เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้สายอีเทอร์เน็ตอาจสูญเสียการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นครั้งคราว คอมพิวเตอร์อาจเชื่อมต่อโดยตรงกับโมเด็มหรือโมเด็ม DSL หรืออาจมีเราเตอร์ระหว่างคอมพิวเตอร์และโมเด็ม ถึงแม้ว่าการดำเนินการด้านล่างนี้อาจช่วยแก้ไขปัญหาในกรณีที่คอมพิวเตอร์ขาดการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อื่นในเครือข่าย อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย หรือเครื่องพิมพ์บนเครือข่าย แต่เอกสารชุดนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการขาดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นหลัก

Show

บันทึก

ขั้นตอนแก้ไขปัญหาด้านล่างนี้ส่วนใหญ่จะทำสามารถดำเนินการได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งนี้ ก่อนที่คุณทำการแก้ไขปัญหาเครือข่ายขั้นสูงหรือพยายามดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์หรือโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ของคุณ ให้ลองเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเข้ากับเครือข่ายเพื่อตรวจสอบว่า เป็นปัญหาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับเครือข่าย

ไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย

หากคอมพิวเตอร์ไม่เคยเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตได้เลย กรุณาติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอโปรแกรมและคำแนะนำในการต่อสาย LAN หรือดูเอกสารต่อไปนี้:

การเชื่อมต่อแบบไร้สาย

หากคอมพิวเตอร์สูญเสียการเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตในเครือข่ายไร้สาย ดูเอกสารต่อไปนี้:

ดำเนินการดังต่อไปนี้เป็นอันดับแรก

มีขั้นตอนแก้ไขปัญหาง่ายๆ บางอย่างที่คุณสามารถทำได้ก่อนที่จะเริ่มการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองหรือการแก้ไขปัญหาขั้นสูง ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเหล่านี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเครือข่ายหลายๆ ปัญหาได้

ตรวจสอบสายเชื่อมต่อของสายเคเบิล

ในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ จะมีไฟ LED อยู่ที่บริเวณที่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพระหว่างสาย Ethernet กับคอมพิวเตอร์ ไฟ LED จะติดสว่างหรือกะพริบเพื่อแจ้งสถานะปัจจุบันของอุปกรณ์เครือข่าย หากขั้วต่อ Ethernet บนคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีไฟ LED อยู่ คุณสามารถดูที่เราเตอร์เพื่อตรวจสอบว่าไฟ LED มีการกะพริบเมื่อเชื่อมต่อเครือข่ายหรือไม่

ใช้สาย LAN แบบ Category 5 หรือ Category 5e (สาย Cat-5 Ethernet) ซึ่งมีขั้วต่อที่ปลายแบบ RJ45 ทั้งสองด้าน สายซึ่งมีขั้วต่อ RJ11 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เป็นสายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อโมเด็มแบบเรียกผ่านสายโทรศัพท์

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
  1. ขั้วต่อเครือข่ายแบบ RJ45

  2. ขั้วต่อสายโทรศัพท์แบบ RJ11

  1. หากไฟ LED บนขั้วต่อ Ethernet ติดกะพริบขณะใช้คอมพิวเตอร์ แสดงว่าการ์ดเครือข่ายสามารถเชื่อมต่ออย่างถูกต้องกับเครือข่าย ทำการทดสอบโดยไปที่หัวข้อ เปิดปิดเราเตอร์และโมเด็มใหม่

  2. หากไฟ LED ไม่กระพริบ แสดงว่าอาจมีปัญหาทางด้านฮาร์ดแวร์กับสายหรือการเชื่อมต่อ โปรดปฏิบัติตามวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้

    • ปลดสาย Ethernet เป่าฝุ่นออกจากขั้วต่อ และเสียบสายกลับเพื่อเชื่อมต่ออีกครั้ง

    • เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่ายโดยใช้สาย Ethernet เส้นอื่น

    • ต่อสาย Ethernet จากคอมพิวเตอร์โดยตรงกับเข้ากับโมเด็มเพื่อข้ามการเดินสายเชื่อมต่อเครือข่ายและเราเตอร์ทั้งหมด

    • หากมีเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่อง ให้ลองต่อคอมพิวเตอร์อีกเครื่องเข้ากับหัวต่อเครือข่ายเพื่อดูว่าปัญหาเกิดจากคอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย

  3. หากไฟ LED บนขั้วต่อไม่ติดสว่างหลังจากลองใช้สายเคเบิลเส้นอื่นและการเชื่อมต่อแบบต่างๆ แล้ว ให้ไปที่หัวข้อ เปิดปิดเราเตอร์และโมเด็มใหม่

เปิดปิดเราเตอร์และโมเด็มใหม่

ไฟ LED ที่เราเตอร์และโมเด็มควรอาจติดสว่างและกะพริบเมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ เราเตอร์เครือข่าย โมเด็ม และอินเทอร์เน็ต คุณควรดูเอกสารกำกับของผู้ผลิตเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม โดยทั่วไป ไฟ LED หนึ่งดวงบนเราเตอร์ควรจะติดค้างอยู่เมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และไฟ LED ดวงอื่นๆ จะกะพริบเฉพาะเมื่อมีการรับส่งข้อมูลจาก ISP หากไฟ LED ใดๆ ของโมเด็มไม่ ติดสว่างหรือกะพริบ แสดงว่ามีปัญหากับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแม้ว่าไฟ LED บนเราเตอร์จะแสดงว่ามีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่ายก็ตาม

หากเราเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เบราเซอร์แสดงข้อผิดพลาด Cannot find server (ไม่พบเซิร์ฟเวอร์) การรีเซ็ตเราเตอร์และโมเด็มกลับเป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. ปิดโมเด็มของคุณ

