คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกที่มีเชื้อโรคห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่เรามีความเขาใจผิดเกี่ยวกับความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราหลายอย่าง ทุกวันนี้หลายคนรู้ว่าก่อนปรุงอาหารแม่ครัวควรล้างมือให้สะอาดเสียก่อน แต่หลายคนไม่รู้ว่าเมื่อเสร็จจากการปรุงอาหารแล้วควรจะล้างมือให้สะอาดด้วย เนื่องจากในอาหารดิบมีเชื้อโรคมากมายโดยเฉพาะเนื้อสด โรคที่คนเราติดต่อจากสิ่งแวดล้อมที่พบบ่อยๆ มีไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ท้องเดิน ตับอักเสบ โรคเหล่านี้บ้างก็ติดต่อทางอากาศ บ้างก็โดยการสัมผัสด้วยมือ นักจุลชีววิทยา ชาร์ล เกอร์บา แห่งมหาวิทยาลัยอริโซนาได้ทำการศึกษาโดยการเพาะเชื้อจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ แล้วพบว่าคนเรามีความเชื่อผิดหลายอย่างเกี่ยวกับความสกปรกของสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ สบู่เหลวล้างมือฆ่าเชื้อโรคเป็นสิ่งที่สามารถทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกให้ออกจากร่างกายของเราได้ และยังสามารถบำรุงผิวพรรณให้ดูสะอาดไปพร้อมๆกับการฆ่าเชื้อโรคร้ายที่เป็นอันตราย และอาจเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายของเราเจ็บป่วยได้อีกด้วย การล้างมือถือเป็นการดูแลสุขอนามัยพื้นฐานที่เราทุกคนได้รับการปลูกผังกันมาตั้งแต่เด็ก เนื่องจากในแต่ละวันเราใช้มือหยิบจับสิ่งต่างๆมากมาย หากไม่ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร สิ่งสกปรก เชื้อโรค ไวรัส รวมไปถึงสารเคมีต่างๆอาจเข้าสู่ร่างกายผ่านการหยิบอาหาร ยิ่งในปัจจุบันเชื้อโรคต่างๆสามารถพัฒนาระดับความรุนแรงได้ ส่งผลให้การล้างมือยิ่งได้รับการพูดถึงรณรงค์และบังคับให้หน่วยงานราชการต่างๆ โรงเรียน รวมถึงสถานที่สาธารณะ ชุมชน ต้องมีสบู่เหลวล้างมือฆ่าเชื้อโรคเพื่อปลูกผังสุขนิสัยที่ดีให้เกิดขึ้น รวมทั้งป้องกันอันตรายจนถึงการเสียชีวิตที่นับวันจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆอีกด้วย ดังนั้นจึงคิดทำโครงการสอนทำสู่เหลวล้างมือฆ่าเชื้อโรคขึ้นมาเพื่อป้องกันและลดการแพร่เชื้อของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและไข้หวัดต่างๆ และการทำโครงการสอนทำสบู่เหลวล้างมือฆ่าเชื้อโรคนี้ ได้ทำการไปสอนคนในชุมชนบ้านหินเพิง ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ในการสอนทำโครงการให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ทางกลุ่มของเรามีความคาดหวังว่าคนในชุมชนบ้านหินเพิง จะได้รับความเข้าใจและสามารถนำไปเป็นอาชีพหารายได้เสริมแก่ครอบครัวได้จาการทำโครงการสอนทำสบู่เหลวล้างมือฆ่าเชื้อโรคในครั้งนี้ บทที่ 1 from KruPor Sirirat Namthai โครงงาน สบู่เหลวสมนุ ไพรออแกนิค จดั ทาโดย เดก็ ชายวรากรณ์ รหู้ ลัก เด็กชายปฏพิ ล มีสี เดก็ หญงิ นลิน มินออน นักเรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 โครงงานช้ินนเ้ี ป็นส่วนหน่ึงของ โรงเรยี นบา้ นหลบั มืนพรวน ต.จอมจนั ทร์ อ.เวียงสา จ.น่าน ก บทคัดยอ่ การทาสบู่เหลวใช้เอง ช่วยลดต้นทุน และได้ฝึกทักษะหลายด้าน เป็นการลงมือปฏิบัติจริง ได้ค้นคว้า ข กิตติกรรมประกาศ โครงงานน้ี สาเร็จลุล่วงไปได้ ดว้ ยความชว่ ยเหลืออยา่ งดยี ิ่ง ของครูศิรวิ ิมล อภิวนั ครทู ีป่ รกึ ษาโครงงาน คณะครูทุกท่าน ผูป้ กครอง และนัก เรยี นโรงเรียนบ้านหลับมนื พรวน ในการใหค้ าแนะนา ขอ้ เสนอแนะ เพ่ือนทุก ๆ ท่านท่ีให้ความอนุเคราะห์ในการใช้เคร่ืองมือ และให้คาแนะนาในการใช้งานเป็นอย่างดี นกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 6 สารบัญ ค เร่อื ง หน้า สารบญั ง เรอ่ื ง หนา้ ๑ บทที่ 1 บทนา ท่ีมาและความสาคัญของโครงงาน คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกที่มีเชื้อโรคห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา แต่เรามีความเข้าใจผดิ เกี่ยวกับความสะอาด สบู่เหลวล้างมือเป็นสิ่งที่สามารถทาความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกให้ออกจากร่างกายของเราได้ และยัง ดังนน้ั จึงคดิ ทาโครงการสอนทาสูเ่ หลวล้างมอื ฆ่าเช้อื โรคขนึ้ มาเพื่อป้องกนั และลดการแพร่เช้อื ของเช้ือโรคท่ี วตั ถุประสงค์ 1. เพอ่ื ศกึ ษาค้นควา้ และให้ความรเู้ กี่ยวกบั สบเู่ หลวลา้ งมอื ฆ่าเชื้อโรค ตนเอง ท้ังนี้ยงั ช่วยสรา้ งสขุ นสิ ัยในการรักษาอนามัยของตงั เองให้มสี ุขอนามยั ทีด่ ีขนึ้ ระยะเวลาในการดาเนนิ โครงการ ท่ี หวั ขอ้ พฤษภาคม มิถุนายน 2 ศกึ ษาคน้ ควา้ ท่ีมาของปญั หา 5 นาผลติ ภัณฑ/์ วธิ ีการแกป้ ัญหา ไปทดลอง 6 นาผลิตภณั ฑ/์ วธิ กี ารแกป้ ัญหา ปรบั ปรุง 7 