ลักษณะ งาน ห้องสมุด มี กี่ ประเภท อะไรบ้าง

ลงทะเบียนทรัพยากรสารนิเทศหรือการลงรายการทรัพยากรห้องสมุด เป็นการบันทึกรายการทรัพยากรสารนิเทศห้องสมุดที่ได้ดำเนินการจัดหามาเรียบร้อยแล้ว เพื่อไว้เป็นหลักฐานโดยระบุรายละเอียด ของทรัพยากรสารนิเทศห้องสมุดแต่ละชิ้นในสมุดทะเบียนของห้องสมุด หรือระบบฐานข้อมูลห้องสมุด โดยจะยกตัวอย่างถึงการลงทะเบียนทรัพยากรสารนิเทศห้องสมุดที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ ซึ่งแยกตามประเภทได้แก่ หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ และจุลสาร ดังนี้

�ѡɳ���ͧ��ش����

1. �Ѵ�����������ʴص�ҧ � ���ͧ��ش����������������������§��
2. �պ�ó��ѡ�����դ�������������çҹ
3. �ժ���Դ�繷����˹ѧ����������������ͧ��ش����ö����˹ѧ��������ҧ�дǡ
4. ���Ҥ�� ʶҹ�����١�آ�ѡɳ� ��ö�����ҡ�ȴ� �ʧ���ҧ��§���������㹺���dz���ʧ�
5. ��ʴص�ҧ � ���ͧ��ش�ա�èѴ����������Ǵ����
6. �ա������ԡ�����������ҧ���ҧ��ҧ����繡���������ºؤ��
7. �է�����ҳ����Ѻ��ô��Թ�ҹ���ҧ��͹
8. ���������¡Ԩ�����С������ԡ������ѧ����ͻ�ЪҪ�����ҡ����ش
9. �ըش���������ѹ�����������������ԭ�ͧ�ѧ���ء�Զշҧ

�� : ��� ���Ѩ�� ࡵش�, �.� ������Ҥ�ͧ��� 191 �.2 �.�Ҵ����� �ǧ��ͧ��� �ҧ�л� ��ا෾� 10240, �ѹ��� 20 �չҤ� 2545

ผู้บริหารเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการสนับสนุนการดำเนินงานห้องสมุดให้ผู้มีอำนาจพิจารณาให้การสนับสนุนทั้งในด้านการเงิน กำลังคนและกำลังใจการให้การสนับสนุนจะทำให้การดำเนินงานห้องสมุดบรรลุตามวัตถุประสงค์

  1. อาคารสถานที่

ห้องสมุดต้องมีสถานที่พอเพียงในการเก็บหนังสือและโสตทัศน์วัสดุอุปกรณ์ในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และให้บริการแก่ผู้ใช้ สถานที่ห้องสมุดนั้นอาจเป็นอาคารส่วนใดส่วนหนึ่งของอาคาร

  1.   ครุภัณฑ์

ครุภัณฑ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับห้องสมุดในการที่จะใช้เป็นที่เก็บหนังสือ สิ่งพิมพ์วัสดุต่าง ๆ และยังเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้

  1. วัสดุสารสนเทศ

ห้องสมุดจำเป็นจะต้องมีหนังสือ สิ่งพิมพ์ต่าง ๆ  และโสตทัศน์วัสดุเพื่อสนองความต้องการแก่ผู้ใช้วัสดุสารสนเทศของห้องสมุดโดยทั่ว ๆ ไป จัดแบ่งเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ  วัสดุตีพิมพ์  วัสดุไม่ตีพิมพ์ และวัสดุอิเล็กทรอนิกส์

  1. บุคลากร

ห้องสมุดจะต้องมีบรรณารักษ์ซึ่งมีพื้นความรู้ในวิชาบรรณารักษศาสตร์เป็นบรรณารักษ์และบุคลากรอื่น ๆ ร่วมดำเนินงานห้องสมุด

  1. เงินอุดหนุน

เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดหาวัสดุสารสนเทศ ครุภัณฑ์ และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อดำเนินงานห้องสมุดบรรลุเป้าหมายที่วางไว้

ห้องสมุดในสมัยโบราณ

ห้องสมุดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และที่ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรก สันนิษฐานกันว่า  เห็นจะได้แก่ห้องสมุดตามวัด  และพระราชวัง เพราะวัดเป็นที่ชุมนุมของนักบวชซึ่งเป็นผู้รู้เรื่องศาสนา  พระราชวังเป็นที่ซึ่งมีนักปราชญ์ราชบัณฑิตรับราชการ หรืออยู่ในพระราชูปถัมภ์