  2. ถอดปลั๊กไฟ สาย Ethernet และสายโทรศัพท์ออกจากโมเด็ม

  3. ปิดเราเตอร์ (หากมีเราเตอร์อยู่ในเครือข่าย)

  4. ถอดปลั๊กไฟ สาย Ethernet และสายโทรศัพท์ (หากใช้โมเด็มเราเตอร์) ออกจากเราเตอร์

  5. ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์

  6. รอ 30 วินาทีเพื่อให้หยุดจ่ายไฟให้แก่อุปกรณ์

  7. ต่อสาย Ethernet สายโทรศัพท์ และสายไฟกลับเข้าไปยังโมเด็ม

  8. เปิดโมเด็มและรอให้โมเด็มเสร็จสิ้นขั้นตอนการเริ่มทำงาน

  9. เมื่อไฟ LED ทุกดวงบนโมเด็มหยุดเปลี่ยนแปลง เชื่อมต่อสาย Ethernet สายโทรศัพท์ และสายไฟกลับเข้าไปยังเราเตอร์

  10. รอจนกระทั่งเราเตอร์เสร็จสิ้นขั้นตอนการเริ่มทำงาน และไฟ LED แสดงสถานะทั้งหมดหยุดเปลี่ยนแปลง

  11. เปิดคอมพิวเตอร์และลองเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง

การแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง

คุณสามารถแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยตนเองได้โดยการทำขั้นตอนในรายการต่อไปนี้ตามลำดับ

ตรวจสอบการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) ว่าเปิดใช้งานหรือไม่

รีเซ็ตโมเด็ม เราเตอร์ และคอมพิวเตอร์ หากไฟ LED ติดสว่าง แสดงว่าการเชื่อมต่อถูกต้อง แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือทรัพยากรเครือข่ายได้ ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์เครือข่ายเปิดใช้งานอยู่ และพบที่อยู่ IP และ DNS โดยอัตโนมัติ

บันทึก

หากเชื่อมต่อกับเครือข่ายส่วนตัว คอมพิวเตอร์อาจต้องใช้ที่อยู่ IP และ DNS เฉพาะ สอบถามเกี่ยวกับข้อกำหนดของบริษัทจากผู้ดูแลระบบเครือข่าย

สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ Vista

  1. คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า Network and Sharing ในฟิลด์ค้นหา และจากนั้น เลือก Network and Sharing Center (เครือข่ายและศูนย์การแชร์ข้อมูล) จากรายการ

  2. เลือก Manage network connections (จัดการการเชื่อมต่อเครือข่าย) ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง Network and Sharing Center (เครือข่ายและศูนย์การแชร์ข้อมูล) หน้าต่าง Network Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) จะเปิดขึ้นมา

  3. หากไม่มีไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบภายใน) ในหน้าต่างNetwork Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) ให้ไปที่หัวข้อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์โดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์ หรือ ไปยังขั้นตอนถัดไป

  4. หากสถานะของ Local Area Connection (การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบภายใน) ถูกปิดใช้งาน คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection และเลือก Enable (เปิดใช้งาน) ไม่เช่นนั้น ให้ไปยังขั้นตอนถัดไป

  5. คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อภายในพื้นที่) แล้วเลือก Properties (คุณสมบัติ) กล่องโต้ตอบ Local Area Connection Properties (คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่) ปรากฏขึ้น

  6. บนแท็บ Networking (เครือข่าย) เลือกการเชื่อมต่อแบบ Internet Protocol (TCP/IP) และคลิก Properties (คุณสมบัติ) กล่องโต้ตอบ Internet Protocol (TCP/IP) Properties (คุณสมบัติ Internet Protocol (TCP/IP)) จะเปิดขึ้นมา

  7. ในแท็บ General (ทั่วไป) ตรวจสอบว่าได้เลือกตัวเลือก Obtain an IP address automatically (เรียกค้นที่อยู่ IP อัตโนมัติ) และตัวเลือก Obtain DNS server address automatically (ขอรับที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ DNS อัตโนมัติ) เอาไว้แล้วคลิก OK (ตกลง) เพื่อยอมรับค่า

สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ XP

  1. คลิก Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้) พิมพ์คำว่า ncpa.cpl เข้าไปในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง) หน้าต่าง Network Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) จะเปิดขึ้นมา

  2. หากไม่มีไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบภายใน) ในหน้าต่างNetwork Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) ให้ไปที่หัวข้อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์โดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์ หรือ ไปยังขั้นตอนถัดไป

  3. หากสถานะของ Local Area Connection (การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบภายใน) ถูกปิดใช้งาน คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection และเลือก Enable (เปิดใช้งาน) ไม่เช่นนั้น ให้ไปยังขั้นตอนถัดไป

  4. คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อภายในพื้นที่) แล้วเลือก Properties (คุณสมบัติ) กล่องโต้ตอบ Local Area Connection Properties (คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่) ปรากฏขึ้น

  5. บนแท็บ General (ทั่วไป) เลือกการเชื่อมต่อแบบ Internet Protocol (TCP/IP) และคลิก Properties (คุณสมบัติ) กล่องโต้ตอบ Internet Protocol (TCP/IP) Properties (คุณสมบัติ Internet Protocol (TCP/IP)) จะเปิดขึ้นมา

  6. ในแท็บ General (ทั่วไป) ตรวจสอบว่าได้เลือกตัวเลือก Obtain an IP address automatically (เรียกค้นที่อยู่ IP อัตโนมัติ) และตัวเลือก Obtain DNS server address automatically (ขอรับที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ DNS อัตโนมัติ) เอาไว้แล้วคลิก OK (ตกลง) เพื่อยอมรับค่า

