จะวันทำงานหรือวันหยุดตอนนี้ก็ต้องอยู่บ้านไม่ต่างกัน เมื่อไม่ได้ออกไปเติมพลังหรือหาแรงบันดาลใจกันที่ไหน OfficeMate มีภาพยนตร์น้ำดี 7 เรื่องที่จะช่วยสร้างเสียงหัวเราะ และช่วยเติมพลังให้เราพอมีแรงใช้ชีวิตต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชวนหดหู่นี้ Show Forrest Gump (1994)หนังเก่าที่ใครต่อใครต่างยกขึ้นหิ้งให้เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจตลอดกาล หนังถ่ายทอดเรื่องราวของ ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ชายผู้มีพัฒนาการทางสมองต่ำกว่าปกติ สวนทางกับความดีงามของจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เปิดเรื่องด้วย กัมพ์ นั่งอยู่ที่ป้ายรถเมล์และบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา จากวัยเด็กที่เกิดมาพร้อมขาที่อ่อนแรง จึงมักโดนเพื่อนๆ รังแก ชีวิตในวัยเรียน ชีวิตวัยทำงาน และแม้แต่ชีวิตรักที่เขาต้องพบเจอกับความผิดหวังอยู่เสมอ ถึงแม้จะด้อยกว่าคนอื่นในเรื่องสติปัญญา แต่ กัมพ์ กลับก้าวข้ามความโชคร้ายของชีวิตเหล่านั้นด้วยการใช้ทัศนคติที่ดีจิตใจที่ใสซื่อมองโลกในมุมต่าง ยึดถือว่าต้องทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดเสมอจนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และกลายเป็นขวัญใจที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนทั้งโลก “Life is like a box of chocolate. You never know what you’re gonna get.” The Devil Wears Prada (2006)หนังสร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าเด็กจบใหม่ และคนที่ยังคงมองหางานที่ใช่สำหรับตัวเอง หนังสนุกเกี่ยวกับเบื้องหลังวงการแฟชั่น ที่ถูกถ่ายทอดบทบาทตัวละครได้ดี ด้วยบทของบรรณาธิการหนังสือนิตยสารชื่อดังของนิวยอร์ก “มิแรนด้า” กับผู้ช่วยจบใหม่อย่าง “แอนเดรีย” แอนเดรีย นักศึกษาจบใหม่ที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักหนังสือพิมพ์ แต่จับพลัดจับพลูได้กลายมาเป็นผู้ช่วยให้กับมิแรนด้า เจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่น จอมบงการและเนี๊ยบเฉียบทุกดีเทล ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่เด็กสาวนับล้านคนใฝ่ฝันที่จะได้มัน เริ่มแรกแอนเดรียรู้สึกไม่เป็นตัวเอง แถมต้องคอยรับอารมณ์ฉุนเฉียวของมิแรนด้า แต่ในเมื่อได้งานนี้มาแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด แอนเดรียเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองจนคล้ายจะกลายเป็นมิแรนด้าขึ้นทุกที ในที่สุดเธอสามารถเป็นที่ยอมรับของมิแรนด้าได้ แถมหนังเรื่องนี้ยังแอบจิกกัดแนวคิดด้านแฟชั่นเรื่องรูปร่าง และภาพลักษณ์ภายนอกของหญิงสาว และสะท้อนชีวิตจริงของคนที่ปล่อยให้งานกัดกร่อนชีวิตส่วนตัวจนเกิดเป็นปัญหาครอบครัวอีกด้วย The Intouchables (2011)“The Intouchables” เป็นหนังสร้างแรงบันดาลใจที่มาจากเรื่องราวชีวิตของ Philippe Pozzo Di Borgo กับ Abdel Sellou ซึ่งเคยถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของสารคดีก่อนจะถูกสร้างเป็นหนัง