ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชงในอาหาร

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 65 เป็นต้นไป ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเพื่อปรับปรุงข้อกำหนดในการควบคุมเพื่อควบคุมผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชา กัญชง จำนวน 3 ฉบับจะมีผลบังคับใช้ โดยฉบับแรกเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 438 พ.ศ.2565 เรื่องผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง (ฉบับที่2) ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเรื่องเดียวกัน ฉบับที่1 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่427 พ.ศ. 2564) มีสาระสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐานและการแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาหรือกัญชง และกำหนดให้ผู้ผลิตซึ่งได้รับอนุญาตอยู่ก่อนหน้านี้ จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามประกาศฉบับใหม่นี้ภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับด้วย

ทั้งนี้ ประกาศฯฉบับที่ 438 ได้ปรับปรุงแก้ไขในส่วนของคุณภาพหรือมาตรฐาน สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของกัญชาหรือกัญชง โดยได้กำหนดให้ชัดเจนสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารที่จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค หรือผู้แบ่งบรรจุ ผู้ปรุง หรือผู้จำหน่ายอาหาร สำหรับผลิตภัณฑ์ปรุงรส, ซอส, น้ำปลาผสมชนิดเหลวและแห้ง น้ำเกลือปรุงรส ที่ต้องมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล(THC) ไม่เกินร้อยละ 0.0032 โดยน้ำหนัก และสาร CBD ไม่เกินร้อยละ 0.0028 ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ ต้องมีสาร THC ไม่เกิน 1.6 มิลลิกรรม และ CBD ไม่เกิน 1.41 มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ เป็นต้น

นอกจากนี้ได้ปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดในส่วนการแสดงฉลากของผลิตภัณฑ์ให้มีความชัดเจน เช่น การมีข้อความระบุว่าไม่ควรบริโภคเกินปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้ง ไม่ควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีกัญชาหรือกัญชงเป็นส่วนประกอบ ข้อความแสดงวิธีใช้ที่เข้าใจง่าย รวมถึงกรณีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้จำหน่ายตรงต่อผู้บริโภค ต้องมีข้อความที่ชัดเจนว่า ห้ามจำหน่ายตรงต่อผู้บริโภค เป็นต้น

น.ส.ไตรศุลี  กล่าวว่า ถัดมาเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 437 พ.ศ.2565 เรื่อง เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง  โปรตีนจากเมล็ดกัญชง และผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือโปรตีนจากเมล็ดกัญชง (ฉบับที่2)  ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเรื่องเดียวกัน ฉบับที่1 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่425 พ.ศ. 2564) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงคุณภาพหรือมาตรฐาน โดยการยกเลิกข้อจำกัดปริมาณสาร CBD ในเมล็ดกัญชงที่เป็นอาหาร น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนเมล็ดกัญชง พร้อมกับปรับปรุงบัญชีแนบท้ายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของเมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือโปรตีนจากเมล็ดกัญชง เช่น ผลิตภัณฑ์ธัญชาติสำหรับอาหารเช้า, ขนมอบ, ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องดื่มธัญชาติ ยกเว้น ชา กาแฟ ชาสมุนไพร, ขนมขบเคี้ยว โดยยกเลิกการควบคุมปริมาณสาร CBD แต่ยังคงการควบคุมปริมาณสาร THC ตามประกาศฯ ฉบับที่ 425 พ.ศ. 2564

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ฉบับที่3 เป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 439 พ.ศ. 2565 เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสารสกัดแคนนาบิไดออลเป็นส่วนประกอบ (ฉบับที่2) ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศเรื่องเดียวกัน ฉบับที่1 (ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่429 พ.ศ. 2564) โดยได้เพิ่มข้อกำหนดให้สามารถนำสารสกัด CBD ที่ผสมกับวัตถุอื่นที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาเป็นส่วนประกอบของอาหารได้

“การออกประกาศเพื่อปรับปรุงแก้ไขข้อกำหนดต่างๆของกระทรวงสาธารณสุขทั้ง 3 ฉบับ จะทำให้เกิดความชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็ได้บริโภคผลิตภัณฑ์สินค้าที่ปลอดภัย ขอให้ผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือกัญชงศึกษาข้อกำหนดใหม่และปฏิบัติตามโดยเข้มงวดต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

  • ข่าว

  • กัญชา
  • กัญชง
  • ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
  • สธ
  • อาหาร

  • 604 views

สธ. ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขรวม 3 ฉบับ ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือกัญชง เพื่อให้เกิดความชัดเจนสำหรับผู้ประกอบการ และดูแลผู้บริโภคให้ได้บริโภคอาหารอย่างปลอดภัย โดยมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค. 65 