ห้องสมุดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่นักโบราณคดีได้ค้นพบ   คือ  ห้องสมุดของพระเจ้าซาร์กอนแห่งอาณาจักรอัสซีเรีย  (Sargon of Assyria) ซึ่งสร้างขึ้นประมาณ ๓๐๐ ปีก่อนพุทธกาล เป็นที่รวบรวมหนังสือความรู้ต่างๆ ในรูปของแท่งดินเหนียวสลักตัวอักษรรูปลิ่ม มีทั้งแท่งดินดิบ  และแท่งดินเผา ห้องสมุดนี้ทำให้นักโบราณคดี  และนักภาษาโบราณสามารถเรียนรู้อารยธรรมของอาณาจักรโบราณในลุ่มแม่น้ำไทกริส   และยูเฟรติสในตะวันออกกลางได้มาก ห้องสมุดแห่งนี้มีหนังสืออยู่ประมาณ๒๒,๐๐๐ แท่ง เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยพระเจ้าอัสสุรบานิปาล พระราชนัดดา ของพระเจ้าซาร์กอนที่ ๒ มีหนังสือเพิ่มเติมมากขึ้น

มีการจัดหมู่หนังสือ  และลงบัญชีไว้เรียบร้อยส่วนมากเป็นเรื่อง ประวัติศาสตร์  ศาสนา วรรณคดีหลักภาษา วิทยาศาสตร์ เท่าที่รู้จักกันในสมัยนั้น และเศรษฐกิจ

มีหลักฐานปรากฏในอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยโบราณต่อมาว่า มีห้องสมุดสำคัญๆหลายแห่ง เช่น ในอียิปต์สมัยโบราณ มีห้องสมุดเมืองอะเล็กซานเดรีย (Alexandria) และห้องสมุด ที่เมืองเพอร์กามุม (Pergamum) สมัยกรีกโบราณมีห้องสมุดส่วนตัว ของอาริสโตเติล (Aristotle) ในยุโรปตอนปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๐  มีห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันคือ  หอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส  และหอสมุดแห่งชาติอังกฤษ เป็นต้น

ในซีกโลกตะวันออก  อาณาจักรโบราณเช่น จีน และอินเดีย ซึ่งมีความก้าวหน้าทางวิชาความรู้และหนังสือ  ก็มีการสะสมหนังสือด้วยเหมือนกัน ชาวจีนโบราณรู้จักวิธีทำกระดาษสำหรับเขียนหนังสือ รู้วิธี

พิมพ์หนังสือด้วยแผ่นไม้ และแกะตัวพิมพ์ มีการบันทึกความรู้ ทำนองสารานุกรม จดบันทึกพงศาวดารเรื่องราวในอดีตมีการแต่งวรรณคดี  ชาวเกาหลีโบราณรู้จักวิธีพิมพ์ด้วยตัวพิมพ์โลหะและมีหน่วยราชการ  “ว่าด้วยหนังสือ” ชาวอินเดีย มีตำราว่าด้วยเทววิทยา ศาสนา วรรณศิลป์ และศิลปกรรมมาช้านาน อย่างไรก็ดี ความรู้เกี่ยวกับห้องสมุดหรือคลังหนังสือของประเทศทั้งสองในสมัยโบราณ คงเป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบกันต่อไป