ลงมอื สร้างส่ือให้ความรู้ 8 ดาเนนิ โครงการ 9 เกบ็ รวบรวบ วเิ คราะหข์ ้อมูล 10 สรุป และอภิปรายผลการดาเนินโครงการ ตารางท่ี 1.1 ระยะเวลาการดา ๒ กรกฎาคม สงิ หาคม กันยายน 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 าเนินการโครงการ (Gantt Char) งบประมาณ ๓ ชดุ ทาสบูเ่ หลวลา้ งมือฆา่ เชื้อโรค 720 บาท นยิ ามศัพท์เฉพาะ (1) จลุ ชีววทิ ยา (Microbiology) คือการศึกษาเกยี่ วกับสิง่ มีชวี ิตซงึ่ มองไมเ่ หน็ ดว้ ยตาเปล่า (2) สบู่เหลว (Liquid Soap) คอื สบทู่ ่ีไมไ่ ด้ทาเป็นกอ้ นเพราะมีสว่ นผสมน้ามากกวา่ ไขบรรจุใสภ่ าชนะ (3) ทอ้ งเดิน คืออาการที่ถ่ายอจุ จาระเหลวมากบอ่ ย ๆ ๔ ขอบเขตของการทาโครงการ ขอบเขตในการจัดทาโครงการครัง้ นี้ แบง่ เป็น 3 ด้านประกอบด้วยขอบเขตดา้ นเนอื้ หา ขอบเขตด้าน (1) ขอบเขตด้านเนื้อหา ศึกษาความร้เู กย่ี วการทาสบเู่ หลวลา้ งมอื ฆ่าเชือ้ โรค เพ่ือเป็นการเสรมิ สร้าง (2) ขอบเขตดา้ นวธิ กี าร ทาสบเู่ หลวลา้ งมอื ฆ่าเชอ้ื โรค โดยนาส่วนผสมที่เตรยี มไวเ้ ทเขา้ ดว้ ยกนั แล้วคน (3) ของเขตด้านเวลา โครงการนด้ี าเนนิ การในภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2562 จดุ มุ่งหมายของการศึกษา 1. เพ่อื ทาให้บุคลากรในโรงเรียนและชุมชนมสี ุขอนามัยท่ีดีขึ้น ขอบเขตการศกึ ษา สถานท่ี : โรงเรียนบา้ นหลบั มนื พรวน ระยะเวลาการศึกษา วันท่ี 27 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2562 ถึง วันที่ 13 เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2562 ประโยชนท์ จ่ี ะได้รับ (1) ผู้เข้าร่วมโครงการมคี วามรู้ความเข้าใจเกย่ี วกบั สบู่เหลวลา้ งมอื ฆ่าเชื้อโรค บทท่ี 2 ในการจดั ทาโครงงานประเภททดลองเรื่อง สบู่เหลวสมุนไพรออแกนคิ ผจู้ ดั ทาได้ศกึ ษาเอกสารท่ี 2.1 ความหมายของขมนิ้ ชัน 2.1 ความหมายขมนิ้ ชนั 1. ชื่อสมนุ ไพร ขม้ิน ๖ 2. ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ขนาน ดอกออกเป็นช่อ ทรงกระบอก แทงออกจากเหง้า มใี บประดับรูปหอก สีเขยี วอ่อนหรือสีขาว เรยี งซ้อน 3. ส่วนทีใ่ ช้เปน็ ยาและสรรพคุณ อาหาร รกั ษาอาการทอ้ งเสีย 4. สารสาคัญที่เชอื่ ว่าเปน็ สารออกฤทธิ์ หรือสารท่ใี ช้ประเมินคณุ ภาพของสมุนไพร กระเพาะอาหาร 5. ฤทธ์ิทางเภสัชวิทยา ทาให้แผลหายเร็วขึ้น กระตุ้นการหลั่ง mucin