไปอยู่ฝากตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาเสียก่อน บริเวณที่ทรงเลือกสำหรับสร้างพระราชวังขึ้น เคยเป็นสถานที่การค้าขายกับชาวต่างประเทศในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีนามเดิมว่า “บางกอก” ซึ่งในขณะนั้นเป็นทำเลที่อยู่ของชาวจีน เมื่อได้ที่ดังกล่าว ทรงชดเชยค่าเสียหายให้พอสมควรแล้ว ทรงขอให้ชาวจีนย้ายไปอยู่สำเพ็ง เมื่อชาวจีนอพยพไปแล้ว บริเวณที่ดินที่เหลือเป็นที่ว่างจึงโปรดให้สร้างรั้วไม้แทนกำแพงขึ้น และสร้างพลับพลาไม้ขึ้นชั่วคราว เพื่อจะได้ทรงจัดให้มีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้อย่างรวดเร็วในบริเวณที่จะทรงก่อสร้างพระราชวัง และพระราชธานีเป็นการถาวรต่อไป หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2325 ขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ 45 พรรษา ได้ทรงประกอบพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกขึ้นเป็น “ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี” ทรงพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีฯ” แต่ในสมัยปัจจุบันผู้คนนิยมเรียกพระนามว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช” ในเวลาเดียวกันนั้นก็ได้ทรงสถาปนาเจ้าพระยาสุรสิงหนาท สมเด็จพระอนุชา เป็นพระมหาอุปราชากรมพระราชวังบวรสถานมงคล หรือที่เรียกว่าตำแหน่งวังหน้า และทรงสถาปนาพระยาสุริยอภัย พระราชนัดดา เป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอเจ้าฟ้ากรมพระอนุรักษ์เวศน์ แต่ภายหลังทรงเห็นว่ายังไม่สมควรแก่ความชอบที่มี จึงโปรดให้เลื่อนขึ้นเป็น… “กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข” หรือที่เรียกว่าตำแหน่งวังหลัง และได้ทรงสถาปนาพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์ใหญ่ขึ้นเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร นอกจากนี้จึงได้ทรงสถาปนาพระยาพระบรมวงศานุวงศ์ทั้งหลายขึ้นเป็นเจ้าโดยถ้วนหน้าทั่วทุกพระองค์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงได้รับอัญเชิญขึ้นครองราชย์ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 แต่ในขณะนั้นยังมิได้สร้างพระราชวังใหม่ ได้ประทับพระองค์พระราชวังเดิมไปก่อน ต่อมาภายหลังเมื่อได้ลงมือก่อสร้างพลับพลาที่ประทับในบริเวณฟากตะวันออก และได้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรกเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ.2325 แล้วการก่อสร้างพระราชวังเป็นราชธานีแห่งใหม่ได้ดำเนินต่อไปจนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2328 หลังจากนั้นได้โปรดให้มีการสมโภชพระนคร และทำพิธีบรมราชาภิเษกอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ได้พระราชทานนามพระนครแห่งใหม่นี้ว่า กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานี บุรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์ หรือที่คนยุคปัจจุบันเรียกว่า…กรุงรัตนโกสินทร์นั่นเอง 1.2 สาเหตุการย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาตั้งที่กรุงรัตนโกสินทร์ : 1.3 เหตุผลการเมืองทำเลที่ตั้งฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา : ลักษณะการปกครอง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว การจัดการปกครองราชอาณาจักรยังคงยึดถือประเพณีการปกครองตามแบบอย่างสมัยอยุธยาตอนปลาย และสมัยกรุงธนบุรี มีการปรับปรุงบ้างในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งสมุหกลาโหมจะได้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลหัวเมืองฝ่ายใต้ ดังรายละเอียดดังนี้ 2.1 การปกครองส่วนกลาง : การปกครองส่วนกลางนั้นมีการแบ่งหน้าที่หน่วยราชการมีคุมบริหารราชการแผ่นดินภายใต้การบังคับบัญชาของเสนาบดีเป็น 6 กรม คือ 2.2 การปกครองในส่วนภูมิภาค : รูปแบบการปกครองในส่วนภูมิภาคนั้น การควบคุมบังคับบัญชาหัวเมืองต่างๆ
ส่วนภูมิภาคจะขึ้นกับ “อัครเสนาบดี” ทั้งสองตำแหน่ง คือสมุหนายก และสมุหพระกลาโหม กับเสนาบดีกรมท่า ซึ่งแบ่งแยกออกเป็นหัวเมืองฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ และหัวเมืองชายทะเล ฝั่งตะวันออกดังได้กล่าวแล้วตอนต้น 1.หัวเมืองชั้นใน เป็นหน่วยปกครองที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง มีฐานะเป็นเมืองจัตวา มีเจ้าเมืองหรือผู้รั้งเมืองดูแล 2.หัวเมืองชั้นนอก แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ 1) หัวเมืองใหญ่ : ประกอบด้วย หัวเมืองที่อยู่ห่างไกล แบ่งออกเป็นหัวเมืองเอก โท ตรี หัวเมืองเหล่านี้อยู่ใต้การปกครองของเมืองหลวง 2) หัวเมืองชั้นรอง : หัวเมืองขึ้นกับหัวเมืองใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันมีเจ้าเมืองเป็นผู้ดูแล 3) หัวเมืองชายแดน : หัวเมืองต่างชาติต่างภาษาอยู่ชายแดนติดกับประเทศอื่น ให้เป็นเมืองประเทศราช มีเจ้านายชนชาตินั้นทำการปกครองกันเองตามจารีตประเพณีของชนชาตินั้นๆ การปกครองในท้องที่ต่างๆ คงอาศัยตามแบบประเพณีสำคัญ คือ ประกอบด้วย “หมู่บ้าน” หรือ “บ้าน” แต่ละหมู่บ้านจะมีผู้ใหญ่บ้านซึ่งเจ้าเมืองเป็นผู้แต่งตั้งเป็นหัวหน้า หลายหมู่บ้านรวมเป็น “ตำบล” แต่ละตำบลจะมี “กำนัน” ซึ่งเจ้าเมืองเป็นผู้แต่งตั้งเป็นหัวหน้า ตัว “กำนัน” จะมีบรรดาศักดิ์เป็น “พัน” หลายตำบลรวมกันเป็น “แขวง” ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างส่วนกลางกับส่วนภูมิภาคนั้น : พระมหากษัตริย์จะเป็นผู้แต่งตั้ง “เจ้าเมือง” และ “ยกกระบัตรเมือง” ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้ทรงตัดทอนอำนาจเจ้าเมืองในการแต่งตั้งข้าราชการที่สำคัญๆ ทุกตำแหน่ง เป็นตำแหน่งปลัด จะได้รับการแต่งตั้งจากกรมมหาดไทย กรมกลาโหม หรือกรมท่า ซึ่งขึ้นอยู่กับเขตการปกครองที่เมืองนั้นๆ ตั้งอยู่ ตำแหน่งมหาดไทยแต่งตั้งจากกรมมหาดไทย ตำแหน่งยกกระบัตรและข้าราชการอื่นๆ แต่งตั้งทางกรมวัง ข้าราชอื่นๆ เช่น เมือง วัง คลัง นา ก็ได้รับการแต่งตั้งทางกรมที่มีชื่อเดียวกันจากในกรุงเทพฯ แม้ข้าราชการแขวงก็ได้รับการแต่งตั้งจากเมืองหลวงเช่นกัน สภาพกระบวนยุติธรรม สืบเนื่องกฎหมายไทยต้องสูญหายถูกทำลายไปเมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่า เมื่อ พ.