ประวัติของห้องสมุดในประเทศไทย

สมัยกรุงสุโขทัย ผู้คิดประดิษฐ์ตัวอักษรไทยซึ่งใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้คือ พ่อขุนรามคำแหง เก็บรักษาไว้ที่หอไตร
สมัยกรุงศรีอยุธยา มีการเขียนหนังสือด้วยมือลงสมุดข่อย ซึ่งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชรวบรวมจัดเก็บไว้ที่หอหนังสือหลวงภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 ถูกพม่าเผาพระราชวัง วัด บ้านเรือนประชาชนเสียหายมาก หนังสือก็ถูกเผาไปมากเช่นกัน
สมัยกรุงธนบุรี  พระเจ้ากรุงธนบุรีได้จัดตั้งหอหลวงขึ้นสำหรับเก็บรวบรวมคัมภีร์พระไตรปิฎกในส่วนที่เหลือและได้ขอยืมมาจากเมืองนครศรีธรรมราชเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 1 ได้สร้างหอพระมณเฑียรธรรมขึ้นในบริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ใช้สำหรับเก็บพระไตรปิฎกและหนังสืออื่น ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือทางศาสนาและวรรณคดี กฎหมาย ตำราแพทย์และพงศาวดารซึ่งกระจายอยู่ตามที่ต่าง ๆ
รัชกาลที่ 3 เมื่อปีพ.ศ.2332  โปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์วัดโพธาราม  และพระราชทานนามใหม่ว่า
“วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส”  ซึ่งปัจจุบันคือวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรวิหาร  และโปรดเกล้าฯให้สร้างศาลาราย 70 ศาลา ขึ้นเพื่อจารึกเรื่องชาดก รวบรวมตำรายาและการแพทย์แผนไทย ตำราอาชีพต่าง ๆ ซึ่งจะจารึกไว้บนแผ่นศิลาเป็นร้อยกรองประเภทโคลง  และข้อความสั้น ๆ โดยสมเด็จฯ กรมพระปรมานุชิตชิโนรสเป็นเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนา ซึ่งมีประวัติของสาวกคนสำคัญ ๆ ของพระพุทธเจ้า เช่น พระสารีบุตร พระมหากัสสป ส่วนเรื่องทางด้านขนบธรรมเนียมประเพณีไทยจะเขียนเป็นร้อยแก้ว เช่น เรื่องเกี่ยวกับประเพณีกวนข้าวทิพย์ มหาสงกรานต์ ขบวนแห่พยุหยาตรา วรรณคดีร้อยแก้วเรื่องนารายณ์สิบปาง และรามเกียรติ์ เขียนและวาดภาพไว้ตามฝาผนังและในพระวิหาร เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชน จึงนับได้ว่าวัดพระเชตุพนฯ แห่งนี้เป็นห้องสมุดประชาชนแห่งแรกของประเทศไทย
รัชกาลที่ 5 ได้สร้างหอพระสมุดวชิรญาณขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสนองคุณพระชนกนาถ ซึ่งต่อมาภายหลังโปรดเกล้าฯ ให้รวมหอพระมณเฑียรธรรม หอพระสมุดวชิรญาณ และหอพุทธสังคหะเข้าด้วยกัน และให้ใช้ชื่อว่า “หอพระสมุดสำหรับพระนคร” ตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง และภายหลังรัชกาลที่ 6

ได้ย้ายมาอยู่ที่ตึกถาวรหน้าวัดมหาธาตุฯ ด้านสนามหลวง เพื่อใช้เป็นที่เก็บรวบรวมหนังสือประเภทต่าง ๆ ได้แก่ หนังสือพระพุทธศาสนา หนังสือไทย และหนังสือต่างประเทศ หนังสือเก่ามีคุณค่าหายากเช่น ไตรภูมิพระร่วง พระราชกฤษฎีกา และตำนานเขียนสมัยกรุงศรีอยุธยาหลายเรื่อง จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี ต้นร่างพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวอีก 6 เรื่อง คือ ปลุกใจเสือป่า แบบสั่งสอนเสือป่าและลูกเสือ การราชาภิเษกพระราม บ่อเกิดแห่งรามเกียรติ์ พระนลคำหลวง และโองการแช่งน้ำ
ส่วนหนังสือต่างประเทศที่ซื้อไว้ในหอพระสมุดนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ไทยที่ชาวต่างประเทศเขียนไว้ในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งจะใช้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้เป็นอย่างดี
หอพระสมุดวชิรญาณมีความสำคัญเพราะเป็นสถานที่รวบรวมหนังสือไทยที่เป็นต้นฉบับตัวเขียนด้วยมือไว้ได้มากที่สุดในขณะนั้น ซึ่งบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ของเมืองไทยที่มีทาแต่เดิม และแต่งขึ้นใหม่ให้แพร่หลาย และคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ประวัติห้องสมุดโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

