เชื่อว่าในชีวิตของลูกผู้หญิงหลายคนจะต้องเคยมีประสบการณ์ปวดท้องน้อยกันบ้าง อาจะปวดน้อย ปวดมาก แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลในระหว่างที่มีประจำเดือน แต่คุณรู้หรือไม่ว่า อาการปวดท้องน้อย ปวดหน่วงๆ บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องปกติของของเดือนเสมอไป หากมาพร้อมกับอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังทุกวัน รอบเดือนมากผิดปกติ ปวดหน่วงๆ จนไม่สามารถทำกิจวัตรประจำอื่นได้ นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคต่างๆได้ การปวดท้องน้อย สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ มีทั้งแบบเรื้อรัง และทันทีทันใด ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ต่างกัน
จะรู้ได้อย่างไรว่าอาการ “ปวดท้องน้อย” ที่เป็นมาจากสาเหตุใด? สาเหตุของการปวดท้องน้อยมีหลายอย่าง หากมีอาการควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ และรับการรักษาต่อไป ปัจจุบันการค้นหาโรคจากความผิดปกติทำได้ไม่ยุ่งยาก และเสียเวลา เช่น การตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) ซึ่งจะทำให้เห็นลักษณะของมดลูก และปีกมดลูกได้ การส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ การทำเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอ็มอาร์ไอ เป็นต้น การรักษามีวิธีการอะไรบ้าง? เมื่อทราบสาเหตุแล้ว
ทางเลือกการรักษาเริ่มจากการใช้ยา เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาลดการอักเสบ หรือฮอร์โมน การผ่าตัด เช่น ขึ้นอยู่กับอาการ ความเหมาะสม และวิจารญาณของแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยแต่ละราย อย่างไรก็ตาม การปวดท้องน้อยมีทั้งชนิดเฉียบพลัน และชนิดเรื้อรัง เมื่อเกิดแล้วไม่ควรมองข้าม ควรตรวจเช็คสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โรงพยาบาลเปาโล พหลโยธิน โทร. 0-2271-7000 ต่อ สุขภาพสตรี ปวดท้องน้อย (Pelvic Pain) คืออาการปวดช่องท้องด้านล่างบริเวณอุ้งเชิงกราน อาการปวดท้องน้อยอาจเป็นสัญญาณจากการติดเชื้อ การอักเสบ การบาดเจ็บที่อวัยวะภายในระบบย่อยอาหาร ระบบขับถ่าย ระบบสืบพันธุ์ หรืออาจเกิดการบาดเจ็บบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกราน แต่อาการปวดท้องน้อยในผู้หญิงโดยส่วนมากมักจะเกิดจากความผิดปกติของระบบสืบพันธุ์ โรคที่มักจะเกิดอาการปวดท้องน้อยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือโรคจากระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง และโรคในช่องท้องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง โรคจากระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิงที่ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยคือ
โรคในช่องท้องที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งชายและหญิง
อาการปวดท้องน้อยอาจมีลักษณะปวดเสียด ปวดหน่วง ๆ ปวดแปลบ ๆ โดยอาจมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยมีอาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันแล้วหายไป หรือเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื้อรังก็ได้โดยลักษณะของอาการจะขึ้นอยู่กับสาเหตุของการป่วย แต่ถ้าหากเกิดอาการปวดท้องน้อยอย่างรุนแรงกะทันหัน มีอาการปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ หรือมีอาการปวดท้องน้อยคู่กับอาการดังต่อไปนี้
ขอแนะนำให้เข้ารับการตรวจ MRI Lower Abdomen (ตรวจช่องท้องส่วนล่าง) เพื่อหาสาเหตุของอาการเพราะการตรวจสามารถแสดงภาพความผิดปกติของอวัยวะได้อย่างชัดเจนทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ตกขาวทำให้ปวดท้องได้ไหมหากมีอาการปวดท้องน้อยร่วมกับมีอาการตกขาวปริมาณมาก มาเป็นเวลานาน อาจเกิดจากมีมดลูกอักเสบ หรืออุ้งเชิงกรานอักเสบ ซึ่งคือการอักเสบติดเชื้อในมดลูก รวมถึงท่อนำรังไข่ รังไข่ และภายในช่องท้องน้อย โดยเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด เชื้อเหล่านี้จะแพร่กระจายมาจากช่องคลอดหรือปากมดลูก
ปวดท้องข้างขวาเกิดจากสาเหตุอะไรปวดท้องด้านขวาบน มักเกิดหลังจากการทานอาหารที่มีไขมันสูงมาก เมื่อนำมือไปกดลงบริเวณที่มีอาการปวด อาจพบก้อนเนื้อแข็ง และอาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตามมา ตับอ่อนอักเสบ ปวดท้องด้านขวาแล้วลามไปถึงแผ่นหลัง เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ซึ่งส่งผลให้ตับอ่อนทำงานผิดปกติ และเกิดอาการตับอ่อนอักเสบได้ ไส้ติ่งอักเสบ
ปวดท้องหน่วงๆเกิดจากอะไรส่วนสาเหตุของการปวดท้องน้อยที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในเพศหญิงและเพศชาย ได้แก่ ความผิดปกติของลำไส้ เช่น ไส้ติ่งอักเสบ ไส้เลื่อน ลำไส้อักเสบเรื้อรัง ถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis) ท้องผูกเรื้อรัง ความผิดปกติของกระเพาะปัสสาวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบเรื้อรัง
ปวดท้องตรงไหนอาการปวดท้องน้อย เป็นอาการปวดตั้งแต่บริเวณใต้สะดือลงไปจนถึงหัวหน่าว เป็นอาการที่ผู้หญิงหลายคนมักจะมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง เพราะคิดว่าเป็นอาการปวดท้องทั่วๆ ไป คล้ายกับการปวดประจำเดือนที่ไม่นานก็หาย แต่แท้จริงแล้วอาการปวดท้องน้อยอาจจะเกี่ยวข้องกับ 4 ระบบภายในร่างกาย ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติภายในระบบสืบพันธุ์เพียงอย่างเดียว ...
|