ศ.2310 เป็นอันมาก ดังนั้นเมื่อมายุคกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ.2347 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จึงโปรดให้รวบรวมกฎหมายมาตรวจชำระ เลือกเอาแต่ที่จะใช้ตรวจทานให้ตรงกันแล้วเขียนเป็นฉบับหลวงขึ้น 3 ฉบับ ประทับตราพระราชสีห์ พระคชสีห์ และตราบัวแก้ว เป็นสำคัญทุกเล่มสมุด และโปรดให้รักษาไว้ที่หอหลวงศาลาลูกขุนในและศาลแห่งละฉบับ ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่จะขอลอกคัดสำเนาเอาไปได้แต่ในการชี้ขาดถือเอาฉบับหลวงเป็นสำคัญในด้านการร่างพิจารณาและพิพากษาคดีคงยึดตามประเพณีปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี จนกระทั่งตั้งกระทรวงยุติธรรมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการใช้บุคคลจำพวกเป็นพนักงานตุลาการ คือ พราหมณ์ ซึ่งเป็นชาวต่างประเทศและขุนนางฝ่ายไทย พราหมณ์จึงเป็นชาวต่างประเทศจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านนิติศาสตร์ เรียกว่า ลูกขุน ณ ศาลหลวงมี 12 คน
มีหัวหน้าเป็นพระมหาราชครูปุโรหิต และพระมหาราชครูมหิธร คือ ศักดินาเจ้าพระยา หน้าที่ของลูกขุน ณ ศาลหลวงชี้ขาดกฎหมาย และจะบังคับบัญชาอย่างใดไม่ได้อำนาจการบังคับบัญชาทุกอย่างอยู่กับพนักงานที่เป็นไทย 1.การปรับปรุงการเมืองการปกครองในรัชกาลที่ 4 1.2 ลักษณะปรับปรุงการปกครอง : รัชกาลที่ 4 ทรงริเริ่มปรับการปกครองเท่าที่ทรงสามารถกระทำได้ดังนี้ คือ นับได้ว่าพระองค์ทรงมีความคิดที่ทันสมัยและก้าวหน้า ให้ทัดเทียมกับชาวตะวันตก คือ ความเท่าเทียมกัน Equity ไงเล่าครับ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีพัฒนาการด้านการเมืองการปกครองอย่างไร- การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขสูงสุด - การปกครองส่วนกลาง มีลักษณะดังนี้ คือ มีอัครมหาเสนาบดี 2 ตำแหน่ง และมีจตุสดมภ์ทั้ง 4 ฝ่าย ภายใต้การดูแลของสมุหนายก - การปกครองส่วนภูมิภาค ได้มีการแบ่งหัวเมืองเป็น 3 ประเภท คือหัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก หัวเมืองประเทศราช
การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ มีรูปแบบใดลักษณะการปกครองสมัยรัตนโกสินทร์ การปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเป็นการปกครองระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์จนถึง รัชกาลที่ 5 ได้มีการปฏิรูปการปกครองการบริหารที่สำคัญของชาติไทยโดยมีมูลเหตุสำคัญที่ก่อให้เกิด
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นมีการปกครองแบบใดแม้ว่าการปกครองในสมัยรัตนโกสินทร์จะเป็นแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ แต่พระราชกรณียกิจบางประการของพระมหากษัตริย์ก็ถือได้ว่าเป็นการปูพื้นฐานการปกครองแบบประชาธิปไตย โดยเฉพาะในสมัยพระบาสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำเนินการดังต่อไปนี้
พัฒนาการด้านต่างๆของไทยสมัยรัตนโกสินทร์ มีอะไรบ้างพัฒนาการทางประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์อาจแบ่งได้เป็น 3 ยุคคือ - ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ระหว่างรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการป้องกันและฟื้นฟูบ้านเมือง. พัฒนาการทางด้านการเมืองการปกครอง ... . พัฒนาการทางด้านเศรษฐกิจ ... . พัฒนาการทางด้านสังคม. |