ลบการเชื่อมต่อแบบ Dial-up ออกจากเบราเซอร์

เมื่อคอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้โมเด็มแบบ dial-up โปรแกรมที่ทำการเชื่อมต่อจะสร้างรายการที่ สั่งให้คอมพิวเตอร์ใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up เมื่อคุณใช้เบราเซอร์ คุณอาจเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด dial-up connection (การเชื่อมต่อ dial-up) หรือ Web page unavailable while offline (หน้าเว็บไม่พร้อมใช้งานขณะออฟไลน์) การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทำได้โดยการปิดใช้งานการตั้งค่าการเชื่อมต่อแบบ dial-up

บันทึก

ขั้นตอนต่อไปนี้สามารถใช้กับ Internet Explorer ได้ โดยขั้นตอนอาจแตกต่างออกไปในเบราเซอร์อื่น ๆ

  1. เปิดเบราเซอร์ แล้วคลิก Tools (เครื่องมือ) และ Internet Options (ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต)

  2. ในกล่องโต้ตอบ Internet Options (ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต) คลิกที่แท็บ Connections (การเชื่อมต่อ)

  3. เลือกตัวเลือก Never dial a connection (ไม่ต้องเรียกเลขหมายเพื่อเชื่อมต่อ)

  4. คลิก OK (ตกลง) เพื่อบันทึกการตั้งค่า

  5. ปิดหน้าต่างของเบราเซอร์ทั้งหมด แล้วเริ่มเบราเซอร์ใหม่ หากสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ แสดงว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว มิเช่นนั้น ให้ไปที่การตรวจสอบที่อยู่ IP เพื่อระบุปัญหาเครือข่าย

ปิดแล้วเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใหม่เพื่อเรียกดูเว็บไซต์อีกครั้ง

การตรวจสอบที่อยู่ IP เพื่อระบุปัญหาเครือข่าย

เมื่อคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย การจัดการการสื่อสารจะใช้ที่อยู่ Internet Protocol (ที่อยู่ IP) ที่อยู่ IP คือที่อยู่ที่ประกอบด้วยหมายเลขสี่หมายเลขคั่นด้วยเครื่องหมายจุด สำหรับอุปกรณ์ DSL และอุปกรณ์เคเบิลส่วนใหญ่ หมายเลขนี้จะถูกกำหนดให้โดยอัตโนมัติโดยผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไม่สามารถกำหนดที่อยู่ IP ให้แก่คอมพิวเตอร์ได้ Windows จะทำการกำหนดที่อยู่เริ่มต้นให้ หรือแสดงข้อความแจ้งข้อผิดพลาด

ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อดูที่อยู่ IP และแก้ไขปัญหาตามความเหมาะสม:

  1. สำหรับ Windows Vista คลิกที่ Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า cmd เข้าไปในในช่อง Search (ค้นหา) และกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง command

    สำหรับ Windows XP คลิกที่ Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้), พิมพ์คำว่า cmd.exe เข้าไปในในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง)

  2. พิมพ์ ipconfig /all เข้าไปที่พร้อมท์คำสั่ง จากนั้นกดปุ่ม Enter

  3. ดูที่อยู่ IP ซึ่งแสดงอยู่ใน Ethernet adapter Local Area Connection และดำเนินการตามที่ระบุ

    รูปภาพ : หน้าต่างคำสั่งซึ่งแสดงที่อยู่ IP

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

    • หากที่อยู่ IP ปรากฏขึ้นเป็นข้อความ Media Disconnected, Auto-configuration Address, หรือ Fatal error: cannot read IP configuration, แสดงว่าไดรเวอร์ของการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) ไม่ได้ติดตั้งหรือเสียหาย

    รูปภาพ : หน้าต่างคำสั่งซึ่งไม่มีที่อยู่ IP

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

ตรวจสอบสถานะเครือข่ายโดยการใช้ไอคอนเครือข่าย

ไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายในถาดระบบจะแสดงว่าคอมพิวเตอร์มีการเชื่อมต่อ

เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
หรือ
เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
ไม่มีการเชื่อมต่อ
เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
หรือ
เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
เชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือโมเด็มแบบเคเบิ้ลหรือโมเด็ม DSL หากไม่มีไอคอน ไม่ว่าไอคอนจะถูกปิด (ใน XP), หรือไดรเวอร์เครือข่ายขาดหายไปหรือเสียหาย

การแสดงไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายทำได้ดังนี้:

สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ Vista

ไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายควรปรากฏขึ้นหากมีการติดตั้งไดรเวอร์เครือข่าย (NIC) เอาไว้ หากไม่ปรากฏไอคอนขึ้น แสดงว่าไดรเวอร์เสียหายหรือสูญหาย ดูหัวข้อดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์เครือข่าย

สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ XP

  1. คลิก Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้) พิมพ์คำว่า ncpa.cpl เข้าไปในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง) หน้าต่าง Network Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) จะเปิดขึ้นมา

  2. หากไม่มีไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อเครือข่ายแบบภายใน) ในหน้าต่างNetwork Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) ให้ไปที่หัวข้อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์โดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์ หรือ ไปยังขั้นตอนถัดไป

  3. คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อภายในพื้นที่) แล้วเลือก Properties (คุณสมบัติ) กล่องโต้ตอบ Local Area Connection Properties (คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่) ปรากฏขึ้น

  4. บนแท็บ General (ทั่วไป) ตรวจสอบว่าได้เลือกตัวเลือกทั้ง Show icon in notification area when connected (แสดงไอคอนในพื้นที่แจ้งเตือนเมื่อมีการเชื่อมต่อ) และ Notify me when this connection has limited or no connectivity (แจ้งฉันเมื่อการเชื่อมต่อนี้มีข้อจำกัดหรือไม่มีการเชื่อมต่อ) เอาไว้ และจากนั้น คลิก OK (ตกลง) เพื่อยอมรับค่า