มาเคลือบกระเพาะอาหารและยับย้ังการหลั่งน้าย่อยต่าง ๆ ซึ่ง การทดลองในผู้ป่วยแผลในกระเพาะอาหารและลาไส้ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของแผล 0.5- อีกการทดลองทางคลินิก โดยให้ผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร (gastric ulcer, GU) จานวน ๗ ขนาด 300 มลิ ลกิ รัม ครั้งละ 2 แคปซูล วนั ละ 5 ครัง้ โดยรบั ประทานก่อนอาหาร 0.5-1 ชัว่ โมง 3 ม้ือ เวลา มีการศึกษาถึงผลของขม้ินต่อการทางานของระบบทางเดินอาหารอีกมากมาย พบว่าขม้ินมีฤทธ์ิ 5.2 ฤทธิล์ ดการอักเสบ การศึกษาแบบสุ่ม ปกปิดสองฝ่ายเทียบกับยาหลอกและทดลองให้ยาแบบสลับกลุ่ม 5.3 ฤทธติ์ ้านการแพ้ สาร curcumin และสารสกัดด้วยเอทิลอะซีเตทมีฤทธิ์ต้านการแพ้ โดยออกฤทธ์ิยับย้ังการหลั่ง 5.4 ฤทธิ์ต้านเชอ้ื จุลชีพ ขม้ินมีผลยับยั้งเช้ือแบคทีเรียและสารพิษท่ีสร้างโดยแบคทีเรียหลายชนิดในหลอดทดลอง ข ม้ิ น ส า ม า ร ถ ยั บ ย้ั ง กา ร เ จ ริญ เ ติ บ โต แ ละฆ่ า เ ช้ื อร าที่ เ ป็ น สา เ หตุ ข อง โ ร ค ผิว หนั ง ได้ หลาย มีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์และน้า ความเข้มข้น 125 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร มี ๘ 5.5 ฤทธปิ์ ้องกนั ตับอักเสบ galactosamine เอทานอล ไดจ้ ากผลการทดลองกับเซลลต์ บั ในหลอดทดลอง 5.6 ฤทธ์ิต้านการกลายพันธแุ์ ละตา้ นการเป็นพิษต่อยนี สารสกัดด้วยเมทานอลของขมิ้นและน้ามันจากขมิ้นท่ีแยกเอา oleoresin ออก มีฤทธ์ิต้านการกลายพันธ์ุ เม่ือ 5.7 ฤทธ์ิสมานแผล หายได้ 23.3% และ 24.2% ตามลาดับ และสามารถเรง่ ให้แผลทม่ี ีการติดเชอื้ ของหนูแรทหายได้ 26.2% กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวขึ้นใหม่ เม่ือทดลองใช้ขมิ้นในการรักษาแผลผุพองเปรียบเทียบกับยาปฏิชีวนะใน มีการนาสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 95 ของขม้ินมาเตรียมเป็นครีมป้ายปาก แล้วทาการ 5.8 ฤทธ์ิอนื่ ๆ ส่วนผสมในยาสีฟันเพื่อช่วยขจัดคราบบุหรี่และลดการอักเสบ และใช้ผสมในยาจีนเพื่อการรักษาและป้องกัน 6. อาการขา้ งเคยี ง 7. ความเปน็ พษิ ท่ัวไปและต่อระบบสบื พันธุ์ ๙ ในการทดสอบความเป็นพษิ ดว้ ยสารสกดั ขมิ้นชนิดต่าง ๆ พบว่ามีพิษปานกลางถึงมากเม่ือให้โดย จากการทดลองในคนทัง้ เพศชายและเพศหญงิ จานวน 15 คนโดยให้รับประทานขมน้ิ ขนาด วันละ 2.2 กรัม 7.2 ฤทธิก์ อ่ กลายพนั ธุ์ เมื่อผสมขมิ้นร้อยละ 0.5 หรือ curcumin ร้อยละ 0.015 ลงในอาหารเพ่ือให้หนูเม้าส์ 7.3 ความเป็นพิษต่อตัวอ่อน เม่อื ให้หนแู รทเพศเมียกินสารสกัดขม้นิ ดว้ ยเอทานอลร้อยละ 95 สารสกัดขมนิ้ ด้วยน้า และ สาร 7.4 ความเปน็ พิษต่อตบั ในการศึกษาพิษก่ึงเร้ือรังในหนูเม้าส์และหนูแรทเพศเมีย โดยผสมผงขม้ิน (ร้อย การทดสอบความเป็นพิษเฉียบพลันของผงขมิ้นในหนูแรท พบความเป็นพิษน้อย การทดสอบ ๑๐ การทดสอบความเป็นพิษของสารในกลุ่ม curcuminoids จากขม้ินเป็นเวลา 6 เดือน พบว่าหนู ดังน้ันการรับประทานขมิ้นชั้นในขนาดสูงหรือรับประทานติดต่อเป็นเวลานานต้องตรวจการ 8. วธิ กี ารใช้ 8.1 ตามคาแนะนาของกระทรวงสาธารณสุข (สาธารณสุขมลู ฐาน) 1. ใช้รักษาแผล แมลงกัดต่อย โดยใช้ผงขมิ้นชนั 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ามันมะพร้าว หรือน้ามันหมู 2- 2. ใช้รักษากลาก เกลอื้ น โดยผสมผงขม้ินกบั นา้ แล้วทาบริเวณทเ่ี ป็นกลากเกลือ้ น 2 ครงั้ ตอ่ วนั 3. ใช้รักษาอาการท้องเสีย นาผงขมิ้นชันผสมน้าผ้ึงเล็กนอ้ ยพอให้ผงยาจบั เป็นก้อนได้ ปั้นเป็นยา 8.2 ยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ รับประทานครั้งละ 2 – 4 แคปซูล (มีผงขม้ินชัน 500 มิลลิกรัม – 1 กรัม) วันละ 4 คร้ัง หลัง ๑๑ 2.2 ความหมายของตะไคร้ 1. ชื่อสมนุ ไพร ตะไคร้ 2. ลักษณะพนั ธ์ุไม้ รูปขอบขนานแคบ สีขาวนวลหรอื ขาวปนม่วง แผ่นใบสากและคม ดอกออกยาก เป็นช่อกระจาย สีน้าตาลแดง 3. ส่วนทีใ่ ชเ้ ปน็ ยาและสรรพคณุ ๑๒ 4. สารสาคญั ที่ออกฤทธิ์ น้ามันหอมระเหยของตะไคร้ มีสารสาคัญที่ออกฤทธิ์ลดการบีบตัวของลาไส้ คือ menthol, cineole, 5. ฤทธท์ิ างเภสัชวิทยา 5.1 ฤทธิล์ ดการบีบตัวของลาไส้ สารเคมีในน้ามันหอมระเหยของตะไครช้ ่วยขับลม นา้ มนั หอมระเหยของตะไคร้จึงลดอาการแนน่ 5.2 ฤทธ์ิฆา่ เชอ้ื แบคทเี รียสาเหตุอาการแน่นจุกเสียดและท้องเสีย เม่ือนาน้ามันหอมระเหยจากตะไคร้ (ความเข้มข้นร้อยละ 0.3) มาทดสอบ พบว่าสามารถต้าน 5.3 ฤทธ์ติ า้ นเชอ้ื รา สารสกัดดว้ ยเอทานอล และนา้ มนั หอมระเหยจากตะไคร้ สามารถตา้ นเช้ือราท่ีเป็นสาเหตุของโรคผิวหนัง เมือ่ นานา้ มันหอมระเหย และสารสกัดด้วยเฮกเซน, คลอโรฟอรม์ , เอทานอล และน้า มาทดสอบฤทธิ์ต้าน มีการจดสิทธิบัตรผลิตภณั ฑ์ตะไคร้ในรูปของ emulsion และ nanocapsule ท่ีประกอบด้วยน้ามันหอม ๑๓ 5.4 ฤทธ์ิตา้ นยสี ต์ เกิดความเจ็บปวดด้วยความร้อน หรือหากป้อนน้ามันหอมระเหยในขนาดเท่าเดิมทางปากจะสามารถบรรเทา ชาชงตะไคร้ เมื่อป้อนให้หนูเม้าส์กินเป็นเวลา 30 นาที ก่อนท่ีจะเหนี่ยวนาหนูให้ปวดอุ้งเท้าด้วยสารคา 5.6 ฤทธ์ิขบั น้าดี 5.7 ฤทธข์ิ บั ลม 6. อาการขา้ งเคียง 7. ความเป็นพษิ ทัว่ ไปและต่อระบบสบื พันธ์ุ มีผู้ทดสอบพิษของชาท่ีเตรียมจากตะไคร้พบว่าเมื่อให้อาสาสมัครสุขภาพดีรับประทานชาตะไคร้ 1 ครั้ง เมื่อใหน้ ้ามันหอมระเหยตรงเข้าทางกระเพาะอาหารกระต่าย พบว่ามีพิษเล็กน้อย ส่วนพิษในหนู ๑๔ พบว่ามีพิษ แต่สารสกัดใบด้วยน้า เมื่อให้ทางปากกลับไม่พบพิษ ไม่เป็นพิษต่อตัวอ่อน และไม่มีผลต่อน้าหนัก 7.2 ฤทธกิ์ อ่ กลายพันธ์ุ เน้ือ (วัว ไก่ หมู) ไมม่ ฤี ทธิก์ ่อกลายพนั ธใุ์ น Staphylococcus typhimurium TA98 และ TA100 เซลล์ P388 mouse leukemia สารสกัดจากใบด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ไม่แน่นอนต่อเซลล์มะเร็ง CA-9KB แต่ 8. วิธีการใชต้ ะไคร้รกั ษาอาการแน่นจุกเสียด 1. นาตะไคร้ท้ังต้นรวมทั้งรากจานวน 5 ตน้ สบั เป็นทอ่ น ต้มกบั เกลอื เตมิ น้าตม้ 3 ส่วน ให้ 2. นาลาต้นแกส่ ดๆทุบพอแหลกประมาณ 1 กามือ (40-60 กรมั ) ต้มเอานา้ ดม่ื ไม่มี ๑๕ 2.3 ขัน้ ตอนการสร้างแผน่ พับจาก MS-Words (2) เม่อื เปิดเขา้ มาแล้วจะไดห้ นา้ ตาของ Microsoft Office Word 2016 แบบนี้ ๑๖ (3) จากน้ันไปที่เคา้ โครงหนา้ กระดาษ เลอื กการวางแนว แล้วกดต้ังคา่ ให้เป็นแนวนอน (4) จากนัน้ ไปที่เคา้ โครงหน้ากระดาษ เลือกระยะขอบ แล้วกดต้งั ค่าท่ีแคบ ๑๗ (5) จากนน้ั ไปทเ่ี คา้ โครงหนา้ กระดาษ เลอื กคอลัมน์ แลว้ ไปคอลมั น์เพ่มิ เติม แลว้ กดเลอื กสาม (6) จากนนั้ ติก๊ เลอื กเส้นคั่นระหวา่ งคอลัมน์ แล้วกดตกลง ๑๘ (7) เมื่อกดตกลงแลว้ กจะได้หน้าตาแบบน้พี ร้อมใส่ขอ้ มลู (8) จากนนั้ เวลาพิมพเ์ นื้อหาใหพ้ มิ พ์ตามช่องที่เรียงไว้นะคะ ๑๙ (9) เมอื่ นาเนอ้ื หามาใสเ่ รยี บร้อยแลว้ ก็เปน็ อันเสรจ็ กับการทาแผน่ พับ บทที่ 3 วธิ ีการศกึ ษาและปฏบิ ัติ การศึกษาโครงงานเรอื่ ง การทาสบูเ่ หลวสมนุ ไพรออแกนิค ด้วยการจดั การเรยี นรู้แบบกลุ่มรว่ มมือของ ดาเนนิ การตามลาดบั ดังนี้ 1. เลือกช่ือเรื่อง วสั ดุ /อุปกรณ์ (1) หัวแชมพู N70 1 กโิ ลกรัม (2) ผงขน้ 2 ขีด ภาพที่ 3.1 หัวแชมพู ภาพที่ 3.2 