ปี พ.ศ. 2539  ห้องสมุดอยู่ที่ชั้น 4 ของอาคารสร้อยฟ้า  ขนาด  1  ห้องเรียน  ขณะนั้นยังมีหนังสือจำนวนน้อยในห้องสมุด  หนังสือชุดแรกที่ห้องสมุดได้รับ  เป็นหนังสือ Encycropedia   จำนวน  1  ชุด      จากโรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย
ต่อมาปี พ.ศ. 2541 ได้ย้ายห้องสมุดไปอยู่ชั้นล่าง อาคารแคทรียา จำนวน 1 ห้องเรียน ซึ่งเป็นห้อง Study  ของนักเรียนหอพักชาย โดยมีนางสุณิสา   พรหมภัฒน์ เป็นหัวหน้างานห้องสมุด  และนางฉวีวรรณ  โมฬี  เป็นบรรณารักษ์  ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการเมษ  ตันยรักษ์
ประมาณปี พ.ศ. 2542 ได้ขยายห้องสมุดเพิ่มอีก 1 ห้องเรียน ซึ่งแบ่งเป็น 2 ห้อง คือ ห้องสมุดทวีปัญญา  ซึ่งให้บริการหนังสือหมวดต่างๆ  และห้องสมุด E-Library  ให้บริการวารสารและอินเตอร์เน็ต  เพื่อรองรับโรงเรียนในฝัน  และได้เริ่มนำเทคโนโลยีมาใช้ในห้องสมุดครั้งแรก โดยใช้คอมพิวเตอร์ในการเก็บข้อมูลหนังสือและสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ด้วยโปรแกรม  Alice  For  Window  พร้อมจัดทำบาร์โค้ดหนังสือการสืบค้นข้อมูลหนังสือด้วยคอมพิวเตอร์  ภายใต้การบริหารของผู้อำนวยการสดศรี  ตันสุธัญลักษณ์ ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของผู้อำนวยการสดศรี  ตันสุธัญลักษณ์  ที่เห็นความสำคัญของห้องสมุด  จึงสร้างห้องสมุดโรงเรียนใหม่ขึ้นกลางน้ำ เป็นอาคาร  2  ชั้น ด้วยงบประมาณกว่า 7,000,000 บาท  เสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2554  และย้ายเข้ามาใช้ให้บริการเมื่อ ภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา  2554  ปัจจุบันห้องสมุดเปลี่ยนมาใช้ โปรแกรม Library 2001

เกียรติประวัติห้องสมุดโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ภูเก็ต

           – รับเกียรติบัตรครูดีเด่นในวิชาชีพบรรณารักษศาสตร์และสารสนเทศศาสตร์ ปี 2548 จากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทย

               – รับรางวัลห้องสมุดดีเด่น  ปี 2548 ระดับเขตพื้นที่การศึกษาภูเก็ต

                – รับเกียรติบัตรครูยอดนักอ่าน  ปี 2548 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภูเก็ต

                – รับเกียรติบัตรนักเรียนยอดนักอ่าน  ปี 2548 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภูเก็ต

                – รางวัลโรงเรียนรักการอ่าน จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

                – รับรางวัลชมเชย ห้องสมุดดีเด่น  ปี  2552  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภูเก็ต

                – รับรางวัลกิจกรรมห้องสมุดโรงเรียนดีเด่น ปี 2553 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ภูเก็ต

ลักษณะของห้องสมุดสมัยใหม่

ห้องสมุดในยุคก่อน ๆ มุ่งที่จะจัดเก็บหนังสือเอาไว้อย่างเข้มงวดมีการล่ามโซ่หนังสือเอาไว้บนที่อ่านอย่างแข็งแรงเพื่อป้องกันมิให้หนังสือหาย เพราะหนังสือมีน้อย จัดทำขึ้นยาก ผู้เขียนเป็นและอ่านออกก็มีไม่มาก จึงมีทั้งคุณค่า หายาก และราคาแพง การใช้ห้องสมุดจึงจำกัดอยู่ในวงแคบเฉพาะบางกลุ่ม ซึ่งแตกต่างจากห้องสมุดในปัจจุบัน ลักษณะของห้องสมุดยุคใหม่จึงมีลักษณะดังนี้
1. มีการนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีการสื่อสาร เข้ามาเกี่ยวข้องในการดำเนินงานของห้องสมุดทั้งในด้านกระบวนการทำงาน และ ด้านการบริการผู้ใช้
2. มีระบบโปรแกรมอัตโนมัติในการจัดการงานด้านต่าง ๆของห้องสมุด ได้แก่ งานจัดหา งานวิเคราะห์ทรัพยากรสารสนเทศ  งานบริการยืม – คืน งานสืบค้นข้อมูล และ งานด้านวารสาร
3. มีทรัพยากรที่เป็นข้อมูลอยู่ในรูปแบบดิจิตอล ได้แก่ ข้อมูลที่เป็นตัวอักษร รูปภาพ เสียงและภาพเคลื่อนไหว โดยจัดเก็บข้อมูลไว้ในระบบฐานข้อมูล ในเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่าย และให้บริการข้อมูลผ่านเครือข่าย
4. มีการใช้เทคโนโลยีในการสร้างข้อมูล การจัดเก็บ  การค้นหา และ การเผยแพร่ผ่านระบบเครือข่าย
5.   มีการให้บริการข้อมูลในลักษณะการใช้ข้อมูลร่วมกัน ผู้ใช้สามารถที่จะเปิดอ่านข้อมูลพร้อมๆ กัน ได้ในเวลาเดียวกัน ต่างสถานที่กัน โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
6. ผู้ใช้สามารถที่จะใช้ข้อมูลได้โดยตรง เป็นเนื้อหาเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องมาที่อาคารห้องสมุด เนื่องจากสามารถเปิดอ่านได้โดย ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ลักษณะของห้องสมุดที่ดี

ห้องสมุดที่ดีนั้นควรมีการจัดบริการที่สนองตอบความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างกว้างขวาง ผู้ใช้ได้รับความสะดวก รวดเร็วและสามารถใช้ห้องสมุดในการเพิ่มพูนความรู้ ตลอดจนนำเอาความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นห้องสมุดที่ดีควรมีลักษณะดังนี้

  1. จัดขึ้นเพื่อใช้วัสดุต่าง ๆ ในห้องสมุดไม่ใช่มีไว้เพื่อเก็บไว้ดูสวยงาม
  2. มีบรรณารักษ์ที่มีความรู้ไว้บริหารงาน
  3. มีชั้นเปิดเป็นที่เก็บหนังสือเพื่อให้ผู้ใช้ห้องสมุดสามารถค้นหาหนังสือได้อย่างสะดวก
  4. มีอาคาร สถานที่ที่ถูกสุขลักษณะ การถ่ายเทอากาศดี แสงสว่างเพียงพอและอยู่ในบริเวณที่สงบ
  5. วัสดุต่าง ๆ ในห้องสมุดมีการจัดการไว้เป็นหมวดหมู่
  6. มีการให้บริการแก่ผู้ใช้อย่างกว้างขวางทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล
  7. มีงบประมาณสำหรับการดำเนินงานอย่างแน่นอน
  8. พยายามขยายกิจการและการให้บริการสู่สังคมหรือประชาชนให้มากที่สุด
  9. มีจุดมุ่งหมายในอันที่จะส่งเสริมความเจริญของสังคมทุกวิถีทาง

ลักษณะงานของห้องสมุด

งานห้องสมุด เป็นงานบริการทางวิชาการ  แบ่งเป็น 5 งาน คือ

  1. งานบริหาร

เป็นงานที่ต้องนำเอาหลักการบริหารงานทั่วไปมาใช้  เพื่อดำเนินงานห้องสมุดให้บรรลุเป้าหมาย  งานบริหารได้แก่

ลักษณะงานห้องสมุดมีอะไรบ้าง

ให้บริการยืม – คืน ทรัพยากรสารสนเทศภายในห้องสมุด.
สอนการใช้ตู้ยืม – คืน อัตโนมัติ.
รับคืนหนังสือเกินกำหนด และค่าปรับ.
รับแจ้งหนังสือหาย.
บริการรับจองการใช้ห้องสมุดแก่ครูที่นำนักเรียนเข้ามาใช้ค้นคว้าภายในห้องสมุด.
จัดเก็บสถิติผู้เข้าใช้ และสถิติการยืมทรัพยากรสารสนเทศ.
ติดตามทวงหนังสือส่งคืนเกินกำหนด.
ให้บริการหนังสือจอง.

ห้องสมุดมีกี่ฝ่ายงาน

ศูนย์บรรณสารและสื่อการศึกษา แบ่งฝ่ายงานภายในออกเป็น 4 ฝ่าย ดังนี้ ฝ่ายเลขานุการและธุรการ ฝ่ายพัฒนาและจัดระบบทรัพยากรสารนิเทศ

ภายในห้องสมุดมีอะไรบ้าง

ห้องสมุด คือแหล่งสารนิเทศ บริการทรัพยากรสารนิเทศในรูปแบบต่าง ๆ เช่น หนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์ จุลสาร กฤตภาค วัสดุเทป และโทรทัศน์ ซีดีรอม วีซีดี ดีวีดี โดยมีบรรณารักษ์ เป็นผู้ดำเนินงาน และบริหารงานต่าง ๆ ในห้องสมุด โดยจัดระบบเป็นหมวดหมู่ และระเบียบเรียบร้อย เพื่อให้ผู้ใช้ห้องสมุดมีความสะดวกสืบค้นได้ง่ายและตรงกับความ ...

ห้องสมุดมีกี่ประเภท มีอะไรบ้าง อธิบาย

4. ห้องสมุดมีกี่ประเภท อะไรบ้าง 5 ประเภท คือ 1. หอสมุดแห่งชาติ 2. ห้องสมุดประชาชน 3. ห้องสมุดวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย 4. ห้องสมุดโรงเรียน 5. ห้องสมุดเฉพาะ 5. ลักษณะของห้องสมุดที่ดีในความคิดของนักเรียนควรจะเป็นอย่างไร