    รูปภาพ : คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

ไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายจะปรากฏขึ้นในถาดระบบ

ดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์เครือข่าย

หากไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายไม่ปรากฏขึ้นในถาดระบบ และคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ คุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ของชิปเซ็ตของโปรเซสเซอร์และการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) โดยใช้ตัวเลือกในการติดตั้งดังต่อไปนี้ นอกจากนั้น HP ขอแนะนำให้คุณอัพเดต BIOS ในกรณีที่มีให้อัพเดต ขณะที่คุณตรวจสอบตัวเลือก คลิกที่ลิงค์คำแนะนำโดยละเอียดเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

คุณควรติดตั้งไดรเวอร์ชิปเซ็ต (Intel หรือ Nvidia), ไดรเวอร์การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) หรือไดรเวอร์ Ethernet ทั้งนี้ ขึ้นกับรุ่นของเครื่องของคุณ

ตัวเลือกการติดตั้ง

ข้อดี

เรียกใช้ HP Support Assistant

หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ HP Support Assistant ช่วยให้สามารถติดตั้งไดรเวอร์ได้

หากคุณไม่มีการเชื่อมต่อเครือข่าย ใช้ตัวเลือกการติดตั้งอื่นที่ไม่จำเป็นต้องใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต

อัพเดตหรือติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมโดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์

คำแนะนำโดยละเอียด

ทำได้ง่ายและรวดเร็ว

มีประโยชน์ในกรณีที่ไดรเวอร์เสียหายหรือไม่เคยมีการติดตั้งไดรเวอร์มาก่อน ไม่มีประโยชน์ในกรณีที่ไดรเวอร์ถูกถอนการติดตั้งหรือถูกลบทิ้ง

ไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต

ติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมโดยใช้ Recovery Manager

คำแนะนำโดยละเอียด

สามารถใช้ได้หากคอมพิวเตอร์มีอิมเมจดั้งเดิมของ HP ไม่สามารถใช้ได้หากมีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการ

ไม่ต้องใช้การเชื่อมต่อเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต

ดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมหรือไดรเวอร์ที่มีการอัพเดตใหม่จากเว็บไซต์ HP

คำแนะนำโดยละเอียด

ต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นซึ่งมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ต้องดาวน์โหลดไดรเวอร์จากหน้าดาวน์โหลดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์บนเว็บไซต์ของ HP คัดลอกลงในแผ่นดิสก์หรือธัมไดร์ฟ แล้วคัดลอกลงบนคอมพิวเตอร์ที่มีไดรเวอร์เครือข่ายที่ขาดหายไป

ไดรเวอร์ในเว็บไซต์เป็นไดรเวอร์ที่อัพเดจล่าสุด

นอกจากนั้น ยังสามารถดาวน์โหลด BIOS และไดรเวอร์ล่าสุดและซอฟต์แวร์อื่นๆได้อีกด้วย

ติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์โดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์

เมื่อฮาร์ดแวร์เครือข่ายทำงานไม่ถูกต้อง Windows จะแจ้งข้อผิดพลาดในตัวจัดการอุปกรณ์ ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อรีเฟรชหรือติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ใหม่อีกครั้ง

  1. สำหรับ Windows Vista คลิก Start และพิมพ์คำว่า Device Manager ในช่อง Search (ค้นหา) เลือก Device Manager เมื่อแสดงขึ้นในรายการโปรแกรม หน้าต่าง Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) จะเปิดขึ้นมา

    สำหรับ Windows XP คลิก Start, Run พิมพ์คำว่า devmgmt.msc เข้าไปในช่อง Open แล้วคลิก OK (ตกลง) หน้าต่าง Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) จะเปิดขึ้นมา

  2. หากมีหมวดหมู่ Network adapters (อะแดปเตอร์เครือข่าย)แสดงขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ให้ข้ามไปขั้นตอนที่ 4

  3. หากไม่มีหมวดหมู่ Network adapters (อะแดปเตอร์เครือข่าย)แสดงขึ้นใน Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) ตรวจสอบรายการต่อไปนี้ และดำเนินการตามความเหมาะสม:

    • ยังไม่ได้ติดตั้งฮาร์ดแวร์เครือข่าย ติดตั้งการ์ดเครือข่าย PCMCIA ใหม่ตามคำแนะนำของผู้ผลิตการ์ด ทั้งนี้ จะต้องไม่ใช่ฮาร์ดแวร์เครือข่ายแบบในตัว

    • การ์ดเครือข่ายไม่ล็อคเข้าที่ในซ็อคเก็ต ถอดและใส่การ์ดเครือข่าย PCMCIA อีกครั้ง ทั้งนี้ จะต้องไม่ใช่ฮาร์ดแวร์เครือข่ายแบบในตัว

  4. หากมีอะแดปเตอร์เครือข่ายแสดงอยู่ในหมวดหมู่อะแดปเตอร์เครือข่าย แต่มีเครื่องหมายตกใจสีเหลืองอยู่เหนือไอคอน

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
    หรือ
    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
    ให้ดำเนินการดังนี้:

    • ในกล่องโต้ตอบของ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) เลือกไดรเวอร์ที่แสดงทีละรายการและกดปุ่ม Delete (ลบ) เมื่อได้รับแจ้ง ให้ยืนยันว่าคุณต้องการลบไดรเวอร์เหล่านี้ อย่ารีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