ผงข้น ภาพท่ี 3.3 นา้ หอม ภาพท่ี 3.4 น้าผ้ึง ๒๑ (5) ไม้พาย (6) ขมนิ้ 5 ขีด ภาพท่ี 3.6 ไมพ้ าย ภาพที่ 3.5 ขมิน้ ชัน (7) หมอ้ (8) มีด ภาพท่ี 3.7 หมอ้ ภาพท่ี 3.8 มดี (9) ตะไคร้ 5 ขดี ภาพท่ี 3.9 ตะไคร้ ๒๒ วิธีทาสบเู่ หลวจากขมน้ิ นา้ ผง้ึ 1. นาขมิ้นมาล้างนา้ ใหส้ ะอาด และปอกเปลือกขมิ้น แล้วนาขมนิ้ มาทบุ และนาไปต้มกบั น้าเปล่า จากน้นั 2. ละลายผงขน้ กบั น้าร้อน 3. กวนหวั เช้ือ N 70 จากสีครีมใหเ้ ป็นสขี าว ๒๓ 4. เตมิ ผงข้นท่ีละลายกับนา้ ร้อนลงไปกวนรวมกับหัวเช้ือ N 70 จนเป็นเน้ือเดียวกนั (เติมผงขน้ ในขณะท่ี 5. เตมิ น้าขม้นิ ลงไปทลี ะนอ้ ย กวนจนเป็นเน้อื เดยี วกัน จนครบ 3 กโิ ลกรัม 6. เตมิ น้าผ้งึ และหัวน้าหอม กวนจนเป็นเนอ้ื เดียวกัน 7. พักไวอ้ ยา่ งน้อย 4 – 6 ชั่วโมง 8. นาสบเู่ หลวท่ไี ด้บรรจขุ วด ๒๔ วิธีทาสบู่เหลวจากตะไคร้ 1. นาตะไคร้มาล้างน้าใหส้ ะอาด นาตะไคร้มาทบุ และนาไปตม้ กบั นา้ เปลา่ จากนนั้ กรองเอาแตน่ า้ ตะไคร้ 2. ละลายผงข้นกบั นา้ ร้อน 3. กวนหัวเชอ้ื N 70 จากสีครมี ให้เปน็ สขี าว 4. เติมผงขน้ ทลี่ ะลายกบั นา้ ร้อนลงไปกวนรวมกบั หวั เชอ้ื N 70 จนเป็นเนื้อเดียวกัน (เติมผงข้นในขณะท่ี ๒๕ 5. เตมิ นา้ ตะไครล้ งไปทีละน้อย กวนจนเป็นเนื้อเดียวกัน จนครบ 3 กโิ ลกรัม 6. เตมิ หัวน้าหอม กวนจนเป็นเน้ือเดียวกัน 7. พกั ไวอ้ ย่างน้อย 4 – 6 ชัว่ โมง 8. นาสบูเ่ หลวท่ไี ด้บรรจขุ วด บทที่ 4 ผลการดาเนินงานโครงงาน ในการจดั ทาโครงงานวิทยาศาสตร์ การพฒั นาส่ือเพ่ือการศึกษา เร่อื ง สบเู่ หลวสมุนไพร 4.1ผลการพฒั นาสื่อเพอื่ การศึกษา การพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เรื่อง สบู่เหลวสมุนไพรออแกนิค คณะผู้จัดทาได้ดาเนินงาน 4.2 ผลการทดลองทาสบสู่ มนุ ไพร จากการทาสบู่พบว่าสบู่สมุนไพรขมิ้น และตะไคร้น้ัน ออกมารูปทรงท่ีสวยงามตาม ตวั อยา่ งผลงาน บทที่ 5 ผู้ศกึ ษาได้ศึกษาโครงงาน เร่อื ง สบเู่ หลวสมุนไพรออแกนิค โดยมจี ุดม่งุ หมาย ดงั นี้ 1. ป้องกนั และลดการแพร่ของเชอ้ื โรคที่เปน็ สาเหตทุ ี่ทาใหเ้ กดิ โรคและไข้หวดั ต่าง ๆ สรุป ในการทาสบูเ่ หลวสมนุ ไพรออแกนิค ทาให้ผู้จัดทาทราบว่า เมอ่ื ทาเสร็จควรจะพักไวจ้ นกว่าสบเู่ หลว ขอ้ เสนอแนะ 1. เราไมค่ วรคนสวนทางกัน เพราะจะทาใหผ้ ลิตภัณฑ์ไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร |