จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี Show
สะพานไฟ, คัตเอาต์ (อังกฤษ: cut-out) หรือ ตัวตัดวงจร, เซอร์กิตเบรกเกอร์ (อังกฤษ: circuit breaker) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ตัดตอนแหล่งจ่ายไฟฟ้าออกจากวงจรไฟฟ้า เช่น ตัดวงจรไฟฟ้าภายในบ้านออกจากแหล่งจากไฟภายนอกเป็นต้น นอกจากทำหน้าที่เป็นสวิตซ์ไฟฟ้าเมื่อผู้ใช้สั่งการแล้ว ยังทำหน้าที่ตัดการจ่ายไฟโดยอัตโนมัติได้เมื่อมีเหตุ ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟดูด ไฟรั่ว ไฟตก ไฟเกิน ได้แล้วแต่ความสามารถของสะพานไฟที่ใช้ สะพานไฟแบบคันโยก[แก้]สะพานไฟจะตัดการจ่ายไฟเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านมากเกินกว่าที่กำหนดหรือเกิดการลัดวงจรภายในวงจรไฟฟ้า โดยใช้ฟิวส์ที่ติดดยู่ในสะพานไฟ เป็นตัวตัดวงจรไฟฟ้า โดยสะพานไฟมีส่วนประกอบหลัก คือ
แอร์เซอร์กิตเบรกเกอร์[แก้]แอร์เซอร์กิตเบรกเกอร์ (Air Circuit Breaker) เป็นอุปกรณ์เปิด-ปิดวงจรไฟฟ้า และป้องกันกระแสไฟฟ้า เพื่อจำกัดกระแสไฟฟ้าไม่ให้ไหลผ่านตัวมันเกินพิกัด โดยทั่วไปจะใช้เป็นตัวหลัก (Main) สำหรับป้องกันกระแสไฟฟ้าเกิน (Over Current) กระแสไฟฟ้าลัดวงจร (Short Circuit) เมื่อเกิดความผิดปรกติของวงจรมันจะทำหน้าที่ปลดวงจร (Open Circuit) โดยอัตโนมัติ และสามารถเปิดใช้งานใหม่ได้เมื่อวงจรไฟฟ้าเป็นปรกติ แอร์เซอร์กิตเบรกเกอร์นำไปใช้ในอาคาร สถานที่ที่มีการใช้กำลังไฟฟ้ามาก ๆ เช่นโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม โรงพยาบาล อาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ อาคารสูง มีขนาดตามพิกัด เช่น 800, 1000, 1250, 1600, 2000, 2500, 3200, 4000 แอมแปร์ เป็นต้น นอกจากนี้ แอร์เซอร์กิตเบรกเกอร์จะต้องสามารถทนกระแสฉับพลัน (Interrupting Current) มีหน่วยเป็น กิโล-แอมแปร์ (Kilo-Ampere) หรือ KA. ซึ่งเป็นตัวกำหนดพิกัดของแอร์เซอร์กิตเบรกเกอร์อีกค่าหนึ่งด้วย เช่น 42,65,100 กิโล-แอมแปร์ (1 Kilo-Ampere = 1000 Ampere) อ้างอิง[แก้]
สะพานไฟ คัทเอาท์ตราช้าง 60A 2 สาย สำหรับป้องกันการลัดวงจรไฟฟ้าในบ้าน160 ฿ 8858765203141 คัทเอาท์ 2 สาย 60A ช้าง
รายละเอียดสะพานไฟ คัทเอาท์ตราช้าง 60A 2 สาย สำหรับป้องกันการลัดวงจรไฟฟ้าในบ้าน สะพานไฟ คัทเอาท์ตราช้าง 60A 2 สาย สำหรับป้องกันการลัดวงจรไฟฟ้าในบ้านการใช้งานสะพานไฟสำหรับครัวเรือนทั่วไปที่มีไฟฟ้าใช้งานเมื่อยุคหลายสิบปีก่อน ในยุคนั้นเบรกเกอร์ยังไม่แพร่หลายเท่าทุกวันนี้ ก็มักจะใช้อุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้าที่เป็นสะพานไฟหรือคัทเอาท์ และฟิวส์กระเบื้อง เป็นอุปกรณ์ป้องกันในระบบไฟฟ้า ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้จะถูกนำมาประกอบติดตั้งไว้บนแผงไม้ อยู่ในรูปของแผงสวิทช์นั่นเองและในยุคต่อมา เนื่องจากเบรกเกอร์เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่หาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพง ทำให้เบรกเกอร์เริ่มเข้ามาแทนที่สะพานไฟ และเบรกเกอร์ก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าพื้นฐานของบ้านเรือนยุคปัจจุบันไปในที่สุด แต่ในปัจจุบันสะพานไฟก็ยังมีหลงเหลือให้เห็น และยังมีใช้งานอยู่บ้าง ตามบ้านเรือนที่ปลูกสร้างในยุคก่อนๆ และโดยเฉพาะตามบ้านเรือนในต่างจังหวัดหน้าที่หลักของสะพานไฟสะพานไฟ มีหน้าที่เป็นสวิทช์ที่ใช้สำหรับปลดสับวงจรไฟฟ้า และโดยพื้นฐานนั้น สะพานไฟจะมีจุดต่อที่ออกแบบสำหรับใส่ฟิวส์ เพื่อที่ว่าหากเกิดไฟฟ้าลัดวงจร และการใช้กระแสไฟฟ้าเกินพิกัด ฟิวส์ที่ใส่อยู่ในสะพานไฟ จะหลอมละลายและตัดวงจรไฟฟ้าออกก่อนที่จะเกิดอัคคีภัยส่วนประกอบของสะพานไฟส่วนประกอบหลักๆที่อยู่ในสะพานไฟแบ่งได้เป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ตัวนำ, ฉนวน และฟิวส์ตัวนำ ของสะพานไฟ มักจะใช้เป็นโลหะจำพวกทองแดงหรือทองเหลืองฉนวน ที่ใช้บนสะพานไฟนั้นทำจากวัสดุ 2 ชนิดด้วยกัน อย่างแรกคือกระเบื้องที่ใช้เป็นฉนวนส่วนมือจับและยังใช้เป็นฐานรองของสะพานไฟ ฉนวนอีกชนิดจะทำจากพลาสติก ซึ่งก็คือส่วนที่เป็นฝาครอบของสะพานไฟนั่นเองฟิวส์ แบบที่ใช้งานกับสะพานไฟได้แก่ ฟิวส์ก้ามปู และ ฟิวส์แบบเส้นลวด โดยที่ฟิวส์แบบเส้นลวดจะเป็นแบบดั้งเดิมที่ถูกใช้มาตั้งแต่แรก แต่ฟิวส์แบบก้ามปูเพิ่งถูกผลิตขึ้นมาใช้ในช่วงยุคหลังความปลอดภัยของสะพานไฟสะพานไฟหรือคัทเอาท์แบบที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปตามอาคารบ้านเรือนในยุคก่อนๆ ด้านความปลอดภัยในการใช้งานเมื่อเทียบกับอุปกรณ์ในกลุ่ม เบรกเกอร์ (Circuit Breaker) ก็เห็นได้ชัดว่าสะพานไฟมีความปลอดภัยที่น้อยกว่า ซึ่งยังไม่นับเรื่องความไม่สะดวกในการใช้งาน ที่ต้องคอยเปลี่ยนฟิวส์ทุกครั้งที่ฟิวส์ขาด และการใช้งานสะพานไฟหากปลดสับสะพานไฟขณะที่มีโหลดที่กินกระแสสูงๆต่อใช้งานอยู่ ก็จะเกิดประกายไฟอาร์คบริเวณหน้าสัมผัส ความรุนแรงมากน้อยก็ขึ้นกับปริมาณกระแสที่ใช้งานในขณะนั้น ซึ่งค่อนข้างจะน่ากลัวสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปบทเรียนจากเพลิงไหม้ที่ผ่านมาสะพานไฟหรือคัทเอาท์ (Cut Out) เป็นส่วนหนึ่งของเหตุเพลิงไหม้ในอดีตที่ผ่านมา เนื่องด้วยในอดีตจะนิยมนำมาใช้เป็นเมนสวิทช์ควบคุมระบบไฟฟ้าของบ้านทั้งหลัง เหตุการณ์เพลิงไหม้หลายๆครั้งที่เกิดขึ้นต้นตอของการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริง จากการตรวจสอบหลักฐานและจากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์ มีหลายกรณีในอดีต ที่ต้นเพลิงเกิดจากสะพานไฟหรือคัทเอาท์ ที่ติดอยู่บนแผงสวิทช์ของบ้านการเกิดเพลิงไหม้โดยที่สาเหตุต้นเพลิงมาจากสะพานไฟ อันดับแรกคือเกิดจากการใช้ลวดทองแดงแทนฟิวส์ ทำให้ไม่มีการป้องกันจากฟิวส์และนอกจากนั้นเพลิงไหม้อาจจะเกิดจากอีกสาเหตุหนึ่ง คือเกิดความร้อนสะสมตามจุดต่อและหน้าสัมผัสของสะพานไฟ เนื่องจากโลหะตัวนำไฟฟ้าที่นำมาใช้ทำสะพานไฟ ส่วนใหญ่คุณภาพจะไม่ค่อยบริสุทธิ์เท่าที่ควร และเมื่อโลหะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านตลอดเวลาประกอบกับการทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ ทำให้โลหะเกิดการอ๊อกไซด์ที่ผิว(เหมือนการที่เหล็กเกิดสนิม) ผิวของโลหะที่เป็นส่วนของตัวนำและหน้าสัมผัส จึงมีคราบสกปรกและคราบอ๊อกไซด์ติดอยู่ คราบเหล่านี้เป็นตัวขัดขวางการไหลของกระแสไฟฟ้า เกิดความต้านทานที่จุดนั้นขึ้น และเกิดเป็นความร้อนสะสม รวมถึงยังมีปัญหาหน้าสัมผัสไม่แน่น หลังจากใช้งานไปนานๆ เพราะเกิดการกัดกร่อนและโลหะเสียรูป ตลอดจนเรื่องการต่อสายที่ไม่แน่น เนื่องจากสกรูของจุดต่อสายไฟหลวม และขาดการตรวจสอบบำรุงรักษาด้วยปัจจัยที่ว่ามานี้ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ก็ทำให้เกิดความร้อนสูงสะสมอยู่ จนท้ายที่สุดก็จะเกิดการอาร์คและเกิดประกายไฟขึ้น นำมาสู่การลุกไหม้ฝาครอบพลาสติกของสะพานไฟเพราะพลาสติกที่ใช้ส่วนใหญ่ไม่ใช่เกรดที่ทนไฟ หากไม่มีใครมาพบเห็นหรือแก้ไขได้ทัน มันก็จะลุกไหม้กับเชื้อไฟที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งก็ได้แก่แผงไม้ที่ติดตั้ง นำมาสู่อัคคีภัยเผาพลาญอาคารบ้านเรือน โดยเฉพาะในสมัยก่อนที่บ้านเรือนปลูกสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ยิ่งหากเป็นห้องแถวไม้ที่อยู่ในตลาดก็จะกลายเป็นอัคคีภัยครั้งใหญ่ ที่เกิดจากสะพานไฟในบ้านต้นเพลิงเพียงหลังเดียวหากในตอนนี้ที่บ้านของท่านยังคงมีสะพานไฟติดตั้งใช้งานอยู่อีก ก็ควรตรวจสอบสะพานไฟให้อยู่ในสภาพที่ดี คันโยกต้องสามารถปลดสับได้แน่นพอดีไม่ฝืดจนเกินไป รวมไปถึงสกรูของจุดที่เป็นขั้วต่อสายไฟจะต้องขันไว้ให้แน่น และที่สำคัญห้ามใช้ลวดทองแดงหรือโลหะอื่นๆแทนฟิวส์เด็ดขาดหรือทางที่ดีสุด หากสะพานไฟที่มีใช้อยู่ ถูกติดตั้งบนแผงไม้ และใช้งานมานานเกินสิบปี เป็นไปได้ก็ควรจะเปลี่ยนมาใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์แทน หรือไม่ก็เปลี่ยนทั้งแผงมาใช้เป็นตู้ควบคุมไฟฟ้าแบบสมัยใหม่ อย่างเช่นตู้คอนซูมเมอร์ยูนิตหรือตู้โหลอดเซ็นเตอร์ จะเป็นการดีและปลอดภัยยิ่งขึ้นวงจรไฟฟ้าภายในบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการต่อแบบขนาน ซึ่งเป็นการต่อวงจรทำให้อุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ละชนิดอยู่คนละวงจร ซึ่งถ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดหนึ่งเกิดขัดข้องเนื่องจากสาเหตุใดก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดอื่นก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติเพราะไม่ได้อยู่ในวงจรเดียวกัน
ไฟฟ้าที่ใช้ในบ้านเรือนทั่วไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับมีความต่างศักย์ 220 โวลต์ การส่งพลังงานไฟฟ้าเข้าบ้านจะใช้สายไฟ 2 เส้น คือ |