ฟิลิปป์ เศรษฐีนักค้างานศิลปะผู้ประสบอุบัติเหตุจนกลายเป็นอำมพาต วันนึงเขาตัดสินใจรับ ดริส ชายผิวสีผู้มีประวัติเคยติดคุกให้เข้ามาทำงานในฐานะผู้ดูแล ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความกังวลกับเรื่องนี้ แต่ฟิลลิปป์กับประทับใจที่ ดริสเป็นคนเดียวที่ไม่มองเขาด้วยสายตาที่สงสาร แต่กับทำสิ่งต่างๆ เหมือนฟิลิปป์คนธรรมดาคนนึง และตัวฟิลิปป์เองก็ทำให้ดริส ได้เข้าใจกับคุณค่าของชีวิตมากขึ้น ระยะเวลาที่ผ่านไปทำให้ก่อเกิดเป็นมิตรภาพที่สุดประทับใจ เป็นการเติมเต็มชิ้นส่วนความหมายของชีวิตที่ขาดหายไปด้วยการเปิดใจรับวิถีชีวิตที่แตกต่างของผู้อื่น “Sometimes you have to reach into someone else’s world to find out what’s missing in your own.” The Secret Life of Walter Mitty (2013)หนังเรื่องนี้สามารถสะกดผู้ชมด้วยความงามของฉากต่างๆ ที่พาดผ่านอยู่ในระหว่างการเล่าเรื่องของหนัง บางคนดูจบและพูดว่า อยากออกไปท่องโลกแบบมิตตี้บาง เพราะสถานที่ถ่ายทำในเรื่องสวยจับใจ แต่หนังเรื่องนี้มีนัยที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหามากกว่านั้น ใครที่กำลังรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ไร้คุณค่า หนังเรื่องนี้จะกลับมาสร้างคุณค่าและแรงบันดาลใจให้คุณ เวลเตอร์ มิตตี้ เป็นชายวัยกลางคนที่ทำงานอยู่ในห้องเก็บฟิล์มของนิตยสารLife ด้วยอายุงานและสิ่งแวดล้อมรอบข้างทำให้ไม่มีใครเห็นคุณค่าในสิ่งที่เขาทำซึ้งตัวมิตตี้เองก็ได้ทำตัวตนหล่นหายเมื่อตอนที่พ่อเสียชีวิตลง เพื่อแลกกับสิ่งที่จำเป็นต้องทำมากกว่าในตอนนั้นแต่แล้ววันหนึ่งในห้องทำงานเดิมๆ ของเขา ฟิล์มภาพสำคัญที่จะต้องใช้เป็นภาพหน้าปกนิตยสารLife เล่มสุดท้ายก็หายไป ทำให้มิตตี้ต้องออกเดินทางตามหาช่างภาพนามว่า ฌอน ระหว่างทางทำให้เค้าค้นพบตัวตนของตัวเองอีกครั้งและเข้าใจว่าคุณค่าที่แท้จริงคืออะไร จากประโยคเด็ดที่ว่า “Beautiful things don’t ask for attention.” The Theory of Everything (2014)หนังสร้างแรงบันดาลใจในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิตและยังเป็นหนังโรแมนติก-ดราม่า ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ผู้ล่วงลับอย่างสตีเฟน ฮอร์คิงอัจฉริยะด้านวิทยาศาสร์ผู้ก้าวข้ามขีดจำกัดด้านร่างกายจนสามารถประสบความสำเร็จได้ในชีวิตจริง“However bad life may seem, there is always something you can do, and succeed at. While there is life, there is hope” สตีเฟน ฮอร์คิง พบว่าตัวเองเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และแพทย์ระบุว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 2 ปี แต่เขาก็ยังเชื่อมั่นและต่อสู้เพื่อสร้างสรรค์ผลงาน โดยเฉพาะทฤษฎีเกี่ยวกับเรื่องของเวลา และสร้างครอบครัวขึ้นมากับเจน ฮอว์คิง ภรรยาสุดที่รัก ผู้เป็นเบื้องหลังกำลังใจและความสำเร็จ ทำให้เราเข้าใจว่า “คนเราสามารถประสบความสำเร็จภายใต้ขีดจำกัดของตัวเองได้” Still Alice (2014)หนังสร้างแรงบันดาลใจที่ดำเนินเรื่องไปอย่างเนิบๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่แสดงออกถึงพลังใจของคนในครอบครัวในวันที่สมาชิกต้องเจอกับเรื่องราวแย่ๆ ในชีวิต “อลิซ” เป็นอาจารย์ด้านภาษาศาสตร์ในมหาวิทยาลัย ที่เก่งและเฉลียวฉลาด พร้อมทั้งมีครอบครัวที่อบอุ่นจนน่าอิจฉา วันนึงเธอเริ่มมีอาการหลงลืมสิ่งที่จะพูด ทั้งๆ ที่เธอรู้จักคำคำนั้นเป็นอย่างดี หลงลืมสิ่งที่จะทำ อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเธอตัดสินใจไปพบแพทย์ และได้รู้ว่าตัวเธอเองเป็นอัลไซเมอร์ชนิดเกิดเร็ว ตัวตนของคนเราเกิดจากความทรงจำ หากเราเริ่มลืมสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเรา ความเป็นตัวตนก็คงเลือนหายไปด้วย ไม่เพียงผู้ป่วยเท่านั้นที่เจ็บปวด ครอบครัวก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่ถึงแม้อุปสรรคของอลิส คือโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร ความโชคดีในความโชคร้ายคือ ครอบครัวที่พร้อมเคียงข้างอลิส และผ่านเรื่องราวครั้งนี้ไปด้วยกัน The Intern (2015)หนัง Feel good ที่สามารถอุ่นหัวใจให้คุณได้ในช่วงหน้าหนาวปลายปีแบบนี้ เป็นการนำเสนอมุมมองทั้งเรื่องการทำงาน และการใช้ชีวิตของคนสองวัย อย่างคนวัยเกษียณอายุ70 ปี “เบน วิทเทคเคอร์” และคนรุ่นใหม่วัยทำงาน “จูลส์ ออสติน” ที่มาบรรจบกันด้วยบทเด็กฝึกงานกับบอสสาวเจ้าของบริษัท ด้วยความที่เบน ผู้มีไฟในการทำงานแม้อายุล่วงเลย เขาจึงตัดสินใจเข้ามาเป็นพนักงานฝึกหัดในทีมของจูลล์ผู้บริหารบริษัทขายเสื้อผ้าออนไลน์ไฟแรง ที่มีบุคลิกเร่งรีบทำงานที่ยุ่งเยิงอยู่เสมอจนละเลยเรื่องของตัวเองและครอบครัว และด้วยความล้าสมัยของเบน ทำให้จูลล์มองว่าเขาไม่มีประโยชน์กับทีมหนังดำเนินได้สนุกสนานพร้อมใส่มุกตลกชวนขำ แต่แล้วในที่สุดปัญหาเรื่องงานก็เกินขึ้นกับจูลล์ด้วยคำแนะนำจากเด็กฝึกงานรุ่นเก๋าอย่างเบน ก็ทำให้เธอผ่านปัญหามาได้ จนคนทั้งสองวัยเข้าใจกันมากขึ้นหนังเสนอมุมมองความคิดของประสบการณ์ในช่วงชีวิตคนเราที่เทคโนโลยีก็ไม่สามารถแทนที่ได้รวมถึงการฉีกกรอบสังคมที่คาดหวังให้คนแต่ละวัยต้องทำในสิ่งที่สังคมมองว่าเหมาะสมทั้งๆ ที่สิ่งนั้นอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ “Experience never gets old” “You’re never wrong to do the right thing” ออฟฟิศเมทหวังว่าหนังทั้ง 7เรื่องจะอยู่เป็นเพื่อนให้ชาวออฟฟิศไม่เหงาในช่วงที่ต้องอยู่แต่บ้านนี้นะคะ นอกจากความเพลิดเพลินบันเทิงสมองแล้วแต่ละเรื่องยังสอดแทรกแก่นสาระที่เป็นเหมือนเชื้อไฟเติมพลังให้คนทำงานอย่างเราๆ ต่อสู้กับอุปสรรคหลากหลายรูปแบบที่จะเข้ามาหรือกำลังรับมืออยู่และปรับเปลี่ยนมุมมอง แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยนไปแล้วนะคะ ดูหนังยาวๆ หลายเรื่องแบบนี้ จอเล็กมันไม่เต็มอิ่มจุใจละม้างงง?ใครอยากดูหนังจอใหญ่ๆ ใช้โปรเจคเตอร์ กับลำโพงเสียงดีๆ เป็นการเพิ่มอรรถรสให้หนังได้อีกหลายเลเวลเลยนะคะ สามารถซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์OfficeMateแถมเรายังมีบริการส่งฟรีถึงหน้าบ้านเมื่อช้อปครบ 499 บาท อีกด้วย! อ่านบทความเพิ่มเติม
|