    • ในกล่องโต้ตอบของ Device Manager (ตัวจัดการอุปกรณ์) คลิกที่ปุ่ม Scan for hardware changes (สแกนหาการเปลี่ยนแปลงฮาร์ดแวร์) (อยู่บริเวณด้านบน) Windows จะสแกนระบบของคุณเพื่อหาฮาร์ดแวร์ และติดตั้งไดรเวอร์เริ่มต้นสำหรับฮาร์ดแวร์ใดๆ ที่ต้องใช้ไดรเวอร์ในขณะนั้น

    • ไดรเวอร์ซอฟต์แวร์และไฟล์สนับสนุนอาจหายไปหรือเสียหาย ลบอุปกรณ์ออกจากตัวจัดการอุปกรณ์ และติดตั้งซอฟต์แวร์ใหม่โดยการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

  5. หากอะแดปเตอร์เครือข่ายที่แสดงไว้มีไอคอนรูปอะแดปเตอร์สีเขียว

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
    หรือ
    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10
    แสดงว่าอะแดปเตอร์เครือข่ายทำงานได้ตามปกติ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อตรวจสอบฮาร์ดแวร์เครือข่ายว่าทำงานถูกต้องหรือไม่

    • ตรวจสอบการเชื่อมต่อสายอีกครั้งและเปลี่ยนสายเคเบิลที่มีการงอบิดหรือสายที่คุณสงสัยว่าเสียหาย

    • เปิดปิดโมเด็มและเราเตอร์ และจากนั้นรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

    • ตรวจสอบกับฝ่ายบริการของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตเพื่อดูว่าบริการยังใช้งานได้หรือไม่ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่จะมีหมายเลขโทรศัพท์เพื่อให้บริการดังกล่่าว หากเกิดเหตุการณ์บริการขัดข้อง ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตจะมีระบบตอบกลับอัตโนมัติเพื่อแจ้งเหตุขัดข้องในวงกว้างของบริการ ในกรณีนี้ ให้รอจนกระทั่งบริการกลับมาใช้ได้เป็นปกติ

ติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมโดยใช้ Recovery Manager

หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่มีอิมเมจดั้งเดิมของ HP คุณสามารถใช้ HP Recovery Manager เพื่อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ดั้งเดิม HP Recovery Manager สามารถติดตั้งไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์เฉพาะและซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์เฉพาะรุ่นอีกครั้งได้ ตัวเลือกการติดตั้งนี้จะไม่สามารถใช้ได้หากมีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการ หรือหากไดร์ฟกู้คืนระบบ (โดยปกติจะอยู่ที่ D:\Recovery) เสียหาย หรือถูกลบทิ้ง

การใช้ HP Recovery Manager เพื่อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ดั้งเดิม ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows Vista:

  1. คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า Recovery ในช่อง Search (ค้นหา) แล้วเลือก Recovery Manager จากรายการผลการค้นหา

    บันทึก

    HP Recovery Manager อาจอยู่ในโฟลเดอร์ Accessories หรือโฟลเดอร์อื่นๆ ขึ้นอยู่กับรุ่นคอมพิวเตอร์

  2. จากหน้าต่างหลัก Recovery Manager เลือก Advanced options (ตัวเลือกขั้นสูง)

  3. จากหน้าต่าง Advanced options (ตัวเลือกขั้นสูง) เลือกตัวเลือก Hardware driver re-installation (ติดตั้งไดร์เวอร์ฮาร์ดแวร์ใหม่) จากนั้นคลิก Next (ถัดไป)

  4. เมื่อได้รับแจ้ง คลิกที่ Next (ถัดไป) เพื่อดำเนินการต่อ

  5. ในหน้าต่าง Select a driver to reinstall (เลือกไดรเวอร์เพื่อติดตั้งใหม่) เลือกไดรเวอร์อุปกรณ์เครือข่ายที่ต้องการ และคลิก Next (ถัดไป) เพื่อเริ่มการติดตั้ง คุณควรติดตั้งไดรเวอร์ชิปเซ็ต (Intel หรือ Nvidia), ไดรเวอร์การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC)/ไดรเวอร์ Ethernet หรือไดรเวอร์ LAN ไร้สาย ทั้งนี้ ขึ้นกับรุ่นของเครื่องของคุณ

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

  6. ดำเนินการแบบเดียวกันซ้ำกับไดรเวอร์ของฮาร์ดแวร์อื่น ๆ เพื่อทำการติดตั้งใหม่

  7. หากได้รับแจ้งหลังจากติดตั้งไดรเวอร์หรือแอพพลิเคชั่นเครือข่าย ให้รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP:

  1. คลิก Start (เริ่ม) คลิกที่ All Programs (โปรแกรมทั้งหมด) เลือก System Recovery (การกู้คืนระบบ) แล้วคลิก Application & Driver Recovery (การกู้คืนแอพพลิเคชั่นและไดรเวอร์)

  2. เลือกตัวเลือก Reinstall an Application (ติดตั้งแอพพลิเคชั่นใหม่) หรือ Reinstall a Driver shipped with the PC (ติดตั้งไดรเวอร์ที่มาพร้อมกับ PC ใหม่) และคลิก Next (ถัดไป)

  3. เลือกแอพพลิเคชั่นหรือไดรเวอร์ที่ต้องการจากรายการ และคลิก Next (ถัดไป) เพื่อเริ่มการติดตั้ง ทำตามคำแนะนำเพิ่มเติมที่ให้

  4. เริ่มการทำงานของโน้ตบุ๊กอีกครั้งเมื่อได้รับแจ้ง

ติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมหรือไดรเวอร์ที่มีการอัพเดตใหม่จากเว็บไซต์ HP

ในบางกรณี ไดรเวอร์เริ่มต้นที่ให้มาพร้อมกับ Windows อาจไม่อัพเดต หากการติดตั้งไดรเวอร์เริ่มต้นใหม่โดยใช้ Device Manager หรือ Recovery Manager ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คุณอาจต้องติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมและไดรเวอร์ซอฟต์แวร์ที่อัพเดตจากเว็บไซต์ของ HP

เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่มีไดรเวอร์อุปกรณ์เครือข่ายจึงไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ คุณจึงต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นดาวน์โหลดไฟล์ คุณจะต้องใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา เช่น CD หรือธัมบ์ไดรฟ์ เพื่อคัดลอกไฟล์และถ่ายโอนไปยังคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีการเชื่อมต่อ

ดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ตัวล่าสุดโดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. ตรวจสอบหมายเลขผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องของเครื่องคอมพิวเตอร์ หมายเลขผลิตภัณฑ์แสดงอยู่บนป้ายสำหรับบริการที่ด้านล่างของตัวเครื่อง หมายเลขรุ่นของเครื่องที่อยู่ใกล้กับจอแสดงผลไม่เพียงพอสำหรับการค้นหาไดรเวอร์ที่เหมาะสม

  2. ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไปที่หน้าเว็บฝ่ายบริการลูกค้าของ HP เพื่อค้นหาไดรเวอร์ที่อัพเดต

  3. พิมพ์หมายเลขผลิตภัณฑ์ และคลิกปุ่ม Next (ถัดไป)

  4. เลือก Software and Driver downloads (ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์และไดรเวอร์)

  5. เลือกระบบปฏิบัติการของคุณ จากนั้นคลิก Next (ถัดไป)

  6. เลื่อนรายการเพื่อค้นหาไดรเวอร์อุปกรณ์เครือข่ายที่ต้องการ คุณควรดาวน์โหลดไดรเวอร์ชิปเซ็ต (Intel หรือ Nvidia), ไดรเวอร์การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย/ไดรเวอร์ Ethernet หรือไดรเวอร์ LAN ไร้สาย ทั้งนี้ ขึ้นกับรุ่นของเครื่องของคุณ

  7. เมื่อคุณคลิกที่ชื่อของไดรเวอร์และหน้าตัวเลือกดาวน์โหลดและหน้าข้อมูลปรากฎขึ้นมา คุณจะต้องอ่านรายละเอียดเพื่อตรวจสอบว่าเป็นไดรเวอร์ที่ถูกต้องสำหรับคอมพิวเตอร์ของคุณหรือไม่

  8. การดาวน์โหลดและบันทึกไดรเวอร์ทำได้โดยการเลือก Download (ดาวน์โหลด) และ Save (บันทึก) เมื่อได้รับแจ้ง

    รูปภาพ : ตัวเลือกการดาวน์โหลดและบันทึก

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

      หมายเหตุ

    อย่าเลือก Run (เรียกใช้) เนื่องจากคุณไม่ต้องการติดตั้งซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์เครื่องนี้

  9. เลื่อนไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมในคอมพิวเตอร์ เช่น เดสก์ทอป และบันทึกไฟล์ ทำซ้ำกับไฟล์อื่นๆ ที่ต้องการดาวน์โหลด

  10. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์ทั้งหมดครบแล้ว คัดลอกไฟล์ไปยังอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาเช่น CD หรือธัมบ์ไดรฟ์

  11. คัดลอกไฟล์จากอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพาไปยังคอมพิวเตอร์ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่าย

  12. ดับเบิลคลิกที่ไฟล์ที่คัดลอกมาและติดตั้งซอฟต์แวร์และไดรเวอร์เครือข่ายที่ต้องการ

  13. รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์และตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต

Advanced Network Troubleshooting (การแก้ไขปัญหาเครือข่ายขั้นสูง)

หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหลังจากตรวจสอบเครือข่ายอย่างเร็วและการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองแล้ว คุณสามารถใช้ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาขั้นสูงดังต่อไปนี้ คุณอาจต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเพื่อค้นหากระดานกระทู้บริการของผู้ใช้ของ HP เพื่อค้นหาปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่ายที่คล้ายกับปัญหาของคุณ

การแก้ไขปัญหาการตั้งค่าโปรโตคอล IP โดยใช้พร้อมท์คำสั่ง

ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าที่จำเป็นและขั้นตอนการแก้ไขปัญหาทั้งหมดสำหรับการเชื่อมต่อผ่านทางเคเบิลหรือทาง DSL ที่เหมาะสม หากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไม่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ให้ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย:

บันทึก

หากคุณมีขั้นตอนการตั้งค่าและขั้นตอนการแก้ไขปัญหาจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ใช้ขั้นตอนดังกล่าวแทนการตั้งค่าในหัวข้อนี้

  1. สำหรับ Windows Vista คลิกที่ Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า cmd เข้าไปในในช่อง Search (ค้นหา) และกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง command

    สำหรับ Windows XP คลิกที่ Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้), พิมพ์คำว่า cmd.exe เข้าไปในในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง)

  2. พิมพ์ ipconfig /release ที่คอมมาสด์พรอมท์ จากนั้นกดปุ่ม Enter คอมมานด์พรอมท์จะหายไป

  3. ที่คอมมานด์พรอมท์ใหม่ ให้ป้อนข้อความต่อไปนี้: ipconfig /renew จากนั้นกดปุ่ม Enter

  4. ที่คอมมานด์พรอมท์ใหม่ ให้ป้อนข้อความต่อไปนี้: netsh int ip reset c:\resetlog.txt แล้วกดปุ่ม Enter

  5. ปิดหน้าต่างคำสั่ง

    หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แสดงว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว หากคอมพิวเตอร์ยังไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ให้ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้