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่าล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขภายใต้ พรบ.อาหาร พ.ศ.2522 ปรับปรุงข้อกำหนดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือกัญชง รวม 3 ฉบับ ได้แก่ 
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 437) พ.ศ.2565 เรื่อง เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง โปรตีนจากเมล็ดกัญชงฯ (ฉบับที่ 2) ได้ยกเลิกข้อกำหนดปริมาณสูงสุดของสาร CBD ในผลิตภัณฑ์จากเมล็ด กัญชงดังกล่าว ซึ่งตามประกาศเดิมให้ใช้เมล็ดกัญชง น้ำมัน โปรตีนจากเมล็ดกัญชงเป็นอาหารได้ เพราะมีคุณค่าทางโภชนาการ มีโปรตีนสูง แต่ต้องมีการตรวจวิเคราะห์ CBD และ THC  ซึ่งตามข้อเท็จจริงพบว่าเมล็ดกัญชงไม่มี CBD และ THC แต่อาจปนเปื้อนได้บ้าง ประกาศฉบับนี้จึงกำหนดไม่ต้องตรวจ CBD เพื่อไม่ให้เป็นภาระจนเกินไป แต่ยังคงให้ตรวจ THC เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
ถัดมาเป็นประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 438) พ.ศ.2565 เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีส่วนประกอบของส่วนของกัญชาหรือกัญชง (ฉบับที่ 2) เป็นการปรับปรุงแก้ไขมาตรฐานอาหารที่จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภค กรณีกลุ่มเครื่องปรุงรส ให้มีสาร THC ไม่เกิน 0.0032% โดยน้ำหนัก และสาร CBD ไม่เกิน 0.0028% โดยน้ำหนัก เนื่องจากเครื่องปรุงรสจะใช้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยในการปรุงอาหาร ส่วนผลิตภัณฑ์อาหารประเภทอื่นให้มีสาร THC ได้ไม่เกิน 1.6 มิลลิกรัม และ CBD ไม่เกิน 1.41 มิลลิกรัมต่อหน่วยบรรจุ สำหรับกรณีที่ไม่ได้จำหน่ายโดยตรงต่อผู้บริโภคหรือขายเป็นวัตถุดิบให้กับสถานที่ผลิตอาหารเท่านั้น ให้กำหนดปริมาณ THC / CBD และคำเตือนให้เหมาะสมกับการผลิตอาหารในสถานที่ผลิตนั้น นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงข้อกำหนดการแสดงฉลากให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น ให้ระบุข้อความว่า ไม่ควรบริโภคเกินปริมาณที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้ง ไม่ควรใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีกัญชาหรือกัญชงเป็นส่วนประกอบ ข้อความแสดงวิธีใช้ที่เข้าใจง่าย และกรณีที่ไม่ได้จำหน่ายตรงต่อผู้บริโภคต้องมีข้อความ “ห้ามจำหน่ายตรงต่อผู้บริโภค” 
สุดท้ายคือประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 439 พ.ศ. 2565 เรื่อง ผลิตภัณฑ์อาหารที่มีสารสกัดแคนนาบิไดออลเป็นส่วนประกอบ (ฉบับที่ 2) มีสาระสำคัญคือเพิ่มเติมรายละเอียดข้อกำหนดกรณีสารสกัด CBD ที่ผสมกับวัตถุอื่นเพื่อช่วยในกระบวนการผลิตหรือเพื่อปรับแต่งคุณสมบัติการละลายน้ำของสารสกัด CBD ให้เหมาะสมต่อการนำไปใช้ในกระบวนการผลิตอาหาร และปรับแก้ไขข้อกำหนดรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและปริมาณสารสกัด CBD สูงสุดที่อนุญาตให้ใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้เหมาะสมมากขึ้น 
ทั้งนี้ ขอให้ผู้ประกอบการที่ผลิตอาหารที่มีส่วนผสมของกัญชาหรือกัญชงศึกษารายละเอียดข้อกฎหมาย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดประกาศได้ที่ https://food.fda.moph.go.th/law/announ_moph401-450.php เพื่อปฏิบัติได้อย่างถูกต้องต่อไป รองเลขาธิการฯ อย. กล่าว
วันที่เผยแพร่ข่าว  26   ตุลาคม 2565 ข่าวแจก 15 / ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การใช้กัญชงในอาหาร

  • ข่าว

  • สธ.
  • ประกาศกระทรวงสาธารณสุข
  • กัญชา
  • กัญชง
  • กัญชาในอาหาร

  • 279 views