  6. สำหรับ Windows Vista คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า Network and Sharing ในฟิลด์ค้นหา และจากนั้น เลือก Network and Sharing Center (เครือข่ายและศูนย์การแชร์ข้อมูล) จากรายการ เลือก Manage network connections (จัดการการเชื่อมต่อเครือข่าย) ในแผงด้านซ้ายของหน้าต่าง Network and Sharing Center (เครือข่ายและศูนย์การแชร์ข้อมูล) หน้าต่าง Network Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) จะเปิดขึ้นมา

    สำหรับ Windows XP คลิกที่ Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้), พิมพ์คำว่า ncpa.cpl เข้าไปในในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง) หน้าต่าง Network Connections (การเชื่อมต่อเครือข่าย) จะเปิดขึ้นมา

  7. คลิกขวาที่ไอคอน Local Area Connection (การเชื่อมต่อภายในพื้นที่) แล้วเลือก Properties (คุณสมบัติ) เมื่อได้รับแจ้ง ให้อนุญาตให้มีการดำเนินการ กล่องโต้ตอบ Local Area Connection Properties (คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่) ปรากฏขึ้น

  8. เลือกชื่อ Internet Protocol (TCP/IP) ที่ตรงกับชื่ออะแดปเตอร์ Ethernet จากรายการสำหรับการเชื่อมต่อของคุณ อย่าลบเครื่องหมายติดกับ Internet Protocol (TCP/IP) ขณะเลือกรายการ หากมี TCP/IP ให้เลือกหลายรายการ เลือกรายการที่ประกอบด้วยชื่ออะแดปเตอร์ที่ใช้อยู่ เช่นTCP/IP -> 3Com Fast Ethernet Adapter

    บันทึก

    หากไม่มีรายการสำหรับ Internet protocol (TCP/IP) แสดงว่านี่เป็นสาเหตุของปัญหา คลิก Install (ติดตั้ง) เลือก Protocol (โปรโตคอล) และจากนั้น คลิก Add (เพิ่ม) เลือกโปรโตคอล TCP จากรายการ เช่น Microsoft TCP IP และจากนั้น คลิก OK (ตกลง) เพื่อติดตั้งโปรโตคอล เริ่มการทำงานของโน้ตบุ๊กอีกครั้งเมื่อได้รับแจ้ง

  9. เลือก Internet Protocol และคลิก Properties (คุณสมบัติ)

  10. เลือก Obtain an IP address automatically (เรียกค้นที่อยู่ IP อัตโนมัติ) และ Obtain DNS server address automatically (ขอรับที่อยู่เซิร์ฟเวอร์ DNS อัตโนมัติ) (หากไม่ได้เลือกไว้อยู่แล้ว

  11. คลิก OK (ตกลง) เพื่อปิดหน้าต่าง TCP/IP Settings (การตั้งค่า TCP/IP) แล้วคลิก OK (ตกลง) เพื่อปิดหน้าต่าง Local Area Connection Properties (คุณสมบัติการเชื่อมต่อภายในพื้นที่)

  12. ปิดหน้าต่างที่เหลือทั้งหมด รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ และลองต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง

การใช้งานผ่านพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์ และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส/ไฟร์วอลล์

อินเทอร์เน็ตเบราเซอร์และซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่นไฟร์วอลล์หรือซอฟต์แวร์ พรอกซี่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามทางออนไลน์ อาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการที่ซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานกับอินเทอร์เน็ต:

ตรวจสอบการตั้งค่าพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์

เครือข่ายในบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีการใช้พรอกซี่เซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ดี ในเครือข่ายสำหรับธุรกิจ คุณอาจต้องตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบเพื่อขอคำแนะนำในการใช้งานผ่านพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์

  1. สำหรับ Windows Vista คลิกที่ Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า inetcpl.cpl เข้าไปในในช่อง Search (ค้นหา) และกดปุ่ม Enter หน้าต่าง Internet Properties (คุณสมบัติอินเทอร์เน็ต) จะเปิดขึ้นมา

    สำหรับ Windows XP คลิกที่ Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้), พิมพ์คำว่า inetcpl.cpl เข้าไปในในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง) หน้าต่าง Internet Properties (คุณสมบัติอินเทอร์เน็ต) จะเปิดขึ้นมา

  2. ในหน้าต่าง Internet Properties (คุณสมบัติอินเทอร์เน็ต) เลือกแท็บ Connections (การเชื่อมต่อ)

  3. คลิก Connections (การตั้งค่า LAN) และจากนั้นเลือก Automatically detect settings (ตรวจสอบการตั้งค่าอัตโนมัติ)

  4. ลบเครื่องหมายเพื่อยกเลิกการเลือกการตั้งค่า Use a proxy server for your LAN (ใช้พรอกซี่เซิร์ฟเวอร์สำหรับ LAN) และ Use automatic configuration script (ใช้สคริปต์กำหนดค่าอัตโนมัติ)

  5. คลิก OK (ตกลง) เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงค่า และ OK (ตกลง)เพื่อปิดหน้าต่าง

  6. ลองเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แสดงว่าเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว หากไม่ ให้ดำเนินการต่อโดยใช้ขั้นตอนเหล่านี้

  7. หากมีการใช้ซอฟต์แวร์พรอกซี่บนเครือข่ายธุรกิจ ให้ปิดการใช้งานพรอกซี่ชั่วคราว และลองต่ออินเทอร์เน็ตอีกครั้ง หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายและอินเทอร์เน็ตได้ ให้สอบถามจากผู้ดูแลระบบเพื่อขอคำแนะนำในการใช้งานผ่านพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์ ซอฟต์แวร์พรอกซี่ซึ่งพบได้บ่อย ได้แก่:

    • WinProxy

    • WinGate

    • Microsoft Proxy Server

    • Netscape Proxy Server

ตรวจสอบการตั้งค่าไฟร์วอลล์และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส

HP ขอแนะนำว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องควรมีไฟร์วอลล์และระบบป้องกันไวรัสที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี โปรแกรมเหล่านี้อาจไปขัดขวางการเข้าใช้งานเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตทั้งหมดได้หากมีการตั้งค่าไม่ถูกต้อง ท่านควรใช้โปรแกรมไฟร์วอลล์หรือโปรแกรมป้องกันไวรัสเพียงครั้งละหนึ่งโปรแกรมเท่านั้น การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสหรือไฟร์วอลล์พร้อมกันตั้งแต่สองโปรแกรมขึ้นไปอาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงหรือทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตได้ การตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าระบบป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ ให้ดำเนินการดังนี้:

สำหรับ Windows Vista คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์ึคำว่า security ในช่อง Search (ค้นหา) จากนั้นเลือก Security Center จากรายการ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าการตั้งค่าความปลอดภัยและไฟร์วอลล์เปิดใช้งานอยู่หรือไม่

สำหรับ Windows XP คลิก Start (เริ่ม), Control Panel (แผงควบคุม แล้วคลิก Security Center (ศูนย์ความปลอดภัย) ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าการตั้งค่าความปลอดภัยและไฟร์วอลล์เปิดใช้งานอยู่หรือไม่

เพื่อทำการทดสอบ - คุณสามารถปิดโปแกรมป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ชั่วคราว เพื่อพิจารณาว่า โปรแกรมหนึ่งโปรแกรมใดดังกล่าวไม่ยอมให้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

การใช้ Windows Defender (เฉพาะ Windows Vista เท่านั้น)

หากคุณไม่ต้องการใช้โปรแกรมจากภายนอก ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Vista มี Windows Defender ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการและเป็นโปรแกรมป้องกันซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย Windows Defender ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามใหม่ ๆ โดยมีความสามารถในการตรวจสอบและลบสปายแวร์ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ของคุณขณะท่องอินเทอร์เน็ต

การเปิดการป้องกันของ Windows Defender ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า defender ในช่อง Search (ค้นหา) แล้วเลือก Windows Defender จากรายการ

  2. หาก Windows Defender ปิดอยู่ ให้คลิกที่ click here to turn it on (คลิกที่นี่เพื่อเปิดโปรแกรม)

    รูปภาพ : Defender ปิดการทำงาน

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

  3. หลังจาก Windows Defender เปิดการทำงานแล้ว ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่ออัพเดตคอมพิวเตอร์ของคุณให้ตรวจจับซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายและป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ของคุณได้รับความเสียหาย

    รูปภาพ : ตรวจสอบการอัพเดตของ Windows Defender

    เสียบสาย lan แล้วเข้าเน็ตไม่ได้ win10

การใช้โปรแกรมจากภายนอก

สำหรับโปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่ คลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นในถาดระบบ เลือกตัวเลือกเมนูเพื่อเปิดหน้าต่างควบคุมแอพพลิเคชั่น ดูไฟล์วิธีใช้งานแอพพลิเคชั่นเพื่อศึกษาคำแนะนำในการปิดการป้องกันชั่วคราวและการกำหนดค่าไฟร์วอลล์หรือการตั้งค่าการป้องกันไวรัส หากคอมพิวเตอร์ทำงานเปลี่ยนไปเมื่อโปรแกรมป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ถูกปิดใช้งาน แสดงว่านั่นคือสาเหตุของปัญหา

หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตหลังจากปิดใช้งานซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ชั่วคราว กรุณาสอบถามหมายเลขพอร์ตที่ต้องใช้ในการเชื่อมต่อจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ปรับตั้งซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ของคุณเพื่อยอมให้พอร์ตดังกล่าวเปิดค้างได้

  คำเตือน

คอมพิวเตอร์ของคุณจะมีความเสี่ยงต่อความปลอดภัยขณะที่ปิดไฟร์วอลล์และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส เมื่อการทดสอบเสร็จสิ้นและคอมพิวเตอร์สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้แล้ว ให้เปิดไฟร์วอลล์และโปรแกรมป้องกันไวรัสกลับ และรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์

รีเซ็ตการตั้งค่าเริ่มต้นของ Winsock

การสื่อสารระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในเครือข่ายสามารถจัดการได้โดยชุดคำสั่ง TCP/IP ที่มีอยู่ในระบบ ชุดคำสั่งและที่อยู่ำเหล่านี้อาจเสียหายได้ หากคอมพิวเตอร์เคยทำงานได้ แต่จู่ๆ ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต คุณสามารถรีเซ็ต TCP/IP กลับเป็นค่าเริ่มต้นได้โดยใช้คำสั่ง NetShell (netsh)

คุณสามารถตัดปัญหาการเชื่อมต่อต่างๆ ที่อาจเกิดจากซอฟต์แวร์จากภายนอกได้โดยการรีเซ็ต TCP/IP โดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้

  1. สำหรับ Windows Vista คลิกที่ Start (เริ่ม) พิมพ์คำว่า cmd เข้าไปในในช่อง Search (ค้นหา) และกดปุ่ม Enter เพื่อเปิดหน้าต่าง command

    สำหรับ Windows XP คลิกที่ Start (เริ่ม), Run (เรียกใช้), พิมพ์คำว่า cmd.exe เข้าไปในในช่อง Open (เปิด) แล้วคลิก OK (ตกลง)

  2. พิมพ์คำว่า netsh winsock reset ในหน้าต่างคำสั่ง และกดปุ่ม Enter

  3. รอให้คำสั่งสิ้นสุดการทำงาน

  4. ปิดหน้าต่างคำสั่ง

การใช้คำสั่ง NetShell เพื่อเขียนรีจิสทรีคีย์ของ TCP/IP ให้ผลเช่นเดียวกับการติดตั้งโปรโตคอล TCP/IP ใหม่